บทที่ 65 แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!

เย่เฟิงหลบซ่อนตัวอยู่ใต้พุ้มไม้ซึ่งอยู่ในหน้าผาสูงชัน เขาควบคุมลมหายใจตัวเองให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อไม่ให้ถูกพบตัว ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหญ้าวิญญาณประดับฟ้าทันที

โชคดีที่เขาได้ขยายเส้นลมปราณเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เช่นนั้น เส้นลมปราณที่มีอยู่เดิมจะไม่สามารถทนทานต่อพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหญ้าต้นนี้ได้

เจินชี่ในร่างของชายหนุ่มเริ่มเดือดขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน เมล็ดพันธุ์ในร่างเย่เฟิงค่อยๆแปรเปลี่ยนพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นเจินชี่ หลังจากนั้นระดับวรยุทธ์ของเขาจึงค่อยๆสูงขึ้น

ขณะที่เย่เฟิงยังอยู่ในกระบวนการดูดซับ มีเสียงฝีเท้าของคนคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ต่อหน้าจูไป่เหนี่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากเขา

จากนั้นจึงมีเสียงพูดคุยดังขึ้น

“ตู้เจวียน ฉันขอถามเธออย่างหนึ่ง ทำไมเธอ………”

ดูเหมือนจูไป่เหนี่ยวไม่แสดงท่าทีต่อต้านผู้หญิงที่เขารักอีก เขาเพียงแค่ถามคำถามหนึ่งกับเธออย่างยากลำบาก

“ฉันทำไม?”

เสียงใสของหญิงสาวดังก้องไปทั่วทุกที่ น้ำเสียงของเธอพูดอย่างดูถูก “อาศัยแค่เงิน 10 ล้าน นายอยากจะให้ฉันหนีไปกับนายงั้นหรอ เหอะ เอาอะไรคิด? นี่ยังไม่นับเรื่องที่จวิ้นหลงเป็นผู้ชายที่ฉันรักมานานแล้ว และฉันก็แค่หลอกใช้นายเท่านั้น”

“ฮ่า ฮ่า”

ไม่นานก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น เขาคือชายรูปหล่อนามว่าหลี่จวิ้นหลง ชายหนุ่มคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลดังสุภาพบุรุษ แต่คำพูดของเขานั้นมากพอที่จะทำให้คนฟังเลือดเดือดไปทั้งร่าง “ใช่แล้ว แกเอาสมองทิ้งไว้ในถ้ำแล้วสินะ ถึงคิดว่าการหาเงินให้ได้ 40 ล้านจะทำให้ตู้เจวียนยอมตามแกไปน่ะ ถึงอย่างนั้น เงินนั่นก็จะกลายมาเป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกของฉัน เรื่องนี้ฉันควรต้องขอบคุณแกด้วยจริงไหม จูไป่เหนี่ยว?”

“หึ ไม่ต้องพูดมากหรอก……..แกเป็นศิษย์ของสำนักเทวะเร้นลับ แกมันเป็นพวกคนทรยศ อั้ก…..”

จูไป่เหนี่ยวพูดด้วยความยากลำบาก เวลานี้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายอีกแล้ว เหลือเพียงความเจ็บปวดทางใจที่ไม่อาจทำให้เขาตายอย่างสงบได้

“ส่งมันมาเถอะ เจ้าของราคา 40 ล้านนั่น แกเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน”

ชายหนุ่มยิ้มอย่างเย้ยยัน “ส่งหญ้าสื่อจิตมาให้ฉันซะ ฉันขี้เกียจเล่นลิ้นกับแกแล้ว หรือแกคิดจะยอมตายเพราะหญ้าสื่อจิตจิ๊บจ๊อยพรรค์นี้รึไง?”

“ต่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่มีทางส่งของล้ำค่าแบบนั้นให้คนชั่วอย่างแกหรอก!”

ขณะที่กำลังพูด จูไป่เหนี่ยวกลับรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง “ตู้เจวียน…… อย่าเชื่อมัน…..มันไม่มีทางเอาหญ้าสื่อจิตไปขายแน่ แต่มันจะเอาไปดูดซับเสียเอง เธอรีบหนีไปเร็ว…..”

