บทที่ 35 ความรู้สึกของดาวโรงเรียน

หลงหวางเอ๋อย้อนกลับมายังงานจัดแสดงสินค้า ในใจของหญิงสาวยังคงเต็มไปด้วยความโกรธและความอับอายในเวลาเดียวกัน

เธอเป็นถึงผู้นำบรรดาเหล่าลูกหลานรุ่นเยาว์ของตระกูลมังกร ทำไมเธอถึงต้องมาเจอกับประสบการณ์แบบนี้กันนะ หญิงสาวไม่คิดเลยว่าในคืนนี้ ชายสวมหน้าคนนั้นจะแกล้งหยอกเย้าเธอเหมือนกับของเล่นชิ้นหนึ่ง นี่มันน่ารังเกียจที่สุด!

หลงหวางเอ๋อปักใจเชื่อในการตรวจสอบของเธอว่าเย่เฟิงเพียงเป็นคนธรรดาคนหนึ่ง และการตรวจสอบของเธอไม่คิดผิดพลาดมาก่อน

ถึงจุดนี้แล้ว เธอมีเหตุผลหนักแน่นที่จะชื่อว่าชายสวมหน้ากากกับเย่เฟิงเป็นคนละคนกัน เพราะในโลกยุทธภพแล้ว ไม่มีทักษะใดที่สามารถปกปิดวรยุทธ์ที่มีได้

“ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของชายชราคนนั้นเอง ฉันเดาว่าเขาไม่น่าจะกล้าสอนวรยุทธ์ให้กับหลานชายของเขา”

หลงหวางเอ๋อคิดในใจ “ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ เราจะแค่พบกันโดยบังเอิญ…..หึ ชายสวมหน้ากากคนนั้น ไว้ฉันรู้ว่าแกเป็นใครเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวตายได้เลย”

สุดท้าย หญิงสาวจึงกลับมายังทางเข้าของลานจัดแสดงสินค้า เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน เธอก็พลันเห็นชายหนุ่มรูปงามรีบวิ่งเข้ามาทักทายเธออย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาเห็นหลงหวางเอ๋อที่อยู่ในสถาพกระเซอะกระเซิง ก็ปรากฏความแปลกใจขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“หลงหวางเอ๋อ คุณจับชายคนนั้นได้ไหม?”

ชายหนุ่มรีบถาม

“หลงเสี่ยน เมื่อไหร่จะหัดใช้สมองคิดเองบ้างนะ?”

หญิงสาวเปล่งเสียงทางจมูกแล้วพูดว่า “แค่ดูสภาพของฉันแล้วยังไม่รู้หรือไงว่าฉันจับชายคนนั้นได้หรือไม่ได้?”

“ใช่ๆ จริงด้วยๆ”

หลงเสี่ยนเกาหัวด้วยท่าทางเงอะงะแล้วพูดว่าแล้วพูดว่า “ผมรู้ชื่อของชายสวมหน้ากากคนนั้นนะ เขาชื่อโม่จิ่ว และเป็นแขกที่ถูกเชิญมาโดยหวงเหล่า”

“โม่จิ่ว?”

หลงหวางเอ๋อขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่แปลกประหลาด เวลานี้มียอดฝีมือปรากฏขึ้นในโลกยุทธภพแล้วจริงหรือนี่?

“หวงเหล่าบอกว่าโม่จิ่วเคยเป็นเพื่อนกับเขานานมาแล้ว แต่ชายคนนั้นกลายเป็นพวกสันโดษและไม่ได้ติดต่อใครมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นชื่อเสียงของเขาเลยไม่ค่อยเป็นที่รับรู้กันเท่าไหร่”

หลงเสี่ยนรีบอธิบายให้เธอฟัง

“หวงเหล่างั้นหรอ?”

