บทที่ 47: หอคอย (6)

 

 

 

“ไอ้พวกเวรบัดซบนี่… ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่ตั้งใจทำ…”

ลอร์ด กยองมิกัดฟันกรอด

หนึ่งในลูกกิลด์ด้านล่างถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนที่จะเอ่ยออกมา

“มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอถ้าเธอเอาพวกนั้นเข้ากิลด์มาตั้งแต่แรก ทำไมเธอถึงไม่รับลูกกิลด์เพิ่มล่ะ?”

กยองมิมุ่นคิ้วก่อนจะเอ่ยตอบ

“มันน่าเบื่อมากพอแล้วในการรับพวกนายมาด้วย ไม่สิ พลังจิตนี่ไม่เหมาะกับฉันตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้ฉิบหายเอ้ย ทำไมไอ้ของแบบนี้ต้องปรากฏขึ้นด้วย”

“…”

ลูกกิลด์ส่ายศีรษะขณะที่พวกเขามองกยองมิเอ่ยแบบนั้นเกี่ยวกับพลังจิตที่คนอื่นๆ แทบจะตายด้วยความอิจฉา

“พวกนายรู้รึเปล่าว่ามันรู้สึกเหี้ยแค่ไหนตอนที่นายได้รับการเชื่อมต่อกับใครก็ไม่รู้ และจากนั้นมันก็ตาย? มันอาจจะแตกต่างออกไปสำหรับใครบางคนที่ไม่ได้สนิทหรืออะไรแบบนั้น”

“…”

“และสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการที่ฉันสามารถสั่งให้ใครบางคนออกไปสู้แทนฉันได้ในเวลาอันตราย พวกนายเก้าคนก็มากพอแล้ว”

“…”

“ฉิบหายเอ้ย ต่อจากนี้ฉันจะรับแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้น”

‘เธอแตกต่างออกไปจริงๆ’

ทั้งหมดเดาะลิ้นขณะที่มองไปยังกยองมิ

แต่ก็ผงกศีรษะไปในเวลาเดียวกัน

‘เอาเถอะ… ด้วยพลังต่อสู้นั่น…’

มันไม่เป็นไรในการที่อีกฝ่ายจะรู้สึกว่าพวกเขาน่ารำคาญ

พวกเขาไม่รู้ว่าเธอได้เก็บอะไรมาจากข้างล่าง แต่เธอแข็งแกร่งจริงๆ

กยองมิเป็นลอร์ด แต่เธอไม่เหมือนโจโฉหรือเล่าปี่

เธอให้ความรู้สึกเหมือนลิโป้มากกว่า

ลูกกิลด์ทั้งหมดที่นี่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาจะถูกฟาดยับจนกลายเป็นแป้งข้าวสาลีแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะรวมตัวกันสู้กับเธอก็ตาม

‘มันไม่ใช่ว่าสกิล รูน หรืออาร์ติแฟคของเธอเหนือกว่าธรรมดาหรืออะไรเทือกๆ นั้น… ’

แน่นนอนว่าเธอเหนือกว่าธรรมดาเมื่อเทียบกับนักผจญภัยทั่วๆ ไป

แต่พลังต่อสู้ของกยองมินั้นไม่อาจอธิบายได้ด้วยเพียงแค่เรื่องพวกนั้น

เมื่อเธอได้หลอมรวมทุกอย่างจนเหนือกว่าความยอดเยี่ยมและทำให้มันกลายเป็นรูปแบบการต่อสู้อย่างหนึ่ง

พวกเขาไม่อาจแสดงความแข็งแกร่งได้ถึงหนึ่งในสามของอีกฝ่ายแม้ว่าจะมีทุกสิ่งเช่นเดียวกับเธอ

“แต่เธอจะทำยังไง? พวกนั้นยังพยายามเล่นเกมการ์ดอยู่ และถ้าพวกนั้นยังล่าต่อไปแบบนั้น เช่นนั้นพวกนั้นก็จะแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ อีกสิบคนที่แข็งแกร่งก็ทำให้ฉันกังวลเหมือนกัน”

