บทที่ 61: การล่ามัจฉาภัยพิบัติ (6)

 

 

 

‘ไหนดูสิ…’

ฮันซูมองไปยังรีลิคในมือของเขา จากนั้นจึงเดินเข้าไปในป่าพร้อมกับตัดไม้เชฮีเกิ้ลด้วยใบดาบของดาบที่ถูกลืม

จากนั้นยางไม้สีเขียวหนืดก็ไหลออกมาจากมัน

ชายหนุ่มใช้ถุงหอมของอามาร์จำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ผสมรวมกับยางไม้ จากนั้นจึงทามันไปทั่วใบดาบของดาบที่ถูกลืม

‘เสร็จแล้ว’

ฮันซูเดินไปที่ทะเลสาบและทำการล่าสัตว์อสูรต่อหลังจากอาบดาบของเขาด้วยยางไม้แล้ว

ฉัวะ!

ศีรษะของเหล่าปลาได้ถูกบดขยี้จากดาบจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกวาดออก

ชายหนุ่มผงกศีรษะเมื่อเห็นร่างของเหล่าสัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาหาเขา

‘ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันอาจจะสามารถไปล่าตัวที่โตแล้วได้’

มันเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าตัวที่โตแล้วจะมีสารสกัดภายในตัวมากกว่าตัวที่เป็นลูก

หากเขาล่าตัวที่โตแล้ว งั้นเขาก็อาจจะรวบรวมสารสกัดได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่าเดิม

เหตุผลที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้นเป็นเพราะเขาไม่อาจที่จะโจมตีผ่านกะโหลกและเกล็ดหนาของพวกมันได้ แต่ตอนนี้การล่าตัวเต็มวัยนั้นเป็นไปได้ง่ายดายขึ้นเพราะเขาได้รับดาบที่ถูกลืมนี้มา

‘สถานที่ที่พวกตัวเต็มวัยอยู่คือส่วนลึกของทะเลสาบ’

เขาต้องเตรียมตัวสักหน่อยก่อนที่จะไปที่นั่น

ฮันซูนำสารสกัดทั้งหมดจากหัวใจที่ได้มาไว้กับตัวก่อนจะวิ่งเลียบไปตามชายฝั่ง

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาก็มองเห็นพืชที่มีรากจมอยู่ใต้น้ำ

พืชที่อยู่ได้โดยการดูดกลืนน้ำทะเลพิษ <กวีฮี>

ฮันซูพุ่งตรงไปหาพืชที่มีรูปร่างคล้ายดอกบัว

เป๊าะ

ชายหนุ่มดึงต้นกวีฮีขึ้นมาพร้อมกับราก เปิดมันออกก่อนจะคว้าเอาเมล็ดภายในไว้จนเต็มมือ เขารวบรวมเมล็ดเพิ่มจากกวีฮีอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงโยนหนึ่งในนั้นลงในน้ำเพื่อทดสอบ

ซูบบบ

น่าแปลกที่เมล็ดเล็กๆ นั้นไม่ได้จมลงเมื่อมันแตะโดนผิวน้ำ ทว่ามันกลับพองตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งแทน

มันพองตัวขึ้นโดยการซึมซับพิษที่ละลายอยู่ในน้ำซึ่งทำให้น้ำทะเลกลายเป็นพิษ

ฮันซูขึ้นไปยืนอยู่เหนือเมล็ดที่ได้ดูดซึมน้ำจนมีขนาดเทียบเท่ากับศีรษะมนุษย์

มันเริ่มที่จะจมลงอย่างช้าๆ เมื่อชายหนุ่มขึ้นไปยืน แต่เมื่อเขาก้าวออกจากมัน มันก็กลับมาลอยตัวเหมือนเดิม

‘ดี’

จากนั้นฮันซูจึงเริ่มสร้างสะพานผ่านผืนหน้าของผิวน้ำไปยังใจกลางของทะเลสาบที่เป็นสถานที่ที่ปลาตัวเต็มวัยอาศัยอยู่

