บทที่ 46: หอคอย (5)

 

 

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังหวาดระแวงกันเองบ่นพึมพำนั้น ชูลมานก็ได้สบถออกมาเสียงลั่น

“อีแฟรี่บัดซบ…”

2 อาทิตย์

ถ้าพวกเขาไม่อาจหาสมบัติได้ภายใน 2 อาทิตย์ พวกเขาจะตายทั้งหมด

เมื่อจะไม่มีใครมีของที่จะใช้แลกเปลี่ยนสมบัติอยู่ในมือ

และ 2 อาทิตย์ หรือ 14 วันนั้นเป็นเวลาที่ไม่มากเพื่อที่จะฆ่าทั้ง 128 ตัวนั้น

ถ้าพวกเขาโชคร้าย เช่นนั้นผู้พิทักษ์ตัวสุดท้ายก็อาจเป็นตัวที่ให้สมบัติ

เมื่อแฟรี่อาจจะทำสิ่งที่กระทั่งเลวร้ายเสียยิ่งกว่านั้น

มันดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการคนราวๆ 10 คนเพื่อที่จะผ่านผู้พิทักษ์และได้รับสมบัติโดยที่ไร้ซึ่งการสูญเสีย

ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องฆ่าผู้พิทักษ์อย่างน้อย 2 ตัวต่อวันด้วยทีมล่ะ 10 คน 5 ทีม

ถ้านับรวมถึงเวลาที่ต้องใช้พักผ่อนหลังจากการล่านั้น คน 50 คนจำต้องล่าอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อที่จะฆ่าผู้พิทักษ์ทั้งหมด

เมื่อดันเจี้ยนพร้อมด้วยผู้พิทักษ์ที่พวกเขาเห็นจากภาพที่แฟรี่นำมาให้ดูนั้นไม่ได้ดูง่ายดายแม้แต่น้อย

ในตอนนั้นเองที่คนคนหนึ่งในมุมหนึ่งของคน 50 คนได้ตะโกนออกมา

“มาล่าด้วยการแบ่งเป็น 5 ทีม ทีมล่ะ 10 คนเถอะ ทีมหนึ่งรับผิดชอบในการล่าผู้พิทักษ์ 2 ตัวต่อวัน”

ทุกคนหันไปมองผู้พูดเมื่อได้ยินเช่นนั้น

‘คนพวกนั้นคือ…’

พวกเขาทั้ง 50 คนนั้นไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น

แต่คนพวกนี้กลับโดดเด่นออกมาเพียงแค่มองแวบแรก

หนึ่งในสองสิ่งที่อันตรายที่สุด

‘… กิลด์ และมีแค่ 10 คน?’

มันไม่ใช่ว่าพวกเขาเดินไปพร้อมกับมีคำว่า ‘กิลด์’ แปะอยู่บนหน้า แต่มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างการกระทำของคนที่มีกิลด์และไม่มีกิลด์

เพราะพวกไม่มีกิลด์นั้นมักจะลอบมองกันเอง ในขณะที่พวกที่มีกิลด์จะระมัดระวังคนอื่นๆ เท่านั้น

สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับคนเหล่านี้คือการที่พวกเขามีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น

‘แค่สิบ…’

จำนวนที่น่าอนาถเมื่อเทียบกับกิลด์อื่น

มันมีเหตุผลสำหรับพวกนั้นในการที่จะไม่ไปยังชั้นสองในทันทีและเริ่มต้นที่ชั้นหนึ่ง และกระทั่งเข้าร่วมการล่าสมบัติด้วยจำนวนเพียงเท่านั้น

แต่ว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาจึงมีเพียงแค่ 10 คน

‘พวกเขาก็ยังคงอันตราย’

ซูฮานพึมพำอยู่ในใจ

เมื่อมันมีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างพวกมีกิลด์และพวกไม่มีกิลด์แม้ว่าจำนวนของทั้งสองพวกจะเท่าเทียมกัน

