บทที่ 45: หอคอย (4)

 

 

 

ทุกคนแสดงสีหน้าสับสนออกมา

‘มันเกิดอะไรขึ้น…’

แต่ชูลมานทำเพียงแค่ถอนหายใจ

มันจะมีประโยชน์อะไรในการคิดเรื่องแบบนั้น

ยังไงพวกเขาก็ต้องตายในไม่ช้าอยู่แล้ว

มันไม่สำคัญว่าเขาจะตายด้วยน้ำมือของมินฮีหรือยองแจ

ในเสี้ยววินาทีนั้น บางอย่างได้พุ่งมาด้วยความเร็วสูงและกระแทกเข้ากับศีรษะของเขา

โป๊ก!

‘เวรเอ้ย…’

การรับรู้ของชูลมานเลือนรางลงขณะที่สติค่อยๆ จางหายไป

ยองแจที่ทำให้อีกแปดคนหมดสติลงด้วยการขว้างกริชออกไปได้เดินตรงไปและเลือกประตูบานที่เก้า

ครืดดดดด

เมื่อชายหนุ่มเลือก <กริชของเจ้าหญิงที่ติดอยู่ในหอคอย> ที่อยู่เบื้องหน้าประตูบานที่เก้า ประตูก็ได้เปิดอ้าออกพร้อมกับที่อาการบาดเจ็บของผู้ที่อยู่ในห้องได้หายไป

ฮันซูหัวเราะไปยังคนอื่นๆ ที่นอนอยู่บนพื้นโดยที่อาการบาดเจ็บทั้งร่างได้ถูกรักษาจนหายดี จากนั้นจึงเริ่มผ่อนคลายร่างกายของเขาลง

‘แม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างแข็งแกร่ง… คนเดียวก็ง่ายพอ’

ลูกน้องของลอร์ดวิปลาสนั้นแข็งแกร่ง

เมื่อพวกนั้นไม่เพียงแค่ครอบครองรูนของคนอื่นๆ แต่รวมทั้งสกิลและอาร์ติแฟคด้วย

แต่ว่ามันก็แตกต่างออกไปตามแต่ล่ะคน

และคนผู้หนึ่งอาจถูกจัดการได้โดยง่ายเพียงแค่ใช้พลังที่ปกปิดไว้

ถ้ามันใช้ไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็แค่รับการโจมตี ฆ่าพวกนั้น และค่อยรักษาตัวทีหลัง

เมื่อยังไงวิธีการเช่นนั้นก็คือรูปแบบการต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว

‘ซึ่งหมายความว่า… อาร์ติแฟคของเด็กผู้หญิงนั่นเป็นของฉัน’

ฮันซูหัวเราะคิกคัก

มันไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งไปรอบๆ ที่แล้วที่เล่าเพื่อที่จะรวบรวมอาร์ติแฟคในหอคอย

เมื่อลูกน้องของลอร์ดวิปลาสจะนำพวกมันมาให้เขาด้วยตนเอง

ง่ายดาย

พวกนั้นจะสร้างสถานการณ์บางอย่างขึ้น และนำอาร์ติแฟคมากับตนเอง

และเขาก็แค่ต้องตัดหัวของพวกนั้นและเอาพวกมันมา

ฮันซูนำรูนและอาร์ติแฟคที่ได้ออกมาจากร่างของเด็กหญิงไปก่อนจะแสดงสีหน้าตื่นตาเมื่อเห็นของนั้น

‘ผ้าคลุมเจ็ดลาย… กระทั่งใส่อะไรแบบนี้’

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าตะลึงงันเล็กๆ

ถ้าอีกฝ่ายใช้งานของชิ้นนี้และสู้ เช่นนั้นมันก็จะเป็นเรื่องน่ารำคาญอย่างมาก

<ผ้าคลุมเจ็ดลาย>

ผ้าคลุมมหัศจรรย์ที่จะเพิ่มพลังป้องกันต่ออาวุธเจ็ดชนิด

‘มันยากพอแล้วที่จะสู้โดยไม่มีอาร์ติแฟคที่ทรงพลัง นี่มันยอดไปเลย’

นี่นับเป็นตัวช่วยอันใหญ่หลวงในสถานการณ์ของเขาที่ค่าสถานะได้ลดลงและไม่อาจใช้เซ็ทดีคราดอสได้

และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนับรวมกับความจริงที่เขาจะต้องสู้กับมนุษย์บ่อยขึ้นกว่าเก่า

ลูกน้องของลอร์ดวิปลาสจะสงสัยเขาเพราะมัน แต่พวกนั้นไม่อาจที่จะยืนยันได้

เมื่อมันไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวแม้ว่ามันจะยากที่จะได้ครอบครองก็ตาม

ฮันซูที่ได้เตรียมบางสิ่งเริ่มที่จะคิดถึงแผนในอนาคตของเขา

‘เหลืออีกสองขั้น’

ถ้าเขาทำสำเร็จอีกสองขั้น เช่นนั้นการเตรียมตัวในการเข้าสู่ดันเจี้ยนสุดท้ายก็จะเสร็จสิ้น

อย่างแรก

<ศิลาปราชญ์เลียนแบบชั้นยอด>

อาร์ติแฟคที่อยู่บนร่างของเขาทั้งหมดในตอนนี้ล้วนเป็นระดับไร้สี

รวมทั้งผ้าคลุมเจ็ดลายและเซ็ทดีคราดอส

แต่รูนของเขาจะกลายเป็นสีแดงระหว่างที่อยู่ในดันเจี้ยนสุดท้าย

และแน่นอนว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้ก็ต่อเมื่อเตรียมของระดับสีแดง

‘แต่มันเป็นไปไม่ได้’

จริงๆ แล้วมันก็ค่อนข้างชัดเจน

เขาจะหาของระดับสีแดงจากเขตไร้สีได้ยังไง?

เพื่อที่จะทำเช่นนั้น เขาต้องครอบครองอาร์ติแฟคที่สามารถเติบโตได้อย่างแหวนเนอร์มาฮา และจากนั้นจึงให้รูนจำนวนมากแก่มันจนกระทั่งมันเข้าสู่ระดับสีแดง

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้อาร์ติแฟคทั้งร่างของเขากลายเป็นสีแดง

แต่สิ่งที่จะทำให้มันเป็นไปได้คือศิลาปราชญ์เวอร์ชั่นอ่อนแอ

ถ้าบดมนให้กลายเป็นผงและหลอมมันเขากับอาวุธ คุณภาพของพลังงานที่อาวุธจะดูดซับได้จะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ

แม้ว่ามันจะไม่เหมือนสกิลใหม่ที่จะได้รับเมื่ออาร์ติแฟคเติบโตได้พัฒนา ข้อเท็จจริงง่ายๆ ของมันในการที่จะสามารถดูดซับพลังงานสีแดงได้ไม่ใช่พลังงานไร้สีก็ยังคงนับว่าเป็นการพัฒนาอย่างใหญ่หลวง

‘ถึงมันจะมีเวลาจำกัด… มันก็ยังดีพอ’

ถ้านับรวมถึงขนาดของศิลาปราชญ์นั่น เขาก็อาจจะเปลี่ยนของบนร่างทั้งหมดให้อยู่ในระดับสีแดงได้ในขณะที่อยู่ในดันเจี้ยนสุดท้าย

‘ฉันไปจะที่ห้องล่าสมบัติ’

นี่คือชิ้นส่วนลับที่จะสามารถได้รับภายในห้องสำหรับห้าสิบคนในชั้นที่สอง ที่ <การล่าสมบัติ>

ถ้าไปยังชั้นที่สองจากชั้นหนึ่ง เช่นนั้นลานกว้างกลมอีกลานก็จะปรากฏขึ้น และคนจะได้รับการรวมกลุ่มกันอีกครั้งที่นั่น

ขณะที่ฮันซูขยับ ทั่วทั้งร่างของเขาก็ได้ส่งเสียงกรอบแกรบออกมาขณะที่มันเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

ไม่ช้ายองแจก็ได้หายไป พร้อมกับฮันซูที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงได้ปรากฏตัวขึ้น

เขาได้ทำให้คนอื่นๆ หมดสติเพราะแบบนี้

‘ฉันยังถูกค้นพบไม่ได้’

มินฮีตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

แม้ว่าจะมีระบบส่งข้อความ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งข้อความเกี่ยวกับบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

แต่เรื่องไม่คาดฝันก็ยังคงเกิดขึ้นได้

เพื่อที่จะไปยังขั้นสุดท้ายให้ได้สำเร็จ เขายังไม่อาจถูกค้นพบโดยลูกน้องของลอร์ดวิปลาสได้ในตอนนี้

‘ไหนดูสิ… คราวนี้ฉันควรจะชื่ออะไร?’

ฮันซูครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจง่ายๆ

‘เอาเป็นชังแจแล้วกัน’

ฮันซูหัวเราะคิกคักก่อนจะเริ่มเดินไปยังความมืดด้วยความรวดเร็ว

 

ครืดดด

ห้องขนาดยักษ์ที่ถูกเติมเต็มด้วยคน 50 คนเริ่มที่จะขยับไปพร้อมด้วยเสียงครืนครางเล็กๆ

คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ผ่านห้องที่ชั้นหนึ่งมาได้สำเร็จ

มันใช้เวลาอีกหนึ่งวันเต็มๆ ในการรวบรวมคน 50 คน

คนเหล่านี้ส่วนมากไม่ได้อยู่ในกิลด์

มันค่อนข้างมีเหตุผลเมื่อกิลด์ส่วนมากได้ขึ้นไปยังชั้นสองตั้งแต่เริ่ม

เมื่อคนส่วนมากที่นี่ล้วนเป็นผู้ที่ได้ขึ้นมาหลังจากที่ทำภารกิจที่ชั้นหนึ่งสำเร็จ

‘พวกนั้นก็มาด้วย’

ฮันซูหัวเราะอยู่ในใจขณะที่เขามองไปยังซูฮานและคนอื่นๆ ที่มองไปรอบๆ

พวกเขากำลังสับสนเพราะผู้ที่ได้ขึ้นมาก่อนหน้าได้หายตัวไป

‘เอาเถอะ พวกนั้นอาจจะคิดว่าฉันไปอีกห้องหนึ่ง’

ในชั้นสองนี้ไม่ได้มีห้องเพียงห้องเดียว

พวกนั้นอาจจะคิดว่าเขาได้ไปยังหนึ่งในนั้นระหว่างที่พวกเขาหมดสติ

ในขณะที่ทั้งหมดกำลังคิดสะระตะ น้ำเสียงของแฟรี่ก็ได้ดังก้องไปทั่วห้องอย่างชัดเจน

“สิ่งที่พวกคุณต้องทำในคราวนี้คือการล่าสมบัติ!”

“…”

“กฎนั้นง่ายมาก พวกคุณแค่ต้องตามหาสมบัติภายในพื้นจำกัดนี้!”

ทุกคนมุ่นคิ้วขณะที่มองไปยังแผนที่และภาพที่เขาเห็นนอกห้อง

‘… มันกว้างเกินไป’

แม้ว่ามันจะมีพื้นจำกัด ขนาดของพื้นที่ล่าสมบัติก็เกือบจะเท่าครึ่งหนึ่งของเกาะยออีโด(ราวๆ 3 ตารางกิโลเมตร)

ค่อนข้างใหญ่เกินไปสำหรับคน 50 คนในการค้นหา

“พวกคุณแค่ต้องหาสิ่งนี้”

ในขณะที่เหล่ามนุษย์กำลังคิดถึงสิ่งต่างๆ อยู่นั้น ลูกแก้วทรงกลมขนาดเล็กก็ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

ลูกแก้วที่ค่อนข้างธรรมดา ทว่ากลับปรากฏแสงส่องประกายออกจากมัน

ขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมา แฟรี่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยพูด

“ตัวสมบัตินั้นไม่ใช่อาร์ติแฟค แต่เป็นตั๋วแลกเปลี่ยน ถ้าคุณนำมันไปยังใจกลาง ฉันจะแลกเปลี่ยนมันให้ เมื่อมันมีของจำนวนมาก มันคงจะสนุกในการเลือกเช่นกัน ฉันจะแสดงให้พวกคุณดูก่อน”

อาร์ติแฟคปรากฏขึ้นรอบแล้วรอบเล่าเบื้องหน้าพวกเขา

มันดูเหมือนว่ามันจะหลากหลายตั้งแต่หมายเลข 1 ถึง 50

อาร์ติแฟค 1 ชิ้นที่หมายเลข 1

และ อาร์ติแฟคที่เหมือนกัน 50 ชิ้นที่หมายเลข 50

มันเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่ายิ่งหมายเลขของมันน้อยเท่าใด มันก็ยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น

