บทที่ 53: เขตสีแดง (3)

 

 

 

โยฮานแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมายังท้องทะเลที่อยู่ห่างไกลออกไปจากบนดาดฟ้าเรือ

‘มันเยี่ยมไปเลย’

คน 100 คนจากการรวมตัวกันของ 8 กลุ่ม

พวกเขาตัดสินใจกันว่าพวกเขาจะอยู่ส่วนใดของเรือเป็นเวลาอีก 3 วัน

มันเกิดสงครามประสาทเล็กๆ ขึ้นเมื่อจุดที่ดีนั้นมีอยู่จำกัด แม้ว่าจะเป็นในเรือลำเดียวกัน

แต่แม้พวกเขาจะมีคนราวๆ 100 คน มันก็ยังคงมีความแตกต่างอยู่

เขาและพวกพ้องนั้นเป็นหนึ่งในบรรดาคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทั้ง 100 คน และเพราะเช่นนั้น พวกเขาจึงได้รับสิทธิพิเศษในการอยู่ส่วนที่สบายที่สุดของเรือ

‘นี่แหละ เยี่ยมมาก’

โยฮานที่ได้รับความเหนือกว่าที่เขาไม่ได้อาจได้รับยามที่พวกสหพันธ์กิลด์ยังอยู่ได้แย้มยิ้มออกมาด้วยขวัญกำลังใจที่ดี

แม้ว่ามันจะมีบางสิ่งที่ยังคงติดอยู่ภายในใจของเขาก็ตาม

‘ถ้าเพียงแค่ฉันรู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่’

โยฮานมองไปยังฮันซูที่ยืนอยู่ที่ใจกลางดาดฟ้าและทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลที่ห่างไกล

มันเป็นผลลัพธ์จากการที่ฮันซูไม่แสดงท่าทีใดๆ แม้ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด

หมอนั่นได้ปล่อยให้พวกเขาขึ้นมาบนเรือ แต่ไม่ได้ใส่ใจพวกเขาอย่างจริงจัง

‘เขาเป็นปัญหา’

โยฮานคิดขณะที่มองไปยังชายหนุ่ม จากนั้นจึงผงกศีรษะ

‘อย่างที่คิด… มันมีความจำเป็นในการสร้างความสัมพันธ์กับหมอนั่น’

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าพวกเขาจะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกสักพัก เช่นนั้นมันก็ไม่มีอะไรแย่กับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชายคนนั้น

ไม่สิ จริงๆ แล้วมันยอดเยี่ยมอย่างมากเลยต่างหาก

เมื่อตราบเท่าที่เขาสามารถแสดงให้คนอื่นเห็นได้ว่าเขาสนิทกับอีกฝ่าย คนอื่นๆ ก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขา

แม้ว่าอิทธิพลของพวกเขาในปัจจุบันจะค่อนข้างอยู่ในฝั่งที่ยิ่งใหญ่กว่า มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าคนอื่นๆ หรือสมบูรณ์แบบ

สองสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะทำให้อิทธิพลของพวกเขามั่นคง

พวกเขาต้องค่อยๆ ชักจูงกลุ่มอื่นๆ และสร้างความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับฮันซูไปพร้อมๆ กัน

‘เอาเถอะ จะอย่างไรทั้งสองอย่างก็ไม่ได้ต่างกันนัก’

เมื่อเขาสามารถรวบรวมคนจากกลุ่มอื่นๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว เช่นนั้นฮันซูก็จะไม่อาจเมินเฉยต่อเขาได้อีก และในทางกลับกัน หากเขาสามารถสนิทกับฮันซูได้ คนอื่นๆ ก็จะเชื่อฟังคำพูดของเขามากขึ้น

‘มันดูเหมือนว่าเขาจะยังเด็กอยู่ด้วย… ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกที่ไม่ชื่นชอบการถูกปฏิบัติด้วยดีๆ หรอก’

และเพื่อการนั้น เขาต้องคุยกับอีกฝ่าย

เมื่อเขาต้องหาความต้องการของชายหนุ่ม

‘มันคงจะดีถ้าเขาชอบผู้หญิงหรืออะไรแบบนั้น’

ทันทีที่โยฮานลุกขึ้นจากดาดฟ้าเรือและพยายามที่จะเดินตรงไปยังฮันซู เสียงก็ดีงขึ้นจากเบื้องหลัง

“…วยด้วย!”

