บทที่ 62: การล่ามัจฉาภัยพิบัติ (7)

 

 

 

 

เคาส์ โมเร็นเดาะลิ้น

‘พิราบส่งสารสีฟ้าไม่ได้บินกลับมาสักพักแล้ว’

นั่นหมายความว่าทุกคนที่ออกไปล้มเหลว

‘ฉันปล่อยเรื่องนี้ให้พวกนั้นไม่ได้แล้ว’

เขาคิดว่าเขาจะสามารถตามหาคนคนนั้นได้ค่อนข้างเร็วโดยใช้ความสามารถพิเศษของกยีซู แต่มันดูเหมือนว่ามันจะมีข้อจำกัดจำนวนมากที่ทำให้หมอนั่นไม่อาจตามหาคนที่พบไปก่อนหน้าไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม

‘เอาเถอะ จะยังไงหมอนั่นก็อาจจะไม่คิดว่าจะแพ้ให้กับเด็กใหม่ตั้งแต่แรก’

ไอเลนเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่สับสนเล็กๆ ขณะที่มองไปยังเคาส์ โมเร็นที่กำลังอบอุ่นร่างกายอยู่

“… คุณบอกว่าคุณจะไม่เคลื่อนไหวเพราะว่าคุณมาพักร้อนนี่?”

เคาส์ โมเร็นแย้มยิ้ม

“ฉันมาหาเรื่องสนุก ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นจะทำให้ฉันสนุกได้บ้าง มันก็สักพักแล้วตั้งแต่ที่ฉันเจอใครที่กล้าหาเรื่องฉันแบบนี้”

มันหาความพอใจไม่ได้ในการจัดการคนขี้ขลาด

การบีบคั้นพวกคนที่หาเรื่องเขาจึงเป็นเรื่องที่สนุกและน่าพึงพอใจที่แท้จริง

“ฉันจะไป นายสามารถมองคนวิ่งหนีไปยังที่ว่างเหนือทะเลสาบคุคูลจาได้”

เคาส์ โมเร็นเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะหายไปจากเหนือเรืออย่างรวดเร็ว

 

 

 

ฮันซูคิดถึงเป้าหมายต่อไปของเขาขณะที่เขาลบร่องรอยของตนเอง

เมื่อเขาได้เก็บสารสกัดจากหัวใจของคุคูลจาเรียบร้อยแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปสู่ขั้นต่อไป

‘ฉันต้องเสริมมันด้วยน้ำแร่ธาตุ’

หนึ่งในสองวัตถุดิบหลักในการสร้างน้ำยาหิน

ชายหนุ่มนำตัวคั้นที่เขาได้รับมาจากกิลด์ผู้ช่วยเหลือขึ้นมา จากนั้นจึงวิ่งตรงไปยังปลายรากระหว่างทะเลกับทะเลสาบคุคูลจา

ในสถานที่แห่งนี้ ถ้าเมินกรณีพิเศษจำนวนหนึ่งภายในพื้นที่ต้นไม้โลก มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเติมเต็มความหิวกระหายของคนคนหนึ่งได้โดยที่ไม่มีตัวคั้น

ในที่สุดฮันซูก็เห็นส่วนสีเขียวคล้ายเส้นเลือดที่ใจกลางของซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงหลังจากวิ่งไปบนรากเป็นเวลานาน

‘พบแล้ว ชั้นนอก’

รากของต้นไม้โลกนั้นถูกแบ่งออกเป็นชั้นนอกและชั้นในอย่างกว้างๆ

ชั้นในจะดูดซึมน้ำทะเลพิษจากราก จากนั้นจึงส่งขึ้นไปยังลำต้นที่เป็นเสมือนส่วนหลักของต้นไม้

และชั้นนอกนั้นจะเติบเต็มแร่ธาตุให้กับต้นไม้โลกทั้งต้นด้วยการทำให้น้ำพิษกลายเนน้ำแร่ธาตุ

ชั้นนอกที่เป็นรากนับหมื่นที่แผ่ตัวออกจากจุดลึกสุดของรากต้นไม้โลก และกระทั่งออกไปด้านนอก

และสถานที่เพียงแห่งเดียวที่ผู้รอดชีวิตในสถานที่แห่งนี้ที่มักจะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสามารถหาน้ำและอาหารได้ก็คือน้ำแร่ธาตุของชั้นนอกของต้นไม้โลก

คนจำนวนมากได้ใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาและตัวคั้นในการหามันตามที่กิลด์ผู้ช่วยเหลือได้บอก

แต่แน่นอนว่ามันมีปัญหาอย่างหนึ่ง

‘แทบจะไม่มีออกมาเลย’

“เวรเอ้ย! นี่มันอะไรกัน! มันแทบจะไม่ออกมาเลย!”

“ฮึ่ยย ปริมาณแค่นี้มันจะทำอะไรได้!”

เครื่องจักรนี้ที่มีสกิลจำนวนหนึ่งอยู่บนนั้นจะดึงน้ำแร่ธาตุออกมาเมื่อนำมันไปที่ชั้นนอก

แต่หากามีน้ำแร่ธาตุปริมาณไม่มากที่ไหลอยู่ที่ชั้นนอก เช่นนั้นตัวคั้นจะทำอะไรได้แม้ว่ามันจะเป็นของที่ดีอย่างมาก

ราวกับว่าชั้นนอกกำลังแสดงให้เห็นถึงต้นไม้โลกที่กำลังแห้งเหี่ยวลง น้ำแร่ธาตุจำนวนน้อยนิดได้ไหลผ่านมัน

‘ฉันต้องหาชั้นนอกที่หนากว่านี้’

เขาต้องคั้นน้ำแร่ธาตุจำนวนค่อนข้างมากออกมาเพื่อผลิตน้ำยาหิน

มันไม่ได้ยากในการหาชั้นนอกที่หนากว่านี้

เมื่อถ้าหากไล่ตามชั้นนอกขึ้นไปก็จะพบชั้นนอกที่หนากว่ายามที่ชั้นนอกอื่นๆ มารวมตัวกัน

แต่มันมีคนอยู่ที่ชั้นนอกที่หนากว่าอยู่แล้ว

‘เราพบกันอีกแล้ว’

ฮันซูยักไหล่ขณะที่เขามองไปยังคน 150 คนที่รวมตัวกัน

โยฮานและคนอื่นๆ กำลังไล่คนอื่นๆ ที่เข้าใกล้ชั้นนอกที่พวกเขากำลังใช้เติมเต็มขวดบรรจุน้ำแร่ธาตุของพวกเขา

“ไสหัวไป!”

“อย่าเข้ามาใกล้! เราจะใช้ที่นี่ก่อน!”

คนที่ถูกไล่ได้สบถออกมาอย่างโกรธเคือง

“ไอ้พวกเวรบัดซบ! ถ้าพวกนายดูดมันไปหมดแล้วจะให้พวกเราทำยังไง!”

โยฮานแสยะยิ้มพร้อมกับหัวเราะ

“ถ้านายรู้สึกไม่ดีก็ขึ้นไปให้สูงกว่าพวกเราแล้วดูดมันที่นั่นสิ”

“…ไอ้พวกเหี้ย”

ผู้คนสบถด่าอย่างเงียบงัน

ใครจะไม่รู้กัน

แต่ยิ่งพวกเขาขึ้นไปสูงเท่าใด ผู้คนและสัตว์อสูรก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

แน่นอนว่ามันจะอันตรายกว่าหากขึ้นไปสูงกว่านี้

ดังนั้นแล้วทุกคนจึงตระหนักถึงมันได้

ว่าพวกเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และจากนั้นก็ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ

ถ้ายังมีคนที่ดูดน้ำแร่ธาตุอยู่ที่ชั้นนอกด้านบน เช่นนั้นคนที่อยู่ด้านล่างก็จะแทบจะไม่ได้รับรู้รสของมันเลย

ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องพยายามที่จะหาน้ำแร่ธาตุให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แข็งแกร่งขึ้น และจากนั้นก็ดื่มน้ำแร่ธาตุจากด้านบนที่มีมากกว่า

ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘มันจะมีความสามัคคีได้ยังไงถ้ายังเป็นแบบนี้’

มันก็เหมือนกับการแย่งชิงน้ำในภัยแล้ง

ความจริงแล้วการต่อสู้แย่งชิงเพื่อน้ำแร่ธาตุด้านบนนั้นกระทั่งรุนแรงยิ่งกว่านี้

‘และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องฟื้นฟูต้นไม้โลกมากขึ้นไปอีก’

