บทที่ 52 เสือร้ายกลายเป็นแมวป่วย

วันนี้ โหมวจิ้นเฉียงคอยอยู่ดูแลความสงบงานฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดอันยิ่งใหญ่ของชายชราตระกูลหลิน แต่ทันใดนั้น เขาได้รับเรื่องจากภัตตาคารจิงเฉิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามว่าตอนนี้ กำลังมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นโดยมีตำรวจเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น เขาจึงรีบมาที่นี่อย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับสถารการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อมาถึงชั้นที่เกิดเหตุ ทันใดนั้น สายตาของเขาก็กวาดไปเจอเย่เฟิงที่ยืนอยู่ตรงประตูของห้องส่วนตัว โหมวจิ้งเฉียงเค้นเสียงในใจและคิดว่าเจ้าเด็กนี่ ครั้งก่อนสร้างเรื่องให้ตระกูลมังกรยังไม่พอ มาครั้งนี้ยังสร้างเรื่องวุ่ยวายใหญ่โตนี้อีกงั้นหรอ?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในสถานการณ์นี้ เขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเย่เฟิง!

ด้วยตำแหน่งผู้กำกับการสำนักงานตำรวจเมืองเหยียนจิง ชัดเจนว่าโหมวจิ้นเฉียงมาเพื่อยับยั้งเหตุการณ์วุ่นวายตอนนี้ การมาถึงของเขาทำให้เสียงเอะอะเงียบลองเป็นเป่าสาก

“เย่เฟิง เขาคือโหมวจิ้นเฉียง”

ซูเหมิงหานดึงแขนเย่เฟิงแล้วกระซิบบอกเขา เวลานี้เธอรู้สึกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ สถานะของโหมวจิ้นเฉียงแม้แต่ซูซินฉางพ่อของเธอก็ไม่อาจพูดคุยด้วยได้

“ฮืมมมม เข้าใจละ”

เย่เฟิงหลิ่วตามองชายวัยกลางคนที่ดูกำยำ และมีสัญลักษณ์ของกรรมาธิการกรมตำรวจ เขาคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้บานปลายไปไกลเกินกว่าที่เขาคาดไว้ หากไม่จัดการอย่างระวัง มันต้องกระทบคนที่อยู่ฝั่งเขามากมายอย่างเช่น ซูเหมิงหาน ชายหน้าบาก หลิวลี่ฮุย และคนอื่นๆ

“วางอาวุธแล้วชูมือขึ้น!”

ทางด้านของโหมวจิ้นเฉียงที่เป็นถึงผู้กำกับการฝ่ายอาชญากรรม ได้ถือโทรโข่งอันเล็ก และตะโกนเตือนฝูงชนที่อยู่หน้าห้องอาหารตอนนี้

เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยเฉิงเย่จึงรีบพูดว่า “ท่านเจ้าหน้าที่ คนพวกนี้เป็นพวกผิดกฏหมาย พวกมันถือมีดมาที่นี่เพื่อจะทำร้ายผู้คนซึ่งเป็นอาชญากรรมร้ายแรง พวกมันต้องโดนลงโทษอย่างหนัก”

โหมวจิ้นเฉียงได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ “ทำไมคนของกองทัพถึงได้ขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ แค่พวกอัธพาลจิ๊บจ๊อยแบบนี้ก็จัดการไม่ได้งั้นรึ?”

เมื่อเซี่ยเฉิงเย่ได้ยินดังนั้น ก็พลันหน้าซีดไปครึ่งหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับกรมตำรวจนั้น ถือว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากหากพวกเขาจะพูดจาเสียดสีกันในสถานการณ์เช่นนี้

ระหว่างที่เอามือไขว่หลังและยืนอย่างมั่นคง โหมวจิ้นเฉียงมองมายังเย่เฟิงด้วยสายตาแหลมคม เขาออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าใครทันที “จับกุมพวกแก๊งอัทธพาลเดี๋ยวนี้! รวมทั้งเด็กคนนั้นด้วย”

เขาพึ่งรู้เมื่อเร็วๆนี้ว่า ตระกูลมังกรได้รับความเดือดร้อนอีกครั้งที่เมืองหลางฝาง และดูเหมือนว่าชายสวมหน้ากากซึ่งก่ออาชญากรรมที่หลางฝางจะมีความสัมพันธ์กับเย่เฟิง แต่เพราะข้อตกลงระหว่างตระกูลมังกรกับปู่ของเย่เฟิง ทำให้ตระกูลมังกรไม่กล้าเอาผิดเย่เฟิง แต่โหมวจิ้นเฉียงไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้

หากเขาจับกุมเย่เฟิงและสามารถรีดข่าวคราวของชายสวมหน้ากากจากปากเจ้าเด็กนี่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลมังกรมากแค่ไหน และมันจะทำให้เขาได้ผลประโยชน์จากเรื่องมหาศาล นอกจากตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้นแล้ว เขาจะได้รับการยอมรับจากโลกยุทธภพ ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะได้มีสายสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลินด้วย