ในตอนนั้นเองที่อีกเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นจากมุมหนึ่ง

“ฉันตกลง 10 คนจะรับผิดชอบในการล่า 2 ตัวต่อวัน มันดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง ถ้าพวกนายไม่อาจทำได้ งั้นก็ทดแทนมันซะ”

หนึ่งในอีกสองทีมที่เตะตา

พวกเขาไม่ได้ดูเหมือนว่าเป็นกิลด์ แต่ว่ามีอย่างอื่นที่โดดเด่น

พวกเขากำลังถืออาร์ติแฟคที่ดูล้ำค่าไว้

‘… พวกนี้ฆ่าคนที่เหลือในห้องสามสิบคนแล้วขึ้นมารึไง’

เพียงแค่กลิ่นอายของพวกนั้นก็ทรงพลังแล้ว

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขณะที่คน 20 คนที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งที่สุดในคน 50 คนตกลง คนอื่นๆ ก็ได้ผงกศีรษะ

พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะทำตามคำสั่งของคนพวกนั้น แต่ความจริงที่ว่าพวกเขาจะตายกันหมดถ้าไม่อาจหาสมบัติได้พบนั้นเป็นความจริง

พวกเขาต้องคิดเกี่ยวกับมันหลังจากที่พบมัน

เมื่อการต่อสู้จะเริ่มขึ้นจากตอนนั้น

ถ้าพวกเขาทะเลาะกันเองและไม่หาสมบัติ เช่นนั้นมันก็จะกลายเป็นเพียงการสังหารหมู่

คนราวๆ 10 คนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก่อนจะหายไปในทิศทางที่แตกต่างกัน

และฮันซูที่มองผู้คนหายไปก็ได้เดินไปยังดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์

‘ฉันจะจัดการชิ้นส่วนลับก่อน’

ชิ้นส่วนลับที่เขาตั้งเป้าไว้นั้นคือ <ราชานักสืบ>

ข้อกำหนดนั้นง่ายดาย

<ฆ่าผู้พิทักษ์ 32 ตนด้วยตนเอง และรวบรวมลูกแก้วที่ไม่ใช่สมบัติ>

มันมีลูกแก้วอยู่เบื้องหลังผู้พิทักษ์ทุกตน

เมื่อมีทั้งหมด 128 ตน มันก็มีทั้งหมด 128 ชิ้น

มีเพียงลูกแก้วลูกเดียวที่จะส่องแสง และอันอื่นๆ ที่ไม่ได้ส่องแสงเป็นเพียงลูกแก้วธรรมดา

ถ้ารวบรวมพวกมันได้ทั้งหมด 32 ลูกก็จะสามารถแลกได้กับศิลาปราชญ์

คังเต้ได้ทำมันสำเร็จในอดีต

บางสิ่งที่เขาได้รับมันหลังจากรวบรวมพวกมันเผื่อเอาไว้

‘มันง่ายกว่าในการอยู่คนเดียวเพื่อที่จะทำมันให้สำเร็จในเวลาสั้นๆ’

แม้ว่ามันจะดูง่ายเมื่อพูด ความยากของดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์นั้นกลับไม่ได้ง่ายเพียงนั้น

เขาจะสามารถรวบรวมทั้ง 32 ลูกได้ก็ต่อเมื่อเขาหยุดแปลงร่างและใช้ร่างจริงในการทำงานอย่างรวดเร็ว

ฮันซูทะยานร่างของเขาตรงไปยังหนึ่งในดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์อย่างรวดเร็ว

 

 

<ผู้พิทักษ์อีกหนึ่งตนตายแล้ว! ยินดีด้วย!>

ผู้คนที่ได้เคลียร์ดันเจี้ยนสำเร็จแสดงสีหน้าเหนื่อยอ่อนออกมาขณะที่พวกเขาได้ยินเสียงดังก้องไปทั่วเกาะ