“หืม?”

โยฮานขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังคนที่ตะโกนขึ้นมาจากในทะเลที่ห่างไกล

เขาไม่อาจมองเห็นหรือได้ยินอย่างชัดเจนเพราะมันไกลกินไป ทว่าเสียงนั้นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตามระยะทางที่เรือเข้าใกล้

‘… นั่นใคร?’

“เวรเอ้ย! เวรเอ้ย! ช่วยฉันด้วย! เรือที่ผ่านไปน่ะ!”

“อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้น?”

เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนออกจากการพักผ่อนของตนเองและขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อมองดู

เรือหน้าตาคุ้นเคยที่จมลงครึ่งหนึ่งและเสียหาย

คนได้ตะโกนจากบนเรือขนาดใหญ่ที่เล็กกว่าที่พวกเขาอยู่ ทว่ายังคงสามารถบรรทุกคนได้ 50 คน

มันดูเหมือนว่าพวกนั้นได้ติดอยู่บนหินขณะที่หนีไปหลังจากถูกโจมตี

พวกนั้นหยุดจมเพราะได้ติดอยู่เหนือโขดหินโสโครก ทว่ามันชัดเจนว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหากพวกนั้นยังคงอยู่แบบนั้น

แต่พวกเขาแสดงสีหน้าเย็นชาเมื่อเห็นใบหน้าของเหล่าผู้คนที่อยู่บนดาดฟ้า

‘ฉันจำได้’

มันยากที่จะลืม

เมื่อพวกเขาจำถึงสิ่งที่พวกนั้นเอ่ยกับพวกเขาตอนที่พวกนั้นทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง

<เจ้าพวกเวรขี้เกียจ! พวกแกต้งการให้พวกเราพาพวกแกไปด้วยทั้งๆ ที่พวกแกวิ่งเล่นไปรอบๆ ขณะที่คนอื่นๆ กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเรือ? ไร้ยางอาย พวกแกช่วยเหลือในการสร้างเรือสักชิ้นไหมล่ะ? และพวกแกต้องการให้พวกเราใช้คนอย่างพวกแกทำอะไร?>

‘มันดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแล้ว’

พวกเขาสามารถช่วยพวกนั้นได้ถ้าพวกเขาใช้พังงา แต่มันไม่จำเป็นที่จะต้องนำเรือของพวกเขาไปยังบริเวณที่มีหินอยู่

ทั้งคนพวกนั้นยังได้รวมกลุ่มกันเป็นอย่างดีและแข็งแกร่งด้วย

เมื่อคนพวกนั้นมาที่เรือนี้ เช่นนั้นสมดุลจะล้มไปยังคนพวกนั้นแทน

‘ทำแบบนั้นไม่ได้’

โยฮานหัวเราะเสียงเย็นจากนั้นจึงตะโกนเสียงดัง

“ไสหัวไป! พวกลูก***”

“อุวะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

คนอื่นๆ ก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะออกมา

เมื่อภาพที่คนอื่นๆ กำลังทรมานและตัวเองนั้นปลอดภัยเป็นภาพที่น่าพึงพอใจอย่างมาก

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังหัวเราะจากสถานการณ์ที่ออกมาแปลกประหลาดเช่นนี้ เรือก็เริ่มที่จะสั่นสะท้านและเปลี่ยนทิศทาง

“หือ? อะไรกัน?”

“หืมมม?”

