บทที่ 54 เขาไม่คู่ควรกับพี่สาวของผม

มีเพียงความเศร้าโศกเสียใจเท่านั้นที่อยู่ในใจของซูซิงฉาง ณ ตอนนี้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเย่เฟิงจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มตระกูลหลิน ถ้าเขารู้เรื่องนี้มาก่อน เขาจะได้รักษาความสนิทฉันท์มิตรกับเด็กคนนี้ตั้งแต่ต้น!
“จริงๆแล้ว ปู่ของเย่เฟิงเป็นใครกันแน่….ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับผู้อาวุโสหลิน”
ซูซิงฉางรู้สึกกระวนกระวายใจเกี่ยวกับเรื่องการค้นหาตัวตนของเขาก่อนหน้านี้ ว่าสิ่งนี้ไม่ปรากฏขึ้นในตอนที่เขาสืบหาข้อมูลของตัวเย่เฟิงได้อย่างไร?

คำสั่งที่ให้สืบหาตัวตนของเย่เวิ่นเทียนก่อนหน้านี้ เขารู้มาว่าเย่เวิ่นเทียนเป็นเพียงหัวหน้าตระกูลธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

ตอนนี้ เขาได้ล่วงเกินเย่เฟิงไปแล้วเพราะเขาไม่รู้เลยว่าเย่เฟิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่ฝั่งเย่เฟิงตั้งแต่แรก และช่วยเหลือเด็กคนนี้กับซูเหมิงหาน ตอนนี้เขาคงไม่ต้องมามองหาว่าตระกูลเซี่ยส่งสัญญานอะไรมาให้แก่เขาโดยการกระขยิบตาให้เขาหรอกกระมัง?

โชคร้ายนักที่ในโลกนี้ไม่มียาชนิดไหนที่จะสามารถกำจัดสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเศร้าโศก’ ไปได้หมดสิ้น ซูซิงฉางไม่สามารถปล่อยวางได้ เขาไม่มีทางลืมความเสียใจที่เขาได้ทำในสิ่งเลวร้ายลงไป

แต่ละคนในตระกูลเซี่ยในเวลานี้นั้นมีการแสดงออกทางสีหน้าให้เห็นอย่างชัดเจน
เดิมที พวกเขาไม่ได้ต้องการจะทำอะไรเย่เฟิงและไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกันมาก่อน พวกเขาแค่ต้องการแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับซูเหมิงหาน แต่เพราะซูเหมิงหานมาพร้อมกับเด็กหนุ่มคนนี้นั่นจึงถือเป็นการยั่วยุอารมณ์ของเย่เฟิงไปด้วยเช่นกัน

เวลานี้ ลึกๆในใจของพวกเขารู้สึกเกรงกลัวเพราะก่อนหน้านี้ เซี่ยหมินได้ดุด่าซูเหมิงหานอย่างหยาบคาย เธอไม่เคยรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้

เวลานี้ เซี่ยหมินกังวลใจเหลือเกินเพราะเธอได้ล่วงเกินเด็กหนุ่มคนนี้ไว้มากมาย หากเวลานี้เย่เฟิงอยากจะตบหน้าเธอสัก 10 ครั้งต่อหน้าทุกคน เธอจะเอาอะไรไปห้ามเขาได้?

เย่เฟิงนั้นมีคนหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่มากในเวลานี้ เพียงแค่คำพูดของผู้อาวุโสหลินก็มากพอที่จะกำจัดตระกูลชั้นสองอย่างตระกูลเซี่ยได้แล้ว พวกเธอไม่อาจเทียบอะไรกับตระกูลหลินได้เลย

เซี่ยเฉิงเย่ที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของกองทัพ ตำแหน่งของเขาถือว่าไร้ค่าไปเลย เมื่อเห็นผู้เฒ่าหลินสามารถสั่งโหมวจิ้นเฉียงให้ถอนตัวออกไปได้อย่างง่ายดาย ชายหนุ่มรู้ว่าไม่เพียงเย่เฟิงจะไม่ลืมเรื่องที่เขาจะเข้าไปตบ เด็กหนุ่มคนนี้จะทำให้พวกเขาต้องเจอกับชาตากรรมที่น่าอนาถ

จิตใจของเซี่ยผิงฮุยล่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ในเมื่อเขารับรู้อิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลหลิน เขารู้ดิยิ่งว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร

ชายชรามองไปยังเย่เฟิงที่ยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ด้านหน้า เขาพยายามเก็บซ่อนความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าเด็กคนนี้ที่มันสามารถปกปิดว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินจนแม้แต่ตระกูลเซี่ยหรือซูซินฉางกรุ๊ปก็ไม่สามารถตรวจสอบได้

“ผมเซี่ยผิงฮุย ขอแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่านหลินวันนี้ครับ ขอให้ท่านมีความมากๆในทุกๆวัน ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง แห่งให้ท่านปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุมั่นขวัญยืน…..”

เซี่ยผิงฮุยทำหน้ายิ้มแย้มและอวยพรวันเกิดให้แก่หลินหวงซวน

“เอาละ ตัวฉันก็แก่ลงทุกวันทุกวัน พวกคุณทั้งหลายก็กลับไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำเสียเถอะ เข้าใจไหม?”

ชายชราชูมือขึ้นและพูดหยุดเซี่ยผิงฮุยที่กำลังจะพูดอะไรยืดยาว ซึ่งคำพูดของผู้เฒ่าตระกูลหลินบอกเป็นนัยว่าเรื่องวันนี้ เขาไม่ถือสาเอาความ

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เซี่ยผิงฮุยและตระกูลของเขา รวมทั้งซูซินฉางรู้สึกโล่งใจอย่างมาก

หลินหงซวนที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นมองไปยังเย่เฟิงรวมทั้งซูเหมิงหานที่ยังคงจับแขนชายหนุ่มไว้แน่น ภาพนี้กระตุ้นความสนใจของผู้เฒ่าหลินอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถามออกมา “หลานเย่ เธอคือแฟนสาวของหลานงั้นรึ? ทำไมไม่แนะนำเธอให้ฉันรู้จักหน่อยล่ะ?”

เมื่อซูเหมิงหานได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเธอพลันแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย และเธอไม่ได้พูดปฏิเสธออกไป เด็กสาวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ซึ่งทำให้เธอดูน่ารักมากยิ่งขึ้นไปอีก

ซูซินฉางที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกตื่นเต้นจนคิดอยากจะกระโดดออกมาแนะนำตัวว่าเป็นพ่อของซูเหมิงหาน แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะทำอย่างนั้น เพราะท่านหลินกำลังคุยกับเย่เฟิงอยู่ การที่เขาเสนอหน้าเข้าไปในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย

“อ่อ ใช่ครับ เธอคือแฟนสาวของผม คุณรู้ได้อย่างไร?”

เย่เฟิงตอบชายชรา และมองเข้าไปในตาของเขา ชายหนุ่มอยากรู้เช่นกันว่าผู้เฒ่าหลินคนนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร

ชายชราอาจจะบังคับให้ตัวเขาและซูเหมิงหานเลิกกัน แล้วให้แต่งงานกับหลานสาวของเขางั้นหรือ? หากอิทธิพลของตระกูลหลินยิ่งใหญ่มากในเมืองเหยียนจิง มันก็เป็นเรื่องธรรมดามาถ้าชายชราจะทำเช่นนั้น

ถึงอย่างไร หากฝั่งนั้นบังคับให้พวกเขาต้องเลิกกันจริง เย่เฟิงก็คงใช้การประณีประนอมไม่ได้อีกต่อไป ตั้งแต่ที่เขายอมรับแล้วว่าซูเหมิงหานเป็นแฟนสาว เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเธอทั้งนั้น!

“ฮ่าๆ สาวน้อยคนนี้ช่างงดงามจริงๆ ความรักของหนุ่มสาวควรรักษาเอาไว้ให้ดี”

หลังจากพูดไปแบบนั้น หลินหงซวนไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นอีก เขาแค่มองเข้าไปในดวงตาของเย่เฟิงเพื่อไตร่ตรองเรื่องนี้

หลินหงซวนสามารถมองเห็นความลับที่ซ้อนอยู่ในดวงตาเย่เฟิง เขาคิดว่าเย่เฟิงคงไม่สนใจหลินชื่อฉิง หลานสาวของเขา และในตาของชายหนุ่ม ยืนยันว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆคือคนที่เขาชอบ จิตใจของเย่เฟิงนับว่าน่ายกย่องอย่างแท้จริง และต่างจากชายหนุ่มทั่วไปอย่างมาก

ความงดงามของหลินชื่อฉิงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วเมืองเหยียนจิง เธอถูกยอมรับว่าเป็นเทพธิดาของเมืองๆนี้ หลินหงซวนคิดว่าเป็นไม่ได้ที่เย่เฟิงจะไม่เคยเห็นเธอมาก่อน หรือต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง เขาก็ควรจะเคยเห็นรูปถ่ายของเธอมาบ้าง

เมื่อชายชราเห็นว่าเย่เฟิงไม่สนใจหลานสาวของเขาแม้แต่เพียงนิดเดียว เขาก็ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป……..

หลินหงซวนถอนหายใจในใจ ไม่แน่ใจว่าหากเขาชื่นชมเย่เฟิงว่ามีความเด็ดเดี่ยว แล้วเจ้าเฒ่าเย่เวิ่นเทียนจะคิดเหมือนกันกับเขาไหม

ผู้เฒ่าหลินรู้ว่าเย่เวิ่นเทียนยอมรับในความโดดเด่นของหลานสาวของเขา และต้องการให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเย่ สำหรับเรื่องนี้ ถึงแม้เขาจะเป็นเพื่อนกับเย่เวิ่นเทียนมาหลายปีก็ไม่แน่ว่าจะสามารถโน้มนาวใจของเจ้าเฒ่านั่นได้

ในเมื่อเย่เฟิงประกาศออกมาว่าเขาและซูเหมิงหานเป็นแฟนกัน หลินหงซวนก็คงทำอะไรไม่ได้อีกนอกจากจะปล่อยให้กลายเป็นเรื่องของโชคชะตา……

“ใช่ครับ ว่าแต่คุณมาหาผมที่นี่ มีเรื่องอะไรอย่างงั้นหรอครับ?”