ในตอนนั้นเองที่แสงได้เปล่งประกายขึ้นห่างออกไปจากเบื้องหลังชายหนุ่ม

คว้างงงงง

ในเวลาเดียวกัน สามลมร้อนแรงก็ได้พุ่งมายังร่างของเขา

แม้ว่าความร้อนนั้นจะเบาบาง แต่หากนับถึงระยะทางระหว่างตัวเขากับต้นกำเนิดของไฟนั้น เช่นนั้นตรงจุดต้นกำเนิดนั้นก็คงร้อนราวนรก

‘ฉันควรจะรีบกว่านี้อีกหน่อย มันก็ยังคงน่าประหลาดใจกว่าที่ฉันคิดไปนิดหน่อย’

ฮันซูเริ่มวิ่งตรงไปยังส่วนในของทะเลสาบหลังจากที่ตรวจสอบด้านหลังของเขา

 

 

ฟู่ววว

เกอร์ทาสนับสิบนอนทอดร่างอยู่บนพื้นหลังจากที่ถูกย่างด้วยไฟสีดำแดง

เฉิงและสมาชิกควาดราทัสคนอื่นๆ กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นภาพนั้น

แม้ว่าเกอร์ทาสนับพันจะวิ่งเข้ามาหาพวกเขา ชายที่ได้สร้างภาพนี้เบื้องหน้าพวกเขากลับน่ากลัวกว่ามาก

เคาส์ โมเร็นที่มีเปลวเพลิงสีดำแดงวนล้อมอยู่ที่มือของเขามองไปยังเกอร์ทาสที่เขาได้ย่างไป ก่อนจะหมุนตัวไปแล้วพูดขึ้น

“ขอฟังหน่อย”

“อะไรนะ?”

“ขอฟังหน่อยว่าพวกนายจะทำยังไงกับไอ้นี่ ฉันสงสัยจริงๆ ว่าพวกนายทำงานของพวกนายยังไงและทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้”

“…เราจะจัดการมัน”

จากนั้นคนจำนวนหนึ่งก็วิ่งลงไปจากเรือสำราญอย่างรวดเร็ว

ครืนนนน

เรือสำหรับ 2,000 คนแล่นออกห่างจากฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ

เกอร์ทาสที่ได้วิ่งมาคำรามอย่างกราดเกรี้ยว ทว่าพวกมันทำได้เพียงวนเวียนไปรอบๆ ชายขอบของน้ำทะเลเมื่อพวกมันไม่อาจเข้าใกล้เรือสำราญได้

เคาส์ โมเร็นยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเปิดปากขึ้นอีกครั้ง

“พวกนายกำลังกังวลกับความปลอดภัยตอนนี้เหรอ? ฉันกำลังถามว่าพวกนายจะแสดงการชมวิวยังไง ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเด็กใหม่ก็จะเล็ดรอดออกไป พวกนายสามารถขัดขวางได้หมดรึยังไง?”

กยีซูเดินกะโผลกกะเผลกลากร่างกายที่บาดเจ็บของเขาออกไป

“ฉันจะจัดการมัน ถ้าฉันวิ่งไปรอบๆ ทะเลสาบคุคูลจาและนำไอ้พวกนั้นไป งั้นพวกเด็กใหม่ก็จะเห็นและ…”

ซวบ

“อ๊ากกกก!”

กยีซูกรีดร้องออกมาเมื่อมือของเคาส์ โมเร็นแทงเข้าไปในหน้าขาของเขาอย่างกะทันหัน

เคาส์ โมเร็นเมินเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายขณะที่ควักหน้าขาของอีกฝ่ายออกและดึงของที่เปียกชุ่มไปด้วยสีแดงออกมา

กร๊าซซซซ!