ทุกคนมองไปยังหมายเลข 50

<กระบองทองของคูรูทัน>

อาร์ติแฟคที่มีทั้งหมด 50 ชิ้น ทว่ามันดีกว่าชิ้นที่พวกเขาถืออยู่ไม่เท่าไหร่

อาร์ติแฟคที่มีประโยชน์ ทว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่เตะตา

“อย่างที่พวกคุณเห็น ชิ้นที่ 50 นั้น… เอาเถอะ ยังมีประโยชน์ แม้ว่ามันจะไม่ดีเท่าอันแรก อาร์ติแฟคที่พวกคุณจะแลกนั้นขึ้นอยู่กับพวกคุณ”

สายตาของทุกคนได้จับจ้องไปยังของชิ้นที่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีคำพูดของแฟรี่ก็ตาม

<ผ้าคลุมทองของอินคารอน>

ไอเท็มที่จะเพิ่มค่าเสน่ห์ ความดึงดูด และโชคขึ้น 15 แต้ม และค่าสถานะพื้นฐานทั้ง 8 จะเพิ่มขึ้น 5%

ตัวเลือกอื่นๆ ก็น่าตื่นตาเช่นกัน

ถ้านับรวมว่ารูนนั้นจะหาได้ยากขึ้นนับตั้งแต่ตอนนี้ ราคาของไอเท็มชิ้นนี้ย่อมไม่อาจแม้แต่จะเทียบเท่าได้กับสิ่งอื่น

แม้ว่ามันจะไม่ใช่หมายเลข 1 ไอเท็มที่อยู่ใน 10 หมายเลขแรกก็ค่อนข้างยอดเยี่ยม และไอเท็ม 30 หมายเลขแรกก็เป็นไอเท็มที่ค่อนข้างยากที่จะได้รับด้วยการล่า

“มีเพียงเมื่อพวกคุณนำสมบัติและแลกเปลี่ยนตามจำนวนที่ศูนย์กลาง ประตูที่จะไปยังห้องต่อไปจึงจะเปิดขึ้น ไม่มีผู้ใดสามารถออกไปได้ก่อน”

ไม่อาจจะออกไปได้นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยได้ยินมาแล้ว

พวกเขาได้มาที่นี่หลังจากที่คำนวณรวมถึงเรื่องนั้นแล้ว

สถานการณ์จะไม่แตกต่างจากห้องอื่นๆ เช่นกัน ดังนั้นแล้วมันจึงดีกว่าที่จะเริ่มต้นให้เร็วที่สุดทันทีที่คนครบ

และใครจะรู้ล่ะ?

พวกเขาอาจจะหาสมบัติเจอก็ได้หากโชคดี

“งั้นมาเริ่มกันเถอะ! ฮี่ฮี่”

เมื่อสิ้นคำนั้น ห้องก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนจะหยุดลง

ป่าขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

‘หืมมม…’

ผู้คนมองกันไปมาและจากนั้นจึงแยกย้ายกันไปภายในป่า

การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอไปในสถานที่เช่นนี้

ความจริงแล้วมันอาจจะยากขึ้นในการหาถ้าหากรวมตัวกัน

แต่เพียงแค่ก่อนที่ทุกคนจะแยกตัวกัน เสียงของแฟรี่ก็ได้ดังก้องขึ้นผ่ายอากาศ

<พวกคุณคงไม่คิดว่าคุณแค่ต้องมีโชคสักหน่อยแล้วจะหาสมบัติเจอใช่ไหม? ฮี่ฮี่ สมบัติถูกปกป้องโดยผู้พิทักษ์ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถที่จะหาสมบัติเจอได้ก็ต่อเมื่อฆ่าผู้พิทักษ์หนึ่งตนต่อครั้งใช่ไหม? นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ของฉันให้พวกคุณ เมื่อมันคงจะยากเกินไปที่จะหาโดยที่ไร้ซึ่งข้อมูล หนึ่งใน 128 ชนิดจะปกป้องมันอยู่>

จากนั้นภาพของผู้พิทักษ์ก็ได้ปรากฏขึ้นในอากาศ

ทั้ง 128 ตัว

เมื่อเห็นภาพของพวกมัน ทุกคนก็ได้มุ่นคิ้วลง

‘เวรเอ้ย มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสามารถฆ่าได้ด้วยตัวคนเดียว…’

