บทที่ 54: เขตสีแดง (4)

 

 

 

ชี่

ร่างของฮันซูถูกปกคลุมไปด้วยประกายแสงที่แตกต่างกันสองสี

น้ำทะเลพิษรอบกายของชายหนุ่มพยายามที่จะเข้าไปยังร่างของเขาและหลอมละลายเนื้อเยื่อของเขาลง ทว่ารูนสีแดงได้ส่งพลังงานไปยังสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจที่ครอบคลุมร่างของฮันซูอยู่อย่างต่อเนื่อง

‘ดี มันควรจะดีเท่านี้เป็นอย่างน้อย’

หรือมิเช่นนั้นการผ่านประตูทั้งสามคงไม่คุ้มค่าสำหรับมัน

รางวัลของประตูบานที่สองคือรูน

ฆ่าสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนและมีชีวิตรอดจนกระทั่งรูนกลายเป็นสีแดง

ทว่ามันเป็นเพียงแค่การเตรียมตัวสู่ประตูบานที่สามเท่านั้น

หากประตูบานแรกคือสถานที่เตรียมรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถเจอมันได้ เช่นนั้นประตูบานที่สามก็คือประตูสำหรับผู้ที่ควรค่าอย่างแท้จริง

และประตูบานที่สามที่ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฮันซูที่รูนได้กลายเป็นสีแดงแล้วนั้นคือ

<ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาจนกระทั่งบัดนี้>

แม้ว่ามันจะเป็นบางสิ่งที่คนนับร้อยสู้ด้วยกัน เขาก็ยังคงต้องสู้กับมันด้วยตัวคนเดียว

แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขาเพียงเหลือบมอง ตราบเท่าที่ประสาทสัมผัสได้รับรู้มัน เช่นนั้นมันก็จะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาหลังจากที่รูนกลายเป็นสีแดง

และสิ่งนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่ม

<มังกรปีศาจ>

มังกร สิ่งมีชีวิตที่สมดุลที่สุด

พวกมันมีต้นกำเนิดที่แตกต่างไปจากมนุษย์ และอยู่ในระดับที่ต่างออกไปเช่นกัน

และในบรรดาสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเช่นนั้นแล้วได้เลือกเส้นทางมาร สิ่งมีชีวิตที่บิดเบี้ยวที่สุด

พลังของพวกมันนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถเอ่ยอธิบายเป็นคำพูดได้

ฮันซูได้เห็นมันก่อนหน้าเมื่อยามที่เขาเดินทางอยู่ในส่วนลึกของอบิส

และมนุษย์ที่ได้เห็นมันปกป้องเส้นทางไปสู่ผลึกได้ตัดสินใจใช้เวลาอีก 3 ปีในการที่อ้อมไปทะลวงผ่านดินแดนของสองเผ่าพันธุ์ชั้นปกครองแทน

เมื่อพวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะมันได้แม้แต่น้อย

การต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ชั้นปกครองทั้งสองดูดีกว่าการต่อสู้กับสิ่งนั้น

และเขาตกใจอย่างมากเมื่อไอ้ตัวแบบนั้นปรากฏขึ้นที่ประตูบานที่สามด้วยสภาพอ่อนแอกว่า

เมื่อเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นในอดีตจะออกมาในสถานะที่อ่อนแอกว่าหรือไม่

‘ฉันเกือบจะเป็นลม’

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในชั้นรูนสีแดงทั้งคู่ หากเผ่าพันธุ์แตกต่าง ความแตกต่างระหว่างพวกเขาย่อมมหาศาล

แม้ว่าไอ้สิ่งนั้นจะมีรูนสีแดงที่ 0.01% ฮันซูก็ยังคงต้องเอาชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้ายและต่อสู้กับมัน

