บทที่ 55: เขตสีแดง (5)

 

 

 

 

ซ่าซ่า

เรือลำหนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยแผ่นไม้กระดานในหลายๆ แห่งได้มาถึงยังตำแหน่งที่สามารถมองเห็นรากไม้รากหนึ่งได้

‘ปลายราก’

จุดสิ้นสุดของรากที่รากของต้นไม้โลกงอกออก

แม้ว่ามันจะใหญ่มากเสียจนดูเหมือนส่วนหนึ่งของพื้นดินก็ตาม

“เรามาถึงแล้ว”

ฮันซูเอ่ยไปยังผู้คนที่ได้กระโดดไปยังรากไม้ที่ไหม้เกรียม

“เฮ้ เฮ้ ไปด้วยรอยยิ้มสิ และอย่าคิดเกี่ยวกับมันจริงจังนัก มันยังเหลือเวลาอีกสองอาทิตย์ ถ้าพวกนายปีนขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าอย่างนั้นความปลอดภัยของพวกนายก็ยืนยันได้”

“นั่นเป็นการปลอบเหรอ เอาจริงดิ”

พวกเขายังคงเห็นภาพการเคลื่อนไหวของสิ่งนั้นที่พวกเขาติดตามไปด้วยเรือขณะที่มันฉีกกระชากรากไม้ที่รูปร่างเหมือนเกาะได้

‘เวรเอ้ย ฉันควรจะหนีไปให้เร็ว’

โยฮานที่ยังไม่อาจระงับอารมณ์โกรธได้มองไปยังฮันซูอย่างเย็นชาจากนั้นจึงเริ่มคิด

‘… ฉันควรจะทำอะไร? ฉันควรจะอยู่กับเขาอีกหน่อยไหม?’

โยฮานเหลือบมองไปยังฮันซู

หมอนั่นยังไม่ได้ไล่พวกเขา

และจากที่เขาได้ยินมา ไอ้หมอนี่ดูเหมือนจะมีพลังจิตแปลกประหลาด

มันจะมีประโยชน์ถ้าเขาสามารถนำหมอนี่ไปได้

ทว่าโยฮานส่ายศีรษะขณะที่เขามองไปยังคน 150 คนที่จ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาขุ่นเคืองใจ

‘ฉันไม่คิดว่าเราจะสามารถไปด้วยกันกับหมอนี่ได้’

หากพวกเขาไปด้วยกัน มันจะสบายอย่างมากในช่วงเวลานั้น

เมื่อหมอนั่นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน

ทว่าเขาไม่อาจควบคุมอีกฝ่ายได้

ถ้าไอ้หมอนั่นจู่ๆ ก็ <หือ? ฉันไม่ชอบทุกคนที่นี่? ถึงเวลาฆ่าแล้ว> เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้

เขาเข้าใจสิ่งนี้อย่างชัดเจนจากเหตุการณ์ก่อนหน้า

พวกเขาไม่มีทางต่อต้านคำพูดของหมอนั่นที่บอกให้พวกเขากระโดดลงไปได้

และหมอนั่นที่ลงไปในทะเลในขณะที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสง บดขยี้พวกผู้รอดชีวิตต้องสาปได้ยืนยันถึงสิ่งนี้ให้มากขึ้น

‘… เขาไม่มีจุดอ่อนเลยรึไง?’

หากเขาสามารถควบคุมคนแบบหมอนี่ได้ เช่นนั้นมันก็จะเป็นตัวช่วยอย่างดี

และมันดูเหมือนว่าเขาจะสามารถค้นพบมันได้หากไปกับหมอนั่นมากขึ้นอีกหน่อย

ทว่าโยฮานส่ายศีรษะ

เหวระหว่างผู้ชายคนนั้นกับคน 150 คนด้านหลังเขานั้นมันลึกเกินกว่าที่จะถมได้

ไม่มีใครชอบคนที่จะเพิ่มโอกาสอันตราย

มันถึงเวลาที่ต้องแยกกัน

‘ศีรษะของงู… มันดีกว่าหางของมังกร’

โยฮานที่เลือกคน 150 คนมากกว่าฮันซูมองไปยังชายหนุ่มก่อนจะเอ่ย

“ไปตามทางของพวกเราเถอะ ในเมื่อนายกับพวกเราไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดี”

ฮันซูยักไหล่

‘ตอนนี้ฉันเองก็ค่อนข้างยุ่งเหมือนกัน’

ฮันซูคิดถึงบทสนทนาของเขากับเคลเดียนขณะที่เขามองไปยังคนทั้ง 150 คนที่หายไปในส่วนลึกของรากที่ติดไฟและซากปรักหักพัง

<อืม พวกนายทุกคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่… มันไม่มีใครรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติทั้งห้าเป็นอย่างดี>

ภัยพิบัติทั้งห้านั้นนับได้ว่าเป็นภัยธรรมชาติสำหรับผู้ที่ข้ามผ่านเขตสีแดง

มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ถูกฆ่า ทว่าเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาให้หลีกหนีหรืออดทน

และพวกเขาไม่ได้มีความสะดวกสบายในการคิดถึงวิธีการหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติพวกนั้น

เมื่อตัวเขตสีแดงเองก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายมากพอให้คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น

คนคนหนึ่งอาจใช้เวลาคิดถึงวิธีการหนีเฮอริเคนมากกว่าวิธีการทำลายมัน

และยิ่งไปกว่านั้น หากอันตรายใกล้ตัวอย่างเสือและฆาตกรวนเวียนอยู่รอบๆ

พวกเขาได้เตรียมตัวด้วยความรู้ของมนุษย์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ ทว่ามันยังไม่พอ

<ตั้งแต่เขตสีแดงเป็นต้นไป มันกว้างใหญ่ไม่เหมือนกับพื้นที่ฝึกซ้อม เราไม่อาจเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งได้แม้ว่าจะเป็นพวกเรา เพราะแบบนี้ นายต้องรู้เกี่ยวกับมัจฉาภัยพิบัติให้มากที่สุดและหาคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับมันที่จะช่วยนาย>

เขาต้องคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะกระทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทว่าสำหรับเขาให้ทำแบบนั้น สถานการณ์และข้อมูลไม่เพียงพอ

และเพราะแบบนี้ เขาต้องหาใครบางคนที่จะเติมเต็มมันด้วยประสบการณ์

เหมือนคนที่พยายามที่จะปีนภูเขาเอเวอเรสต์ หลังจากที่พวกเขาเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ยังคงต้องมองหาเฌร์พะ (TL: ผู้ที่อาศัยอยู่ที่แนวชายแดนของเนปาลและธิเบต)

เหมือนกับนักสำรวจที่สำรวจป่าอเมซอน แม้ว่าจะเตรียมการเป็นคันรถและวางแผนเป็นเดือนแล้ว พวกเขาก็ยังคงต้องมองหาไกด์ในพื้นที่

นักผจญภัยปีที่สามที่พยายามที่จะฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ บางสิ่งที่ไม่มีใครคิดแม้แต่จะยั่วโมโห

เธอสามารถอยู่ที่ใดก็ได้ในโลกที่กว้างใหญ่นี้ เมื่อผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถที่จะอยู่ทุกที่  ไม่ว่าจะเป็นสุดปลายของราก ฐานของราก กลางราก หรือกระทั่งลำต้น

แน่นอนว่าคนผู้หนึ่งก็จะอยู่ในระดับนั้นหากเขาใช้เวลา 3 ปีในอีกโลก แม้ว่าพวกเขาจะมุ่งเน้นไปในการล่ามัจฉาภัยพิบัติ

‘อืม มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนในการที่จะขึ้นไปแล้ว’

จริงๆ แล้วมันดูเป็นไปไม่ได้ในการที่จะตามหาเธอในเวลา 2 สัปดาห์ ทว่าฮันซูรู้วิธีที่จะหาเธอ

‘บางทีเธอควรจะอยู่ที่กางเขนในตอนนี้?’