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความสามัคคีในผู้คนเมื่ออาหารยังมีจำกัด

มันมีไม่เพียงพออยู่แล้ว แต่หากคนที่จะถูกส่งเข้ามาในปีต่อไปถูกนับรวมเข้าไปด้วย มันก็จะไม่พอจริงๆ

พวกเขาจะอดอยากเหมือนตอนยุคคอมมิวนิสต์เมื่อก่อน และจากนั้นก็หิวตาย

การรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวกันเป็นงานหลังจากที่ฟื้นฟูต้นไม้โลก

‘เอาเถอะ มันยังไม่ได้ถึงจุดที่พวกเขาจะหิวจนตาย’

ซึ่งหมายความว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องสนใจ

ฮันซูเคลื่อนตัวไปที่เบื้องหน้าโยฮานที่กำลังขับไล่คนอื่นๆ

และทันทีที่โยฮานเห็นฮันซู สีหน้าของเขาก็บูดเบี้ยวขึ้น

จากนั้นเขาจึงตวาดเสียงลั่น

“คังฮันซู! นายซ่อนเรือไว้ที่ไหน!”

“หืมม?”

โยฮานตวาดเสียงดัง

“เราขึ้นไปสูงกว่านี้ไม่ได้! มันมีสัตว์อสูรจำนวนมากเดินเกลื่อนกลาดอยู่ด้านบน!”

มันเป้นเหตุผลที่ทำให้โยฮานและพรรคพวกของเขาได้อยู่ต่ำกว่าทะเลสาบเล็กน้อย

พวกเขาได้เห็นมัจฉาภัยพิบัติระหว่างทางที่มา

และเพราะแบบนั้น พวกเขาจึงพยายามที่จะปีนขึ้นไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ทันทีที่การแนะนำของกิลด์ผู้ช่วยเหลือจบลง

แต่พวกเขายอมแพ้ทันทีที่เห็นสัตว์อสูรที่ขวางทางอยู่

เมื่อสัตว์อสูรนับพันได้เดินขวักไขว่ไปมา

ทะเลสาบนั้นกระทั่งแย่กว่า

และพวกเขาได้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นด้วยการรวบรวมน้ำแร่ธาตุเช่นนี้ และล่าสัตว์อสูรที่อ่อนแอเพราะพวกเขาไม่อาจตายไปทั้งแบบนี้ได้

แต่หากพวกเขามีเรือ ทุกอย่างก็จะถูกแก้ไข

“ให้เรือกับพวกเรา นายไม่ต้องการมัน เราจะจากไปด้วยเรือ”

พวกเขาได้รีบกลับไปหาเรือหลังจากเห็นถนนที่ถูกปิด แต่พวกเขาไม่อาจหามันได้ราวกับว่าไอ้หมอนี่ได้ซ่อนมันไว้

ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เขาต้องใช้มันเพื่อล่ามัจฉาภัยพิบัติ

“พยายามให้ดีที่นี่ อย่าได้คิดขึ้นไป”

“… อะไรนะ?”

“ฉันจะฆ่ามัจฉาภัยพิบัตินั่น เพราะงั้นฉันต้องใช้เรือ”

“…”

‘ไอ้หมอนี่มันเสียสติจริงๆ’

เขาได้ยินอะไรแบบนี้ตอนที่หมอนี่สู้กับผู้หญิงที่ชื่อคามิลลี

‘นายอยากให้เราเชื่อเรื่องไร้สาระนั่นรึไง? แค่บอกว่านายไม่ต้องการให้เรือพวกเราแทนก็พอ’

โยฮานกัดฟันกรอด

ฮันซูหัวเราะขณะที่มองไปยังอีกฝ่าย

เมื่อเขาสามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

‘อย่าทำแบบนั้น’

ถ้าเขาปล่อยให้คนพวกนี้ไปที่อื่น งั้นมันก็จะใช้เวลานานขึ้น

เขาเข้าใจความตั้งใจของอีกฝ่าย ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำเพียงยักไหล่และไม่เอ่ยอะไรอีก

เมื่อเขาได้เคยชินกับการที่คนอื่นๆ บอกให้เขาวางกระเป๋าลงหลังจากที่เขาช่วยพวกนั้นเหมือนกัน