และสกิลที่ออกมาหลังจากการดิ้นรนอย่างไม่คิดชีวิต

<สกิลสนับสนุนมังกรปีศาจ>

ความจริงแล้วชื่อนั้นเป็นสิ่งที่เขาตั้งให้มันอย่างลวกๆ

เมื่ออาร์ติแฟคหมายเลขศูนย์นั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่เพียงแค่ในจินตนาการของผู้คน

ซีรี่ย์ตัวเลขนั้นเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดที่มนุษย์ได้ค้นพบและจัดอันดับ

แน่นอนว่ามันมีคนที่คิดเช่นนี้

<ไม่ใช่ว่ามันจะมีสิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าซีรี่ย์ตัวเลขที่พวกเรายังไม่ค้นพบอีกหรือ?>

และสิ่งเหล่านั้นได้ถูกเรียกขานว่าอาร์ติแฟคหมายเลขศูนย์

ในความเห็นของฮันซู สกิลที่เขาได้รับในคราวนี้นั้นย่อมมีคุณสมบัติในการได้รับชื่อนั้น

‘มันยอดเยี่ยม’

รูนจำนวนมากภายในร่างของเขากำลังเต้นตุบอย่างบ้าคลั่ง

ฮันซูที่ได้ประมาณผลกระทบของพิษที่พยายามที่จะหลอมละลายร่างของเขาได้จับคอของผู้รอดชีวิตต้องสาปที่ได้พุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับผงกศีรษะ จากนั้นจึงกระชากกระดูกสันหลังของมันออกมา

พรวดดด

เมื่อกระดูกสันหลังของผู้รอดชีวิตต้องสาปที่มีรูปร่างคล้ายผู้ชายถูกดึงออก ร่างของมันก็แตกสลายกลายเป็นเศษซาก

‘เจ็ด ดี’

ฮันซูส่งพลังของสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจลงไปในกระดูกสันหลังในมือและขว้างมันออกไปทุกทิศทาง

ปุ

เศษกระดูกที่มีพลังจำนวนมหาศาลได้พุ่งแหวกน้ำและเสียบเข้าไปยังลำคอของผู้รอดชีวิตต้องสาปที่มีรูปร่างเหมือนผู้ชายที่กำลังสร้างรูบนท้องเรืออย่างแข็งขัน

<!!!!!!!!!>

เขาไม่รู้ว่าพวกมันกำลังตะโกนอะไรเพราะพวกเขาอยู่ใต้น้ำ ทว่าความกราดเกรี้ยวของพวกมันนั้นเขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน

พวกมันสะบัดหางของพวกมันและเริ่มที่จะพุ่งเข้าไปหาร่างของชายหนุ่มด้วยท่าทางบ้าคลั่ง

ฮันซูทำเพียงหลบหอกของพวกมันและวาดมือของเขาไปรอบๆ บดขยี้ข้อมือของอีกฝ่าย

โผละ

<!!!>

พวกมันกรีดร้องออกมาขณะที่ปล่อยตรีศูลในมือลง

ชายหนุ่มคว้าตรีศูลนั้นด้วยมือขวาและแทงคอของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามายังเขาเป็นเส้นตรง

จากนั้นเขาจึงบิดร่างเพื่อดึงตรีศูลที่แทงคาอยู่ที่คอของมันและเหวี่ยงกระดูกสันหลังที่ถูกเกี่ยวอออกมาพร้อมกันไปรอบๆ อีกครั้ง

<…>

เหล่าผู้รอดชีวิตต้องสาปที่เห็นเช่นนั้นล้วนลังเล

พวกมัน 12 ตนจาก 30 ตนได้ถูกกำจัดไปเช่นนั้น

และการโจมตีจากด้านบนเองก็ได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และงานในการสร้างรูที่ท้องเรือก็ยากขึ้นเนื่องจากดาบที่แทงออกมาจากด้านใน

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกมันจะถูกสังหารหมู่ลงทั้งหมดก่อนที่พวกมันจะสามารถจมเรือได้

<…>

ทั้งหมดมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะถอนตรีศูลออกและล่าถอยอย่างรวดเร็ว