เมื่อของสิ่งนั้นปรากฏขึ้นจากร่างของกยีซู เหล่าเกอร์ทาสก็กระทั่งกราดเกรี้ยวบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น

เคาส์ โมเร็นโยนสิ่งนั้นไปทางควาดราทัสและเอ่ยว่า

“หมอนี่เป็นไกด์ เขาตายไม่ได้ เอาไอ้นี่ไปและเทมันไปทั่วๆ ถนน”

“… เข้าใจแล้ว”

เหล่าควาดราทัสรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นเยียบที่ไหลชุ่มหลังขณะที่พวกเขามองไปยังชายฝั่งที่เต็มไปด้วยเกอร์ทาสที่บ้าคลั่ง

พวกเขาต้องนำไป้สิ่งนี้ไปและกระจายมันไปให้ทั่วถนน

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถนำเกอร์ทาสกลับไปที่ถนนได้ด้วยการเทของสิ่งนี้ลงไป แต่การพกสิ่งนี้ไปรอบๆ ก็หมายความว่าพวกเขาต้องยอมให้พวกมันไล่ล่าตามหลังพวกเขาไป

พวกเขาไม่อาจแม้แต่จะจินตนาการถึงจำนวนของคนที่ตายระหว่างการทำงานนี้ได้

‘เวรเอ้ย ฉันถูกลากลงหลุมไปด้วยแล้วจริงๆ’

เฉิงมองไปยังกยีซูด้วยสีหน้าเคืองแค้น

แต่เขาทำได้เพียงไป

ถ้าไม่เช่นนั้นเขาอาจจะตายด้วยน้ำมือของเคาส์ โมเร็นแทนที่จะเป็นเกอร์ทาส

มันดูเหมือนว่าเคาส์ โมเร็นที่เต็มไปด้วยความคาดหวังจะเริ่มรู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ ตามแผนที่ถูกขัดขวาง

‘ถ้าเราสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ในตอนนี้ งั้นมันก็เป็นเรื่องดี’

ทว่าเคาส์ โมเร็นได้ทำลายความคาดหวังของเฉิง

“แล้วพวกนายจะทำยังไงกับไอ้เจ้าฮันซูนั่น”

“…”

“แสดงความรับผิดชอบแล้วนำตัวมันมา ตอนนี้ฉันอยากจะเห็นหน้ามันจริงๆ แล้ว”

“เข้าใจแล้ว”

เฉิงกัดฟันกรอดจากนั้นจึงตะโกนออกไป

“จัดการถนนก่อน! จากนั้น… ตามหาตัวหมอนั่นโดยที่มีทะเลสาบเป็นจุดหมายหลัก!”

ชายที่ได้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ย่อมไม่หลบซ่อนตัว

‘เขาบอกว่าเขาจะฆ่ามัจฉาภัยพิบัติใช่ไหม’

ในเมื่อหมอนั่นกำลังทำบางอย่างอยู่ที่ทะเลสาบคุคูลจา งั้นมันก็คงไม่อาจที่จะไปได้ไกลจนกว่าจะทำสิ่งที่ต้องเสร็จ

เคาส์ โมเร็นมองไปยังกยีซูด้วยสีหน้าเย็นชา

“นายมาคุยกับฉันสักหน่อย เกี่ยวกับเรื่องที่นายล้มเหลว”

“อึกก…”

กยีซูแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากดวงตาที่น่าพรั่นพรึงคู่นั้น

 

 

ฉึกก

ฮันซูแทงกะโหลกศีรษะของคุคูลจา จากนั้นจึงแทงหัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ดึงหัวใจออกและโยนมันลงไปในเหยือกของคนรวยผู้เห็นแก่ตัว

ประสิทธิภาพของมันลดลงเมื่อเทียบกับการสกัดมันบนชายฝั่ง แต่เขาไม่มีความมั่นใจที่จะลากพวกมันขึ้นไปบนพื้นดิน

