บทที่ 55 ข่าวที่น่าตื่นเต้นแพร่กระจ่ายออกไป

คำพูดของหลินซิวเหวินนั้นเหมือนดั่งระเบิดที่ทรงพลัง

นี่เป็นข่าวใหญ่มาก!

เย่เฟิงรู้สึกร้อนใจ ขณะที่ซูเหมิงหานที่ยืนอยู่ข้างๆยังคงจับแขนเขาไว้แน่น ชัดเจนว่าคำพูดของหลินซิวเหวินเป็นเหมือนคลื่นที่เข้ามากระแทกใจเธออย่างรุนแรงยิ่งกว่าพายุใต้ฝุ่นระดับ 12

อะไรกัน? เย่เฟิงเป็นคู่หมั้นของสาวสวยตระกูลหลินงั้นหรอ?

สีหน้าของซูเหมิงหานซีดลงไปทันที หากเป็นสาวสวยคนอื่น เธอยังพอมีความมั่นใจที่จะเทียบเคียง แต่สำหรับหลินชื่อฉิงแล้ว มันต่างกันโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่าซูเหมิงหานจะถือว่าเป็นสาวสวยที่สุดในโรงเรียน แต่หากให้เทียบกับสาวสวยทรงเสน่ห์อย่างรุ่นพี่หลินชื่อฉิงแล้วละก็ มันเป็นอะไรที่ต่างกันมาก ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวคนนั้นยังมีพื้นหลังตระกูลที่สูงกว่าตระกูลของซูเหมิงหานอย่างยิ่ง

“ขอโทษนะ ผมไม่รู้ว่าพี่สาวของคุณคือใคร”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว และเปลี่ยนสายตาของเขาไปที่ หลินหงชวน “คุณหลิน ถ้าไม่ว่าอะไรผมขอให้คุณกลับไปด้วยครับ ขอบคุณที่อุตส่าห์มา แต่ผมไม่ต้อนรับ”

แน่นอน คนที่เขาหมายถึงคือหลินซิวเหวิน หรือซานเฉี่ยวของตระกูลหลิน

“ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่แค่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องนี้ยังไม่มีการตัดสินใจกันเลย”

หลินหงชวนมองไปที่หลินซิวเหวิน เขาไม่ควรพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เรื่องที่เป็นความลับสำคัญกับถูกเปิดเผยออกไปเนื่องจากเขาหุบปากตัวเองไม่อยู่

โดยไม่คาดคิด เจ้าเด็กคนนี้วิ่งตามปู่ของเขามาและทำสิ่งที่ผิดพลาดโดยการป่าวประกาศเรื่องสำคัญต่อหน้าสาธารณะชน แล้วแบบนี้ เขาจะรับผิดชอบกับผลที่ตามมาอย่างไร?

หลินหงชวน ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของหลิวซิวเหวิน อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ไม่สามารถหยุดความจริงที่เผยแพร่ออกไปแล้วได้

เมื่อหลินซิวเหวินรู้ตัวว่าถูกปู่จ้องมองมา เขาก็รู้ตัวทันทีว่าเขากำลังทำผิดและหุบปากของเขาทันที

“ในเมื่อหลายเย่ของฉันพูดเช่นนั้น ฉันคงต้องขอตัวก่อน”

หลินหงชวนพูดพร้อมกับมองไปที่คนบริเวณนั้นในเชิงจะสื่อว่าห้ามพูดเรื่องในวันนี้ออกไปเด็ดขาด หากใครกล้าพูดเรื่องนี้ออกไป ผู้เฒ่าหลินคนนี้จะไม่มีวันให้อภัยพวกมัน!

คุณหนูจากตระกูลหลิน หลินชื่อฉิง หากเธอแต่งงานกับใครแล้วละก็ มันสามารถสร้างผลกระทบอันยิ่งใหญ่ให้กับการเมืองของประเทศได้เลยทีเดียวในสิบถึงยี่สิบปีข้างหน้า หากเรื่องดังกล่าวแพร่กระจายออกไป แน่นอนว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นหัวข้อสนทนากันทั้งประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่หลิงหงชวนไม่อยากให้เรื่องสำคัญแบบนี้หลุดออกไปและเป็นเหตุผลว่าทำไม หลิงหงชวนจึงไม่ได้ประกาศการหมั้นนี้ให้ทุกคนได้รับรู้

ผู้คนส่วนใหญ่บริเวณนั้นต่างเหงื่อตก โดยเฉพาะ ซูซินฉาง เพราะลูกสาวของเขาอยู่ด้วยกันกับเย่เฟิง นั่นไม่ได้หมายความว่าเขากำลังแย่งลูกเขยของตระกูลหลินอย่างงั้นหรอ?

ซูซินฉางที่อยู่ในความกังวล ตอนนี้เขากลัวยิ่งกว่าแค่ความรู้สึกกังวลเพราะว่าตอนนี้สถานะของเย่เฟิงสำหรับเขา เปรียบเหมือนพระเจ้า หากเขามีโอกาศที่จะได้พบกับเย่เฟิงอีกครั้ง เขาจะปฏิบัติกับเย่เฟิงอย่างดี และให้ความเคารพไม่ว่าอีกฝ่ายจะด่าหรือทำให้เขาอับอายแค่ไหนก็ตาม

หลินหงชวนที่หมุนตัวกำลังจะเดินกลับ หลินซิวเหวินก็รีบตามเขาไป ทำท่าเหมือนเด็กน้อยที่รู้ตัวเองว่าทำผิดและก้มหัวลง เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนพูดสักคำ ต่อหน้าทุกคนหลินซิวเหวินเปรียบดั่งมหาจักรพรรดิ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหงชวนเขาก็เป็นแค่เด็กน้อยดีดีนี่เอง

ยิ่งเหตุการณ์เมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะลืมตัวและพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ทำให้หลินหงชวนต้องการที่จะดุและว่าเขา

ตาของเย่เฟิงที่มองไปหลังของหลินซิวเหวิน และคิดอย่างรอบคอบ ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะแกล้งทำเป็นเหมือนว่าพูดสิ่งที่ไม่ควร แต่จริงๆ แล้วมันตั้งใจที่จะพูดตะหาก

เมื่อเป็นคำพูดของหลินซิวเหวินเอง ใครจะกล้าสงสัยเขา และผู้คนมากมายที่นี่ รวมทั้งหลินหงซวนเอง ก็รับประกันไม่ได้ว่าข่าวลือนี่จะไม่หลุดออกไปแม้แต่น้อย

ชั่งเป็นความคิดที่น่ากลัวยิ่งนัก!

เมื่อข่าวลือเรื่องนี้ถูกกระจายออกไป เย่เฟิงก็เข้าใจในสิ่งที่มันต้องการ ในเมื่อหลินชื่อฉิงเป็นคนที่โดดเด่นและน่าดึงดูดมาก จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนชื่นชอบเธอจะมีนิดเดียว

ต่อให้ไม่ใช่ในวันพรุ่งนี้ ในไม่ช้า เย่เฟิงก็จะถูกพวกที่มีความหลงไหลในตัวหลินชื่อฉิง เข้ามาหาเรื่องเขา

แน่นอนเย่เฟิงคิดเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ถึงเขาจะไม่กลัวปัญหาต่างๆที่จะเข้ามา แต่ในใจของเขา เขารู้สึกว่าหลินซิวเหวินเป็นคนที่ฉลาดและมีไหวพริบมาก

“สาวน้อย”

เย่เฟิงมองไปที่ซูเหมิงหานที่กำลังทำท่าจะงอนและมีท่าทางเศร้าซึม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเธอ เย่เฟิงจับหัวของเด็กสาวไว้ “ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดมากนะ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพี่สาวของเขาเป็นใคร”

“อย่ามาจับฉันนะ”

ซูเหมิงหานวิ่งไปหลบด้านข้างพูดอย่างอึดอัดใจ “นายจะไม่ละอายใจหน่อยเหรอที่ปิดบังความจริงกับฉันน่ะ เรื่องใหญ่อย่างนี้ เรื่องที่นายรู้จักกับตระกูลหลิน แต่นายไม่แม้แต่จะบอกฉันเลย นายไม่เคยใส่ใจฉันเลยสินะ…”

ไม่ต้องสงสัยว่าสาวน้อยคนนี้เริ่มจะเล่นบทแง่งอนเสียแล้ว

เย่เฟิงไม่เคยมีประสบการณ์รับมือกับเรื่องแบบนี้มาก่อน เขาทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์ตรงหน้า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นทำยังไงเธอถึงจะยอมเชื่อฉันล่ะ?”

“ถ้าหลินชื่อฉิงคนนั้นมาหานาย นายจะทำยังไง?”

ซูเหมิงหานถามกับเย่เฟิงอย่างหดหู่

“จะฉันจะทำอะไรล่ะ? ฉันไม่รู้จักเธอคนนั้นเลยด้วยซ้ำ”

เย่เฟิงตอบกลับอย่างซื่อตรงโดยปราศจากความลังเล

“ถ้านายได้เจอเธอเมื่อไร นายจะต้องชอบเธอแน่ๆ”

ซูเหมิงหานครางออกมาด้วยเสียงอันเบา

“มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกัน หืม?”

เย่เฟิงไม่รู้ว่าเขาควรจะร้องไห้หรือหัวเราะกับผู้หญิงคนนี้ดีจริงๆ

“เป็นไปได้สิ ก็เธอทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ แถมยังมาจากตระกูลที่เลิศเลอขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้นเธอยังเป็นประธานนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีกด้วย ความสามารถของเธอก็โดดเด่นไม่ธรรมดา…”

ซูเหมิงหานเริ่มขุดข้อได้เปรียบของคนที่จะมาเป็นคู่แข่งของเธอในอนาคตออกมา

“เอาล่ะ งั้นฉันให้สัญญากับเธอเลย ในอนาคตถ้าฉันได้ไปเจอกับหลินชื่อฉิงเมื่อไร ฉันจะไม่คุยกับเธอสักคำ ตกลงมั้ย?”

เย่เฟิงไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกไปแบบนั้น ตอนนั้นเองสาวน้อยก็ถามย้ำกับเขา

“เรื่องนี้นายเป็นคนพูดออกมาเองนะ ฉันไม่ได้บังคับนายเลย ใช่ไหม?”

ทันใดนั้นเองรอยยิ้มหวานฉายออกมาจากใบหน้าของซูเหมิงหาน เย่เฟิงยอมให้กับเธอแล้ว!

“แน่นอน นี่เป็นสัญญาลูกผู้ชาย ฉันไม่มีทางผิดสัญญาเด็ดขาด”

เย่เฟิงย้ำความเชื่อมั่นกับเธอ

“ก็ได้ ฉันจะยอมเชื่อนายแค่ครั้งนี้ ตกลงนะ”

แล้วซูเหมิงหานก็ยอมจบลงแบบนั้น เธอพอใจกับคำพูดของเขามากและไม่ออกอาการอะไรอีก

เมื่อผู้คนรอบๆเห็นหญิงสาวกล้าที่จะพูดกับเย่เฟิงแบบนั้นพวกเขาต่างเหงื่อตกออกมา ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าเย่เฟิงมีฐานะที่ไม่ธรรมดาขนาดไหน ทำไมกันสาวน้อยคนนี้ถึงกล้าพูดกับชายหนุ่มแบบนั้น เธอไม่กลัวเย่เฟิงเลยงั้นหรือ? เธอนี่มันแน่นอนจริงๆ

นี่คือความแตกต่างระหว่างซูเหมิงหานกับคนแบบเซี่ยหมิน

ไม่ว่าจะด้วยฐานะทางสังคมของเย่เฟิงจะมีหรือไม่ เธอไม่สนใจมันแม้แต่น้อย ที่เธอสนใจมากที่สุดมีเพียงอย่างเดียว ‘เย่เฟิง’ ต่อให้ชายหนุ่มมีอำนาจมากมายเพียงใดหากเขาปฏิบัติตัวแย่ หญิงสาวก็ยังถือว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ

“พวกนายมองอะไรกันอยู่ได้ อยากมีเรื่องกับเย่เฉี่ยวงั้นเหรอ?” (เฉี่ยว=น้อย)

หลินลี่ฮุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่เฟิงอย่างภาคภูมิใจตะโกนออกมาอย่างไม่มีใครตั้งตัวทันใส่คนของตระกูลเซี่ย

ตอนนี้คนของตระกูลเซี่ยมีหรือจะกล้าเอ่ยปากกล่าวอะไรกับเย่เฟิง ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมหลิวลี่ฮุ่ยถึงเรียกเย่เฟิงว่า “เฉี่ยว” แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจทุกสิ่งอย่างแล้ว เจ้าตำรวจอ้วนนี่เจ้าเล่ห์นัก มันรู้ทุกอย่างตั้งแต่แรกว่าเย่เฟิงมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

“เอ่อ เย่เฉี่ยว…”

เซี่ยหมินไม่กล้าทำตัวยโสอีกต่อไป เธอตะโกนเรียกอย่างค่อนข้างลังเลออกมา

“ว่าไง?”

ทั้งเย่เฟิงและซูเหมิงหานหันไปมองเธอพร้อมกัน ซูเหมิงหานเริ่มระลึกถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เซี่ยหมินเคยทำกับเธอ ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายมองดูเซี่ยหมินที่แสดงสีหน้าอย่างหวาดกลัวออกมาแทนเสียแล้ว

……………………………

แปลโดยทีมงาน GSI

Solar Spark: สำหรับใครที่กำลังเบื่อน้องเหมิงหานอยู่ ไม่ต้องหวงนะครับ อีก2ตอนบทบาทของนางจะหายไปพักนึง