ในขณะที่โยฮานกำลังขบฟันแน่น ฮันซูก็ไปยังชั้นนอกอย่างสบายๆ จากนั้นจึงแทงส่วนแหลมของตัวคั้นลงไป

ฉึกกก

จากนั้นตัวคั้นก็ได้ทำงานพร้อมกับที่มันดึงน้ำแร่ธาตุออกมาหนึ่งหยดต่อครั้ง

จากนั้นชายหนุ่มจึงดื่มน้ำแร่ธาตุที่ออกมา

‘ฮู่ววว ดีขึ้นเยอะ’

แม้ว่าต้นไม้โลกได้แห้งเหี่ยวลง มันก็ยังคงเป็นต้นไม้โลก

เขาแค่ดื่มน้ำแห่งชีวิตไปเพียงไม่กี่หยดที่อยู่ที่ชั้นนอก แต่มันก็ได้เริ่มเติมเต็มแร่ธาตุให้กับทั่วทั้งร่างของเขา

ความเร็วในการฟื้นฟูที่เชื่องช้าลงจากการขาดแคลนแร่ธาตุได้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่น้ำแร่ธาตุได้แพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา

‘ในเมื่อฉันหายหิวน้ำแล้ว มันก็ถึงเวลาไปต่อ’

ฮันซูลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา

จะอย่างไรจำนวนที่เขาต้องรวบรวมนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมจากที่นี่

มันมีสองเหตุผลให้เขาต้องมาที่ชั้นนอกที่สุดปลาย

เพื่อเติมเต็มค่าความอดทนที่ถูกใช้ไป และเพื่อใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปยังจุดที่ใหญ่กว่า

และยิ่งเมื่อสิ่งนี้จะแทงขึ้นลงไปตามตายดิน

“อย่าหาเรื่องคนสุ่มๆ แล้วก็อยู่ที่นี่สักพัก”

เขาประหยักเวลาได้เนื่องจากได้อาวุธที่ค่อนข้างดี

เขาจะสามารถออกเรือไปยังมัจฉาภัยพิบัติได้ในเวลาเพียงไม่นาน

ฮันซูทิ้งท้ายขณะที่เขาตามชั้นนอกไปยังมุมหนึ่งของป่า

โยฮานมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

‘ฉันต้องหาเรือที่ถูกซ่อนไว้ให้เจอ’

เหตุผลที่ไอ้หมอนั่นสามารถทำตัวตามสบายขนาดนี้ได้เป็นเพราะมันมีเรือ

เมื่อหมอนั่นสามารถไปได้ตลอดเวลา

เขาต้องหาเรือ

‘แต่ยังไงล่ะ?’

ไอ้หมอนั่นมันระมัดระวังมากเสียจนลบร่องรอยไปพร้อมๆ กับเคลื่อนไหว

และป่าที่อันตราย

มันเป็นเรื่องยากที่จะไล่ตาม

แต่โยฮานพลันปรากฏความคิดที่แปลกประหลาดขึ้นมา

‘มันมีอะไรอยู่ที่นั่นรึเปล่า?

ถ้ามองตามทางที่หมอนั่นมา มันคือทะเลสาบ

คนที่อยู่ในระดับนั้นที่ไปในที่แบบนั้นและกลับมาได้ แต่การที่หมอนั่นออกมาในตอนนี้

‘มันมีอะไรอยู่ที่นั่นรึเปล่า?’

มันมีความเป็นไปได้

เมื่อหมอนั่นมีพลังจิตที่แปลกประหลาด

งั้นเหตุผลที่ทำไมหมอนั่นถึงล่องเรือไปยังสถานที่อันตรายนี่ก็จะสามารถอธิบายได้

‘ฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ นั่นมันต้องเป็นคำโกหก… หมอนั่นพยายามที่จะหาอะไรบางอย่างที่นี่ และจากนั้นค่อยหนีไปด้วยเรือ?’