“ชิ พวกฉิบหาย เราควรจะสร้างอารมณ์ตั้งแต่ต้น…”

กยองมิเดาะลิ้น

เมื่อเธอไม่อาจทำอะไรได้นอกจากโกรธแม้ว่าเธอจะเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังมัน

หากมันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องฆ่าผู้พิทักษ์ 3-4 ตนต่อวัน

และมันจะสร้างอันตรายแก่พวกเขา

ถ้าคนอื่นๆ ล่าและเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างมากมายในช่วงเวลานั้น เช่นนั้นช่องว่างระหว่างพวกเขาก็จะเข้าใกล้กันจนไม่อาจคาดเดาได้

‘ปวดหัวชะมัด มันมีอีกอย่างที่รบกวนฉันเหมือนกัน…’

นี่เป็นสาเหตุให้แม้ว่าเธอจะเห็นก่อนว่าบางอย่างแบบนี้จะเกิดขึ้น ในตอนที่เธอพยายามนำกิลด์ของเธอออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ราวกับว่าเธอกำลังหนีไปจากบางอย่าง

ในตอนนั้นเอง อากาศก็ได้แยกออกจากกันพร้อมกับที่ใครบางคนได้เดินออกมาจากความว่างเปล่านั้น

ทุกคนผงะไป

เมื่อพวกเขาไม่อาจแม้แต่จะรับรู้ว่ามีคนเข้ามาใกล้

“แก ไอ้เวร… แกเป็นใคร!”

ลูกกิลด์ตะโกนเสียงเย็นขณะที่พวกเขากระชับอาวุธในมือแน่น

ฮันซูที่ออกมาจากอากาศว่างเปล่าด้วยใบหน้าของชังแจแย้มรอยยิ้มขณะเอ่ย

“ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่มาพร้อมกับข้อเสนอหนึ่ง”

“ข้อเสนอ?”

ฮันซูยักไหล่

“มันเป็นข้อเสนอที่ดีสำหรับพวกนายเหมือนกัน พวกนายก็แค่ต้องฟังฉัน ฉันจะปล่อยให้พวกนายออกจากเกาะนี้ไปอย่างมีชีวิต”

จากนั้นชายหนุ่มก็อธิบายถึงสิ่งที่เขาจะให้ทั้งหมดทำ

สิ่งที่เขาจะทำด้วยตนเองหากเขามีพลังนั้น

หนึ่งในลูกกิลด์พึมพำด้วยสีหน้าจนใจ

‘นี่เขาสูญเสียความรู้สึกหวาดกลัวไปหรืออะไรแบบนั้นรึไง’

มันดูเหมือนว่าหมอนั่นจะค่อนข้างมีความสามารถ

เมื่อพวกเขาไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของหมอนั่นได้

แต่มันไม่ได้ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะสามารถทำแบบนั้นได้ระหว่างการต่อสู้

และแม้มันดูเหมือนว่าหมอนั่นจะสามารถฆ่าพวกเขาสักหนึ่งหรือสองคนได้ แต่นั่นคือขีดจำกัดของหมอนั่น

แล้วหมอนั่นมีอะไรที่จะทำให้พวกเขาทำแบบนั้น?

‘… เขาพยายามที่จะลอบโจมตีรึเปล่า?’

พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่พยายามที่จะแสดงตัวเป็นผู้นำด้วยการพึ่งพาการลอบโจมตีง่ายๆ จากเบื้องหลังมาก่อน

แต่ฮันซูทำเพียงแย้มรอยยิ้ม

มันจะเป็นเรื่องง่ายถ้าหากเขาปลดการแปลงร่างออกและแสดงให้พวกเขาเห็น แต่หากเป็นเช่นนั้นมันก็จะหลงเหลือร่องรอยเอาไว้

แต่มันก็ยังคงมีทางแก้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น

เมื่อเขาได้มาที่นี่ตั้งแต่แรกเพราะแบบนั้น

‘เอาล่ะ ถ้ามันใช้ไม่ได้ งั้นฉันก็จะหยุดการเปลี่ยนร่างสักพัก’

จะอย่างไรเป้าหมายของเขาคือการไม่ถูกค้นพบโดยลูกน้องของลอร์ดวิปลาส

และคนพวกนี้อยู่กิลด์เดียวกัน ดังนั้นโอกาสที่กองกำลังของลอร์ดวิปลาสจะปะปนเข้ามาจึงไม่มี

“ไม่ใช่นาย ฉันกำลังพูดกับลอร์ดของนาย มาคุยกับฉันหน่อย คุณผู้หญิงตรงนั้นน่ะ”

ฮันซูมองไปยังกยองมิที่ยืนอย่างเงียบงันอยู่ด้านหลังลูกกิลด์พร้อมกับเอ่ยพูดออกมา

‘ค่าสถานะสัมผัสที่หก ฉันไม่รู้ว่าเธอได้ของล้ำค่าแบบนั้นมาจากไหน แต่เธอคงสามารถมองเห็นมันได้ไม่น้อย’

เขาพอเข้าใจอยู่บ้างเมื่ออีกฝ่ายนั้นได้มองไปรอบๆ กายตลอดเวลาตั้งแต่ที่เขามาถึง

<สัมผัสที่หก>

มันเป็นค่าสถานะที่แตกต่างออกไปจากความเข้าใจ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของค่าสถานะพื้นฐาน

ค่าความเข้าใจเพิ่มประสิทธิภาพของประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่สัมผัสที่หกนั้นเป็นเช่นเดียวกับพลังจิต

มันเป็นสิ่งที่เขายอมแพ้ในการค้นหาเพราะมันยากที่จะค้นพบในพื้นที่ฝึกฝน

กยองมิมองไปยังฮันซูพร้อมด้วยเหงื่อเย็นเยียบที่แตกพลั่ก

‘เหี้ยเอ้ย… มันคือไอ้นั่น’

กยองมิกัดฟันกรอด

เมื่อเธอเข้าใจในที่สุดว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แล่นผ่านไขสันหลังตั้งแต่เมื่อครู่

ค่าสถานะสัมผัสที่หกที่เธอได้รับมาในตอนเริ่มต้น

มันเพิ่มพลังต่อสู้ของคนคนหนึ่งให้เกิดขีดจำกัด

เมื่อมันจะทำให้คนคนนั้นรับรู้ได้ถึงสิ่งที่คนอื่นไม่อาจรับรู้ได้

และบางสิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังฮันซูในสายตาของเธอ

‘ขึ้นมาบนนี้กับไอ้ของแบบนั้น… เวรเอ้ย’

เธอรับรู้ด้วยสัญชาตญาณ

มันเป็นเพียงแค่เปลือก

มันมีบางสิ่งที่น่าพรั่นพรึงกว่ามากอยู่เบื้องหลังมัน

เธอไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ถ้าหากสิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้นและตัดสินใจที่จะฆ่าพวกเธอทั้งหมด เช่นนั้น… พวกเธอก็จะแค่ตายกันหมด

กยองมิสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ก่อนจะเอ่ยพูด

“… นายแค่ทำมันคนเดียวด้วยความสามารถแบบนั้นไม่ได้เหรอ?”

เธอไม่รู้ว่าเขากำลังซ่อนตัวจากอะไร แต่มันอันตรายอย่างมาก

ด้วยความสามารถขนาดนั้น หมอนั่นไม่ต้องการพวกเธอ เขาก็แค่ต้องเผยตัวออกไปและกวาดล้างพวกเขาให้อยู่ภายใต้อำนาจ และจากนั้นก็ฆ่าพวกเขาหากพวกเขาไม่เชื่อฟัง

ฮันซูแย้มยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ทุกคนมีความจำเป็นของตนเอง ฉันต้องการใครบางคนที่จะสู้แทนฉัน”

‘เมื่อฉันจะยังถูกค้นพบไม่ได้’

กยองมิถอนหายใจจากนั้นจึงเอ่ยกับอีกฝ่าย

“กระทั่งพวกเราก็ไม่สามารถเอาชนะพวกนั้นทั้ง 40 คนได้ และมันดูเหมือนว่านายจะไม่สู้ นายวางแผนอะไรอยู่?”