‘หืมมม ตรีศูล มันค่อนข้างมีประโยชน์’

ความทนทานของตรีศูลเหล่านี้จะค่อยๆ ลดลงเมื่อมันสัมผัสกับอากาศ แต่มันก็ดีพอสำหรับเวลา 3 วัน

ฮันซูรวบรวมตรีศูลแปดอันที่กำลังจมลงอย่างช้าๆ ไว้ก่อนที่เขาจะว่ายไปยังใต้เรือที่ปรากฏรูอยู่

จากนั้นเขาจึงเข้าไปภายในรูที่สายน้ำได้ไหลหลากเข้าไปอย่างรวดเร็วในทันที

ซ่า

“โจมตีมันที่คอ! มันเข้ามาแล้ว”

ปึก

“อื้อหืม นายควรจะเหวี่ยงมันหลังจากดูก่อนนะ”

“…หือ?”

เหล่าผู้ที่มีสกิลสนับสนุนที่ได้โจมตีตรีศูลที่ทิ่มแทงท้องเรือได้เหวี่ยงดาบในมือออกด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อมีบางสิ่งปรากฏขึ้น ทว่าจากนั้นก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงเมื่อพวกเขาเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์

ฮันซูสะบัดน้ำทะเลพิษทั้งหมดที่อยู่บนร่างออกก่อนที่จะไปยังมุมหนึ่งของห้องเก็บของของเรือ

มือของชายหนุ่มเอื้อมไปยังไม้อารูน

กร๊อบ กร๊อบ

และไม่ช้า ไม้กระดานจำนวนหนึ่งที่ค่อนข้างหยาบทว่ายังคงดูใช้ได้ก็ได้ถูกสร้างขึ้น

ฮันซูวางมันลงบนพื้นพร้อมกับกั้นรูที่น้ำกำลังทะลักเข้ามา

แม้ว่ามันจะถูกกั้นโดยไม้กระดาน น้ำก็ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเพราะรูนั้นค่อนข้างใหญ่

ฮันซูตอกไม้กระดานเข้าไป จากนั้นจึงหักไม้อารูนที่เหลือให้มีรูปร่างคล้ายตะปูแล้วดันมันเข้าไปด้วยมือของเขา

วัสดุของเรือนั้นแข็งอย่างมาก ทว่ามันไม่ได้แข็งเสียจนเศษไม้อารูนแหลมๆ จะไม่สามารถแทงทะลุได้

เมื่อมันถูกปะจนถึงระดับหนึ่ง ฮันซูก็บีบถุงน้ำมูกของเคล็กไปยังช่องว่างระหว่างแผ่นไม้เหล่านั้น

“… เร็วเข้า! รีบๆ ทำแบบนั้นด้วย!”

“เวรเอ้ย เขาดันมันเข้าไปง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน มันไม่เข้า!”

ผู้คนที่เห็นฮันซูทำเช่นนั้นได้รีบนำวัสดุไปอุดรูแบบเดียวกับชายหนุ่มและตอกมันเข้าไป

พวกเขาไม่อาจดันมันเข้าไปด้วยนิ้วแบบชายหนุ่มได้ ทว่าพวกเขาสามารถแก้ไขมันได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอย่างการใช้อาวุธของพวกเขาต่างค้อนและตอกมันลงไป

และจากนั้นพวกเขาจึงบีบถุงน้ำมูกของเคล็กไปยังช่องว่างของมัน

“เวรเอ้ย… มันเหนียวจริงๆ”

“ใช้สกิลฮีลหน่อย อีกอย่างเราจะทำยังไงกับน้ำตรงนั้น…”

ผู้คนมองไปยังน้ำทะเลพิษที่ท่วมสูงเสียจนถึงจุดที่มันกระฉอกได้ด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจเล็กๆ

ฮันซูเอ่ยขึ้นขณะที่เขาปีนขึ้นไป

“ถ้าพวกนายปล่อยมันไว้มันจะระเหย พวกนายจะสูดแก๊สที่ระเหยขึ้นมาถ้ายังอยู่ในนั้น ดังนั้นขึ้นไปกันเถอะ”