ฉึกกก

‘ฉันเกือบจะเก็บครบแล้ว’

<เหยือกของคนรวยผู้เห็นแก่ตัว> ที่อยู่ข้างเอวของเขานั้นเกือบจะเต็มแล้วจากการล่าติดต่อกันสองวันโดยไม่หยุดพักของเขา

แต่มันก็ยังคงมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง

‘… ฉันใช้ค่าความอดทนมากเกินไป’

สถานที่ที่เขาจะสามารถหาน้ำแร่ธาตุได้นั้นอยู่ห่างจากทะเลสาบคุคูลจาไปค่อนข้างไกล

ท้องของเขานั้นว่างโล่งโดยสมบูรณ์หลังจากที่สู้ติดต่อกันมาสองวันโดยที่ไม่ได้รับสารอาหารใดๆ

การเหวี่ยงดาบแต่ล่ะครั้งได้ยากเย็นขึ้นเรื่อยๆ

ซ่า!

เหล่าคุคูลจาสังเกตเห้นว่าชายหนุ่มกำลังอ่อนแอลง พวกมันจึงเริ่มที่จะพุ่งเข้าไปหาร่างของเขาอย่างกราดเกรี่ยวกว่าเดิม

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างได้ตัดผ่านน้ำทะเลพิษและบินมาหาเขาพร้อมกับเสียงหวีวหวิวของสายลม

ธนูดอกหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังของสกิล

‘มันเป็นสกิลติดตามเป้าหมาย’

ฮันซูอัดดาบไร้ลักษณ์ให้หนาแน่นก่อนจะเหวี่ยงมัน

ตูม!

เขาเบี่ยงลูกธนูนั้นไปได้ แต่บาดแผลที่ปิดลงก็ได้ปริแตกออกอีกครั้งด้วยการเคบื่อนไหวร่างกายที่รุนแรงของเขา เลือดที่สาดออกจากบาดแผลได้ส่งผลให้คุคูลจาที่ได้กลิ่นพุ่งตัวเข้าไปอย่างกราดเกรี้ยวกว่าเก่า

ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนสั่งการของควาดราทัสมองมายังเขาจากชายฝั่งและกำลังเตรียมสกิล

‘ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะหยุดไฟได้แล้วในตอนนี้’

ความจริงแล้ว เวลาสองวันที่ได้มานั้นค่อนข้างที่จะมาก

แม้ว่ามันจะดีกว่าถ้ามันจะนานกว่านี้อีกนิด แต่มันก็เป็นไปแล้ว

เขาต้องแก้ไขสถานการณ์นี้

‘ฉันไม่มีพลังที่จะต่อสู้ยืดเยื้อ’

เขาหิว ค่าความอดทนกำลังจะหมดจากการต่อสู้อันยาวนาน และเสียเลือดด้วย รวมทั้งคุคูลจาที่พุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่งจากด้านล่าง

ทว่าเขายังคงต้องทำสารสกัดให้เสร็จ

‘ฉันจะจัดการคนที่ไล่ตามฉัน’

ฮันซูเหยียบย่างลงไปบนหัวของคุคูลจาที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเริ่มที่จะวิ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบอย่างรวดเร็ว

เฉิงกัดฟันกรอดเมื่อเห้นเช่นนั้น

“ยิงสกิลที่ร่ายค้างไว้ออกไปไม่ให้หมอนั่นหนีแล้วตามมันไป!”

ผู้สั่งการคนอื่นๆ แสดงสีหน้าขมขื่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นายอยากจะเข้าไปในนั้นเหรอ?”