พวกเขาตระหนักได้ในทันที

แม้ว่าพวกเขาจะได้รูนและสกิลมาจำนวนหนึ่ง มันก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยจำนวนเพียงเท่านั้น

มันอยู่ในระดับที่พวกเขาต้องการคนอย่างน้อย 5 คนในการล่ามันอย่างปลอดภัย

ผู้คนที่กระจายตัวออกไปสะดุ้งขึ้น

เมื่อพวกเขาไม่มีความมั่นใจใดๆ ในการสู้กับไอ้สิ่งนั้นเพียงลำพัง

แต่มันไม่มีความจำเป็นให้พวกเขาทั้ง 50 คนรวมตัวกัน

คนคนหนึ่งได้ตะโกนขึ้นเสียงดังจากใจกลางฝูงชน

“มีใครที่จะไปกับฉันไหม?”

ทุกคนเริ่มที่จะรวมตัวกับคนข้างๆ และเริ่มที่จะรวมกลุ่มกันด้วยจำนวนราวๆ 10 คนหรือราวๆ นั้น

สิ่งที่ดีเกี่ยวกับการล่าสมบัตินี้คือคนจำนวนมากสามารถแบ่งปันผลประโยชน์กันได้

เมื่อพวกเขาไม่อาจที่จะทำสิ่งใดได้เพียงลำพัง มันก็เป็นเรื่องดีกว่าที่จะรวมกลุ่มกันและเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน

ตอนนี้มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจในสมบัติ

เมื่อมันดูเหมือนว่ามันจะดีกว่าในการล่าเพื่อรูนแทนที่จะเสียเวลาไปในการล่าเพื่อของกากๆ ชิ้นหนึ่ง

‘และจากที่ได้ยินคำอธิบายก่อนหน้า มันดูเหมือนว่าสัตว์อสูรทั่วไปเองก็ดรอปอาร์ติแฟคเช่นกัน’

มันดูเหมือนว่าสัตว์อสูรนั้นให้รูนและอาร์ติแฟคค่อนข้างดีในสถานที่นี้

ซึ่งหมายความว่าอาร์ติแฟคที่อยู่ที่หมายเลข 40-50 นั้นค่อนข้างได้รับได้ง่ายจากการล่า

และในตอนนั้นเองที่เสียงได้ดังขึ้นจากอากาศ

<โอ้ใช่ มีอีกอย่างหนึ่ง ฉันสัญญาว่ามันจะเป็นอย่างสุดท้ายจริงๆ มันเป็นเพราะมันจะค่อนข้างน่าเบื่อถ้าหากไม่มีแรงกดดันอะไร และฉันรู้สึกเหมือนบางคนที่นี่กำลังเมินของรางวัลอยู่>

“…”

<มันไม่สำคัญว่าใครจะเจอสมบัติ แต่ทุกคนที่ไม่มีรางวัลในมือจะตายก่อนที่จะได้ออกไป จำไว้ มันมีของรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่หากคนที่พบมันแลกเปลี่ยนมันกับผ้าคลุมทองของอินคารอนก่อนที่จะมีใครหยุดได้ เช่นนั้นทุกคนนอกจากคนคนนั้นก็จะตายใช่ไหม? เอาล่ะ เข้มแข็งเข้าไว้! ระยะเวลาคือ 2 อาทิตย์!>

มันหมายความว่าไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาทุกคนก็จะถูกสังหารหมู่ถ้ามีไอ้บ้าเสียสติคนหนึ่งแลกมันกับสมบัติสำหรับคนเพียงคนเดียวและออกจากที่นี่ไป

สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปเป็นหนักอึ้ง

 

<ลอร์ด ฉันรู้สึกว่าฉันอาจจะฆ่าทุกคนได้ถ้าหากฉันโชคดี>

วองยูงผงกศีรษะเมื่อได้ยินคำกล่าวของลูกกิลด์

<มองหาโอกาสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้>

“งั้น… เราก็ควรจะเริ่มเหมือนกัน”

“อ๊ากกกก!”

วองยูงหัวเราะอย่างยินดีขณะที่มองไปยังห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายขณะที่เขาเริ่มเคลื่อนกายไป

 


TL: คิดมุกไม่ออกเลยยย//กลิ้ง