มันไม่เป็นไรเมื่ออยู่ด้านบนเมื่ออากาศจะเจือจางมันลง ทว่าพลังชีวิตของคนที่สูดมันเข้าไปเป็นเวลานานในสถานที่ปิดจะลดลง

“อึก”

ทุกคนเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังดาดฟ้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เมื่อไม่มีใครต้องการที่จะสูดดมแก๊สจากการระเหยของน้ำทะเลพิษ

ฮันซูขึ้นไปด้านบนและสูดลมหายใจลึก

‘ถึงแม้ว่าพลังชีวิตของฉันจะลดลงเล็กน้อย… มันก็ยังคงยอดเยี่ยม’

ด้านบนของเรือนั้นปรากฏผู้คนที่กำลังมองไปยังทะเลด้วยท่าทีคุมเชิง

ผู้ที่มาใหม่ทั้ง 50 คนและคนที่อยู่มาแต่เดิม 100 คนจ้องไปยังทะเล จากนั้นจึงมองหน้ากันหลังจากตัดสินได้ว่าพวกผู้รอดชีวิตต้องสาปได้ล่าถอยไปแล้ว

ฮันซูแสยะยิ้มขณะที่เขาเอ่ยขึ้นในตอนนั้น

“อย่าสู้กันตรงนั้นและมองออกไปตรงโน้น พวกนายจะเห็นของดี”

“…?”

ฮันซูจบคำพูดนั้นลงขณะที่เขามองไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เขาสามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ

ต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ ได้เติบโตอยู่เหนือเป้าหมายของพวกเขา เขตสีแดง

ชายหนุ่มมองไปยังลำต้นแห้งผากของต้นไม้ที่ได้แทงทะลุเมฆขณะที่เขาพึมพำอยู่ในใจ

‘ต้นไม้โลกที่ตายแล้ว’

เบื้องหลังและรากฐานของ <เทือกเขาต้นไม้โลก> ที่พวกเขาจะอาศัยอยู่นับจากนี้

และในตอนนั้นเองที่เสียงตะโกนดังลั่นได้ดังขึ้นจากผู้ที่ได้ตรวจตราอยู่บนส่วนที่สูงที่สุดของเรือ

“ฉันเห็นพื้นดิน! ฉันเห็นเขตสีแดง!”

“อะไรนะ?”

ผู้คนพุ่งไปยังดาดฟ้าอย่างเร่งร้อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น

จากนั้นจึงแสดงสีหน้ายินดีออกมา

“เรามาถึงแล้วหรือ?”

โยฮานเองก็ได้ส่งเสียงยินดีออกมาเช่นกัน

พื้นดินที่อยู่เหนือน้ำทะเลที่สามารถเห็นได้จากที่ไกลๆ

‘เวรเอ้ย ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะออกมา แต่มันดีกว่าไอ้ทะเลบัดซบนี่’

มันดีกว่าที่จะสู้ เมื่อคิดถึงการต่อกรกับพวกที่ทำเพียงแค่แทงตรีศูลของพวกมันจากในน้ำก็ได้ทำให้พวกเขาเครียดแทบตาย

เมื่อพวกเขาจะถูกสังหารหมู่ก่อนที่จะได้ทันเห็นสิ่งใดหากเรือจม

‘มนุษย์ต้องยืนบนขาของตนเองบนพื้นดิน’

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังถอนหายใจอย่างโล่งอก เรือก็ได้ทรยศความคาดหวังของพวกเขา

“…หือ?”