กลยุทธ์สะพานที่ฮันซูใช้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา

และการล่าคนที่กำลังเหนื่อยอ่อนก็เป็นงานง่ายๆ สำหรับพวกเขา

แต่แม้จะเป็นทั้งหมดนั่น มันก็ยังคงเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาในการเข้าไปในทะเลสาบที่เต็มไปด้วยคุคูลจา

เฉิงตวาดเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เงื่อนไขก็ยังคงเหมือนเดิม! แล้วพวกนายไม่รู้รึไงว่ามันจะเหนื่อยกว่านี้ถ้าพวกนายไม่จับหมอนั่นขณะที่มันกำลังเหนื่อย? และถ้าเราจะไม่จับมันที่นี่… งั้นพวกนายจะรายงานว่ายังไง?”

ถ้าหมอนั่นวิ่งหนีไปที่อีกฝั่งของทะเลสาบ งั้นมันก็จะกลายาเป็นเรื่องยากในการจับตัวอีกฝ่าย

เมื่อทะเลสาบคุคูลจานั้นใหญ่พอๆ กับขนาดของปลายราก

ถ้าหมอนั่นซ่อนตัวในป่า มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญจริงๆ

ทุกคนกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ถ้าพวกเขาพลาดโอกาสที่จะจับอีกฝ่ายไปในขณะที่เขายังเหนื่อย งั้นพวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับเคาส์ โมเร็น

พวกเขายังคงจำได้ดีถึงภาพที่เคาส์ โมเร็นได้กดร่างของกยีซูลงในทะเลดึงหมอนั่นขึ้นมาเหมือนเนื้อชาบูขณะที่เขาเอ่ยถามถึงความรับผิดชอบของอีกฝ่าย

<อ๊ากกกกกก!>

<ถ้าพวกนายอยากจะอาบน้ำทะเลพิษแบบนี้ งั้นพวกนายก็อยู่เฉยๆ ต่อไปก็ได้ รีบๆ ไปได้แล้ว>

กยีซูหยุดอยู่แค่ครึ่งร่างที่แช่อยู่ในน้ำพิษเพราะเขามีประสบการณ์ของภายในร่างของมัจฉาภัยพิบัติ

ถ้าพวกเขาล้มเหลว งั้นพวกเขาก็อาจจะต้องอาบน้ำทะเลพิษทั้งตัวแทนที่จะเป็นครึ่งตัว

‘ไอ้เหี้ยเอ้ย เราไม่แม้แต่จะอยู่ต่ำกว่าหมอนั่น!’

แต่ข้ออ้างน่าละอายแบบนั้นไม่ได้ผลในโลกนี้ที่ความแตกต่างของระดับพลังนั้นชัดเจน

เมื่อพวกเขาได้เซ็นสัญญาในการนำตัวไอ้หมอนั่นกลับมา มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องทรมาณแม้แต่จะเอ่ยโต้เถียงเกี่ยวกับมัน

เหล่าผู้สั่งการที่กัดฟันกรอดรวมทั้งควาดราทัสคนอื่นๆ ลอยตัวอยู่บนเศษไม้หรือเมล็ดกวีฮีและไล่ล่าตามฮันซูไปอย่างรวดเร็ว

‘ไอ้ลูก*** กูเกือบจะจับมึงได้แล้ว! กูจะเอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่มึง!’

ไม่เหมือนพวกเขาที่วิ่งโดยที่ไม่มีสิ่งขีดขวางมาก เป้าหมายของเขาที่ทั้งร่างท่วมไปด้วยเลือดได้ถูกโจมตีโดยคุคูลจา

ในตอนนั้นเอง ฮันซูพลันเดินขึ้นไปบนร่างของคุคูลจาและกระโดดขึ้นไปบนอากาศ

“…หือ?”

พลังงานไร้รูปร่างได้ไหลลงในดาบในมือของชายหนุ่มพร้อมกับที่มันพลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นแส้ไป

“ป้องกันมัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนที่วิ่งไปก็ได้ใช้สกิลของพวกเขาเพื่อป้องกันจุดตายและให้ความสนใจกับการทรงตัว

เพี๊ยะ

เพี๊ยะ เพี๊ยะ

‘…หืม?’