ถ้าเรื่องแบบนั้นเป็นไปได้ งั้นพวกเขาก็คงสู้ตั้งแต่ต้นแล้ว

“มันจะมีปัญหาอะไรล่ะ? พวกที่อ่อนแอกว่าจำนวนหนึ่งวิ่งไปรอบๆ เป็นกลุ่มราวๆ 10 คน จัดการพวกนั้นทีล่ะคนและเอาพวกนั้นเข้ากิลด์เธอ”

“…”

เขาไม่ได้แสดงตัวออกไปจนกระทั่งบัดนี้เพราะเรื่องนี้

เมื่อมันจะสะดวกกว่าถ้าพวกนั้นแยกตัวกัน

‘หนึ่งวัน… ควรจะเพียงพอในการให้พวกนั้นแยกตัวกัน’

เพื่อที่จะปล่อยให้แต่ล่ะกลุ่มแยกตัวกันออกเป็นสิบคน

สัญลักษณ์ที่ได้รับจากการตกลงจากทั้งสองฝ่าย แต่เขาไม่เคยเห็นใครไม่ตกลงเมื่อมีดาบจ่ออยู่ที่คอ

“ฉันไม่รู้ว่าเธอไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับมัน แต่เอาพวกนั้นเข้ากิลด์ไปก่อน หลังจากนั้นจะทำอะไรกับพวกนั้นก็ตามใจเธอ แม้ว่าจะมี 10 คนที่ค่อนข้างอันตราย ฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าพวกนั้นจะทำยังไงถ้าพวกนายมีทั้งหมด 40 คน”

“…”

‘… เขาค่อนข้างน่ารำคาญ ฉันควรจะโจมตีเขาไหม?’

แต่กยองมิส่ายหัว

สัมผัสที่หกของเธอได้ช่วยเธอไว้หลายครั้งเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น

และสัมผัสที่หกนั่นกำลังเตือนเธออย่างชัดเจน

ให้เชื่อฟัง

“…ไปกันเถอะ”

ทุกคนผงกศีรษะก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังบางแห่ง

ฮันซุแย้มรอยยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘เสร็จแล้ว’

มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการถูกสังหารหมู่เมื่อคน 50 คนแตกแยกกัน แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ง่ายที่จะเคลียร์ห้องนี้ถ้าคนทั้ง 50 คนรวมตัวกัน

พวกเขาแค่ต้องสร้างกิลด์ขึ้น ฆ่าผู้พิทักษ์อย่างสบายๆ และได้รับสมบัติ

‘…ฉันเห็นจุดจบที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว’

ถ้าเขาได้รับศิลาปราชญ์ที่นี่ เช่นนั้นเขาก็จะได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นในการเข้าไปยังดันเจี้ยนสุดท้ายแล้ว

จากนั้นมันก็จะเหลือเพียงขั้นตอนเดียว

เวลาสองสัปดาห์จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

ฮันซูหัวเราะขณะที่เขาได้หายตัวไปเพื่อที่จะฆ่าผู้พิทักษ์เช่นกัน

 

 

“ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาให้เราแยกกันแล้ว”

กยองมิแสดงสีหน้าเหนื่อยอ่อนออกมาขณะที่เธอมองไปยังผู้คนรอบกายเธอ

เกือบ 50 คน

พวกนั้นส่วนมากกลายเป็นลูกกิลด์ของเธอแล้วในตอนนี้

‘…ฉันเหนื่อย’

มันกระทั่งเหนื่อยมากกว่าเดิมเพราะเธอพยายามไม่ให้ใครสักคนตายเพราะการเชื่อมต่อไร้ประโยชน์นั่น

แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิลด์เธอก็ตาม

‘สี่คนตรงนั้น’

กยองมิมองไปยังทั้งสี่ที่มีลักษณะแตกต่างกันที่มุมหนึ่ง

ลอร์ดไม่สามารถมอบสัญลักษณ์ให้กับลอร์ดคนอื่นได้

และลอร์ดไม่สามารถมอบสัญลักษณ์ให้กับคนที่ได้รับสัญลักษณ์จากกิลด์อื่นไปแล้วได้

ซึ่งหมายความว่าถ้าการมอบสัญลักษณ์ไม่ได้ผล เช่นนั้นมันก็หมายความว่าคนคนนั้นเป็นลอร์ดหรือลูกกิลด์กิลด์อื่น

และเพราะแบบนั้น ทั้งสี่จึงโดดเด่นขึ้นมา

‘เอาเถอะ มันไม่มีอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับพวกนั้น’

<กิลด์ของเรามีทั้งหมด 84 คน แต่ห้องที่พวกเราจะเข้าเป็นห้อง 80 คน ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงแยกตัวออกมา>

มันไม่ใช่ว่าพวกเขาล้วนเชื่อในคำแก้ตัวนั้น

แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อพวกเขาจะแยกจากกันอยู่แล้ว

เธอแค่ต้องดูแลกิลด์ของเธอ

“ไปตามทางของพวกเราเถอะ”

กยองมิเปลี่ยนสมบัติให้กลายเป็นกระบองคูรูทัน 50 ชิ้นและให้มันกับทุกคนทีล่ะคน จากนั้นจึงสั่งให้พวกเขาฆ่าตัวตาย

แคร่ก

“…หืม?”

พลังจิตของกยองมินั้นไมได้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสั่งให้อีกฝ่ายฆ่าตัวตาย

สัญลักษณ์ของคนอื่นๆ นอกเหนือไปจากลูกกิลด์แต่ดั้งเดิมของเธอแตกสลายลงทันทีที่เธอออกคำสั่ง

และในเวลาเดียวกัน ทุกคนที่ได้หนีออกจากกิลด์ต่างมองหน้ากันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ทว่าต่างก็วิ่งตรงไปยังทางออกหลังจากที่ยอมแพ้

เมื่อมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้หลังจากได้รับการยืนยันความปลอดภัยของพวกเขาแล้ว

‘เอาเถอะ นี่นับเป็นจุดจบที่ดีจากมุมมองหนึ่ง’

แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างค่อนข้างบีบบังคับ ทุกคนก็ได้มีชีวิตรอด

เมื่อพวกเขาได้ล่าผู้พิทักษ์แห่งดันเจี้ยนอย่างซื่อตรงตามคำสั่งของลอร์ด

ขณะที่ผู้คนกำลังคิดสะระตะขณะที่มุ่งตรงไปยังประตูทางออกขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ตรงที่ว่างที่เปิดออกด้วยเสียงครืนคราง ภาพที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยก็ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

“… เขาวงกต?”

ทางแยกจำนวนมากปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

และแฟรี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

“ทุกคนที่นี่มีชีวิตรอด ฮี่ฮี่ ยินดีด้วย พวกคุณจะถูกส่งออกจากจุดเริ่มต้นของชั้นสาม มันไม่มีอะไรยาก พวกคุณก็แค่ต้องเดินไปตามทาง ถ้าคุณตามทางแยกไป คุณก็จะไปถึงยังหนึ่งในหนึ่งร้อยจุดเริ่มต้น พวกคุณสามารถรวมตัวกันและตามเพื่อนของคุณที่ไปถึงก่อน หรือว่าแยกตัวไปต่างหากได้เมื่อไปถึง”

ทุกคนยักไหล่ขณะที่หายตัวไปตามทางต่างๆ

แม้ว่ามันจะไม่เหมือนการถูกย้ายเข้าไปในห้อง มันก็ไม่สำคัญ

กยองมิมองไปยังชังแจด้วยสีหน้าเคลือบแคลง ทว่าจากนั้นก็ส่ายศีรษะพร้อมกับนำลูกกิลด์ของเธอไปยังหนึ่งในทางจำนวนมาก

‘หืมม… ฉันควรจะไปไหม’

มันไม่ได้ดูเหมือนว่าสี่คนตรงนั้นจะเคลื่อนไหวก่อนที่จะเขาจะทำ

ฮันซูที่อยู่ในรูปลักษณ์ของชังแจแสยะยิ้มขณะที่เขาเดินตรงไปยังจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็ใช้สร้อยข้อมือของอารังแคลและซ่อนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

จากนั้นเขาจึงกลับไปยังจุดเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง

อย่างที่เขาคาด ทั้งสี่คนนี้ที่เอ่ยว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์อื่นได้ยืนอยู่ที่จุดเดิมแม้ว่าคนอื่นๆ จะจากไปคนแล้วคนเล่า

‘เมื่อไหร่ที่พวกนี้จะขยับ รีบๆ เคลื่อนไหวได้แล้ว’

ฮันซูจับจ้องไปยังทั้งสี่ด้วยความอดทนอย่างมาก

และไม่ช้า เมื่อทุกคนหายไป พวกเขาก็ราวกับได้รับคำสั่งจากบางแห่งและมุ่งตรงไปยังทางอย่างมั่นใจ

ฮันซูแย้มยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘รีบๆ นำทางฉันไปยังหัวหน้าของพวกนาย’

แม้ว่าเขาจะหาพวกมันพบอย่างยากลำบาก และจากนั้นก็ฆ่าพวกมันทีล่ะคน ลอร์ดก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนเองอย่างช้าๆ เช่นกัน

มันมีทางออกเดียวในสถานการณ์น่าเบื่อนี่

ด้วยการตัดหัวของลอร์ดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

แต่เขาไม่มีทางรู้ว่าไอ้หมอนี่อยู่ที่ไหน

ชั้นหนึ่งและชั้นสองนั้นเป็นไปไม่ได้ ที่ที่เป็นไปได้อย่างชั้นสามก็ยังมีจุดเริ่มต้นนับร้อย

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะค่อยๆ ค้นหาไปจากจุดเริ่มต้นทั้งหมด

แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียว

โอกาสที่จะปรากฏขึ้นเมื่อโครงสร้างพิเศษของหอคอยและอันตรายของชั้นสามควบรวมกัน

<ถ้าฉันพลาดเวลานั้น มันจะเป็นเรื่องที่ยากในการจับหมอนั่นจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะหาทุกสิ่งที่เราคุยกันไว้และเตรียมตัวก่อน จากนั้นค่อยฆ่ามันหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนสุดท้ายแล้ว>

ถ้าลอร์ดวิปลาสมาถึงยังชั้นสามและได้เห็นสภาพแวดล้อมของที่นี่ เช่นนั้นหมอนั่นก็ทำได้เพียงรวบรวมลูกกิลด์ทุกคนของหมอนั่นไปที่จุดเดียว

ชั้นสามนั้นเป็นสถานที่ที่พวกมันจะทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความโหดร้ายสมจริงของอีกโลก

มันไม่ใช่สถานที่ที่เล่ห์กลจะใช้ได้

ในเมื่อสมองของหมอนั่นดี หมอนั่นก็อาจจะตระหนักได้ว่าเขาต้องรวบรวมลูกกิลด์เพื่อที่จะสามารถกระทำการใดๆ ในสถานที่เช่นนี้ได้

และพวกคนเบื้องหน้าเขาจะนำทางเขา

ไปยังลอร์ดวิปลาสที่ควรจะอยู่ในหนึ่งในหนึ่งร้อยจุดเริ่มต้น

หากฮันซูเปิดเผยตัวตนของเขาที่นี่ เช่นนั้นไอ้คนขี้ระแวงนั่นก็จะแบ่งลูกกิลด์ทุกคนออกไปที่อื่น

เมื่อหมอนั่นได้เห็นสภาพของชั้นที่สาม หมอนั่นก็คงจะต้องการใช้เพียงกองกำลังของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเพื่อที่จะผ่านชั้นที่สามไป…

แต่ตัวฮันซูนั้นต้องไปพบหมอนั่น และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ต่างหูเข้ามามีบทบาท

‘มันคือขั้นตอนสุดท้าย’

เขาได้รับทุกสิ่งที่เขาต้องการแล้วโดยที่มีศิลาปราชญ์เป็นอย่างสุดท้าย

สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้นั้นคืออุปกรณ์ดีๆ จำนวนหนึ่งและรูนจำนวนมาก

เขาอาจต้องเดินทางไปทั่วทั้งหอคอยตามแผนเดิม

เมื่อมันเป็นเรื่องยากสำหรับคนคนหนึ่งในการมีอุปกรณ์และรูนแบบเต็มเปี่ยม

แต่มันมีทางให้เขาแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อคนที่ได้วิ่งไปทั่วหอคอยเพื่อเขาจะรวมตัวกันที่สถานที่แห่งเดียว

ผู้คนที่มีจำนวนที่กระทั่งเขาก็ไม่อาจรวบรวมได้ด้วยตัวคนเดียว

‘ลอร์ดวิปลาส… ขอดูหน้านายหน่อยเถอะ มันสักพักแล้ว’

และเมื่อเขาจัดการพวกนั้นหมด เช่นนั้นการเตรียมพร้อมก็จะเสร็จสมบูรณ์

ในการเข้าไปยังดันเจี้ยนสุดท้าย

ขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมพร้อมไม่ใช่สัตว์อสูร

แต่เป็นตัวลอร์ดวิปลาส

‘ฉันจะใช้พลังทั้งหมดของฉัน’

เพราะในสถานที่แห่งนั้น มีเพียงเขาและพวกนั้น

เมื่อมันไม่มีทางที่ลอร์ดวิปลาสจะปล่อยให้คนแปลกหน้าที่เริ่มที่จุดเดียวกับเขามีชีวิตรอด

เขาสามารถใช้พลังเต็มที่องเขาได้เมื่อไม่ว่าอย่างไรข่าวลือก็จะไม่แพร่กระจายออกไป

ฮันซูค่อยๆ จางหายไปยังความมืดมิดอย่างช้าๆ ขณะที่เขาติดตามทั้งสี่ไป

 

 

จากนั้นใครบางคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่ชายหนุ่มหายไป

“…เธออยากจะตามไปจริงๆ เหรอ?”

หนึ่งในลูกกิลด์มองไปยังกยองมิขณะที่พวกเขาส่ายศีรษะ

กระทั่งแสร้งทำเป็นว่าไปแล้วเพื่อที่จะติดตามอีกฝ่ายไป

‘แล้วเธอเจอหมอนั่นได้ยังไง หรือเป็นไอ้สัมผัสที่หกนั่น…?’

กยองมิแสยะยิ้มขณะที่เธอผงกศีรษะ

“พวกนายไม่แม้แต่จะสงสัยสักนิดเหรอ ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่?”

“… แค่เรื่องนั้นน่ะนะ?”

“เอาเถอะ เราจะรู้เมื่อเราไปถึงที่นั่น และหากทางที่เราจะตามและทางนี้เป็นทางเดียวกันอยู่แล้ว งั้นมันก็ไม่มีอะไรแย่ในการไปทางนี้”

จากนั้นกยองมิจึงเดินไปตามทางที่สัมผัสที่หกของเธอชี้ทาง สถานที่ที่กลิ่นอายอันตรายกำลังแผ่ซ่านออกมา

 


TL: เตรียมตัวละเลงเลือดกันเถอะค่ะ//ชูป้าย

ปล. มีคนจะฆ่าตัวตายอีกแล้วล่ะค่ะ//หัวเราะ