“เราไม่ได้ลงที่นั่นเหรอ”

เรือได้แล่นตามทางที่แฟรี่ได้กำหนดเอาไว้ขณะที่มันวนรอบเกาะเบื้องหน้าพวกเขาและมุ่งหน้าตรงไปยังทะเลต่อ

ทุกคนแสดงสีหน้าผิดหวังเมื่อเห็นเช่นนั้น

“… มันคือเกาะ ไม่ใช่ชายฝั่ง”

มันดูเหมือนชายฝั่ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่จุดหมาย

‘… อย่างที่คิด พวกมันบอกเราว่าต้องใช้เวลา 3 วัน’

ผู้คนถอนลมหายใจอย่างผิดหวังขณะที่พวกเขามองไปยังทะเลอันกว้างไกลเบื้องหลังเกาะนั้น

ทว่าโยฮานกลับมองสิ่งอื่นแทนในตอนนั้น

‘… มันเป็นไปได้รึเปล่าว่ามันคือราก ไม่ใช่เกาะ?’

แม้ว่ามันจะถูกปกคลุมด้วยฝุ่น หลายส่วนของเกาะที่ดูเหมือนกับเปลือกไม้ก็ยังปรากฏให้เห็น

ราวกับว่าส่วนหนึ่งของรากอันใหญ่โตได้ออกมาจากมหาสมุทรและชั้นฝุ่นบางๆ ได้ปกคลุมมันไว้

มันแค่ดูเหมือนเกาะเพราะว่ามันใหญ่มาก

โยฮานแสดงสีหน้าย่ำแย่ออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘… มันเป็นไปได้ไหมที่มันจะเป็นรากของต้นไม้ยักษ์ตรงนั้น? มันแผ่ขยายออกมาไกลถึงขนาดนี้?’

รากของต้นไม้ที่มีรูปลักษณ์ของเกาะที่จมน้ำไปครึ่งหนึ่งดูคล้ายคลึงกับลำต้นขนาดยักษ์ของต้นไม้ที่ตั้งตรงขึ้นไปยังท้องฟ้าหากออกไปนัก

ทว่าเขาคิดว่าหากเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ขนาดนั้น รากก็ควรจะมีขนาดเท่านี้เป็นอย่างน้อย

“นี่คือของดีที่นายพูดถึงเหรอ?”

โยฮานที่มองไปยังเกาะที่เรือแล่นผ่านเอ่ยถามฮันซูด้วยสีหน้าขมขื่น

ชัดเจนว่ามันเป็นสิ่งที่คนไม่อาจเห็นได้อย่างง่ายๆ

เมื่อต้นไม้ที่มีขนาดเท่านั้นซึ่งได้กลืนกินเทือกเขาไปด้วยรากของมัน และกระทั่งแผ่ขยายออกไปยังทะเลนั้นไม่อาจเห็นได้ในโลกที่พวกเขาจากมาแม้ว่าพวกเขาจะตายแล้วเกิดใหม่ก็ตาม

ทว่าฮันซูส่ายศีรษะขณะที่เขาชี้ไปยังบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป

“นั่นคือไฮไลต์ของการแสดง”

“อะไรนะ?”

ทุกคนมองไปยังทิศที่ชายหนุ่มชี้

ทิศทางที่แตกต่างออกไปจากเขตสีแดงที่พวกเขามุ่งหน้าไปเล็กน้อย

เมื่อผู้คนเพ่งสายตาไปและมองหา พวกเขาก็มองเห็นบางอย่างอย่างช้าๆ

‘… สิ่งนั้นมีชีวิตหรือ?’

บางอย่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารากต้นไม้ที่พวกเขามองพลาดว่าเป็นเกาะ

รากของต้นไม้ที่ดูเหมือนเกาะนั้นใหญ่ ทว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นห่างออกไปนั้นมันอยู่คนล่ะระดับ

แม้ว่ามันจะอยู่ห่างออกไปอย่างมาก มันก็ยังคงปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

ส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำนั้นไม่อาจแม้แต่จะคาดเดาได้ ทว่าส่วนหลังที่ลอยอยู่เหนือน้ำนั้นใหญ่กว่าเกาะที่ใหญ่ประมาณหนึ่ง และครีบที่ตั้งตรงอยู่บนหลังนั้นก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังมองไปยังหน้าผาสูงลิบลิ่ว