เฉิงแสดงสีหน้าสับสนไปยังแส้ที่ฟาดไปรอบๆ พวกเขา

การโจมตีที่งดงามนั้นทำเพียงแค่ฟาดไปที่แขนขาของพวกเขาราวกับว่ามันไม่ได้เพ่งเล็งจุดตายของพวกเขามาตั้งแต่ต้น

มันแหลมคมอย่างมากเสียจนเนื้อของพวกเขาถูกเฉือนออก แต่มันไม่ใช่บริเวณจุดตาย

เฉิงเค้นเสียงเยาะเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘หมอนั่นคิดว่าเราจะหนีไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อพวกเราบาดเจ็บรึไง?’

การเสียเลือดได้ทำให้ทุกสิ่งมันยุ่งยากขึ้นเล็กๆ

เมื่อคุคูลจาจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขาหากพวกเขาเลือดไหล

แต่จะอย่างไรฮันซูก็ได้เสียเลือดมากกว่าพวกเขา และอาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้จะถูกรักษาภายในหนึ่งนาที

แต่ในตอนที่เฉิงและควาดราทัสคนอื่นๆ พยายามที่จะพุ่งต่อไปอย่างกระตือรือร้น บางอย่างที่มี่คาดคิดก็เกิดขึ้น

ปึดดด

บาดแผลได้เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับที่เลือดจำนวนมากเริ่มที่จะไหลออกมา

“อั่ก! นี่มันอะไรกัน!”

“ฮีล! ใช้รูนฮีล!”

“เวรเอ้ย! มันไม่ปิด!”

เลือดได้ไหลทะลักออกจากบาดแผลที่ถูกสร้างขึ้นจากแส้

และคุคูลจาที่ได้กลิ่นเลือดที่กระเด็นลงในน้ำก็ได้พุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง

ซ่า

“ว๊ากกกก! เวรเอ้ย!”

‘นี่มันบ้าอะไรกัน!’

เฉิงกรีดร้องอยู่ภายในด้วยความไม่เข้าใจขณะที่เขาโจมตีไปยังคุคูลจาที่พุ่งเข้าไปหาเขา

เขามั่นใจว่าของแบบนี้ไม่ได้อยู่บนดาบของกยีซู

ฮันซูแสดงสีหน้าเย็นชาอยู่บนสุดของทะเลสาบที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

‘ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเราก็เท่าเทียมกันขึ้นอีกนิดแล้ว’

<เลือดไหล>

พลังอย่างที่สองของ <แหวนเนอร์มาฮาร์> ได้ถูกปลดล็อคหลังจากที่มันพัฒนากลายเป็นอาร์ติแฟคสีแดง

เมื่อถูกโจมตีด้วยการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังแปลกประหลาดของแหวนเนอร์มาฮาร์ บาดแผลก็จะไม่ถูกรักษาขณะที่พลังยังคงตกค้างอยู่บนบาดแผล และมันจะทำให้เลือดจำนวนมากไหลออกมาแทน

สกิลชั้นแนวหน้าที่เป็นอันตรายต่อคนที่มั่นใจในสกิลรักษาของพวกเขาและสู้อย่างประมาทเลินเล่อ

เขาเก็บมันไว้เพราะมันใช้มานาจำนวนมาก แต่มันเป็นเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับมัน

‘แต่มันยังไม่ค่อยพอ’

เขายังคงเลือดไหลเช่นกัน แต่พวกคุคูลจาก็ได้พุ่งเข้าหาเขาและพวกนั้นโดยที่ไม่แบ่งแยก

มันก็แค่กลายเป็นเท่าเทียมกัน

การต่อสู้จะดีขึ้นตามความไม่ยุติธรรมของมัน

ฮันซูรูดยางไม้บนใบดาบของเขาออกด้วยมือ

จากนั้นกลิ่นของดาบที่ถูกลืมที่ถูกซ่อนอยู่ภายกลิ่นรุนแรงของอามารร์ก็ได้เริ่มแพร่กระจายออกไปรอบๆ