ผู้คนเริ่มลนลานขณะที่พวกเขามองไปยังใจกลางดาดฟ้า

และพบกับภาพของฮันซูที่กำลังหมุนพังงาเรือด้วยสีหน้าสบายๆ ที่จุดนั้น

คนจำนวนหนึ่งักดฟันกรอดพร้อมกับตะโกนออกไป

“อะไรกัน! ทำไมนายถึงได้เปลี่ยนทิศ!”

พวกเขาไม่อาจมองไปทางคนพวกนั้นได้หากนับรวมถึงความสิ้นหวังที่พวกเขารู้สึกยามที่คนพวกนั้นทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง

แต่การที่จะไปช่วยพวกนั้นด้วยการหันหัวเรือไปทางบริเวณที่อาจมีหินอยู่แบบนี้

ทว่าฮันซูส่ายศีรษะ

‘ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี’

“เราควรที่จะช่วยคนที่เราสามารถช่วยได้ อยู่กันดีๆ ล่ะ”

คนอื่นๆ ตวาดไปยังชายหนุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เวรเอ้ย! นายไม่แม้แต่จะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงนั้น! นั่นมันอาณาเขตหินโสโครก!”

แข็งแกร่งก็ส่วนแข็งแกร่ง แต่หมอนั่นกระทั่งเมินเฉยต่อพวกเขาทั้งหมดและตัดสินใจด้วยตัวเองเพียงเพราะเขามีพลัง

แม้ว่าเรือจะเป้นของเขา มันก็ยังมีคนอีกร้อยคนอยู่ด้วย แล้วทำไมหมอนั่นถึงได้ตัดสินใจเลือกทางที่จะนำไปสู่อันตราย

โยฮานโวยวายเพราะเหตุผลที่ต่างออกไป

‘ไอ้คนเสียสตินั่นคิดบ้าอะไรอยู่’

โยฮานกัดฟันกรอด

เขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ทั้งคน 100 คน และฮันซู

ไม่สิ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เขาอาจจะสามารถกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในเขตสีแดง

หากเขาได้รับคนทั้ง 100 คนและฮันซูไปอยู่ข้างกายโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง อิทธิพลของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นขนาดราวกับลูกบอลหิมะ

แต่หากหมอนั่นทำตามอำเภอใจแบบนั้น เช่นนั้นเขาก็จำต้องยอมแพ้หนึ่งในสองอย่าง

เมื่อเขาไม่อาจมัดรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันได้หากทั้งสองฝ่ายเกลียดกัน

‘เวรเอ้ย เพราะเขายังเป็นเด็กอยู่’

มันไม่มีประโยชน์ในการมีคนมากหากทุกคนไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ไม่สิ จริงๆ มันแย่เสียด้วยซ้ำ

พวกเขาได้เข้าใจมันตั้งแต่อยู่ในบทฝึกซ้อม

และมันยากสำหรับการที่พวกเขาทั้ง 100 และคนพวกนั้นในการอยู่ร่วมกัน

เมื่อความเป็นศัตรูระหว่างพวกเขานั้นมากมายอยู่แล้ว

ทำไมพวกเขาต้องช่วยเหลือคนพวกนั้นด้วย

‘มันไม่ดีเลย มันไม่ดีเลย’

โยฮานส่ายศีรษะอยู่ภายใน ทว่าจากนั้นก็เดินตรงไปยังฮันซูหลังจากที่แก้ไขสีหน้าของเขาแล้ว

“ทำไมนายถึงเปลี่ยนทิศทางเรือ? ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ให้ช่วยเหลือคน แต่ส่วนลึกของบริเวณนั้นมันอันตรายเกินไป มันเป็นหินทั้งหมด แล้วทำไมนายถึงได้เข้าใกล้พวกนั้นทั้งๆ ที่พวกเราไม่แม้แต่จะรู้ว่าอะไรที่ทำให้พวกนั้นย่ำแย่แบบนั้น? นายกำลังพยายามนำคน 100 ให้ไปตกอยู่ในอันตรายเพียงเพื่อช่วยคน 50 คนรึไง?”