สิ่งที่มีรูปลักษณ์คล้ายครีบขนาดยักษ์ได้ขยับอย่างช้าๆ ขณะที่มันค่อยๆ ขยับข้ามผ่านทะเลและมุ่งหน้าตรงมายังเกาะที่พวกเขาจากมา

แม้ว่ามันจะขยับอย่างเชื่องช้า มันก็ยังใหญ่มากเสียจนระยะทางได้ถูกข้ามผ่านในเสี้ยววินาที

และสิ่งที่มีครีบขนาดยักษ์นั้นก็ได้ก็ส่งเสียงออกมาขณะที่มันอ้าปาก

กร๊าซซซซ

“อุ! ว๊ากกกก!”

“เหี้ย!”

มันขยับเพียงเล็กน้อย ทว่าทั่วทั้งทะเลกลับสั่นสะท้าน

และสิ่งมีชีวิตก็ได้ขยับไปกัดยังรากต้นไม้และเริ่มที่จะกลืนกินมัน

กร๊อบบ กร๊อบบบ

“ว๊ากกกก!”

“จับเรือให้แน่นๆ!”

ขณะที่รากต้นไม้ที่อยู่ใต้เรือได้เริ่มฉีกขาดออกจากปากของมัน เรือก็เริ่มที่จะโคลงเคลงอย่างรุนแรงราวกับคลื่น

หากมันเป็นเรือเล็ก เช่นนั้นเพียงแค่การโคลงเคลงนี้ก็คงทำให้เรือแตกไปแล้ว

หากพวกเขาผ่านสถานที่แห่งนั้นมาช้ากว่านี้อีกเพียงนิด เช่นนั้นพวกเขาทุกคนก็จะตายโดยที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้

ในขณะที่ผู้คนกำลังเกาะเรือไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ฮันซูเองก็ได้แสดงสีหน้ากระวนกระวายออกมาเช่นกัน

เพราะแม้ว่าเขาจะบอกว่ามันเป็นภาพที่ดี สิ่งนั้นก็ไม่มีทางจะเป็นสิ่งที่น่ารักอย่างแน่นอน

เรือที่เริ่มต้นจากพื้นที่ฝึกฝนนับหมื่นจะไปถึงยังหนึ่งในรากนับพันที่แผ่กระจายออกจากต้นไม้โลกที่ตายแล้วตามทางที่แฟรี่ได้กำหนดไว้

เมื่อสถานที่แห่งเดียวที่จะสามารถอาศัยอยู่ได้ท่ามกลางทะเลพิษนั้นคือเหนือรากไม้ที่ตายแล้ว

โครงสร้างที่ผู้คนจากพื้นที่ฝึกฝนจะปีนขึ้นไปจากจุดนั้น

แม้ว่ามันจะเป็นราก มันก็มีขนาดเทียบเท่ากับเทือกเขา

นั่นเป็นสาเหตุให้มันถูกเรียกว่า <เทือกเขาต้นไม้โลก>

และสิ่งนั้นได้ว่ายไปรอบๆ ทะเลพิษอย่างต่อเนื่องและกินรากของต้นไม้ที่เติบโตออกมา

<มัจฉาภัยพิบัติ>

ปลาแห่งความหายนะ

ผลลัพธ์จากยีนของเผ่ามารที่สืบเชื้อสายมาจาก <เอลวินไฮล์ม> ที่พวกนั้นสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของตนเองจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และหนึ่งในห้าภัยพิบัติที่ได้ทำให้ <ต้นไม้โลก> แห้งตาย

สถานที่ที่ต้นไม้โลกแห้งตายจากภัยพิบัติทั้งห้าย่อมกลายเป็นนรก และ<เอลวินไฮล์ม> ได้ล่มสลายลง

เมื่อต้นไม้ที่ถูกฉีกกระชากรากไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้