เมื่อเย่เฟิงเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องของหลินชื่อฉิง เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อคุย

“อืม ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เห็นว่าหลานอยู่ที่นี่ เลยต้องการมาหาเจ้าเฒ่า……”

หลินหงซวนยิ้มบางๆ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับหลินซิวเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างปรากฏขึ้นมาในหัวของหลินซิวเหวินที่ทำให้เขาชี้นิ้วไปยังเย่เฟิง

“ฉันจำได้แล้ว นายคือคนเลวเมื่อตอนนั้นใช่ไหม?”

ในที่สุดหลินซานเฉี่ยวก็จำทุกอย่างได้ เขาเจอเย่เฟิงครั้งล่าสุดที่ร้านขายวัตถุโบราณอู๋ชี ซึ่งคนผู้นี้เป็นคนทำหยกมัจฉาหยินหยางที่เขาชื่นชอบ แตกเป็นเสี่ยงๆ

หลินหงซวนหันกลับมามองหลินซิวเหวินทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เย่เฟิงกับหลานชายของเขาเคยพบกันมาก่อนงั้นรึ?

“หือ?”

เย่เฟิงจ้องมองไปที่หลินซิวเหวิน เขาไม่รู้ว่าทำไมหลินซานเฉี่ยวผู้เอาแต่ใจถึงพูดเรื่องนี้ตอนนี้

“นายไม่ใช่หรือไงที่ทำทำลายหยกมัจฉาขาวที่ฉันอุตสาห์เลือกมาอย่างดีเพื่อที่จะนำมาให้ปู่น่ะ?”

หลินซิวเหวินถลึงตามองเย่เฟิง “นายไม่รู้หรือไงว่านั้นเป็นของขวัญที่ฉันชอบที่สุด?”

“ขอโทษที ผมไม่รู้”

เย่เฟิงหัวเราะ “และผมก็ไม่ได้เป็นคนทำของโบราณชิ้นนั้นแตกด้วย ถ้าคุณอยากรู้ว่าใครทำ ก็ลองกลับไปถามคนรับใช้ทั้งสองคนของคุณดูสิ”

“ไร้สาระ พวกเขาบอกฉันว่านายชนพวกเขาจนของสิ่งนั้นแตกเสียหายไม่ใช่หรือไง?”

หลินซิวเหวินโมโหขึ้นมาทันที

“ต่อให้ผมเป็นคนชนจนมันแตกจริง แต่ลุงอู๋ก็จ่ายค่าเสียหายให้คุณสามเท่าแล้ว คุณยังต้องการอะไรมากกว่านั้นอีกหรือไง?”

เย่เฟิงยิ้มบางๆและคิดว่าเจ้าหนุ่มนี้เป็นพวกชอบโวยวายเสียจริง

“มัน….อะแฮ่ม….เอาละ ช่างมันเถอะ”

หลินซิวเหวินอยากจะพูดอะไรต่อไปอีก แต่เมื่อคิดว่าปู่ยังยืนอยู่ใกล้ๆ เขาจึงหยุดพูด แต่เขาไม่มีทางยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่

หลังจากจ้องมองเย่เฟิงหลายต่อหลายครั้ง สุดท้าย หลินซิวเหวินจึงพูดกับปู่ของเขา “ท่านปู่ ผมคิดว่าเจ้าเด็กนี้ไม่เหมาะสมกับพี่สาวซักนิด คนๆนี้………….”

ตามที่หลินซิวเหวิน หลายชายสุดที่รักของหลินหงซวน รู้ว่าปู่ของเขาต้องการให้หลินชื่อฉิง พี่สาวของเขาเป็นคู่หมั้นของเย่เฟิง แต่เขาไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงจะเป็นเจ้าคนเลวที่เคยเจอให้ร้านขายวัตถุโบราณ

แต่ทันทีที่คำพูดของหลินซิวเหวินหลุดออกจากปาก ทุกๆคนที่นี่ก็พลันตื่นตะลึง!

เย่เฟิงไม่เหมาะสมกับพี่สาวของเขา?

นี่ไม่ใช่แปลว่าท่านหลินตั้งใจจะยกหลานสาวของเขาให้เป็นคู่หมั้นของเย่เฟิงงั้นรึ? ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่ที่หลินซิวเหวินพูดถึงพี่สาวของเขาซึ่งยังไม่ได้แต่งงานหรือหมั้นหมาย นั่นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเหยียนจิง หลินชื่อฉิง!

……………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI