บทที่ 48: หอคอย (7)

 

 

 

‘มันก็สักพักแล้ว’

ฮันซูพึมพำอย่างเงียบงันขณะที่เขามองสภาพแวดล้อมแผดเผารอบกาย

ชั้นสามที่เลียนแบบ <เขตสีแดง>

พวกเขาเรียกมันว่าเขตสีแดงเพราะมันใช้พลังงานสีแดง

แต่ว่ามันก็มีอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกัน

โลกที่สว่างโชติช่วงอยู่ตลอดเวลาจากการลงทัณฑ์แห่งพระเจ้า

และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มันถูกเรียกว่าเขตสีแดง

‘เออร์เวียง… นี่คือโลกของนายสินะ หืม’

ก่อนหน้าเขาไม่รู้

กระทั่งก่อนหน้าที่การร่วงหล่นจะมาถึง

‘เราเป็นเพียงแค่กบในบ่อน้ำ’

แต่เขา หลังจากที่ท่องผ่านอบิส ได้รู้แล้วในตอนนี้

ว่าโครงสร้างของอีกโลกที่ประกอบไปด้วยเขตสีทั้งเจ็ดนั้นเป็นเช่นไร

หากสิ่งที่ถูกเรียกว่าพระเจ้ามีอยู่จริง เช่นนั้นมันก็ย่อมเป็นสิ่งที่โหดเหี้ยมอย่างมาก  มนุษย์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่โชคดีอย่างมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ของเออร์เวียงที่เป็นนักท่องเวลา

ฮันซูส่ายศีรษะ

‘มันไม่ใช่เวลามาสะเทือนใจ’

นี่เป็นเพียงแค่ของปลอมที่ลอกเลียนแบบมากจากเขตสีแดง

มันไม่แม้แต่จะอันตรายถึงครึ่งของของจริง

‘ฉันควรไปไหม’

ไอ้หมอนี่อาจจะติดอยู่ที่ <กางเขน>

เขาก็แค่ต้องจบชีวิตหมอนั่นลงที่นั่น

ฮันซูก้าวเดินผ่านพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงต่อไป

 

 

“มันยอดเยี่ยม”

ทุกคนที่เดินหน้าตรงไปอย่างเชื่อฟังภายใต้คำสั่งของวองยูงหมุนลิ้นของพวกเขาไปรอบๆ

ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของพวกเขากำลังเผาไหม้

ตึกหน้าตาแปลกประหลาดที่คล้ายคลึงกับของเผ่าพันธุ์อื่นกำลังไหม้ สัตว์อสูรจำนวนมากกำลังเคลื่อนไหวไประหว่างสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นโดยไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด

‘เวรเอ้ย… ทุกที่ในชั้นสามคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม?’

นั่นมันไม่แม้แต่จะมีเหตุผล

มันไม่ได้ร้อนจนถึงจุดที่พวกเขาถูกเผาจนตาย แต่ความร้อนไร้จุดจบนี่กำลังโจมตีคอและปอดของพวกเขาอยู่

และสัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากเสียจนกระทั่งลูกกิลด์ของเขายังป้องกันมันได้อย่างกล้ำกลืน

ด้วยสภาพแวดล้อมที่แผดเผาเช่นนี้ มันไม่มีแม้แต่น้ำให้ดื่มเช่นกัน

หนึ่งในสองสิ่งจะเกิดขึ้นหากเป็นเช่นนี้

ไม่ตายจากสัตว์อสูร ก็ตายจากอาการขาดน้ำ

‘… โลกนอกบทฝึกซ้อมเป็นเช่นนี้ตลอดเลยหรือ?’

แฟรี่ได้บอกพวกเขา

ว่าชั้นสามนั้นเหมือนเศษเสี้ยวหนึ่งของโลกนอกบทฝึกซ้อม

และมันเอ่ยบางอย่างเพิ่มเช่นกัน

<เมื่อพวกคุณไปถึงจุดนั้น เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวจริงๆ>

ในตอนแรกเขารู้สึกโล่งใจจริงๆ

เมื่อกระทั่งเขาก็ไม่รู้สึกสะดวกสบายกับแฟรี่ที่สร้างกฎเลวร้ายขึ้นอย่างไร้จุดสิ้นสุด

แต่เขาก็ตระหนักถึงบางอย่างได้อย่างช้าๆ

‘… มันไม่เหมือนว่ามันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เหมือนกับว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปยุ่งมากกว่า?’