คนอื่นๆ ต่างผงกศีรษะ

แม้ว่าพวกเขาจะคิดจะปล่อยให้คนทั้ง 50 คนตายเพราะพวกเขาไม่ชอบพวกนั้น แต่เหตุผลที่ใหญ่ที่สุด และเหตุผลที่พวกเขาจะไม่ถูกเกลียด เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายได้เอ่ยไป โยฮานเอ่ยต่อ

“ฉันเข้าใจว่านายแข็งแกร่ง แต่ฉันเชื่อว่านายคงไม่อาจช่วยพวกเราได้ถ้าเรือจม ใช่ไหม?”

ฮันซูหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้น

“สองเรื่องนั้นเป็นปัญหาเหรอ?”

โยฮานสติหลุดไปเล็กน้อยจากการหัวเราะของอีกฝ่าย ทว่าจากนั้นก็ผงกศีรษะ

แม้ว่ามันจะมีเหตุผลอื่น มันก็น่าอายเกินกว่าที่จะเอ่ยพูดไป

“ใช่ ดังนั้นแล้วเราควร…”

แต่กระทั่งก่อนที่เขาจะพูดจบ ฮันซูก็ได้เปลี่ยนทิศทางหลังจากยักไหล่

ทุกคนแสดงสีหน้าพึงพอใจเมื่อเห็นเช่นนั้น

การที่ฮันซูไม่ได้เมินเฉยคำพูดของพวกเขานั้นให้ความรู้สึกดีกว่าการที่พวกเขาได้รับความปลอดภัยเสียอีก

โยฮานเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

‘ใช่ นายไม่ใช่สิ่งที่จะมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันไม่ดีเหรอในการที่พวกเราทั้ง 100 คนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในระหว่างทาง’

แต่มันไม่มีเหตุผลมากมายอะไรสำหรับการที่ฮันซูเปลี่ยนแปลงทิศทางอีกครั้ง

‘เอาเถอะ ยังไงเดี๋ยวพวกนั้นก็ขึ้นมาหมด’

ซ่า

ซ่าาาา

“ไอ้เวรพวกนี้ พูดอีกครั้งสิ”

โยฮานขมวดคิ้วไปยังเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังเรือ

“…ฉิบหายเอ้ย”

ทั้ง 50 คนที่ขึ้นมาบนเรือด้วยการโยนชิ้นส่วนของเรือลงไปบนทะเลและสร้างทางขึ้นมาบนเรืออีกลำได้จ้องมองไปยัง 100 คนเดิมที่อยู่บนเรือแต่แรก

แม้ว่าพวกเขาจะห่างกันนับร้อยเมตร ระยะทางเพียงเท่านั้นก็ไม่ใช่ปัญหา

ทว่าฮันซูมุ่นคิ้ว

“อย่าเสียงดัง มันจะมาแล้ว”

ยิ่งมีคนมากเท่าใด ก็ยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้น

“อะไรนะ?”

ตูมม!

ซ่า

พรวดดด

ในเวลาเดียวกัน เสียงบางอย่างถูกฉีกกระชากจนพังทลายก็ได้ดังขึ้นจากด้านล่าง

และในตอนนั้นเองที่สีหน้าของคน 50 คนที่ขึ้นมาบนเรือได้ขาวซีดลง

“เวรเอ้ย… ไม่ใช่ว่าพวกมันตามเรือลำอื่นไปแล้วหรือ”

“อะไรนะ? พวกนายรู้อะไร?”

ในขณะที่โยฮานมุ่นคิ้วและเอ่ยถามผู้ที่มาทีหลัง ฮันซูก็กระโดดขึ้นไปบนกราบเรือและมองลงไปด้านล่าง

‘มันมาแล้ว’

<ผู้รอดชีวิตต้องสาป>

สิ่งที่ได้ปิดกั้นเส้นทางจากพื้นที่ฝึกฝนไปยังจุดเริ่มต้นของเขตสีแดง

ไอ้ตัวพวกนี้ไม่อาจขึ้นจากน้ำได้

เมื่อพวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่ในน้ำเนื่องจากได้รับคำสาปจากทะเลพิษ

พวกมันไม่มีทางที่จะกินมนุษย์ได้เมื่อมองจากทางหนึ่ง ทว่าทางที่พวกมันเลือกที่จะทำนั้นเรียบง่ายอย่างมาก

หากพวกมันไม่อาจล่ามนุษย์ได้ตรงๆ พวกมันก็แค่ต้องลากมนุษย์ลงไป

ไอ้ตัวพวกนี้ซี้ซั๊วโจมตีเรือที่ผ่านไปมาจากพื้นที่ฝึกซ้อมสู่เขตสีแดงและสร้างรูขึ้น

และเมื่อคนจมลง พวกมันจะรอจนกระทั่งร่างกายของมนุษย์ถูกกัดกินโดยพิษและกินหลังจากที่ร่างเหล่านั้นเปื่อยเพียงพอ

การที่คนเหล่านี้ที่เพิ่งขึ้นมาบนเรือยังมีชีวิตรอดนั้นก็เป็นเพราะพวกเขาได้อยู่เหนือโขดหิน

ส่วนที่คุกคามมากที่สุดนั้นคือการที่ไอ้ตัวพวกนี้ไม่อาจออกมาจากน้ำได้ และจากมุมมองของมนุษย์ที่ต้องลงไปในน้ำเพื่อที่จะฆ่าพวกมันก็มีเพียงแค่ไม่น่าทำเท่านั้น

พวกมันไม่อาจแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนได้หากเป็นเรือสำหรับ 2,000 คน แต่เรือสำหรับ 500 คนนั้นจะเกิดรูขึ้นในที่สุดถ้าไอ้ตัวพวกนั้นโจมตี

อย่างที่เขาคาด ผู้คนที่ได้ยินเสียงจากด้านล่างและลงไปดูได้ขึ้นมาพร้อมเสียงกรีดร้อง

“ไอ้พวกเวรฉิบหาย! พวกมันกำลังสร้างรูที่ท้องเรือ!”

“ไปเหวี่ยงดาบในมือหรืออะไรอย่างนั้นเป็นอย่างน้อยสิวะ!”

“เวรเอ้ย! มึงต้องการให้กูสู้กับพวกมันยังไงถ้าน้ำทะเลพิษกำลังไหลเข้ามาเรื่อยๆ!!”

“อย่างน้อยก็ตัดหอกของพวกมัน”

โยฮานขบฟันแน่นเมื่อเห็นความวุ่นวายนั้น

“เราไม่อาจแม้แต่จะไปถึงตัวพวกมันได้…”

พวกเขาจะโจมตีไอ้พวกตัวข้างล่างนั่นได้ยังไง

แม้ว่าพวกเขาจะใช้การโจมตีระยะไกล มันก็ยังคงใช้เวลาตลอดไปหากพวกเขาต้องการจัดการไอ้พวกนั้นที่เกาะติดอยู่ใต้เรือ

และพวกเขาไม่อาจกระโดดลงไปในทะเลได้เมื่อพวกเขาไม่แม้แต่จะรู้ว่าอะไรอยู่ด้านล่างนั่น

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถต้านพิษได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งด้วยพลังป้องกันและสกิล ทว่ามันก็ยังคงอันตรายอย่างมาก

และพวกเขาก็ยังสามารถทนทานได้ไม่เลวเพราะมันเป็นเรือสำหรับ 500 คน หากมันเป็นเรือที่เล็กกว่านี้ มันย่อมกลายเป็นซากไปในเสี้ยววินาที

“เวรเอ้ย! คนที่มีพลังสนับสนุนมาทางนี้!”