จากนั้นพวกเขาก็สบถออกมาเสียงลั่น

“นี่มันอะไรกัน พวกมันไม่ให้อะไรเลย… แม้ว่ามันจะยากขนาดนี้”

มันมีสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งในระหว่างทาง

พวกมันได้ให้รูนและอาร์ติแฟคจำนวนหนึ่งสำหรับคนสิบคน

ราวกับว่าพวกมันกำลังบอกให้พวกเขาล่าพวกมันแทนที่จะไปยังดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์

แต่เช่นนั้นพวกเขาย่อมไม่อาจที่จะเคลียร์ดันเจี้ยน 2  ดันเจี้ยนที่ทีมต้องทำภายในหนึ่งวันได้สำเร็จ

และมันมีเหตุผลที่ทำให้ทุกคนมุ่งหน้าไปยังดันเจี้ยนแม้ว่าพวกเขาจะจิ้ปาก

จริงๆ แล้วพวกเขาได้คาดหวังเอาไว้แล้ว

เพราะรูนและอาร์ติแฟคจำนวนมากได้ดรอปออกมาจากสัตว์อสูรทั่วไป และดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์นั้นถูกกล่าวไว้ว่ามันยากกว่า

มันชัดเจนว่าพวกเขาได้คาดหวังถึงรางวัลที่มากมายกว่า

แต่ผลลัพธ์นั้นคือความผิดหวังอย่างมหาศาล

พวกเขาได้ผ่านดันเจี้ยนหลังจากระยะเวลายาวนาน ทว่าจำนวนรูนและอาร์ติแฟคที่ดรอปนั้นมีเพียงน้อยนิด

และพวกเขานั้นยังค้นพบว่ามันยากที่จะจัดการสองตนภายในหนึ่งวันหากต้องการผ่านมันไปโดยที่ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ

หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงเพ่งความสนใจไปยังการฆ่าผู้พิทักษ์ดันเจี้ยนเพียงอย่างเดียว

“เวรเอ้ยย… แต่มันไม่มีอะไรที่พวกเราจะทำได้ พวกเราจะตายกันหมดถ้าไม่หาสมบัติ”

“ใช่ มันจริง…”

ถ้าพวกเขาโชคร้าย สมบัติจะออกมาเมื่อพวกเขาฆ่าผู้พิทักษ์ตนที่ 128

พวกเขาไม่อาจหาสมบัติได้ขณะที่ทำตัวตามสบาย ไม่เช่นนั้นพวกเขาย่อมไม่แม้แต่จะสามารถได้รับรางวัล

พวกเขาจะตายกันหมด

“เฮ้อ ไปกันเถอะ”

ในขณะที่พวกเขากำลังบ่นและพ่นคำพูดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า หนึ่งในคนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็ได้หมุนตัวกลับและเอ่ยขึ้น

“ฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหม?”

ทุกคนมองไปยังคนคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้า

“เอาเถอะ ถ้าจะแนะนำตัวเองอย่างง่ายๆ ฉันคือชูลมาน แต่ชื่อมันไม่สำคัญหรอก… มันมีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกพวกนาย”

ขณะที่ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างของผู้พูด ชูลมานก็เปิดปากพูด

“คิดดูสิ แม้ว่าพวกเราจะพบสมบัตินั่น เราจะสามารถนำมันไปที่แท่นบูชาได้อย่างปลอดภัยเหรอ? และมันมีประโยชน์อะไรในการนำมันไปที่นั่น?”

ทุกคนแสดงสีหน้าระแวงออกมา

พวกเขาไม่ได้พูด แต่ว่าพวกเขารู้

พวกเขามั่นใจในตนเอง แต่สองในห้าทีมที่แยกออกไปอีกทางนั้นอยู่ในระดับที่ต่างออกไป

ถ้าพวกเขาต้องเคลื่อนไหวเป็นทีมสิบคนและหาสมบัติพบ แล้วคนพวกนั้นตัดสินใจที่จะแย่งมันไปด้วยกำลัง เช่นนั้นพวกเขาก็จะมีเพียงแค่โดนขโมยมันไปเท่านั้น

และในพื้นที่ไม่กี่ร้อยตารางกิโลเมตรรอบแท่นบูชานั้นเป็นที่โล่ง ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบเข้าไป

และอย่างที่แฟรี่พูดก่อนหน้า ข่าวเกี่ยวกับสมบัติถูกค้นพบจะดังก้องไปทั่ว

แม้ว่าพวกเขาจะต้องการแลกเปลี่ยนสมบัติกับรางวัล พวกเขาก็จะมีเพียงแค่ถูกจัดการโดยคนที่พุ่งมาทางพวกเขาเท่านั้น

เมื่อพวกเขาต้องไปยังแท่นบูชาที่แฟรี่อยู่เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนรางวัล

หรือ พวกเขาอาจถูกขโมยทุกสิ่งไปแม้ว่าพวกเขาจะไปถึงที่นั่นอย่างปลอดภัยและแลกเปลี่ยนสมบัติเป็นรางวัลแล้ว

ไม่มีกฎข้อใดที่เอ่ยว่าอาร์ติแฟคทุกชิ้นนั้นจะต้องถูกแบ่งอย่างเท่าเทียมแม้ว่าพวกเขาจะเลือกที่จะแลกเปลี่ยนมันกับหมายเลขที่ 50 ซึ่งมี 50 ชิ้น

ถ้าพวกนั้นขโมยไปทั้งหมด พวกเขาก็จะไม่เหลือสิ่งใดในมือ

ชูลมานเอ่ยขึ้นขณะที่เขามองไปยังผู้คนที่กำลังบ่นพึมพำ

“พวกนายเข้าใจรึเปล่า? มันคือวิธีการที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อเราทำงานร่วมกัน แต่ถ้าเราอยู่อย่างคนอ่อนแอกว่าแบบนี้ เช่นนั้นพวกเราก็อาจจะตายหมด แม้ว่าการหาสมบัติจะสำคัญ เราก็ต้องคำนวณถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่หาสมบัติพบแล้วด้วย”

พวกเขาต้องผ่านสามขั้นตอนในการมีชีวิตรอดในสถานที่แห่งนี้

ได้รับสมบัติ

นำสมบัติไปที่แท่นบูชาและแลกเปลี่ยนกับรางวัล

นำรางวัลออกไป

ข้อกำหนดได้ถูกวางไว้แล้ว

<พลังต่อสู้>

ถ้าพลังต่อสู้ของคนผู้หนึ่งต่ำ คนผู้นั้นก็อาจจะเสียศีรษะของตนไปกระทั่งก่อนที่จะไปถึงยังแท่นบูชาที่แฟรี่อยู่

และแม้ว่าคนคนนั้นจะสามารถไปยังแท่นบูชาได้อย่างปลอดภัย คนผู้นั้นก็ไม่อาจที่จะเลือกจำนวนของของรางวัลได้

เมื่อคนอื่นๆ รอบๆ จะพุ่งเข้าไปหาเพื่อที่จะยื้อแย่งรางวัลที่มีอยู่อย่างจำกัด

มันไม่มีทางที่คนพวกนั้นจะปล่อยพวกเขาไปเมื่อพวกนั้นจะตายหากไม่ได้รับรางวัล

ในการที่คนที่มีพลังต่อสู้ต่ำต้อยจะสามารถมีชีวิตรอดได้นั้น พวกเขาจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนมันกับกระบองของคูรูทัน 50 ชิ้นเพื่อให้มันเพียงพอกับคนทั้งหมดและกระจายมันออกไป

‘ไม่… แบบนั้นก็ยังตายถ้าโชคร้าย’

เมื่อมันไม่มีข้อยืนยันใดๆ ว่าแต่ล่ะคนจะได้รับกระบองของคูรูทันหนึ่งชิ้น

ถ้าคนผู้หนึ่งอ่อนแอ คนคนนั้นก็จะตายด้วยน้ำมือของพวกคนชั่วร้าย

เมื่อพวกนั้นสามารถที่จะแย่งชิงมันไปเพื่อความสนุกและออกไปพร้อมกับมัน

แต่ถ้าพลังต่อสู้มีเพียงพอล่ะ?

มันย่อมไม่มีแม้แต่ความจำเป็นในการมองหาสมบัติ

‘เมื่อพวกเขาสามารถที่จะขโมยมันมาจากคนที่ไปยังแท่นบูชาที่ใจกลางหลังจากที่พบมัน’

เรื่องราวหลังจากที่พวกเขาค้นพบสมบัตินั้นสำคัญยิ่งกว่าในการที่จะมีชีวิตรอด

ชูลมานสร้างกำลังใจให้ตนเองเมื่อเขาเห็นผู้คนเริ่มหวั่นไหวพร้อมกับเอ่ยพูดต่อ

“แน่นอนว่าทุกคนยังต้องรวมพลังกันเพื่อที่จะหาสมบัติ แต่ทุกคนจำเป็นต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะหาสมบัติเหรอ? มันยากสำหรับพวกเราในการผ่านสองดันเจี้ยนภายในวันเดียว แต่ทีมที่พวกเราเห็นก่อนหน้ากระทั่งสามารถเคลียร์ 4 ดันเจี้ยนได้ภายในวันเดียว แม้ว่าความสูญเสียอาจจะเพิ่มขึ้นบ้างก็เถอะ”

ทุกคนผงกศีรษะ

เมื่อคนพวกนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างจากพวกเขา

มันเป็นไปได้สำหรับพวกนั้นในการเคลียร์ 4 ดันเจี้ยนในวันเดียวถ้าหากพวกนั้นรีบ

แม้ว่าความสูญเสียจะปรากฏขึ้นคนแล้วคนเล่า

ชูลมานผงกศีรษะขณะพูด

“คนพวกนั้นจะจัดการดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์ได้เร็วกว่าพวกเรา พวกนายคิดว่าพวกนั้นจะทำอะไรหลังจากที่ทำส่วนของพวกนั้นเสร็จแล้วกันล่ะ?”

“แน่นอนว่าพวกนั้นจะ…”

สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปเป็นเครียดขึ้ง

พวกเขาไม่มีความผ่อนคลายใดๆ แต่พวกคนที่แข็งแกร่งพวกนั้นสบายมากพอที่จะกระทั่งล่าสัตว์อสูร

ช่องว่างระหว่างพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีก

“ไม่ใช่ว่ามันคือเวลาสำหรับพวกเราในการตามหามันอย่างจริงจัง เราแค่ต้องภาวนาไม่ให้หนึ่งในสองกลุ่มที่แข็งแกร่งพบมันเร็วนัก เมื่อมีเพียงยามนั้นที่พวกนั้นจะรีบค้นหาสมบัติโดยการยอมเสียสละความแข็งแกร่งของพวกนั้นเล็กน้อย และในระหว่างนั้น พวกเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะเตรียมตัวสำหรับเรื่องราวหลังจากที่พวกนั้นค้นพบสมบัติ”

พวกเขาอ่อนแอ

มันมีเพียงแค่จะอันตรายยิ่งขึ้นหากพวกเขาค้นพบสมบัติทั้งๆ แบบนี้

แต่หากพวกเขาทำตามความคิดก่อนหน้า ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็จะสั้นลง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะสามารถยืนยันความปลอดภัยของพวกเขาได้ในระดับหนึ่งแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนค้นพบสมบัติ

“แต่… มันมีความเป็นไปได้ที่พวกนั้นจะไล่ล่าพวกเราและระบายความโกรธมาที่พวกเราไม่ใช่เหรอ?”