หลงหวางเอ๋อถาม

“เขาเพิ่งจะกลับไปไม่นานนี้เอง”

หลงเสี่ยนพูดอย่างช่วยไม่ได้ จากระดับวรยุทธ์ของหวงเหล่าแล้ว ย่อมไม่มีใครในที่นี้จะหยุดเขาไว้ได้

“อืม เข้าใจแล้ว”

หลงหวางเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย “นายจัดการกับศพนั่นรึยัง?”

ชายหนุ่มรูปงามยิ้มอย่างมีความสุขแล้วจึงพูดว่า “หลงเสี่ยนคนนี้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”

“หึ”

หลงหวางเอ๋อเปล่งเสียงทางจมูกอีกครั้งแล้วดูให้แน่ใจว่าที่นี่ไม่เหลืออะไรให้เธอจัดการอีก หญิงสาวจึงหันหลังกลับแล้วเดินออกไป

เธอต้องเผชิญกับความโมโหมาทั้งวัน ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังไปเตะเข้าใส่เย่เฟิงคนนั้นอีก เธอเดาว่าเดี๋ยวปู่ของเขาต้องเข้ามาสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แน่ เฮ้อ มันช่างน่ารำคาญจริงๆ
หญิงสาวคิดว่า ในเมื่อเธอได้ยินคำว่าเย่เฟิงจากเสียงโทรศัพท์ของชายสวมหน้ากาก แต่เย่เฟิงกับชายสวมหน้ากากไม่ใช่คนๆเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นพวกเขาต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน เย่เฟิงอาจจะเอาหญ้าใบทองไปให้โม่จิ่วก็เป็นได้

เสียงในโทรศัพท์ตอนนั้น หลงหวางเอ๋อได้ยินคำว่าโรงพยาบาลเบาๆ เธอจึงตั้งใจจะไปจับตัวชายสวมหน้ากากที่โรงพยาบาล แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายเธอกลับไปเตะเข้าใส่เย่เฟิงเสียอย่างนั้น ไม่เพียงเธอจะล้มเหลวในการจับตัวโม่จิ่ว การที่เธอลงมือต่อเย่เฟิงจะทำให้เธอต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่ตามมาแน่ๆ

ตอนนี้ หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยใจเลยอยากหาที่อาบน้ำดีๆสักที่ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่เป็นตัวที่เธอชอบ

เพียงแค่คิดถึงชายสวมหน้ากากที่ปั่นหัวเธอเล่น หญิงสาวก็อยากจะอะลาวาดมันเสียตรงนี้เลยจริงๆ

“โม่จิ่ว ไว้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แกตายแน่!”

หลงหวางเอ๋อคิดพร้อมกับปรากฏประกายเยียบเย็นในดวงตา

…………

เวลาเที่ยงคืน ในที่สุดเย่เฟิงก็สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหาย และเรียกทุกอย่างกลับคืนให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดังเดิมได้แล้ว

เขาถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้น
ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียวในการใช้ยาผสมเพื่อฟื้นฟูเจินฉีและเส้นลมปราณให้กลับมาเป็นดังเดิม ถึงแม้ว่าเขาจะมีความข้องเกี่ยวกับแก๊งอสรพิษสวรรค์ และทำให้ได้สมุนไพรเหล่านี้มามากมาย แต่ราคาของพวกมันก็ถือว่าไม่น้อยเลยเช่นกัน

ชายหน้าบากใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ในการค้นหาสมุกไพรที่หลากหลาย และใช้เงินมากกว่าสองล้านเพื่อซื้อพวกมันมา ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงกลับต้องใช้ยาผสมเหล่านี้ไปเกือบหมดภายในคืนเดียว

แน่นอนว่าเทียบกับราคาของสมุนไพรแล้ว ราคาของยาผสมนั้นสูงยิ่งกว่ามาก ถ้าสามารถมองหาช่องทางในการขายได้ รับประกันว่ายาผสมเหล่านี้จะขายได้ในราคาหลายล้านเลยทีเดียว