ผู้หญิงที่ชื่อตู้เจวียนพูดด้วยเสียงอันดัง “หึ นายไม่เข้าใจหรอก จวิ้นหลงไม่ใช่คนแบบนั้น พวกเราตกลงกันไว้แล้วว่าหลังจากขายหญ้าสื่อจิตไป พวกเราจะไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่ต่างประเทศ และจะไม่กลับไปยังสำนักเทวะเร้นลับอีก…….”

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมของสำนักเทวะเร้นลับในถ้ำกั้วซางซานไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ที่นั่นมีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดและรุนแรง ซึ่งทำให้ทั้งตู้เจวียนและหลี่จวิ้นหลงไม่อยากอยู่ที่นั่นต่อไปงั้นรึ?

“เธอมันเชื่อคนง่ายเกินไป…….”

จู่ไป่เหนี่ยวพยายามพูดอย่างยากลำบาก “หลี่จวิ้นหลงเป็นศิษย์ของสำนักเทวะเร้นลับ และเป็นบุตรบุญธรรมของผู้คุมกฏอาวุโส คนอย่างมันจะยอมที่สถานะแบบนั้นแล้วหนีไปกับเธอ…….ไปกับเธอ…..”

“ไร้สาระ!”

ตู้เจวียนพูดขัดจังหวะเขา

แต่แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า จูไป่เหนี่ยว แกมันน่าชื่นชมจริงๆ ถูกต้อง ฉันไม่ยอมถึงสถานะแบบนั้นไปแน่ ดังนั้น ยัยผู้หญิงโง่เง่าคนนี้ก็ไม่ควรมีชีวิตรอดต่อไปเช่นกัน น่าดีใจนะ ที่อย่างน้อยพวกแกก็ได้ตายพร้อมกันในที่เดียวกันน่ะ จริงไหม?”

หลังจากพูดจบ อาวุธลับมากมายก็พลันพุ่งออกมาจากที่แห่งใดก็ไม่อาจทราบได้ มีดบินหลายเล่มพุ่งเข้าใส่ร่างของหญิงสาวทันที และในเวลาต่อมา มีเสียงของอาวุธลับที่เข้าปะทะกันดังขึ้นและสะท้อนก้องหลายต่อหลายครั้ง

“อ๊า! จวิ้นหลง คุณ……”

เสียงกริ๊ดร้องของหญิงสาวดังขึ้น

เย่เฟิงได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ทันที หลี่จวิ้นหลงต้องการหญ้าสื่อจิต ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะปล่อยตู้เจวียนคนนั้นไป ด้วยเหตุนี้ มันจึงตั้งใจจะจัดการหญิงสาวเสียตอนนี้เลย

แม้เย่เฟิงจะรับรู้เรื่องราวเพียงแค่ได้ยินจากปากคนทั้งสาม แต่ในเวลานี้ การดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากหญ้าวิญญาณประดับฟ้าได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
ตอนนี้ เขามีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ 4 ปีเต็ม โดยมีความแข็งแกร่งสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนสองเท่า เจินชี่ภายในร่างชายหนุ่มไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง!

เย่เฟิงรู้สึกว่าตอนนี้ เขาสามารถใช้ฝ่ามือแปดทิศได้เต็มประสิทธิภาพ เพียงหมัดเดียวก็สามารถต่อยให้วัวลอยได้ นอกจากนี้ ทักษะย่างก้าวไร้เงาของเขายังสามารถใช้ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 1 นาที ซึ่งมันช่วยรับประกันความปลอดภัยของเขาได้อย่างดี

(note: ขอเปลี่ยนชื่อหมัดปากั้ว เป็นฝ่ามือแปดทิศนะครับ พอดีมีผู้อ่านเคยแนะนำเข้ามานานแล้ว ฝ่ามือแปดทิศนี่มีจริงนะครับ หาฝึกได้ตาม Youtube 55)

รวมทั้งดาบเจินชี่สีแดงของแหวนดาบมังกรโบราณก็สามารถหน่วงไว้ได้นานกว่าเมื่อก่อน

ฉะนั้นตอนนี้ ชายหนุ่มพร้อมจะลุยแล้ว!