แม้ว่าเกาะจะกว้าง พวกเขาก็จะยังคงหากันพบหากตั้งใจ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่พบกันระหว่างการต่อสู้ แต่ถ้าหากมันไม่มีคำประกาศใดๆ เกี่ยวกับการเคลียร์ดันเจี้ยน พวกนั้นก็ยังคงจะมาหาพวกเขาอยู่ดี

ชูลมานส่ายศีรษะขณะเอ่ยพูด

“พวกนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าใครทำและใครไม่ทำจากทั้ง 5 ทีม”

ทุกคนผงกศีรษะ

ถ้าพวกเขาโกหกและทำตัวตามปกติ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถผ่านมันไปได้

“และในตอนที่พวกนั้นรู้และมาหาพวกเรา เราก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ถ้าพวกเราปะทะกัน พวกนั้นเองก็จะได้รับบาดเจ็บและไม่อาจที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนของผู้พิทักษ์ได้ พวกนั้นจะสู้กับพวกเราในสถานการณ์แบบนั้นเหรอ?”

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา

ถูกแล้ว

มันไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะลดความระมัดระวังตัวลง

เรื่องราวหลังจากที่ค้นพบสมบัตินั้นสำคัญกว่าการหามันให้พบ

ถ้าพวกเขามาพลังต่อสู้ที่อ่อนแอ เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่อาจที่จะหนีไปจากชะตากรรมของการถูกขโมยของที่พวกเขาล่าไปได้

จุดที่มันไม่สำคัญว่าใครพยายามหนักกว่า

มันคือใครคือคนที่แข็งแกร่งกว่า

ผู้คนที่ได้ยินคำพูดของชูลมานผงกศีรษะด้วยสีหน้าแข็งค้าง จากนั้นจึงมุ่งหน้าออกจากดันเจี้ยนไปยังพื้นที่ล่า

ชูลมานเองก็ได้กัดฟันกรอดขณะมุ่งตรงไปข้างหน้า

‘ฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะตามหาซูฮี’

เขาไม่อาจปล่อยให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในกำมือของคนที่แข็งแกร่งกว่าได้

มันย่อมไม่มีประโยชน์ในการสบถสาปแช่งแฟรี่ถ้าหากคนผู้นั้นไม่มีแม้แต่พลังที่จะรักษาสิทธิของตนเอง

ชูลมานเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าด้วยอาการกัดฟันแน่น

 

 

พรวดดด

“ฮู่ววว”

ฮันซูยืดร่างกายของเขาขณะที่มองไปยังแผ่นหลังของผู้พิทักษ์ที่เขาจัดการ

‘การอยู่คนเดียวนี่มันสะดวกกว่าอย่างที่คิด’

พลังต่อสู้ของเขาจะลดลงถ้าเขาต้องทำงานร่วมกับคนอื่นเพราะเขาไม่อาจปลดการเปลี่ยนร่างได้

<ผู้พิทักษ์อีกตนตายแล้ว! สมบัติยังไม่ถูกค้นพบ แต่เข้มแข็งเข้าไว้!>

น้ำเสียงของแฟรี่ดังก้องไปทั่วขณะที่ฮันซูแตะลูกแก้วที่เขาได้รับหลังจากที่ฆ่าผู้พิทักษ์

‘มันว่างเปล่าอย่างที่ฉันคิด’

ลูกแก้วที่ไม่ได้ส่องแสง

แต่นี่คือสิ่งที่สำคัญกว่าสมบัติสำหรับฮันซู

ขณะที่ชายหนุ่มแตะมัน มันก็ได้ถูกดูดกลืนกลายเป็นรูนอยู่ในข้อมือข้างซ้ายของเขาและแปรเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์

‘มันคืออันที่ 4’

หากมันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป การรวบรวม 32 อันภายในเวลา 2 สัปดาห์ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เมื่อเขาจะสามารถจัดการได้ราวๆ 4 ตนในหนึ่งวันหากเขาไม่ได้ฝืนตัวเอง