พวกเขาต้องกระโดดลงไปและเอาพวกมันออกไปด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง

และคนที่มีสกิลป้องกันอย่างสกิลสนับสนุนจะสามารถมีชีวิตรอดในน้ำและต่อสู้ได้

เพราะนอกจากมันจะเพิ่มพลังป้องกันแล้ว มันยังสามารถขัดขวางพิษได้ในระดับหนึ่งด้วย

ทว่าผู้คนได้ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับถอยหลัง

‘เวรเอ้ย… ฉันจะไม่ลงไปเหมือนกัน’

โยฮานขบฟันแน่น

เขาไม่แม้แต่จะรู้ว่าไอ้ตัวข้างล่างนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน

และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถจัดการเรื่องพิษได้ แล้วใครกันที่จะกระโดดลงไปในทะเลมืดมิดที่ไม่อาจแม้แต่จะมองเห็นได้

คนส่วนมากหวาดกลัวในการเข้าไปในสถานที่ที่ไม่รู้ถึงจุดสิ้นสุดของมัน

ฮันซูเอ่ยขึ้นขณะที่มองไปยังคนเหล่านั้น

“ฉันไม่ต้องการพวกนาย ดังนั้นแล้วคนที่มีสกิลสนับสนุนลงไปด้านล่างเรือและเอาหอกออกไป เมื่อคนมาใหม่ได้ขึ้นมาแล้วก็ควรจะจ่ายส่วนของตัวเองเหมือนกัน คนที่มีสกิลระยะไกลสู้กับพวกนั้นโดยอยู่ประชิดกราบเรือ

“อะไรนะ? เฮ้! นายกำลังพยายามจะทำอะไร!!”

โยฮานลนลานขณะที่เขามองไปยังฮันซู

การกระทำของชายหนุ่มที่กำลังยืดร่างกายพร้อมกับมองไปยังผืนน้ำด้านล่างจากกราบเรือนั้นค่อนข้างชัดเจน

มันหมายความว่าเขาจะลงไปในน้ำ

‘เขาบ้าไปแล้วเหรอ?’

โยฮานกระวนกระวาย

หมอนั่นไม่ใช่คนที่จะสามารถตายด้วยวิธีการที่น่าละอายแบบนั้นได้

แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง มันก็ยังคงมีสิ่งที่เรียกว่าความสามารถอยู่

นี่เป็นสนามรบที่ไม่น่าพิสมัยอย่างมากหากคนคนหนึ่งไม่มีสกิลเป็นโล่

ทว่าฮันซูไม่ได้ฟังคำพูดของโยฮานแล้ว

‘พลังสนับสนุนมังกรปีศาจ ไหนดูสิว่ามันจะดีแค่ไหน’

รางวัลที่เขาได้รับจากการเคลียร์ประตูที่สามของดันเจี้ยนสุดท้าย

มรดกที่ไม่มีผู้ใดจัดอันดับ เพราะยังไม่มีใครค้นพบมัน

<หมายเลขศูนย์>

แสงสีดำทองสองสายได้ล้อมรอบร่างของชายหนุ่มราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกจากร่างของเขา และเมื่อร่างกายของเขาถูกล้อมรอบด้วยมันจนไม่อาจมองเห็นได้ ชายหนุ่มก็กระโดดลงไปในน้ำ

ตูมมม!

ไม่ช้า เสียงระเบิดดังสนั่นก็ดังขึ้นพร้อมกับเศษเนื้อของบางสิ่งและน้ำทะเลพิษได้พุ่งกระจายขึ้นสูงจากด้านข้างเรือ

 


TL: นิสัยโยฮานคุ้นๆ เหมือนใครน้า ใช่คนที่ตายไปแล้วไหมน้า

ปล. ทำไมขยันทำเรื่องโง่ๆ กันจังเลย