บทที่ 53 เหล่าผู้ชมที่ตกตะลึง

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมามองไปยังชายชราที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนๆนี้

หลินหงชวน

ผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิน ผู้อยู่ในบทบาทสำคัญมาตลอดตั้งแต่เขาเริ่มทำธุรกิจ นอกเหนือจากนั้นเขายังมีลูกหลานจำนวนมากอยู่รอบกาย พลังอำนาจที่เขาเคยถือครองเริ่มถ่ายโอนไปสู่ลูกหลานบ้าง ถึงกระนั้นแม้เขาจะไม่ได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งอย่างเป็นทางการแต่ไม่มีใครกล้าเมินเฉยต่ออิทธิพลของผู้เฒ่าผู้นี้ นี่ยังไม่ต้องกล่าวถึงขณะนี้ลูกชายคนโตสุดของเขายังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดอีกด้วย

เขาก้าวออกมาจากลิฟท์ช้าแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับยืนอยู่ตรงปากหุบเหว ทุกก้าวเดินของผู้เฒ่าทำให้ลมหายใจของผู้คนติดขัดไปหมด ไม่มีใครรู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงปรากฎตัวออกมาในสถานที่เช่นนี้

ใครกันในนี้ที่นี้ที่คู่ควรให้ชายแก่ผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับเดินมาหาด้วยตนเอง?

“ท่านปู่ ก้าวเดินช้าๆเถอะครับ”

ชายหนุ่มที่อยู่ในเครื่องแต่งกายหรูหรายืนด้านหลังของชายแก่พูดขณะมีรอยยิ้มบนใบหน้า นี่ไม่ใช่หลินซิวเหวิน คนที่เย่เฟิงเจอครั้งที่แล้วหรอกหรือ?

ในเวลานี้เขาเดินมาพร้อมกับหลินหงชวน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินแต่ฐานะของเขาก็มากพอที่จะทำให้คนอื่นๆต้องกลัวจนตัวสั่นได้ อย่าว่าแต่ตอนนี้ผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลินก็ยืนอยู่กับเขาเช่นกัน มันทำให้พลังอำนาจของซานเฉี่ยวทวีคูณมากขึ้นไปอีก (ซานเฉี่ยว-ลูกชายคนที่สาม)

ลูกค้าจากห้องอื่นๆยืนอย่างสำรวมอยู่ข้างทาง การที่พวกเขามากินข้าวที่ภัตตาคารจินเชิงได้แน่นอว่าฐานะของแต่ละคนต้องไม่ต่ำทราม พวกเขาจึงตระหนักได้ทันทีถึงสถานะของผู้เฒ่าตระกูลหลินคนนั้จากการมองเพียงแค่ปราดเดียว

“โหมว ในเมื่อฉันมาที่นี่แล้ว ธุระของโหมวก็จบแล้วล่ะ”

ผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลินเดินมาด้านข้างของโหมวเจิ้นเฉียงและตบบนบ่าของเขาด้วยรอยยิ้ม

โหมวเจิ้นเฉียงมีเครือข่ายกับตระกูลหลงในวงการผู้ฝึกยุทธ์ส่วนผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลินความสัมพันธ์ในวงการผู้ฝึกยุทธ์กับตระกูลเย่ อย่างไรก็ตามสถานะของตระกูลเย่ขณะนี้ต่างชั้นกับตระกูลหลงอย่างมาก แต่ถึงจะมีข้อได้เปรียบกังนี้โหมวเจิ้นเฉียงก็ไม่กล้สแม้แต่เอ่ยสักคำต่อหน้าผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิน

“ไปกันได้แล้ว!”

โหมวเจิ้นเฉียงไม่เสียเวลาพูดอะไรอีก เขาหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเฉียบและหันหลังเดินจากไป

เสือที่ดุร้ายกลับกลายเป็นถูกทำให้เชื่องโดยผู้เฒ่าตระกูลหลิน ที่ไม่น่าเชื่อมากกว่ามันคือเกิดขึ้นอย่างง่ายดายในชั่วพริบตา

เย่เฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นยังคงจำได้ว่าโหมวเจิ้นเฉียงเมื่อครู่นี้แสดงท่าทีดุร้ายปานใด ชายหนุ่มคิดกับตัวเองว่าในอนาคตมีคนให้เขาต้องจัดการเพิ่มเสียแล้ว

หลังจากนั้นเขาหันกลับไปหาชายแก่จากตระกูลหลินและหลินซิวเหวิน คิ้วชายหนุ่มขมวดเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดจะพึ่งพาตาะกูลหลินเลยแต่ว่าอีกฝ่ายกลับโผล่มาเช่นนี้ มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนจริงๆ

หลิวลี่ฮุ่ยผู้ที่ยืนหลังเย่เฟิงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายร่างอ้วนคาดไว้แต่แรกแล้วว่าเย่เฟิงต้องมีความสัมพันธ์สักอย่างกับผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิน แต่เขากลับไม่คิดว่าชายแก่คนนี้จะมาที่นี่ด้วยตนเองเป็นการส่วนตัว นี่ไม่ใช่ว่ามันสุดยอดไปเลยงั้นหรือ? เย่เฟิงเป็นคนเรียกหลินหงชวนมาเพื่อช่วยเหลือเขา นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของผู้กำกับร่างอ้วน

สำหรับซูเหมิงหานที่ยืนอยู่ข้างเย่เฟิงตลอดเวลารู้สึกเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้หรอกว่าชายชราคนนี้เป็นใคร แต่หญิงสาวพอจะรู้จักหลินซิวเหวินผู้ที่เป็นลูกชายของเศรษฐีที่ร่ำรวยแห่งเมืองเหยียนจิง เขามีชื่อเสียงที่ไม่ดีเลยในด้านความเจ้าชู้ของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของผู้คนโดยรอบเธอเริ่มจะคาดเดาถึงสถานะของชายชราตรงหน้านี้ได้

เด็กสาวไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผู้เฒ่าตระกูลหลินคนนี้มาที่นี่ ถ้าเขาต้องการที่จะจัดการกับเย่เฟิงล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น… เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร

“ไม่ต้องห่วง หลบไปก่อน ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

เย่เฟิงโบกมือสั่งงานชายหน้าบากที่ถือมีดอยู่ ชายหนุ่มรู้ดีตั้งแต่คนของตระกูลหลินปรากฎตัวไม่มีใครกล้าจะเอ่ยปากหรือทำอะไรทั้งนั้น

แม้ว่าจะลังเลอยู่บ้าง แต่เย่เฟิงก็ยอมรับว่าการมาของตระกูลผลินช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดายจริงๆ ซูซินฉาง ตระกูลเซี่ย แก๊งอสรพิษสวรรค์ ทั้งหมดนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรทั้งนั้น ในสายตาของชายชราตระกูลหลิน เย่เฟิงเป็นคนที่จะมาเป็นสามีของหลานสาวสุดที่รักของเขา ไม่ว่าเย่เฟิงจะยอมรับหรือไม่ก็ตามมันเป็นอีกเรื่องนึง

ชายหน้าบากงงงันและสงสัยกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อเห็นเย่เฟิงทำสัญญาณมือว่าไม่เป็นอะไร เขาได้แต่ปฏิบัติตามนั้นและสั่งให้คนของกลุ่มอสรพิษสวรรค์ถอนตัวไปอยู่ข้างหลังเย่เฟิงในทันที

คนของตระกูลเซี่ยรวมไปถึงทหารลูกน้องของเซี่ยเฉิงเย่ต่างงงเป็นไก่ตาแตก พวกเขากระวนกระวายแทบตายแล้วตอนนี้ แม้แต่เซี่ยหมินที่ทำตัวเกรี้ยวกราดอยู่ตลอดเวลาก็ยังต้องเงียบกริบไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง

เมื่อชายชราแซ่หลินค่อยๆย่างเท้าเข้ามาใกล้เย่เฟิง ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกราวกับตนเองถูกล้อมโดยอาณาเขตบางอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่กับบรรยากาศรอบตัวเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งลมหายใจของเขาก็เหมือนถูกกุมไว้อยู่ในมือของชายชราผู้นี้!

สีหน้าเย่เฟิงเริ่มเคร่งเครียด เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่มีพลังอำนาจมากมายขนาดนี้อยู่ ผู้คนรอบๆชายชราแซ่หลินต่างหายใจติดขัด เมื่อเผชิญหน้ากับบุคลิคกภาพอันแข็งแกร่งของเขา

“ไม่ใช่แค่หลินหงชวนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ แต่เขายังล้อมรอบไว้ด้วยคนอื่นๆที่มากมายราวกับชายชราถูกป้องกันจากสิ่งรบกวนภายนอก!”

เย่เฟิงเริ่มรับรู้ถึงบุคคลอื่นๆนอกจากหลินหงชวนและหลินซิวเหวิน พวกเขากล้าจะมาที่นี่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มอาชญากรรมใต้ดินติดอาวุธในมือโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย

เวลาเหมือนถูกปรับให้เดินช้าลง แต่ในความเป็นจริงมันแค่ชั่วครู่เท่านั้นที่หลินหงชวนเดินมาหาชายหนุ่ม

“เย่เฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันสินะ รู้หรือไม่ว่าฉันคนนี้เป็นใคร?”

หลินหงชวนยืนห่างจากเย่เฟิงในระยะสามเมตรและจึงเอ่ยถามกับชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล

“คุณคือหลินหงชวนใช่ไหมครับ?”

เย่เฟิงมองไปที่ชายชราด้วยอาการมึนงง

ในระยะเวลาอันสั้นผู้คนโดยรอบตกใจและหวาดกลัวกับสิ่งที่เย่เฟิงทำ เขากล้าเอ่ยปากเรียกชื่อผู้เฒ่าแซ่หลินตรงๆแบบนี้ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่กลัวความตายเลยหรือไง?

ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือชายชราแซ่หลินกับพูดกับชายหนุ่มอย่างสุภาพราวกับว่าพวกเขารู้จักกันดีมาก่อน เรื่องนี้มันออกจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อยแล้ว

“นี่! แกเป็นหลานของสหายเก่าของปู่ฉันก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะมาแสดงท่าทีไม่เคารพกันแบบนี้ได้นะ!”

หลินซิวเหวินมองแต่เฟิงอย่างโกรธเคือง แน่นอนว่าชายหนุ่มรู้ว่าเย่เฟิงเป็นใครแต่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับมันมาก่อน ตอนนั้นเองที่ซานเฉี่ยวเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ว่าคุ้นๆหน้างั้นหรือ แสดงว่าเขาต้องเคยพบมันมาก่อนรึเปล่า?

“ต้องขอโทษด้วย แต่ว่าปู่ของผมแนะนำคุณมาแบบนี้”

เย่เฟิงไม่ได้โต้เถียงกับซานเฉี่ยว ไม่แม้แต่จะเหลือบไปมอง เขาอธิบายให้กับผู้เฒ่าแซ่หลินฟัง

“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรๆ ถูกแล้ว เจ้าแก่สหายข้ามันเป็นคนแบบนี้จริงๆ”

ชายชราแซ่หลินไม่ได้โกรธเคืองเย่เฟิงเลยเขากลับเป็นฝ่ายหัวเราะออกมา สายตาชายแก่แสดงถึงความชมเชยต่อแย่เฟิง ชายหนุ่มที่มีลักษณะท่าทางแบบนี้เขาไม่เคยพบเห็นมากกว่าสิบปีแล้ว พูดไปคนหนุ่มปัจจุบันเวลาเจอตัวเขาเมื่อไรก็เกรงกลัวเขาราวกับเห็นจักรพรรรดิอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของชายชราแสดงถึงความชื่นชมและนับถือในตัวเย่เฟิง

ประโยคของหลินซิวเหวินต่างทำให้ผู้คนต้องตาค้างอีกครับกับเย่เฟิง

เด็กหนุ่มคนนี้กลายเป็นว่าเป็นหลานของเพื่อนเก่าแก่ของผู้เฒ่าแซ่หลินไปเสียอย่างนั้น มากไปกว่านั้นยังดูเหมือนว่าปู่ของเย่เฟิงและชายชราตระกูลหลินคนนี้ดูสนิทกันอย่างแนบแน่นอีกด้วย!

เหล่าผู้เฝ้ามองเหตุการณ์รู้สึกราวกับไม่สามารถตกใจไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว!

ซูเหมิงหานที่กอดแขนเย่เฟิงแน่นเริ่มรู้สึกไม่เชื่อสายตาตัวเองขึ้นมา ตกลงว่าคนที่หนุนหลังเย่เฟิงกลับกลายเป็นตระกูลหลินแห่งเมืองเหยียนจิง นี่มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเย่เฟิงถึงได้ดูมั่นใจในตนเองตลอดเวลาไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม

ซูเปมืงหานรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหยิกเขาเบาๆเป็นการเอาคืน ทำไมชายหนุ่มถึงไม่บอกเธอถึงเรื่องสำคัญเช่นนี้กัน แย่จริงๆเลย

ชายหน้าบากที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่เฟิงอย่างนอบน้อมรู้สึกตกใจเช่นกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ที่เป็นหัวหน้าที่แท้จริงแห่งอสรพิษสวรรค์จะมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลินเป็นการส่วนตัวด้วย นี่มันจะน่ายินดีเกินไปแล้ว!

ชายหน้าบากไม่ได้คิดจะแผ่อิทธิพลของกลุ่มอสรพิษสวรรค์ไปมากกว่านี้ ในหัวใจเขาเต็มไปด้วยความแค้นต่อนักดาบที่เคยทำร้ายเขาจนมีบาดแผลบนใบหน้า ตอนนี้ด้วยบุคคลที่มีอำนาจมากขนาดนี้หนุนหลังเย่เฟิงยิ่งทำให้โอกาสในการแก้แค้นของชายหน้าบากเข้าใกล้ความเป็นจริงไปมากขึ้นอีก

ผู้กำกับหลิวลี่ฮุ่ยตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ เขาแทบอยากจะลุกขึ้นมาเต้นกลางวงมันซะเลยเดี๋ยวนี้ เขาเลือกถูกข้างจริงๆ!

อย่างไรก็ตามขณะที่ฝั่งหนึ่งกำลังอยู่ในภาวะสุขใจ อีกฝั่งหนึ่งกลับเคร่งเครียดอย่างเหลือแสน

ฝั่งของซูซินฉาง เซี่ยปิงฮุ่ย เซี่ยเฉิงเย่ เซี่ยหมินและคนอื่นๆที่เห็นเย่เฟิงสนทนากับชายชราแห่งตระกูลหลินต่างตกอยู่ในความกดดันมากขึ้นไปทุกที

…………………….

แปลโดยทีมงาน GSI