หากมันเป็นสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเสียจนถึงจุดที่พวกมันไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว เช่นนั้นพวกมันก็ย่อมไม่ทำ

เมื่อพวกเขาจะตายกันเองอยู่แล้ว

วองยูงที่มุ่งหน้าไปตามพื้นที่แห้งแล้งส่ายศีรษะ

‘ไม่มีทาง’

มันไม่มีทางที่พวกมันจะปล่อยให้พวกเขาตายหมด

วองยูงมั่นใจ

พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยคือเขา

หากพลังเช่นของเขานั้นยังลำบากขนาดนี้ เช่นนั้นคนอื่นๆ ก็อาจจะตาย

มันไม่มีทางที่พวกมันจะกำหนดความยากไว้ขนาดนั้น

ตึก ตึก ตึก

‘อย่างแรกมุ่งตรงไปข้างหน้า’

วองยูงกำหนดความคดของเขาเอาไว้ขณะที่มุ่งตรงไป

และไม่ช้า ไม้กางเขนขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

“…นั่นมันอะไร?”

“มันสวยไม่ใช่เหรอ?”

แฟรี่ที่ปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวพล่ามออกมา

วองยูงมุ่นคิ้วลงเล็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น

มันเป็นไม้กางเขนหน้าตาน่าขยะแขยงแม้จะมองผ่านเพียงแวบเดียว

และบนไม้กางเขนนั้น ใบหน้าของมนุษย์ได้ปรากฏขึ้นมาและจมลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ราวกับว่ามีคนติดอยู่ภายในผ้าขนาดยักษ์

จากนั้นวองยูงก็ขยี้ตาของเขาหลังจากที่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างมาก

“…หืม?”

แฟรี่แย้มยิ้มขณะที่มันเอ่ยพูด

“พวกคุณเห็นใบหน้าคุ้นๆ ไหม?”

“…”

วองยูงเมินคำพูดของแฟรี่ขณะที่เขาสำรวจไม้กางเขนหลังจากที่เดินเข้าไปใกล้มัน

จากนั้นจึงแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา

“หรือว่าไม้กางเขนนี่…”

“หืมมม… ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไร แต่เราควรจะพูดว่ามันถูกต้องไหม? ฮี่ฮี่ ถูกต้อง! ข้อมูลทั้งหมดของคนที่ตายในบทฝึกซ้อมอยู่ในนี้! โอ๊ะโอ๋ เพิ่งมีเพิ่มอีกสองคน”

วองยูงหรี่ตาลง

“แต่นี่มันหมายความยังไง?”

เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างมาก

แต่ว่ามันมีความหมายอะไรสำหรับพวกเขา

“สะท้อนการกระทำของพวกเราขณะที่เฝ้ามองความตาย?”

แฟรี่ส่ายศีรษะ

“ไม้กางเขนจะสวยมากๆ หลังจากที่คุณได้ยินคำพูดของฉัน”

“…?”

“มันคือกางเขนแห่งการเกิดใหม่! คุณสามารถฟื้นคืนชีพใครบางคนที่ตายในบทฝึกซ้อมได้!”

วองยูงแสดงสีหน้าหวาดผวาออกมา

พวกมันนั้นดูเหมือนใกล้เคียงกับพระเจ้า

แต่สำหรับพวกมันที่กระทั่งสามารถส่งผลต่อคนที่ตายไปแล้วได้

“นี่มันไร้สาระอะไรกัน… นี่พวกแกกระทั่งสามารถควบคุมความตายได้?”

แฟรี่แสยะยิ้ม

“นั่นมันค่อนข้างจะยากเกินไปสำหรับพวกเรา มันเป็นเพียงแค่ร่างเลียนแบบที่พวกเรานำมาที่นี่”

“…ร่างเลียนแบบ?”

“ใช่ คัดลอกข้อมูลของพวกคุณทุกคนตอนที่พวกคุณมาที่นี่และบันทึกมันไว้ในไม้กางเขน และไม้กางเขนนั้นจะสร้างร่างเลียนแบบของพวกคุณขึ้นจากมัน”

“…”

ในขณะที่ดวงตาของวองยูงกำลังส่องประกายระริก แฟรี่ก็ฉีกยิ้มออกมาราวกับว่ามันรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อ

“แม้ว่ามันจะเป็นร่างเลียนแบบ พลังและความทรงจำของพวกเขาก็จะเหมือนกับตัวจริงก่อนที่พวกเขาจะมายังฝั่งนี้ ไม่ใช่ว่ามันยอดเยี่ยมเหรอหากเป็นคนที่พวกคุณรัก? ฮี่ฮี่ฮี่”

“มันสามารถฟื้นความตายได้เหรอ?”