มันไม่ใช่กางเขนแห่งการคืนชีพ

เมื่อสิ่งแบบนั้นปรากฏอยู่แค่ภายในพื้นที่ฝึกซ้อม

ทว่าการที่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อตามหาใครบางคนที่หายไปนั้นใกล้เคียงกัน

หากคิดถึงเหตุผลที่ทำไมคามิลลี โรวล์ ได้พยายามล่ามัจฉาภัยพิบัติ เช่นนั้นมันก็ชัดเจนว่าเธอจะต้องอยู่แถวๆ กางเขนในตอนนี้

กางเขนขนาดยักษ์นับพันที่กิลด์ช่วยเหลือได้สร้างขึ้นบนปลายรากทุกราก

‘…มันดูเหมือนว่าทิศทางของเราจะเป็นทิศเดียวกัน’

ฮันซูมองไปยังทิสทางที่โยฮานได้หายไป ทว่าจากนั้นก็มองไปยังเรือของเขา

ชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนเรือและเริ่มที่จะดึงแผ่นไม้กระดานที่ปิดกั้นน้ำทะเลพิษไว้ออก

ครืนนนนน

และไม่ช้า เรือที่ได้อดทนแล่นมาตลอดสามวันก็ได้ส่งเสียงดังลั่นขณะที่มันจมลงใต้ทะเล

ฮันซูที่ได้เก็บกวาดทุกสิ่งขยับเท้าของเขาไปยังทิศที่โยฮานและคนอื่นๆ หายไป

 

 

“เวรเอ้ย… ถึงพวกเราจะสัมผัสมันตอนที่อยู่บนชั้นสามของหอคอยมาก่อน มันก็ร้อนจริงๆ”

โยฮานสบถออกมา

ไฟได้ลุกโชนอยู่รอบกายพวกเขาแม้ว่าจะไม่มีสิ่งใดให้เผายังคงโชติช่วง

พวกเขาได้สัมผัสถึงมันมาแล้วเล็กน้อยบนชั้นสาม ทว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาได้หวังให้ชั้นสามนั้นสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว

ทว่าตอนนี้พวกเขาต้องอาศัยอยู่ที่นี่อย่างต่อเนื่อง

‘… มันดูเหมือนว่าน้ำจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เราจะหาอาหารจากที่ไหน?’

พวกเขาได้ล่าสัตว์อสูร เดินทางในขณะที่กินเนื้อและดื่มเลือดของพวกมันในชั้นสาม

ทว่าสัตว์อสูรที่นี่ต่างออกไป

<ถุ้ย ฉันไม่คิดว่าฉันจะกินไอ้นี่ได้ อุก… ข้างในเจ็บชะมัด>

พวกเขาได้พบสัตว์อสูรจำนวนมากระหว่างทางแล้ว

แม้ว่ามันจะง่ายที่จะจับเพราะคน 150 คนรวมตัวกัน ทว่าพวกเขาไม่อาจกินมันได้แม้ว่าจะพยายามแล้ว

‘เวรเอ้ย… มันเป็นปัญหา’

แต่โยฮานสั่นศีรษะ

มันอาจมีทางเมื่อพวกมันจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตายแบบนั้น

ในตอนนั้นเอง ใครบางคนข้างกายโยฮานได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง

“อ๊า! นั่น! ไม่ใช่ว่ามันคือกางเขนเหรอ?”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของทุกคนก็กระพริบปริบๆ

กางเขน

ดวงตาของผู้คนที่ไม่อาจหาโอกาสที่จะโยนคนข้างกายของพวกเขาลงไปในหลุมได้เพราะถูกกดดันโดยพวกสมาคมและสหพันธ์เริ่มที่จะส่องประกายขึ้น

ทว่าโยฮานตะโกนเสียงลั่น

“เดี๋ยว! เดี๋ยว! แฟรี่บอกพวกเราอย่างชัดเจนแล้วนี่! ว่ามันจะไม่มีการฟื้นคืนชีพอีก! ทุกคนใจเย็นลงหน่อย! ถ้าเราสู้กันที่นี่เราจะตายกันหมด!”

ทุกคนแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กๆ ออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“แต่อย่างน้อยก็ไปดูมันหน่อยเถอะ มันดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น”

“…มันจะไม่อันตรายเหรอ?”

คนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

กางเขน

พวกเขาไม่รู้ว่าใครสร้างมันขึ้นมา แต่พอจะคาดเดาได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร

เมื่อมันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ผ่านบทฝึกซ้อมมาในการทำเพียงแค่ผ่านเลยมันไป

เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน พวกนั้นจึงเลียนแบบกางเขนนั้นและสร้างมันขึ้นจากเหล็ก

‘… มันเปิดเผยอย่างมากจนน่าสบสันกว่าเดิม’

แต่คำตอบต่อความกังวลของพวกเขาได้ดังขึ้นจากด้านบนและในบรรดาพวกเขา

“อย่ากังวล ไอ้พวกคนขี้กังวลแบบนั้นมันค่อนข้างน่ารำคาญ พวกนั้นต้องการให้คนไปที่นั่น ถ้าพวกเขาสร้างไม้กางเขนขึ้น แล้วทำไมไม่ไปดูล่ะ? พวกนายค่อยจัดการมันทีหลังหลังจากที่รวมตัวกันแล้วก็ได้”

“…หือ?”

สีหน้าของทุกคนแข็งค้างเมื่อชายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือซากปรักหักพังในเสี้ยววินาที

เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร

‘เขาวิ่งมาที่นี่จากไม้กางเขนเหรอ?’

ในขณะที่ผู้คนกำลังสงสัยในตัวของอีกฝ่าย ชายคนนั้นก็ได้นับหัวของพวกเขาในเสี้ยววินาที จากนั้นจึงผงกศีรษะ

“ไหนดูสิ 148 คน ไม่เลวกับจำนวนคนเท่านี้ที่รวมกลุ่มกันมาโดยที่ไม่มีลอร์ด”

“นายต้องการอะไร?”

มันชัดเจนว่าชายคนนี้เป็นผู้ที่ได้มายังที่นี่ก่อน

อีกฝ่ายดูแข็งแกร่งกว่าพวกเขา และมันยังมีบางอย่างที่แตกต่างอย่างมากระหว่างอีกฝ่ายกับคนที่พวกเขาเคยพบในบทฝึกซ้อม

‘คนต่างชาติ… และเขาเองก็ไม่มีปัญหาในการพูดกับพวกเรา’

ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีปัญหาใดๆ ในการที่พวกเขาพูดกันคนล่ะภาษา

ชายตาฟ้าหัวเราะขณะที่เอ่ยพูดขึ้น

“อย่าอวดดีนัก พวกเราคือ หืมม… ฉันเดาว่ามันคือสิ่งที่เรียกว่าผู้ช่วยชีวิตในภาษาของพวกนาย”

“อะไรนะ?”

“นายก็เห็นว่าแฟรี่จะไม่ออกมานับแต่ตอนนี้ ดังนั้นแล้วเราจึงปฏิบัติตัวเป็นความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ”

“… นายคือเทวดาชัดๆ นายกำลังคาดหวังให้พวกเราเชื่อมันงั้นเหรอ?”

การช่วยเหลือโดยที่ไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน

ไอ้หมอนี่คิดว่าพวกเขาจะเชื่อได้ยังไง

ชายคนนั้นส่ายศีรษะเมื่อได้ยินคำพูดของโยฮานก่อนจะเอ่ย

“มันมักจะมีคนแบบนาย คนที่ขี้ระแวงอย่างมาก แต่จำไว้ การระแวงมันก็ดี แต่ถ้ามันทำให้คนอื่นอารมณ์เสีย นายก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”

“… อะไรนะ?”

“นายก็แค่ต้องขอบคุณคนจากกลุ่มของฉันนับตั้งแต่ตอนนี้ มันไม่มีเหตุผลให้ติดตามพวกเรา ดังนั้นแค่ฟัง”

“…อะไรนะ?”

“แอรีส วาเลนไทน์ เธอผู้ที่สร้างกิลด์ <ผู้ช่วยเหลือ> ของพวกเราเมื่อ 20 ปีก่อนและได้ขึ้นไปแล้ว”

“…”

“ไหนดูสิ หลังจากนั้นคือ… กระดูกสันหลังของกิลด์ ไคลด์ คอปเปอร์ แบคจุงซาง อาร์ค มาเรียน สามคนนี้ พวกนายไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียด”

‘ไอ้คนพวกนี้จะได้เจอสามในเจ็ดเสี้ยววิญาณได้ยังไง?’

ชายคนนั้นสั่นหัวก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“และหลังจากนั้น ขอบคุณพวกลูกกิลด์คนอื่นๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกนายถูกฆ่า…”

“… พูดต่อ”

ชายคนนั้นหัวเราะขณะที่เขามองไปยังใบหน้าที่ทะมึนทึมขึ้นเรื่อยๆ ของผู้คน

‘อะไร เราอยากที่จะปล่อยผ่านมันไปรึไง?’

ความจริงแล้วแม้แต่สำหรับเขามันก็ยังยากในการที่จะเอาชนะถ้าหากคนทั้งหมดเบื้องหน้าเขาพุ่งเข้ามาหาเขา

แน่นอนว่าหากเขาอยู่ตัวคนเดียว

ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย

“อย่างน้อยพวกนายควรจะขอบคุณผู้ช่วยเหลือกว่าสามหมื่นคนของเราที่เดินทางไปทั่วไอ้ปลายรากเวรนี่แม้ว่าพวกเขาจะถูกจ้างให้ทำก็เถอะ”

“… สามหมื่น?”

ชายคนนั้นยิ้มให้กับโยฮานที่เอ่ยทวนคำพูดของเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว

‘เอาเถอะ แม้ว่าจะมีคนเพียงแค่ 6-7 คนมาที่แต่ล่ะรากก็ตาม’

ทว่าชายคนนั้นกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับไป

มันสะดวกมากกว่าในการขมขู่พวกนี้ด้วยจำนวนตั้งแต่ต้น

และในความจริง คนพวกนี้ที่ได้แสดงสีหน้าขุ่นเคืองได้เตรียมตัวที่จะให้ความสนใจด้วยสีหน้าไร้วิญญาณหลังจากได้ยินเกี่ยวกับคนสามหมื่นคน

‘พวกนี้เป็นแค่ไก่ออ่อน ไก่อ่อน’

มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าคนพวกนี้เป็นเด็กใหม่

เมื่อคนที่เดินทางไปทั่วเขตสีแดงเป็นเวลาสักพักจะไม่หวาดกลัวเมื่อได้ยินเกี่ยวกับจำนวนคนสามหมื่น แต่จะเป็นชื่อที่เขาได้เอ่ยออกไปก่อนหน้านั้น

‘เอาเถอะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเรามีอยู่’

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาต้องทำทุกอยากที่เขาได้รับมอบหมายมาเพื่อไม่ให้คนพวกนี้ตายง่ายๆ

ชายคนนั้นมองไปยังโยฮานและเอ่ยขึ้น

“มันมีของจำนวนหนึ่งที่ฉันต้องให้พวกนาย… แต่มันมีคำแนะนำอยู่นิดหน่อย ฟังให้ดีๆ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกนายถูกฆ่าง่ายๆ”

“… พูดมา”

เขาไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าและคนอื่นๆ ช่วยเหลือพวกเขาเพื่ออะไร แต่มันไม่มีอะไรแย่เกี่ยวกับข้อมูล

ชายคนนั้นเอ่ยต่อ

“สถานที่ที่พวกนายอยู่คือปลายราก นี่คือสถานที่ที่พวกลูกไก่เพิ่งฟักจะวนเวียนอยู่ และเพราะแบบนั้น ตามปกติแล้วมันไม่สำคัญหรอกถ้าพวกนายจะหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แต่…”

“…?”