มันมีความสามารถในการกลืนกินทุกสิ่ง ทว่าเช่นนั้นมันจะไม่มีอะไรให้กินอีก ดังนั้นมันจึงทำราวกับว่ามันกำลังฟาร์ม เคลื่อนไหวไปรอบๆ อย่างช้าๆ และกัดกินรากของต้นไม้โลกทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขนาดมหึมาที่ราวกับเกิดมาเพื่อฆ่าต้นไม้โลก

ในอดีตเขาได้เห็นมันอย่างชัดเจน

ไอ้สิ่งนั้นกลืนกินรากไม้ข้างๆ เขตสีแดงที่เขาได้ไปถึงในเวลาไม่ถึงสามวัน

และแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับชะตากรรมของเด็กใหม่และคนเก่าที่อาศัยอยู่บนรากไม้นั้น

ฮันซูที่เห็นปลาอสูรยักษ์ที่มีส่วนร่วมในการฆ่าโลกได้ตั้งสติและหมุนพังงาไปยังมัจฉาภัยพิบัติที่ได้กลืนกินรากไม้เข้าไปทั้งหมด

‘มันถึงเวลาที่ฉันต้องจ่ายส่วนของฉันแล้ว’

ครืดดดดด

พังงาได้หันทิศทางเรืออย่างรุนแรงภายใต้มือของชายหนุ่ม

เมื่อสิ่งนั้นเพิ่งจะเติมเต็มท้องของมัน มันจะขยับไปยังรากไม้ต่อไปที่มันจะกินอย่างช้าๆ

ไปยังรากไม้เริ่มต้นขนาดยักษ์ ไม่เหมือนกับขนมที่มันเพิ่งจะกินไป

‘ราวๆ 2 อาทิตย์…? ฉันไม่รู้แน่ชัด แต่ฉันไม่มีเวลาสบายมากนัก’

สิ่งที่เขารู้อย่างชัดเจนนั้นคือการไปที่นั่น และเตรียมตัวในการฆ่าไอ้สิ่งนั้น

เมื่อมันเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่เขาได้รับ

<จำไว้ นายต้องคืนชีพต้นไม้โลก>

“เฮ้… เฮ้! เวร นายทำอะไรของนาย!”

“เฮ้ย! เฮ้ยยยยย!”

ผู้คนมองไปยังทิศทางของเรือและทิศของสัตว์อสูรยักษ์ก่อนจะตะโกนใส่ฮันซูอย่างลนลาน

‘นี่เขาเสียสติไปแล้วรึไง?’

การติดตามสิ่งนั้นไปเมื่อพวกเขาพบมันโดยบังเอิญและสามารถที่จะหลบหนีไปจากมันได้

แม้กระทั่งในสถานการณ์เช่นนี้ โยฮานก็ยังคงเอ่ยกับฮันซู

“ฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไร แต่นายไม่ควรที่จะมุ่งตรงไปยังสถานที่อันตรายหลังจากที่ตกลงกับทุกคนแล้วเหรอ? ฉันขอบคุณนายที่นายให้พวกเราขึ้นมา แต่อย่างน้อยนายก็ควรจะฟังความเห็นของพวกเราตอนที่เราอยู่บนเรือลำเดียวกัน”

ฮันซูผงกศีรษะให้กับคำพูดเหล่านั้น

“ฉันรู้ มันอาจมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”

“ใช่แล้ว ดังนั้นให้…”

“งั้นฉันควรจะปล่อยพวกนายลงตอนนี้”

“?”

“ฉันต้องไปที่นั่นจริงๆ ดังนั้นพวกนายต้องการให้ฉันทำยังไง คนที่อยากลงยกมือขึ้น”

ฮันซูจ้องมองไปยังทะเลรอบด้านขณะที่เขาเอ่ย

 


TL: อยากลงด้วยเท้าตัวเองหรือเท้าปู่ล่ะคะ//หัวเราะ

ปล. จะใบ้ให้ว่าภาคนี้คือการปลูกต้นไม้ ปู่รักโลกกก