มือของวองยูงสั่นสะท้าน

‘… จริงหรือ?’

ความทรงจำของเขาหมุนวนกลับไปอย่างรวดเร็ว

เหตุผลที่ทำให้เขาเกลียดชังลอร์ดคนอื่นๆ

นั่นล้วนเป็นเพราะชายคนนั้นที่เขาพบที่จุดเริ่มต้น

ความจริงแล้ว มันมีใครบางคนที่ปลุกพลังของลอร์ดขึ้นได้ก่อนวองยูงในบทฝึกซ้อมช่วงแรก

และหมอนั่นได้ควบคุมลูกสาวของเขาด้วยสัญลักษณ์และปั่นหัวเธอ จากนั้นจึงฆ่าเธอด้วยการใช้เธอเป็นโล่ในช่วงเวลาอันตราย

เขาชิงชังมันมากเท่าไหร่กัน

เขาได้สร้างพลังที่ยิงใหญ่กว่านักหลังจากที่เขาได้ปลุกพลังลอร์ดของเขาขึ้นมา

เมื่อพลังจิตของเขานั้นเหนือกว่าไอ้หมอนั่นมาก

และเขาก็คิดขึ้นหลังจากที่ฉีกกระชากหมอนั่นเป็นชิ้น

เหตุผลที่เขาได้รับพลังจิตนี้มาเป็นลิขิตสวรรค์ที่ต้องการให้เขาจัดการลอร์ดคนอื่นๆ ให้หมด

และอีกอย่างหนึ่ง

เขาต้องการพลังอย่างมาก

ทำไม?

<เมื่อลูกชายของเขา ที่หายไปก่อนเขาห้าปี อาจจะยังมีชีวิตอยู่>

เขาต้องการพลังมากกว่านี้มากเพื่อที่จะหาลูกชาย

เมื่อลูกชายของเขาจะอยู่ไกลกว่าเขามากหากยังมีชีวิตอยู่

เขาไม่อาจตามทันช่องว่าง 5 ปีระหว่างเขาและลูกชายได้ด้วยพลังทั่วไป

เขาต้องการพลังที่จะกวาดทุกสิ่งและมุ่งหน้าต่อไป

มันไม่สำคัญว่าการกระทำของเขาจะทำให้เขาถูกสาปแช่งโดยคนอื่น

เมื่อคนที่สาปแช่งเขาไม่ใช่คนที่จะตามหาลูกชายให้เขา

ทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วยดี

แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขา!

วองยูงแตะไม้กางเขนด้วยมือที่สั่นเทา

ทันทีที่มือของเขาแตะมัน คนนับพันที่ได้ตายไปในบทฝึกซ้อมก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

และคนจำนวนมากที่ตายด้วยน้ำมือของกิลด์เขาก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน

แต่มันไม่สำคัญ

เมื่อเขาสนใจแต่เพียงลูกสาวของเขา

ในขณะที่เขากำลังพลิกผ่านแคตตาล็อค ลูกสาวของเขาอาฮี ก็ได้ปรากฏขึ้น

“อ่า… อ่าาาาาา”

น้ำตาของวองยูงไหลพรากด้วยความยินดี

เขาสามารถคืนชีพอาฮีได้!

โดยที่ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวด ด้วยร่างกายก่อนที่เธอจะมาที่นี่!

แม้ว่าร่างกายของเธอจะอ่อนแอ แต่มันไม่สำคัญ

เขาก็แค่ต้องปกป้องเธอ

‘ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณ’

วองยูงเอ่ยถามแฟรี่อย่างเร่งรีบ

“ฉันจะคืนชีพพวกเขาได้ยังไง?”

แฟรี่แสยะยิ้มขณะที่มันเอ่ยพูด

“ง่ายๆ แค่ใส่ใครบางคนลงไปในนี้”

แฟรี่ชี้ไปยังฐานของไม้กางเขน

หลุมลึกที่ดูเหมือนกับหลุมศพ

“อะไรนะ?”