และการที่หมอนั่นบอกให้พวกเขาอยู่ที่นี่มันก็ยิ่งน่าสงสัยขึ้นไปอีก

โยฮานรวบรวมคนจำนวนหนึ่งอย่างระมัดระวังก่อนจะเอ่ยความคิดของเขาออกไป

พวกเขาจำนวนหนึ่งแสดงสีหน้าสงสัยออกมา ทว่าจากนั้นก็เห็นด้วยกับความคิดของโยฮานในการไปดูขณะที่พวกเขาสร้างทีมสำรวจขึ้นเพื่อไปตามเส้นทางที่ฮันซูมา

และไม่ช้า พวกเขาก็ไปถึงทะเลสาบที่ค่อนข้างคุ้นเคยสำหรับพวกเขา

ทะเลสาบของสัตว์อสูรที่ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง

แต่มันมีคนคนหนึ่งที่ไปถึงที่นั่นก่อนพวกเขา

‘… นั่นใคร?’

มีชายคนหนึ่งที่กำลังค้นหาไปรอบๆ ทะเลสาบอย่างละเอียดในสายตาของโยฮาน

ชายที่มีลักษณะเหมือนชาวต่างชาติได้ค้นหาอยู่แถวๆ ราก แต่เมื่อหมอนั่นเห็นพวกเขา อีกฝ่ายก็เมินพวกเขาราวกับว่าเขาได้หมดสนุกก่อนจะแพ่งความสนใจไปยังงานที่เขากำลังทำต่อ

‘เวรเอ้ย พวกมันเหมือนกันหมด’

โยฮานที่ศักดิ์ศรีได้ถูกทำลายลงไปเล็กๆ โดยฮันซูได้ถูกทำให้หงุดหงิดด้วยท่าทางของชายที่เมินพวกเขา แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปเพราะอีกฝ่ายดูอันตรายเพียงแค่แวบแรก

แม้ว่าจะไม่มีคำเตือนของกิลด์ผู้ช่วยเหลือ เขาก็ยังคงรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายกระหายเลือดแปลกประหลาดที่แพร่กระจายออกมาจากอีกฝ่ายได้

โยฮานตัดสินใจที่จะเมินผู้ชายคนนั้นเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำก่อนจะเอ่ยกับคนรอบๆ

“ในเมื่อมันดูอันตรายก็ถอยก่อนแล้วค่อยไปดูร่องรอยของฮันซูตอนที่หมอนั่นไป”

โยฮานไม่ได้รับรู้เลยว่ามันคือความผิดพลาดที่ถึงตาย

หูของชายที่ได้เมินต่อโยฮานและพรรคพวกของเขาสั่นสะท้านขณะที่เขาตวาดขึ้นอย่างกระโชกโฮกฮาก

“เฮ้ พวกนายตรงนั้นน่ะ! พวกนายรู้จักฮันซู?”

‘ฉิบหาย!’

ทุกคนตะลึงไปกับเสียงตะโกนที่ดังขึ้นกะทันหันของชายคนนั้น

พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่พวกเขาไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่อันตรายแบบนี้ โยฮานเกร็งร่างกายขึ้น ทว่าจากนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าเขาไม่มีอะไรจะเสียขณะที่เขายืดอกและพยายามที่จะพูดออกไป

“เรารู้จัก แต่แล้วนาย…”

พลั่กกก!

“อะอั่กกก!”

หน้าอกที่ยืดขึ้นได้ยุบกลับไปในทันที

โยฮานมองไปยังชายที่ได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาในเสี้ยววินาทีและได้เตะท้องเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

‘ฉัน… ทำอะไรผิด?’

เคาส์ โมเร็นมองไปยังโยฮานก่อนจะเอ่ยพูด

“ไอ้เวร กล้ามองตาฉันทั้งๆ ที่เป็นแค่เด็กใหม่กากๆ อยากตายรึไง”

“อะอั่ก…”

‘เวรเอ้ย เพราะเหตุผลแค่นั้น…’

เขารู้สึกเหมือนว่าอวัยวะภายในทั้งหมดได้บิดเบี้ยวไปด้วยการเตะเพียงแค่ครั้งเดียว

ในเวลาเดียวกัน โยฮานก็ตระหนักได้ว่าทำไมลูกกิลด์ผู้ช่วยเหลือถึงได้บอกให้พวกเขาไม่ไปหาเรื่องคนที่มาในปีก่อน