เหล่าคุคูลจาที่ได้กลิ่นนั้นต่างชะงักด้วยความประหลาดและและพยายามที่จะสร้างระยะห่างระหว่างพวกมันกับฮันซูอย่างบ้าคลั่ง

พวกมันทำได้เพียงกลัว

เมื่อกลิ่นนี้คือกลิ่นของนักล่าที่น่าหวาดกลัวที่ได้กัดกินพวกมันราวกับขนม

ซ่า ซ่า

เมื่อกลิ่นที่สามารถรับรู้ได้จากระยะห่างนับร้อยเมตรใต้น้ำแพร่กระจายออก คุคูลจาก็เกิดความอลม่านอย่างมากเพื่อที่จะออกห่างจากชายหนุ่ม

ฮันซูใช้เวลานี้ในการโยนเมล็ดเพื่อสร้างสะพานพร้อมกับออกไปยังชายฝั่ง

จากนั้นเขาจึงมองไปยังรีลิคในมือ

นี่คือสิ่งที่ถูกเก็บไว้ภายในตัวของมัจฉาภัยพิบัติเป็นเวลานาน

กลิ่นของมันก็มีเพียงแค่จะรุนแรง

เขาไม่อาจล่าได้อย่างเต็มที่หากคุคูลจาหนีไป ดังนั้นเขาจึงต้องซ่อนกลิ่นนี้ไว้ แต่นี่เป็นวิธีที่มีปรสิทธิภาพที่สุดในการหลบหนีเช่นนี้

“อ๊ากกกก!

“อ๊ากกกกกก!”

‘พวกนั้นคงออกมาไม่ได้’

สถานที่นั้นอันตรายแม้แต่สำหรับเขา

เมื่อความกลัวของนักล่าที่ได้ปรากฏขึ้นชั่วครู่ได้เพิ่มสัญชาตญาณโหดเหี้ยมของพวกมันไปอีกก้าว

ฮันซูที่มองไปยังคุคูลจาที่รวมตัวกันอยู่ที่ใจกลางของทะเลสาบด้วยอาการเสียสติ ซ่อนกลิ่นของดาบที่ถูกลืมอีกครั้งขณะที่ทำสารสกัดของคุคูลจาเสร็จ

ชายหนุ่มถอนหายใจขณะที่มองไปยังร่างโทรมๆ ของตนเอง

เขาได้คาดการณ์ไว้ว่ามันจะไม่ง่าย แต่มันก็เหนื่อยสุดๆ

มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างสัตว์อสูรของเขตสีแดงกับคนในบทฝึกซ้อม

‘เคลเดียน ฉันจะเตะก้นนายถ้าฉันเจอนายอีกครั้ง’

ฮันซูที่คิดถึงเคลเดียนที่ได้สร้างกฎเข้มงวดกับเขาคิดถึงเป้าหมายต่อไป

น้ำแร่ธาตุ

เหตุผลที่ทำให้เขตเทือกเขาต้นไม้โลกกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

และหนึ่งในอีกเหตุผลที่ทำให้เขาต้องรักษาต้นไม้โลก

‘ถ้าฉันเก็บมัน มันก็จะจบ’

ฮันซูมองไปยังสารสกัดจากหัวใจคุคูลจาที่เขาได้ใช้ช่องว่างกว่าครึ่งของถุงไป จากนั้นจึงเริ่มที่จะรวบรวมเมล็ดกวีฮี

ไม่ช้าชายหนุ่มก็รวบรวมเมล็ดกวีฮีได้นับพันและรีบมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่มีน้ำแร่ธาตุออกมา <ชั้นนอก>

 


TL: ชื่อสกิล ชื่อสถานที่ของเรื่องนี้มันแปลกๆ นะคะ//ปาดเหงื่อ