“คุณต้องการวัตถุดิบเพื่อที่จะสร้างบางสิ่ง ใส่คนอื่นลงไปเพื่อให้อีกคนออกมา มันค่อนง่ายเลยแบบนั้นเลย”

วองยูงรีบมองไปรอบๆ

เขาแค่ต้องใส่คนที่อ่อนแอที่สุดลงไปในนั้น

เช่นนั้นมันก็จะไม่มีปัญหา

ด้วยคำสั่งของเขา ชายที่หอบหายใจแรงด้วยอาการบาดเจ็บก็ได้ลากร่างของเขาไปอย่างช้าๆ และมุ่งตรงไปยังหลุมใต้กางเขน

ในขณะที่วองยูงกำลังยินดีกับภาพนั้น เสียงเดาะลิ้นของแฟรี่ก็ดังขึ้น

“ไม่ไม่ ทำแบบนั้นไม่ได้ คุณทำแบบนั้นไม่ได้ คุณใช้ลูกกิลด์ไม่ได้ มันจะง่ายเกินไปถ้าเป็นแบบนั้น เราไม่ต้องการเห็นอะไรแบบนั้น คุณจะใช้เล่ห์กลอะไรไม่ได้”

“อะไรนะ!!!!! แกต้องการอะไร!!!!”

วองยูงกรีดร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว

แฟรี่แย้มยิ้มเอียงอายขณะที่มันเอ่ยพูด

“มันไม่ได้ยากขนาดนั้น คุณก็แค่ต้องใส่ใครคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกกิลด์ของคุณที่นี่ลงไป จากนั้นลูกสาวของคุณก็จะมีชีวิตอยู่ มันดีไหม? ฮี่ฮี่ฮี่ มันวุ่นวายอย่างมากในสถานที่อื่นในตอนนี้ แต่มันไม่มีปัญหาที่นี่เพราะมันมีแค่กิลด์เดียว อ๊า อีกคนเข้ามาในกางเขนแล้ว”

วองยูงเกลียดชังคำพูดนั้นนัก

เขาจะหาคนอื่นในดินแดนทะเลทรายของเขาได้อย่างไร

วองยูงเอ่ยถามแฟรี่เผื่อๆ ไว้

“เวรเอ้ย… มันจะมีโอกาสแบบนี้ในอนาคตอีกไหม?”

เขาไม่เชื่อว่าจะมีเพียงพวกเขาในเส้นทางต่อจากนี้

ถ้าพวกเขาพบคนอื่น เช่นนั้นพวกเขาก็เพียงจับพวกนั้นและคืนชีพอาฮีหลังจากที่พวกเขาใส่พวกนั้นลงไปในกางเขนที่พวกเขาจะหาทีหลัง

แฟรี่ส่ายศีรษะ

“ไม่ นี่เป็นสิทธิพิเศษสุดท้าย โอกาสไม่มาง่ายๆ ใช่ไหมล่ะ? อย่างที่เราเห็น มันไม่สนุกเลยเมื่อมนุษย์สะดวกสบาย พวกคุณต้องการวิกฤตสักหน่อย ถ้าคุณจากไปหลังจากมาถึงที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง เช่นนั้นคุณก็ไม่อาจใช้มันได้อีกครั้ง”

“ไอ้เหี้ยเอ้ยยยย!”

วองยูงกรีดเสียงร้องออกมาอย่างชิงชัง

พวกเขาได้อยู่หลังสุดแล้วเพราะเขาต้องรวบรวมลูกกิลด์ทั้งหมดของเขาที่กระจายไปทั่ว

คนที่ได้เริ่มต้นแล้วอาจไปยังทางอื่น

และความคิดไหนที่ลคนที่มีความคิดเป็นปกติจะคิดเมื่อพวกเขาเห็นสภาพของชั้นสาม

พวกนั้นจะวิ่งไปรอบๆ และรวมตัวกันกับคนอื่นๆ ในจุดเริ่มต้นอื่น?

หรือพวกนั้นจะคิดที่จะผ่านสถานที่ราวนรกนี่ไปด้วยตัวเอง

และพวกเขาไม่อาจเฝ้ารอได้ตลอดไปในสถานที่แห่งนี้

เมื่อพวกเขาไม่มีอะไรให้กินดื่มในสถานที่ร้อนแผดเผาเช่นนี้

เขาไม่อาจส่งลูกกิลด์ของเขาออกไปได้เมื่อเขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้

แต่จากนั้นสีหน้าของวองยูงก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา

‘บางที’

เขาไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างหน้า แต่เขาได้จัดการไปบ้างแล้วระหว่างทางที่เขาเดินทางมาที่นี่จากจุดเริ่มต้น

ถ้าเขาส่งลูกกิลด์บางคนไปรอที่จุดเริ่มต้น เช่นนั้นใครบางคนก็อาจจะปรากฏตัวออกมาก็ได้

จากนั้นเขาก็แค่ต้องจับพวกนั้นก่อนที่พวกนั้นจะไปยังทางอื่น

ในตอนนั้นเองที่หนึ่งในลูกกิลด์ของเขาตะโกนเสียงลั่น

“ลอร์ด! มีใครบางคนมาทางนี้!”