แต่ในทางกลับกัน มันยากสำหรับเขาในการที่จะล่ามากกว่า 4

เมื่อการฝืนตัวเองนั้นหมายความว่าพลังที่เขาเหลือเพื่อใช้ในวันต่อไปจะลดลง

พวกเขาอาจไม่สามารถหาสมบัติได้หากคนอื่นๆ ไม่ได้จัดการดันเจี้ยนแบบดีๆ

‘แล้วมันก็จะกลายเป็นการสังหารหมู่’

1 วันผ่านไปแล้ว

พูดตามเหตุผลแล้ว ควรมีดอกไม้ไฟทั้งหมด 14 ครั้งดังขึ้นเมื่อรวมกับของเขา เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะล่า 2 ตนต่อวันด้วย 5 ทีมที่มี 10 คน

แต่จำนวนทั้งหมดมีเพียง 10

ซึ่งหมายความว่ามีบางคนที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง

และเวลาระหว่างดอกไม้ไฟแต่ล่ะดอกก็เริ่มนานขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งหมายความว่าพวกนั้นเริ่มขี้เกียจมากขึ้น

พวกนั้นย่อมขี้เกียจขึ้นและสบายขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อจำนวน 10 ได้ถูกเติมเต็มโดยที่พวกนั้นไม่ต้องล่าด้วยตนเอง

‘หืมมม… การกระทำพวกนี้ค่อนข้างชัดเจน’

สถานที่แห่งนี้จะง่ายที่จะจัดการเมื่อเป็นคน 50 คนที่อยู่ในกิลด์เดียวกัน แต่การถูกสังหารหมู่ก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นเมื่อคน 50 คนที่แตกต่างกัน มีความคิดและพลังที่แตกต่างกันดีรวมตัวกัน

‘มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องเคลื่อนไหวแล้ว’

การแก้สถานการณ์ในสถานที่แห่งนี้นั้นค่อนข้างง่ายดาย

มันไม่สำคัญว่าจะมีลูกน้องของลอร์ดวิปลาสหรือไม่

เขาก็แค่ต้องเปลี่ยนกลับไปเป็นตัวตนที่แท้จริงและบดขยี้พวกมันทั้งหมดลง

อย่างไรเขาก็โดดเด่นในการจัดการคนมากกว่าสัตว์อสูรอยู่แล้ว

สัตว์อสูรสามารถรับการโจมตีได้จำนวนหนึ่ง แต่คนที่นี่จะกระอักเลือดออกมาเพียงแค่จากกริชที่เขาขว้าง เพราะพลังชีวิตที่มีจำกัด

มันไม่มีทางที่คนที่นี่จะเอาชนะเขาที่มีผ้าคลุมเจ็ดลายและเซ็ทดีคราดอสได้

จากนั้นเขาจะบอกให้พวกนั้นฆ่าผู้พิทักษ์ในความรับผิดชอบของพวกนั้น

จากนั้นเขาก็แค่ต้องนำสมบัติไปที่แท่นบูชาไม่ว่าใครจะเป็นคนพบมัน และจากนั้นมันก็จะจบ

‘แต่… ถ้าแบบนั้นต่างหูนี่ก็จะน่าเศร้าไปหน่อย’

เขาไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อที่จะฆ่าลูกอ๊อดไม่กี่ตัว

และมันไม่มีปัญหาแม้ว่าเขาจะไม่ได้ปลดการเปลี่ยนร่างของเขา

เมื่อเขาได้ค้นพบใครบางคนที่จะทำสิ่งที่เขาต้องทำมานานแล้ว

ร่างของฮันซูจางหายไปหลังจากที่ชายหนุ่มใช้สร้อยข้อมือของอารังแคล

 


TL: ทำไมชอบฉลาดในเรื่องโง่ๆ กันจังเลย//ถอนหายใจ