หากขาดเงินเมื่อไหร่ เย่เฟิงตั้งใจจะมองหาช่องทางในการขายยาผสมเหล่านี้ให้แก่คนในยุทธภพ แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องรอให้ระดับวรยุทธ์ของเขาสูงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยของตัวเองเสียก่อน

“ดูเหมือนโลกยุทธภพในโลกใบนี้ จะมียอดฝีมืออยู่เพียงแค่หยิบมือเดียวที่ออกมาสู่โลกภายนอก และมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เจอ ดังนั้นการมีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี น่าจะถือว่าเพียงพอสำหรับรับประกันความปลอดภัยของเรา”

เย่เฟิงครุ่นคิดในใจ จากประสบการณ์วันนี้ในงานจัดแสดงสินค้า เขาจึงลองคาดคะเนระดับวรยุทธ์ของผู้ฝึกยุทธ์ของโลกใบนี้ในปัจจุบัน

สำหรับโลกเทวะแล้ว หากใครต้องเพิ่มระดับวรยุทธ์อย่างรวดเร็ว พวกเขาเพียงแค่ดูดซับสมุนไพรล้ำค่าบางชนิด หรือดูดซับหลิงฉีจากสิ่งล้ำค่าอื่นๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง ทางที่ดีที่สุดในการเพิ่มระดับวรยุทธ์จริงๆคือการบ่มเพาะวรยุทธ์

ในโลกเทวะ  ความเร็วในการบ่มเพาะวรยุทธ์สามารถเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน มีผู้คนบางกลุ่มที่สามารถเพิ่มระดับความเร็วของการบ่มเพาะวรยุทธ์ขึ้นเป็นสองเท่า และยิ่งกว่านั้น ผลของมันจัดว่าน่าทึ่งเลยทีเดียว ที่โลกแห่งนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเก่ามากมายที่เสพติดการบ่มเพาะวรยุทธ์ โดยไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลยตลอดทั้งปี

และในโลกยุทธภพนี้ก็เช่นเดียวกัน หวงเหล่าที่มาจากเขาเทียนจู่ มณฑลเจ้อเจียง จัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนั้น จนถูกตั้งฉายาว่าไข่มุขเม็ดที่เจ็ดสิบสองแห่งประเทศจีน

เมื่อเย่เฟิงลืมตาขึ้น ชายหนุ่มขยับเขยื้อนเล็กน้อยแล้วพยายามปลุกซูเหมิงหานที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆเขา

“นายตื่นแล้วหรอ? เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม?”

ซูเหมิงหานถามด้วยความกังวลขณะกำลังขยี้ตา

“อืม ไม่เป็นไรแล้วละ”

เย่เฟิงตอบด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเหมือนกับรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ทำให้เด็กสาวต้องเป็นห่วง

“จริงนะ?”

ซูเหมิงหานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับอาการง่วงนอนที่หายไปในทันที เธอเริ่มบีบนวดตัวของเย่เฟิงไปทั่ว เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บ แต่เธอก็พบว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีก เด็กสาวจึงรู้สึกโล่งใจที่เห็นอาการของเขาดีขึ้นแล้ว

เย่เฟิงมองการกระทำของเด็กสาวแล้วพูดขึ้นอย่างนึกสนุก “นี่เหมือนว่าเธอกำลังเอาเปรียบฉันเลยนะ……”

“นาย…นายพูดบ้าอะไรเนี่ย?”

ใบหน้าของซูเหมิงหานเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ เด็กสาวรีบถอนมือกลับมา แต่ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาในใจเธอทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอีกครั้ง เด็กสาวถามออกไปตรงๆ “นายยังไม่ต้องอธิบายอะไรตอนนี้ก็ได้ แต่ฉันอยากรู้ว่าสาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน?”

“อย่าถามถึงเรื่องนี้เลย เรื่องบางเรื่องไม่รู้เสียยังดีกว่า”

เย่เฟิงส่ายหัวและพูดออกไป

ความจริงแล้วเย่เฟิงมีเจตนาดี เขาไม่อยากดึงเด็กสาวที่อยู่ในโลกธรรมดาเข้ามาพัวพันกับเรื่องของโลกยุทธภพ แต่ถึงอย่างนั้น ซูเหมิงหานกลับไม่คิดแบบเขา เด็กสาวคิดว่าเย่เฟิงกับหลงหวางเอ๋อต้องมีความลับอะไรที่เขาซ่อนอยู่แน่ๆ

“จริงหรอ?”

ซูเหมิงหานรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของชายหนุ่ม เธอยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉันก็จะนอนแล้ว นายไปเช่าอีกห้องอยู่เอาละกัน”

เด็กสาวพูดอย่างรีบเร่ง

“เรา…เราอุตส่าห์คิดในแง่ดีตั้งมากมาย แต่สุดท้ายก็เป็นแค่การหลอกตัวเอง……”

เดิมที เด็กสาวคิดว่าเย่เฟิงจะอธิบายเหตุผลที่แท้จริงออกมา จากนั้นเธอจะได้เต็มใจยอมรับเขา แต่ตอนนี้ เธอคงทำใจยอมรับเขาไม่ได้หากเขายังคงมีผู้หญิงคนอื่นอยู่

เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย เธอไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับเขาในคืนนี้ เพราะฉะนั้นเด็กสาวจึงขอแยกห้องนอนกับชายหนุ่ม

“เอาละ ถ้างั้นพรุ่งนี้รีบตื่นเช้านะ พวกเราจะได้กลับเหยียนจิงกัน”

เย่เฟิงค่อนข้างเศร้าใจเมื่อเห็นเด็กสาวมีท่าทางเหมือนกำลังเกลียดเขา เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เขาจึงยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไป

“อืม”

ซูเหมิงหานพยักหน้าและมองดูเย่เฟิงที่เดินออกจากห้องไป เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายแล่นเข้ามาในใจ

เธออุตส่าห์ยอมรับความประทับใจที่มีต่อเย่เฟิงในใจได้แล้ว แต่ตอนนี้ ความรักครั้งของเด็กสาวที่ใสซื่อและบริสุทธิ์จะต้องจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแบบนี้งั้นหรือ?

เย่เฟิงไม่ได้รับรู้อะไรเลยถึงความคิดของดาวโรงเรียนคนนี้ ไม่เช่นนั้นหากเขารู้ว่าเธอชอบเขา ชายหนุ่มคงอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอไปแล้ว ช่างน่าเศร้าที่เกิดความผิดใจขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ซึ่งนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เย่เฟิงก็รู้สึกชื่นชอบเด็กสาวจิตใจงดงามคนนี้เอามากๆเช่นเดียวกัน

สมัยยังอยู่ในโลกเทวะ เย่เฟิงแทบไม่เคยพบปะกับเด็กสาวคนไหนเลย เพราะฉะนั้น เขาย่อมไม่อาจคาดเดาความคิดในใจของซูเหมิงหานได้ ความจริงแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าเธอเกลียดเขาด้วยซ้ำไป

เย่เฟิงเดินออกมาจากห้อง และกำลังจะตรงไปยังเคาน์เตอร์ติดต่อของโรงแรมเพื่อขอเปิดห้องอีกห้องสำหรับคืนนี้ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นประตูห้องข้ามที่เปิดไว้ และมีแสงสว่างส่องแสงอยู่ภายใน ในห้องนั้นมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา เขานั่งอิงกับโซฟาด้วยเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่

“หวงเหล่า!? ไม่ดีแล้ว……”

เย่เฟิงรู้สึกตื่นตกใจในทันที

…………………………………..

แปลโดย: Solar Spark , Mediate

Solar Spark : แปลตอนนี้ไปนึกว่าอ่านนิยายรักแจ่มใส55 บทหน้าจะถึงเวลาเผยปมของตระกูลพระเอกละครับท่านผู้อ่าน