เมื่อการเคลื่อนไหวที่รุนแรงรวมกับสกิลนั้นได้ยากแม้แต่จะมองตามให้ทัน

“ดี ยังไงมันก็ยากที่จะมองหาร่องรอยของหมอนั่นอยู่แล้ว พวกนายคงจะช่วยฉันได้นิดหน่อย”

เขาแทบจะระเบิดออกด้วยความหงุดหงิดเพราะหมอนั่นได้ซ่อนร่องรอยของตัวเองไว้ดีเกินไป แต่การที่ไอ้พวกนี้มาพอดี

‘อือฮึ หมอนั่นอาจจะรู้ว่าจะมีใครบางคนไปไล่ล่าเขา แต่มันดูเหมือนว่าหมอนั่นจะไม่ได้คาดถึงเรื่องแบบนี้ไว้’

เคาส์ โมเร็นมองเหล่าลูกเจี๊ยบด้วยสีหน้าเย็นชา

 

 

“นายขึ้นมาจากที่นี่?”

“ใช่”

“ดี”

เคาส์ โมเร็นกำลังคาดคำนวณว่าหมอนั่นจะไปทางไหน

เขาไม่รู้ว่าทำไมฮันซูถึงไปวิ่งไปรอบๆ ป่า แต่หมอนั่นอาจจะรู้ว่ามันจะมีการไล่ล่าเกิดขึ้น

‘ไม่อย่างนั้นมันไม่มีทางที่หมอนั่นจะซ่อนร่องรอยของตัวเอง’

มันมีตัวเลือกตัวที่หมอนั่นจะเลือก

<เส้นทางหลบหนี>

หนีไปจากเขาทั้งที่กยีซูไม่แม้แต่จะบอกเกี่ยวกับเขานั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งตรงไปยังพื้นที่เปิดเหนือทะเลสาบคุคูลจาเพราะเขาได้บอกให้ไอเลนป้องกันพื้นที่นั้นไว้แล้ว

ทางหนีเพียงทางเดียวคือทะเล

หากเขาไปใกล้เรือและจากนั้นก็รอ งั้นเขาก็จะสามารถจับหมอนั่นได้แน่นอน

‘ถ้าไม่งั้น ฉันก็แค่ทำลายเรือก่อน ในเมื่อฉันสามารถฆ่าหมอนั่นอยากช้าๆ ได้เมื่อหมอนั่นไม่อาจหลบหนีไปได้อีก’

แม้ว่าฮันซูจะซ่อนมันไว้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาร่องรอยของเรือด้วยสกิลเมื่อพวกเขาไปถึงสถานที่ที่พวกเขาลงเรือ

โยฮานที่มองไปยังเคาส์ โมเร็นด้วยสีหน้าหวาดกลัวเอ่ยขึ้น

“แต่ยังไงก็ตาม… คุณจะให้เรือกับพวกเราจริงๆ ใช่ไหม? เมื่อคุณหามันเจอ?”

เคาส์ โมเร็นมองไปยังโยฮานด้วยสีหน้าขบขัน

‘คนพวกนี้ พวกนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันรึไง?’

จากที่เขาได้ยินมา พวกเขาจะตายกันหมดถ้าหากไม่ใช่เพราะฮันซูคนนั้น แต่พวกนี้กำลังให้ความรวมมือด้วยเป็นอย่างดี

เขาจะหักคอของคนสักสองสามคนถ้าพวกนั้นไม่เชื่อฟัง แต่เขารู้สึกแปลกๆ ที่จะทำเช่นนั้นเมื่อพวกนี้ร่วมมือด้วยเป็นอย่างดี

‘เอาเถอะ แบบนี้มันดีกว่า’

เคาส์ยิ้มอย่างพึงพอใจขณะเอ่ยตอบ

“แน่นอน พวกนายเอาเรือไป”

จะยังไงเขาก็จะทำลายมันอยู่แล้วเพื่อทัวร์ แต่นี่เป็นเวลาที่จะให้ความหวัง

พวกนี้จะให้ความร่วมมือดีขึ้นหากมันมีโอกาสที่จะรอดชีวิต

ราวกับว่าคำพูดนั้นได้ให้พลังกับโยฮาน เขามุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่พวกเขาลงเรืออย่างมั่นใจ

ก่อนจะเอ่ยกับเคาส์

“ที่นี่”

“ไหนดูสิ…”