“อะไรนะ?”

วองยูงเบิกตากว้างและมองตรงไปยังจุดเริ่มต้น

และเขามองเห็นคนคนหนึ่งเดินตรงมายังพวกเขาจากจุดเริ่มต้น

‘มันเป็นไปได้ยังไง ขอบคุณ โอ้ พระเจ้า’

วองยูงที่ไม่แม้แต่จะนับถือศาสนาได้เอ่ยสรรเสริญพระเจ้า

ไม่สิ ไม่มีไม่ทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นหากไม่มีพระเจ้า

พระเจ้าได้ให้พลังแก่เขาเพื่อตามหาลูกชาย และโอกาสที่จะคืนชีพลูกสาว

หากไม่เป็นเพราะพระเจ้าได้เอ็นดูเขาเช่นนั้นมันคืออะไรกัน?

ไม่ช้า ความคิดของวองยูงที่เต็มไปด้วยความยินดีก็เยือกเย็นลง

หมอนั่นไม่อาจหนีไปได้หลังจากที่เห็นสถานที่แห่งนี้

ไม่มีทาง

เขาต้องจับหมอนั่นให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม และโยนมันลงไปในหลุมศพ

เมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะช่วยลูกสาวของเขาได้

‘ฉันไม่รู้ว่านายคือใคร… แต่ขอบคุณ’

“จับมัน!”

ทันทีที่คำสั่งของเขาเล็ดรอดออกไปจากริมฝีปาก ลูกกิลด์ของเขาก็พุ่งเข้าไปยังร่างของชายที่กำลังเดินตรงมายังพวกเขาจากที่ไกลๆ

 

 

ฮันซูพึมพำอย่างเงียบงันอยู่ภายในขณะที่เขาเฝ้ามองผู้คนพุ่งเข้ามาหาเขา

‘ลอร์ดวิปลาส ลอร์ดแห่งความชั่วร้ายชั้นแนวหน้า’

บาปที่หมอนั่นก่อนั้นมากเกินกว่าที่จะเอ่ยกล่าว

แน่นอนว่ามันล้วนเป็นสิ่งในอดีต

สถานการณ์ของหมอนั่น? เขารู้ดี

เมื่อเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเกลียดชังก่อนตายของหมอนั่นทั้งหมด

เขารู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเกลียดลอร์ด ทำไมหมอนั่นถึงพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างบ้าคลั่ง และวิธีการที่หมอนั่นใช้ไต่เต้าขึ้นไปเป็นลอร์ดแห่งความชั่วร้ายชั้นแนวหน้า

หมอนั่นต้องทิ้งลูกสาวของตนเองไว้ที่นี่เพราะมันไม่อาจหาคนที่ไม่มีกิลด์ที่นี่ได้

และหมอนั่นที่เดือดดาลจากเรื่องนี้ได้ก่อการสังหารหมู่ขึ้นในบทฝึกซ้อมเพราะความคิดเร่งร้อนในการตามหาลูกชายที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขา

หมอนั่นได้ทำแบบนั้นจนกระทั่งบัดนี้ แต่มันจะมากกว่านี้ในอนาคต

และหมอนั่นได้ตามทันช่องว่าง 5 ปี แต่เสียสติไปหลังจากที่พบว่าลูกชายของตนเองตายไปแล้ว จากนั้นก็พลิกอีกโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ราวกับว่าหมอนั่นพยายามที่จะปลดปล่อยความกราดเกรี้ยวต่อโลกที่ได้ฆ่าลูกชายและลูกสาวของเขาด้วยการลงกับผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนั้น

สถานการณ์ของหมอนั่นมันน่าหดหู่ แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาของมัน

‘แต่นายจะไม่รู้สึกไม่ยุติธรรมอีกต่อไป เมื่อนายจะได้ฟื้นคืนชีพลูกสาวของนายถ้านายชนะที่นี่’

เขาได้มาหาลอร์ดวิปลาส และลอร์ดวิปลาสก็ได้มาฆ่าเขา

มันไม่มีอะไรแย่สำหรับเขา

เมื่อหากลอร์ดวิปลาสชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ หมอนั่นก็จะสามารถใช้เขาเป็นเครื่องสังเวยในการคืนชีพลูกสาวได้

นั่นคือทุกสิ่งที่เขาต้องการ

และไม่ช้า ความยุติธรรมและคำพิพากษาแห่งดีคราดอสก็พุ่งออกไปโดยมีร่างของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง

 


TL: ถ้าทุกคนเจอสถานการณ์แบบวองยูงจะทำยังไงกันคะ//เอียงคอ