คำสั่งของโหมวจิ้นเฉียง ผู้คนที่นี่ล้วนได้ยินชัดเจน

เซี่ยเฉิงเย่รวมทั้งกลุ่มทหารกำลังจะได้รับชัยชนะในศึกนี้ พวกเขาต่างพากันจ้องมองไปยังชายหน้าบากและคนของเขาอย่างเย้ยยัน

แต่เซี่ยเฉิงเย่ก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่สามารถสร้างความอัปยศอดสูให้แก่เย่เฟิงด้วยตัวเองได้ แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาแก้แค้น ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มเข้าใจชัดเจนว่า ถึงแม้โหมวจิ้นเฉียงจะเยาะเย้ยเขา แต่การกระทำของชายคนนี้เล็งไปที่เย่เฟิง ถ้าเจ้าเด็กนี่กำลังจะถูกจับกุม เขาก็หมดโอกาสแก้แค้น นั่นทำให้เขารู้สึกร้อนใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไปล่วงเกินคนระดับสูงคนไหนกัน?

เซี่ยหมินที่ยังคงยืนอยู่ภายในห้อง ถึงแม้ว่าเธอไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก แต่หลังจากได้ยินเสียงคำพูด เธอก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรตอนนี้ เซี่ยหมินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างชั่วร้ายในใจขณะมองไปที่เย่เฟิงรวมทั้งซูเหมิงหาน เธอคิดว่าหากเย่เฟิงถูกจับไปจริง ดูสิว่าใครจะคอยปกป้องนังเด็กแพศยาคนนี้

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยผิงฮุยและซูซินฉางที่ยังคงนั่งอยู่ภายในห้อง พวกเขายืนขึ้นและเดินมาที่ประตูซึ่งมีเย่เฟิงและคนอื่นๆยืนอยู่

ซูซินฉางเหงื่อแตกไปทั้งตัว เขาไม่คิดเลยว่าการเชิญลูกสาวมากินข้าวเย็น แค่เรื่องจิ๊บจ๊อยแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่จนทำให้คนใหญ่คนโตเข้ามาเกี่ยวข้อง มันดูเหมือนว่าเจ้าเด็กเย่เฟิงนี่จะเคยมีเรื่องกับผู้กำกับโหมวงั้นหรือ? ถึงอย่างนั้น ลำพังแค่เป็นญาติของหัวหน้าแก๊งจิ๊บจ๊อยอย่างแก๊งอสรพิษสวรรค์ จะเอาอะไรไปสู้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

เซี่ยผิงฮุยรู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกันซูซินฉาง แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขา เมื่อเทียบกับเจ้าลูกโง่ของเขาแล้ว ผูกำกับโหมวจัดการกับเย่เฟิงได้ดีกว่ามาก เมื่อมองไปยังเย่เฟิง เขาคิดในใจว่าเจ้าเด็กเวรนี่ต้องประสบชะตากรรมที่น่าอนาถแน่นอน

เซี่ยผิวฮุยเพียงรอให้เย่เฟิงและพวกอันธพาลถูกพาตัวไป หลังจากนั้นเขาจะได้จัดการเรื่องของตระกูลเซี่ยให้เสร็จเสียที ชายชรามองไปยังซูเหมิงหานที่ยืนอยู่ข้างเย่เฟิงแล้วคิดในใจว่า แม่จิ้งจอกน้อยตัวนี่ช่างน่ารักเสียจริง บางที…….

คนของฝั่งโหมวจิ้นเฉียงต่างหากกันยินดีเมื่อได้ยินคำสั่ง ส่วนอีกฝั่ง ซูเหมิงหาน หลิวลี่ฮุย ชายหน้าบากและคนของเขาต่างรู้สึกร้อนรนเหมือนอยู่ในนรก

หลิวลี่ฮุยเริ่มเหงื่อแตกและมองไปยังเย่เฟิงหลายต่อหลายครั้ง เขาคิดในใจว่าทำไมคุณเย่ยังลังเลที่จะแสดงตัวว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินอยู่อีก? หรือเขาจะรอจนถูกพาตัวไปโรงพัก แล้วค่อยเล่นบทหมูกินเสือเหมือนครั้งก่อนกัน?

ส่วนอีกด้าน ซูเหมิงหานจับแขนเย่เฟิงไว้แน่น ดวงตาคู่สวยของเธอแสดงถึงความกังวลในตัวเย่เฟิง แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมา แต่เย่เฟิงก็สามารถรับรู้ความกังวลที่อยู่ในใจเธอได้ดี

แววตาดุร้ายของชายหน้าบากจ้องมองมาที่เย่เฟิงพร้อมกับส่งความนัยว่า “พี่เย่ ต้องการให้พวกเราทำอะไร คุณอยากจะสู้กับพวกมันไหม?”

สู้กับพวกมัน!