สกิลของเคาส์ โมเร็น <นักไล่ล่าอโรนาน> ได้ทำงาน

เมื่อเรือของแฟรี่ไม่ได้ยากที่จะตามหาด้วยลักษณะเฉพาะของมัน

‘ชิ มันคงจะดีในการตามหาฮันซูด้วยไอ้นี่’

แต่มันมีกลิ่นจำนวนมากปะปนกันมากเกินไปในสนามรบสุดท้าย

แต่ไม่ช้า ใบหน้ามั่นใจของเคาส์ โมเร็นก็บิดเบี้ยว

“… ทั้งหมอนี่และหมอนั่น ทำไมพวกมันทุกคนถึงได้ไร้สมองกันหมด”

สถานที่ที่นักไล่ล่าอโรนานชี้ไป

เขาสามารถรับรู้ได้ถึงร่องรอยของเรืออยู่ลึกลงไปใต้ละเทราวๆ 2-3 ร้อยเมตร

แต่ฮันซูจะดึงมันขึ้นมาได้ยังไง

น้ำหนักของเรือสำหรับ 500 คนไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถดึงขึ้นมาได้

แม้ว่าจำนวนของกล้ามเนื้อของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น มันก็ยังคงมีขีดจำกัดด้วยมวลสารของร่างกายมนุษย์

หมอนั่นจะเชือกที่ทนทานต่อน้ำทะเลพิษมาดึงมันขึ้นมาจากที่ไหน

‘ไอ้พวกโง่นี่… หมอนั่นไม่ได้ซ่อนมัน มันแค่จม’

นั่นหมายความว่าไอ้ฮันซูนั่นได้หาเรืออีกลำจากที่อื่นไว้แล้ว

เรือที่พวกควาดราทัสยังไม่ได้ทำลายลง

‘ควาดราทัสและคนพวกนี้ พวกมันนี่โคตรน่าหงุดหงิดซะจริง’

สิ่งสำคัญคือเขาได้เสียเวลาเพราะคนพวกนี้

การจับหมอนั่นจะยากขึ้นด้วยความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี่

เมื่อการไล่ตามใครบางคนนั้น ความแตกต่างระหว่างไม่กี่ชั่วโมงกับครึ่งวันนั้นมันแตกต่างราวกับสวรรค์กับนรก

“ไอ้เวรพวกนี่…”

“อ๊ากกกก!”

สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือใครบางคนที่จะมารองรับความโกรธของเขา

เปลวไฟสีแดงดำเริ่มที่จะหมุนวนไปรอบร่างของเคาส์ โมเร็นราวกับกำลังแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของเขา

 

 

‘หืมม ดี’

ฮันซูที่ได้ผ่าร่างของสัตว์อสูรบริเวณชั้นนอกที่อยู่ลึกในป่าและกำลังคั้นน้ำแร่ธาตุออกมาด้วยตัวคั้นผงกศีรษะให้กับกระบวนการที่เป็นไปอย่างราบลื่น

มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแบ่งมันกับคนอื่นๆ เมื่อมันคือชั้นนอกที่อยู่ในสถานที่อันตราย และเขาเองก็หารูนได้อย่างต่อเนื่องด้วยการล่าสัตว์อสูร

‘มันดูเหมือนว่างานจะเสร็จเร็วกว่าที่ฉันคาด อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าเคาส์ โมเร็นนั่นจะตามล่าฉัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะผิดพลาด หมอนั่นหลงทางที่ไหนรึเปล่า’

แต่ฮันซูทำเพียงยักไหล่

‘ฉันสงสัยจริงว่าทำไมดวงของฉันถึงดีแบบนี้ แต่ยังไงมันก็ดี เมื่อวัตถุดิบที่คามิลลี โรวล์หามาผสมกับมัน มันก็จะเสร็จสมบูรณ์’

ฮันซูที่กำลังดูดน้ำแร่ธาตุออกจากชั้นนอกได้เคลื่อนไหวไปยังชั้นนอกอันต่อไปอย่างรวดเร็ว

 

 


TL: ปู่เหงาใช่ไหมคะ อยากให้เขาตามล่าก็ไม่บอก

ปล. ทำไมรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์แบบ SM ของปู่กับเคาส์ โมเร็นล่ะ…//ปิดหน้าเขินอาย