เมื่อเย่เฟิงใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงา ผลก็คือเขาสามารถเคลื่อนที่เข้ามาใกล้คนทั้งสามได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครรู้สึกตัวแม้แต่น้อย ที่ที่ชายหนุ่มหลบซ่อนตัวอยู่ปัจจุบัน สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

เดิมที หลี่จวิ้นหลงตั้งใจจะจู่โจมใส่ตู้เจวียน แต่จูไป่เหนี่ยวคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาจึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาร่างของเขาเข้าป้องกันมีดบิดที่จู่โจมเข้ามา ทำให้บีดบินสองเล่มปักเข้าที่ท้อง และอีกเล่มปักเข้าที่ไหล่

มีดบินทั้งสามเล่มของหลี่จวิ้นหลงจู่โจมเข้าอย่างแม่นยำ ชัดเจนว่าเขาเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ของสำนักเทวะเร้นลับ ซึ่งสามารถควบคุมมีดบิดได้อย่างอิสระ

และไม่นาน หลี่จวิ้นหลงก็ปล่อยมีดบินออกมาอีกหลายสิบเล่ม ซึ่งจูไป่เหนี่ยวไม่สามารถป้องกันให้ตู้เจวียนได้อีกแล้ว

“ตู้เจวียน เร็วเข้า……..หนีไป!”

ทั่วร่างของจูไป่เหนี่ยวชุ่มไปด้วยเลือด ถึงแม้ว่าจะถูกผู้หญิงที่เขารักหักหลัง เขาก็ยังยืนหยัดป้องกันมีดบินที่จู่โจมเข้ามาใส่เธอดั่งกำแพงเหล็กกล้า

การจู่โจมของหลี่จวิ้นหลงทำให้ตู้เจวียนยังคงช๊อก เธอได้ยินคำพูดของจูไป่เหนี่ยวทุกคำแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอันใด สีหน้าของเธอที่แสดงออกมาเผยให้เห็นว่าเธอยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

“คิดจะหนีงั้นหรอ?”

หลี่จวิ้นหลงถามเสียงเย็น มันยืนห่างออกไปประมาณ 10 เมตรขณะกำลังเตรียมมีดหลาย 10 เล่มในมืออีกครั้ง ชายคนนี้เป็นคนที่มีใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับจูไป่เหนี่ยว มันแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า จึงไม่น่าแปลกใจที่มันสามารถดึงดูดความสนใจของตู้เจวียน และทำให้เธอกลายเป็ยหุ่นเชิดของมัน

แต่ก่อนที่มันจะได้โจมตีอีกครั้ง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างจึงรีบหันไปทางที่เย่เฟิงปรากฏตัวออกมา “ใคร —”

ฉั๊วะ!!

มีเพียงแค่ประกายแสงของดาบสีแดง หลี่จวิ้นหลงไม่เห็นแม้แต่เงาของศัตรูที่จู่โจมเข้ามา ทันใดนั้นโลกที่มันมองเห็นกลับหมุนไปหลายตลบ และสิ่งที่มันเห็นถัดมาก็คือร่างไร้หัวของตัวเองที่มีเลือดทะลักออกมาไม่หยุด

และก่อนจะสิ้นสติ สิ่งสุดท้ายที่มันเห็นคือร่างของชายหนุ่มสวมหน้ากากในชุดสีดำ โม่จิ่วเกองั้นรึ!

จากนั้นสติของมันก็ดับวูบไป

เย่เฟิงคลายดาบเจินชี่ และเงยหน้าขึ้น การลอบสังหารหลี่จวิ้นหลงในดาบเดียว ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาแม้แต่น้อย เพราะฝั่งตรงข้ามยังมีระดับวรยุทธ์ไม่ถึง 10 ปี ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะย่างก้าวไร้เงารวมทั้งดาบเจินชี่สีแดงของแหวนดาบมังกรโบราณ ยังเป็นอาวุธชั้นยอดสำหรับการลอบสังหาร

เวลานี้เย่เฟิงสามารถใช้ทักษะต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ หากเขาพบหลงหวางเอ๋ออีกครั้ง เขาสามารถประมือกับฝั่งตรงข้ามได้อย่างไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอันใด เพราะเวลานี้ ชายหนุ่มแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว!

……………………….

แปลโดยทีมงานGSI