ชายคนนั้นมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสับสนก่อนจะเอ่ยต่อ

“มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเลวร้าย ดังนั้นแล้วมันจึงมีคนจำนวนมากพร้อมด้วยสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว คนบางคนที่ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่ได้ลงมาที่ปลายราก”

เขากำลังพูดเสียงดังอยู่หน้าคนพวกนี้ แต่เขาเองก็อยู่ในระดับราวๆ กลางรากเท่านั้น

ทว่าคนพวกนั้นที่อยู่ที่ฐานรากหรือลำต้น หรือกระทั่งเหนือขึ้นไปกว่านั้น บางครั้งก็ได้ลงมาที่นี่ ที่ปลายราก

“ดังนั้นแล้ว สิ่งที่พวกนายต้องทำคืออย่าไปหาเรื่องกับคนมั่วซั่วเพียงเพราะพวกนั้นเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเล็กๆ ถ้าพวกนายไม่อยากถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และมันกระทั่งอันตรายยิ่งกว่าในการที่จะเพ่งเล็งไปที่ใครเพียงเพราะคนคนนั้นหน้าตาดี”

คนพวกนี้มักจะไม่แตะต้องพวกลูกไก่เพิ่งฟักที่ปลายรากด้วยกฎที่ไม่ได้บอกกล่าวเป็นคำพูดจำนวนหนึ่ง แต่มันไม่มีใครที่จะบอกให้พวกเขาเมินเฉยต่อการถูกก่อกวน ชายคนที่พูดจบหยุดพักไปชั่วครู่ก่อนจะมองไปรอบๆ

‘ไหนดูสิ… คามิลลี โรวล์ ผู้หญิงคนนี้ไปไหนกัน’

ถ้ายังไงพวกนี้ก็ต้องสัมผัสมันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าพวกนี้จะได้รับประสบการณ์แบบเต็มที่

และคามิลลี โรวล์ก็ได้อยู่ใกล้ๆ โดยบังเอิญ

‘คนพวกนี้ค่อนข้างมั่นใจด้วยจำนวนของพวกเขา… แต่พวกนี้จะขดตัวอยู่บนพื้นเมื่อได้เห็นมัน’

หากคนพวกนั้นที่ทำได้ดีในบทฝึกซ้อมคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำได้ดีที่นี่ เช่นนั้นมันก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง

แต่ในตอนนั้นเองโยฮานก็ได้เอ่ยขึ้นไปยังชายคนนั้น

“… ไม่ใช่ว่าพวกนายบอกว่าพวกนายจะไม่แตะต้องพวกมือใหม่เหรอ? ถ้าพวกนายทำแบบนั้นพวกนายจะถูกฆ่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายที่กำลังมองหาคามิลลี โรวล์ก็ได้ผงกศีรษะ

“ถูกแล้ว”

“… งั้นนั่นอะไร? เท่าที่รู้ไอ้หมอนั่นก็เป็นมือใหม่เหมือนพวกเรา”

“หือ?”

ในตอนที่ชายคนนั้นมองไปตามทิศทางที่โยฮานชี้ คลื่นกระแทกรุนแรงและเสียงกรีดร้องก็ได้ดังไปทั่วพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงนี้

ตูมมมมม!

“เข้ามานี่! ไอ้เวรนี่!”

“ไม่เอาน่า มันมีปัญหาอะไรเล่า? ฉันบอกว่าฉันจะช่วยเธอฆ่ามัจฉาภัยพิบัตินะ?”

“ไอ้ลูก***นี่!”

ผู้คนที่กำลังจ้องมองภาพปรักหักพังถูกทำลายลงยักไหล่ และมองไปยังชายที่บอกว่าเขามาจากกิลด์ผู้ช่วยเหลือ ชายคนนั้นแสดงสีหน้าจนใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

 

 

ฮันซูยักไหลหลังจากมองไปยังคามิลลี โรวล์ที่พุ่งเข้ามาหาเขา

‘…ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้บอกฉันว่าบุคลิกของเธอจะหยาบคายแบบนี้ คำแนะนำที่ฉันให้เธอไปมันไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอ?’

มันดูเหมือนว่าจะเกิดการเข้าใจผิดบางอย่าง แต่หากทุกสิ่งเป็นไปแบบนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องคุยกันอย่างจริงจังแล้ว

‘มีการเตรียมการนิดหน่อยที่จำเป็น… ในการพูดคุยอย่างจริงจัง’

ฮันซูเริ่มคลุมร่างของเขาด้วยสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจเพื่อที่จะทำการพูดคุย

 

 


TL: คุยด้วยปากไม่ได้ ก็คุยด้วยมือด้วยเท้าวนไปนะคะ