เย่เฟิงค่อนข้างงงงวย ชายคนนี้ช่างคิดเป็นแต่เรื่องสู้จริงๆ ชายหนุ่มขบคิดว่าในสถานการณ์ตอนนี้ มีสิ่งเดียวที่เขาควรทำ เย่เฟิงตั้งใจจะยอมให้พวกตำรวจจับตัวไปแต่โดยดี ถึงอย่างนั้น เขาต้องแน่ใจในความปลอดภัยของชายหน้าบากเสียก่อน

เพราะมันมีสองเหตุผลคือ หนึ่ง พวกตำรวจฝ่ายอาชญากรรม ไม่ใช่พวกที่พูดคุยด้วยง่าย สอง ซูเหมิงหานต้องมีใครสักคนค่อยปกป้องเธอที่นี่ หากทุกคนต้องถูกพาตัวไปหมด แน่นอนว่าเย่เฟิงคงสบายใจไม่ได้

ส่วนหลิวลี่ฮุย เย่เฟิงยังไม่เชื่อว่าชายลงพุงคนนี้จะยืนอยู่ข้างเขาแน่นอน หากเขาถูกตำรวจจับตัวไป

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นและมองไปยังสุดทาง โหมวจิ้นเฉียงที่ยืนเด่นเป็นสง่ายังคงมองมาที่เขาอย่างไม่ลดละ บังเอิญว่าในเวลานั้น ชายตาของทั้งคู่ได้ประสานกัน ใบหน้าของโหมวจิ้นเฉียงแอบแสดงการเยาะเย้ยอย่างลับๆ

เย่เฟิงรู้ดีว่าชายคนนี้อยู่ข้างตระกูลมังกร ดังนั้นมันไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจมากมายที่มีอาวุธครบมือเดินเข้ามาใกล้กับประตูห้องที่เขาอยู่แล้วเพื่อเตรียมจะจับกุมเย่เฟิงและชายหน้าบากไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม

“เธออยู่ที่นี่นะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก และฉันจะไม่สร้างปัญหาอะไรอีก”

เย่เฟิงต้องการจะปลอบโยนซูเหมิงหานด้วยคำพูด จากนั้น เขาจึงก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

“ฉันขอเตือนว่าอย่าขัดขืน หากพยายามจะทำอะไรบ้าบิ่นขึ้นมาละก็ ให้รู้ว่าตอนนี้มีสไนเปอร์เตรียมพร้อมอยู่แล้ว

โหมวจิ้นเฉียงพูดอย่างเยาะเย้ย มันเหมือนกับกรณีของนักสู้ผู้กล้าหาญที่พยายามจะต่อสู้กับเสือร้าย

“ผู้กำกับโหมว คุณสั่งการได้เด็ดขาดจริงๆ มีเรื่องสำคัญอะไรที่นี่งั้นหรือ ฮ่าๆ คุณถึงต้องเตรียมสไนเปอร์ไว้จัดการด้วย?”

ทันใดนั้น มีเสียงชราดังมาจากด้านหลังของโหมวจิ้นเฉียง และดังก้องไปทั่วที่นี่

โหมวจิ้นเฉียงตัวแข็งค้างทันทีหลังจากในยินเสียงนี้ เขากำลังคิดว่านี่เป็นเสียงของชายชราคนนั้นอย่างงั้นหรือ? ในเมื่อวันนี้เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 70 ปีของเขา ทำไมชายชราคนนั้นต้องมาที่นี่ด้วย?

ทุกๆคนล้วนหันไปมองด้านหลังของโหมวจิ้นเฉียง พวกเขาเห็นชายชราคนหนึ่งที่เดินมาอย่างสบายๆ สวมเสื้อคลุมจีนสีเทาเงา ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุถึง 70 ปี แล้วแต่ยังคงมีสุขภาพดีและแข็งแรงเอามากๆ

“ฉันมีชื่อว่าหลิน ตำรวจฝ่ายอาชญากรรมทำงานเพื่อจัดการอาชญากรรมที่อันตราย แล้วคุณมาทำไมที่นี่กัน…….”

โหมวจิ้นเฉียงเหงื่อแตกไปทั้งตัว เขาคิดว่าการที่ชายชราคนนี้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เป็นไปได้ 80% ว่ามาเพื่อปกป้องเย่เฟิง เขาเคยได้ยินบ่อยๆว่าปู่ของเย่เฟิงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลหลิน แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่ว่านี่จะแน่นแฟ้นเกินกว่าที่เขาเคยได้ยินมาเสียแล้ว!

ในสายตาของผู้คน เพียงแค่ไม่กี่นาที ชายที่ดูทรงอิทธิพลอย่างโหมวจิ้นเฉียงกลับกลายเป็นแมวป่วยไปเสียแล้ว ส่วนคนอื่นๆอย่างเช่นเซี่ยผิงฮุย การปรากฏตัวของชายชราตระกูลหลิน ถือเป็นสิ่งที่เกินกว่าเขาจะจินตนาการได้!

ชายชราคนนี้ ถือเป็นคนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเหยียนจิง เขามาที่นี่จริงๆหรือ? หากไม่นับการมาถึงของคุณหลิน โหมวจิ้นเฉียงที่เป็นระดับผู้กำกับการสำนักงานตำรวจจัดว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในที่นี้

เหตุการณ์ในคืนนี้ มีสิ่งไม่คาดฝันต่างๆเกิดขึ้นมากมาย และตอนนี้ มันใกล้จะถึงจุดสำคัญที่สุดแล้ว!

…………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI