แปลไทย : ZyvX

ซูชิงมองไปยังหน่วยรบนี้ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป “ทำยังไงดี”

“ฮ่ะๆ ไม่ต้องเป็นห่วงไป นั่งให้ดีละกัน”

เซียวเฉิงมองไปยังเยิ่นคุนที่หัวเราะไปมา เขาเหยียบคันเร่งตรงไปที่ประตูด้วยรถมาสเซอราติที่ในความจริงมันค่อนข้างที่จะเคลื่อนที่ช้า แต่อยู่ๆ มันก็ได้เร่งความเร็วขึ้น ราวกับว่าเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดคลั่งตัวหนึ่ง มุ่งพุ่งออกไปทางด้านหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น

“มารดาเถอะ!” เยิ่นคุนและพรรคพวกของเขา เมื่อเห็นมาสเซอราติพุ่งตรงเข้ามา ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ หลบกันออกไปคนละข้างเพื่อซ่อนตัว

บรืนบรืน!!!

มาสเซอราติไม่ได้ลดความเร็วลงแต่อย่างไร อีกทั้งยังพุ่งเข้าไปทางด้านของกลุ่มคนตรงทางออก หายวาบไปท่ามกลางสายตาของพวกเขา

เมื่อออกจากบริษัทไปแล้ว เซียวเฉิงก็ได้ลดระดับความเร็วของรถ มองไปยังใบหน้าขาวซีดของซูชิง “คุณไม่เป็นอะไรนะ?”

“เฮ้อ…”

ซูชิงถอนหายใจหนึ่งเฮือก หลังจากนั้นก็ได้จ้องเขม็งไปที่เซียวเฉิง “นายไม่กลัวจะชนพวกเขาตายบ้างเลยหรือไง?”

“ฮ่ะๆ ผมรู้อยู่แล้วละ”

เพียงแค่หนึ่งนาทีกว่าเต็มๆ จิตใจของซูชิงค่อยกลับมาสงบเหมือนเดิม “ฉันนึกว่าเมื่อครู่คุณจะขับรถชนพวกเขาอย่างจังสักรอบแล้วเสียอีก”

“เมื่อเทียบกับการลงไม้ลงมือแล้ว ผมยิ่งชอบการบริการจัดการผู้คนอีกด้วยนะ ขอบอกไว้ก่อน”

“งั้นหรอ? ดูไม่ออกเลยนะ” ซูชิงมองขึ้น เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว บอดี้การ์ดที่เยิ่นคุนพามานั้นเป็นกลุ่มเขี้ยวหมาป่าจริงหรอ?”

“เขี้ยวหมาป่า? เหอะเหอะ.. ชื่อเรียกนี้เรียกได้ว่าหลุดออกมาจากนิยายก็ว่าได้นะ ปกติแล้วคมเขี้ยวที่แท้จริง มีหรือที่จะเปิดเผยสู่สายตาของสาธารณชนให้ทราบได้”

“อ๋อ อย่างเช่นนาย ใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่แล้ว” เซียวเฉิงพยักหน้า เปลี่ยนหัวข้อเรื่องที่จะพูด “ซูชิง ฉินหลานมีความเป็นมายังไง?”

“เธอเป็นเพื่อนรักของฉัน มีอะไรงั้นหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอก เหมือนกับรู้สึกว่าเธอไม่คล้ายกับผู้ช่วยประธานธรรมดาทั่วไปเลยนะ”

“เธอจบมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสาขา MBA และความสามารถของเธอ แทบจะเรียกได้ว่าเพียงพอที่จะเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศได้เลย แต่ว่า เธอเคยอยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอด จากนั้นฉันก็ได้โทรหาเธอเมื่อเริ่มกิจการ หวังไว้ว่าจะได้กลับมาเพื่อที่จะช่วยฉัน …….. นับแต่นั้น ในตอนที่เธอตอบตกลง ก็ได้ยื่นข้อเสนอมาว่า ไม่ว่าบริษัทจะอยู่สูงแค่ไหน ก็ขอเป็นแค่ผู้ช่วยของฉัน”

เซียวเฉิงยกคิ้วขึ้น ยิ้มออกไป “ก็ยังถือว่าเป็นผู้หญิงที่แปลกอยู่ดี พวกเธอเป็นเพื่อนในมหาลัยกันงั้นหรอ? ผมจำได้ว่าพี่ชายของคุณเคยบอกเอาไว้ คุณก็เคยไปเรียนที่เมืองนอกมาก่อนเหมือนกันใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่หรอก ฉันเรียนอยู่ที่แมสซาชูเซตส์น่ะ”

“เอาเถอะ พวกเธอต่างก็เป็นคนมีความรู้สูง ให้ผมที่เรียนแบบงูๆปลาๆคงไม่มีทางเข้าใจหรอก”

“มีพวกที่แบบเรียนงูๆปลาๆที่ไหน ถึงกับใช้เวลาเพียงสั้นๆในการจัดการกับเอกสารตั้งหลายชุดได้?” ซูชิงมองไปที่เซียวเฉิง กล่าวออกมาอย่างช้าๆ

“ฮาฮา เล่าปี่ไม่ใช่เคยกล่าวไว้หรอกหรอ ความสามารถส่วนตัวของผมก็ยังนับว่ามีอยู่ เรียนแบบงูๆปลาๆก็ไม่แน่ที่จะไม่ดีเสมอไป ใช่ไหมล่ะ?”

ซูชิงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เธอรู้สึกแต่เพียงว่า ชายหนุ่มคนนี้กลายกับหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง และเธอในตอนนี้ ที่กำลังพลิกดูบทที่หนึ่งอยู่

 

วันเวลายังมีอีกนาน ไม่ต้องรีบร้อนไป ค่อยๆพลิกดู ต้องมีวันที่ดูจนหมดเข้าสักวัน

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง มาสเซอราติก็ได้มาถึงยังเขตหมู่บ้านจัดสรรจินเซียง ขับจนเข้าไปยังสวนด้านในบ้านจัดสรรหลังหนึ่ง

“น้องสาวฉันน่าจะกลับมาแล้วละ” ซูชิงเปิดประตูห้องรับแขก “เข้ามาสิ”

“เยี่ยม!” เซียวเฉิงพึ่งจะเข้ามาที่ห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากชั้นบน “พี่ นั้นใครน่ะ?”

เซียวเฉิงเงยหน้าขึ้นไป เพียงเห็นเด็กสาวปากทางเข้าบันไดอยู่คนหนึ่ง รูปร่างสูงยาว ใบหน้าสวยงามได้รูป คิ้วและตามีความคล้ายกับซูชิงอยู่หลายส่วน เส้นผมที่ยาวถึงหัวไหล่ได้ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงเพลิง ทำให้ตัวเธอเพิ่มลักษณะนิสัยที่ดื้อรั้นที่ยากจะควบคุมเอาไว้ได้หลายส่วน

เมื่อได้มองเข้าไปอีกครั้ง สายคาดเล็ก กางเกงหน้าร้อน จนมองไปเห็นน่องขา อันขาวผุดผ่อง จนลายตาขึ้นมาส่วนหนึ่ง

“เสี่ยวเมิ่ง ลงมา ฉันจะแนะนำเธอให้รู้สักกันก่อน” ซูชิงโบกมือไปมา

เด็กสาวเดินลงมา พิจารณาเซียวเฉิง “พี่ คนนี้เป็นแฟนพี่งั้นหรอ?”

เด็กสาวพูดออกมาหนึ่งคำ ก็ทำให้ซูชิงหน้าแดงได้ “เด็กบ้า! พูดอะไรกัน เขาชื่อว่าเซียวเฉิง เป็นเพื่อนร่วมรบกับพี่ใหญ่ ได้รับคำไหว้วานจากพี่ใหญ่ให้มาคุ้มครองพวกเราที่หลงไห่น่ะ”

“บอดี้การ์ด?”

“ฮ่ะๆ จะบอกแบบนั้นก็ได้นะ” เซียวเฉิงยิ้มแล้วพยักหน้า “ซูเสี่ยวเมิ่งงั้นหรอ? สวัสดี ได้ยินพี่ชายคุณเอ่ยถึงคุณบ่อยๆด้วยแหล่ะ”

“ฉันไม่มีพี่ชาย มีแค่พี่สาวเท่านั้น” ซูเสี่ยวเมิ่งตอบกลับมาอย่างเย็นชา

“เสี่ยวเมิง!” ซูชิงขมวดคิ้ว “ถ้าเธอยังจะพูดแบบนี้อีก ฉันจะโมโหแล้วนะ”

เสี่ยวเมิ่งมองไปยังทางด้านซูชิง เชิดปากขึ้น ไม่พูดอะไรอีก

 

“เสี่ยวเมิ่ง จากนี้ไปเซียวเฉิงจะเข้ามาพักที่บ้านหลังนี้กับเรานะ ……”

“อะไรนะ!? เขาจะมาพักที่บ้านงั้นหรอ?” ซูเสี่ยวเมิ่งเบิ่งตากว้าง “ไม่ได้เด็ดขาด!!”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เขามาเพื่อคุ้มครองพวกเรานะ เธอยังมีความคิดเห็นอื่นหรอ ฉันจะให้เขาคอยคุ้มครองเธออยู่ข้างกาย ตามเธอไปที่โรงเรียนด้วย”

“……”

“……”

ไม่เพียงแต่ซูเสี่ยวเมิ่งที่ตื่นตกใจ แม้แต่เซียวเฉิงเองก็ยังไร้คำพูด คุ้มครองข้างกายหรอ? ไปโรงเรียน? เป็นไปได้ยังไง? หรือจะให้พี่ชายตามไปเรียนเป็นเพื่อนดีละ? ให้ตายเถอะ

“ไม่ได้! ฉันจะไม่ให้เขาตามฉันไปที่โรงเรียนหรอก ฉันเป็นกังฟูอยู่แล้ว ไม่ต้องให้เขาคุ้มครอง” ซูเสี่ยวเมิ่งเริ่มคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ สวนกลับไปด้วยเสียงที่ดัง “บอกไว้ก่อนเลย ยังไม่แน่เลยว่าเขา คนนี้จะร้ายกาจไปกว่าฉันได้หรอกนะ”

เซียวเฉิงมองไปที่ซูเสี่ยวเมิ่งที่กำลังสติแตกอยู่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“นายขำอะไร ไม่ทราบ” ซูเสี่ยวเมิ่งจ้องเขม็งไปที่เซียวเฉิง “หรือจะมาลองกันสักตั้งดี? ถ้าหากนายแพ้ ก็ไสหัวกลับไปซะ!”

“เสี่ยวเมิ่ง ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ? อย่าเอาแต่ใจสิ” สีหน้าของซูชิงเริ่มที่จะลังเล

ซูเสี่ยวเมิ่งเมื่อเห็นว่าพี่สาวโมโห ก็จ้องเขม็งไปที่เซียวเฉิงอย่างดุร้าย ไม่กล้าพูดขึ้นมาอีก

“เซียวเฉิง นายอย่าได้ถือสาเธอเลยนะ นั่งตามสบาย ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ซูชิงบอกต่อเซียวเฉิง

“ครับ”

รอจนซูชิงขึ้นไปชั้นบน ซูเสี่ยงเมิ่งก็ได้เริ่มขึ้นมาอีกครั้ง “ไอ้หนู ฉันขอถามหน่อย กล้าที่จะมาลองกับฉันไหม?”

“ผมไม่ชื่นชอบรังแกเด็กหรอกนะ”

“อะไรนะ? นายบอกว่าฉันเป็นเด็ก? ฉันมันเด็กตรงไหนมิทราบ?”

ประกายตาของเซียวเฉิงมองไปที่หน้าอกด้านหน้าของเสี่ยวเมิ่ง ให้รสชาติเหมือนกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ “เด็กน้อยพึ่งจะมีเพียงแค่นี้ ก็แค่ซาลาเปาไข่สองลูก ……. ยังไงก็ยังเล็กอยู่ดี”

ซูเสี่ยวเมิ่งมองเซียวเฉิงตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินที่เขาพูดออกมาอีก ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น “ไอ้ปากเหม็น! นายพูดว่าอะไรนะ!?”

หน้าอกเล็ก ถือเป็นปมด้อยของเสี่ยวเมิ่งเลย สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่สร้างความทุกข์ระทมตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ได้ถูกเซียวเฉิงเรียกเป็นซาลาเปาไข่ มีหรือจะไม่โกรธได้?

“อย่าได้ตื่นเต้นไป ซาลาเปาไข่ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังถือว่าแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับคุกกี้ไข่ไก่ใช่ไหมล่ะ?”

ซูเสี่ยวเมิ่งแทบจะกรี๊ดร้องออกมา กระทึบเท้าเข้าหาเซียวเฉิงเข้าไป

เสี่ยวเฉิงขยับกายหลบไปทางด้านข้าง ค่อยๆเกิดความแตกตื่นออกมา เด็กบ้านี้เป็นกังฟูจริงอย่างงั้นดิ?”

“เธอเคยเรียนเทควันโดมาก่อนด้วย?”

“สายดำขั้นสาม กลัวแล้วละสิ? สายไปแล้ว!” ซูเสี่ยวชิงเปลี่ยนเป็นเพิ่มความรุนแรงในการโจมตี

ปึกปึกปึก

เตะหน้า เตะล่าง เตะข้าง เตะกายเข้าทางด้านข้าง แล้วก็หมุนตัวสามร้อยหกสิบองค์ศาเตะเข้าที่ด้านข้าง ……..

น่องขาอันขาวผ่องของซูเสี่ยวชิง ก็ได้ระเบิดพลังจนน่าตกใจออกมา ……. แต่สิ่งที่ทำให้เธอช็อกก็คือ ไม่ว่าเธอจะเรี่ยวแรงมากแค่ไหน รวดเร็วแค่ไหน พิศดานมากน้อยเพียงใด ก็ไร้หนทางที่จะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้

“ความเร็วยังถือว่าช้าอยู่ ปลายเท้าถึงพื้นแล้วค่อยระเบิดออกมา จะทำให้เร็วขึ้นอีกหน่อยนะ”

ซูเสี่ยวเมิ่งลองคิดตาม ทำตามคำพูดและวิธีที่เซียวเฉิงบอกออกมาเพื่อเพิ่มแรง ความเร็วถึงกับเพิ่มขึ้นไม่น้อย อีกทั้งยังเพิ่มจิตวิญญาณของการโจมตีขึ้นอีก

“ฮ่ะฮ่ะ ไม่เลวเลยนี่ ช่างเป็นสาวน้อยที่เรียนรู้ได้เร็วจริง”

“เชอะ!”

ซูเสี่ยวเมิ่งร้องเชอะอย่างเย็นชา ไม่สนใจแม้แต่น้อย แล้วก็เตะสูงไปอีกที เข้าไปที่ลำคอของเซียวเฉิง

แปะ

เซียวเฉิงใช้มือซ้ายคว้าจับไปที่ข้อเท้าของซูเสี่ยวเมิ่ง เมื่อจับก็รู้สึกลื่นเป็นประกาย จนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะบีบเข้าไปเบาๆ ถือได้ว่าเป็นสัมผัสที่ไม่เลวเลย

“นายปล่อยฉันนะ…….. ไอ้ลามก!”

ซูเสี่ยวเมิ่งใช้เท้าข้างเดียวยืนอยู่บนพื้น เริ่มที่จะร้อนรนขึ้นมา

“ถ้าเธอไม่รังแกผม ผมจะก็ปล่อยมือให้ก็ได้” เซียวเฉิงหัวเราะคิกคิกออกมา ประกายสายตาจ้องมองไปยังน่องขาอันขาวผุดผ่องจนหยุดมองไม่ได้ ……… น่าเสียดาย ที่ใส่กางเกงฤดูร้อน ไม่ใช่กระโปรงขาสั้น

ซูเสี่ยวเมิ่งเมื่อได้ยินคำพูดคำจา ก็เกือบทีจะกัดถูกลิ้นของตัวเอง นี้ก็หน้าด้านเกินไปหน่อยแล้ว? แท้ที่ระหว่างเราสองคนเป็นใครรังแกใครกันแน่?

“นายจะปล่อยมือไหม?”

“ไม่ปล่อย เธอจะกัดผมงั้นหรอ?” เซียวเฉิงยังคงหยอกล้อเด็กสาว

“หาที่ตายดีนักนะ!”

ซูเสี่ยวเมิ่งร้องขึ้นมาเบาๆ เริ่มที่จะออกแรงที่ข้อเท้าซ้ายสะบัดออก จนร่างกายลอยค้างบนอากาศ เตะเข้าไปทางด้านของเซียวเฉิง

ภายในดวงตาของเซียวเฉิงเต็มไปด้วยความยินดี ปล่อยข้อเท้าของซูเสี่ยวเมิ่ง แล้วก็ถอยไปหลายก้าว จากนั้นร่างกายก็ได้รีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อนหลังจากที่ล้มลงสู่พื้น

“หยุด ไม่ต้องตีแล้ว”

“นายบอกว่าไม่ต้องตีก็ไม่ต้องตีแล้วหรอ?”

“ถ้าเธอยังจะลงไม้ลงมืออีก ผมจะไปคุยกับพี่สาวของเธอว่า ผมจะตามเธอไปที่โรงเรียน ตามไปคุ้มครองอยู่ข้างกายเธอแทน”

“นาย ….. ไอ้ทุเรศ!” ซูเสี่ยวเมิ่งโกรธเคือง แต่ก็ไม่ได้ลงมือต่อ

“ฮะฮ่ะฮ่ะ”

เซียวเฉิงหัวเราะชอบใจ เจ้าเด็กน้อยนี้ มีหรือที่พี่ชายจะจับเธอเอาไว้ไม่อยู่?

“พวกเธอคุยอะไรกัน? ถึงได้คุยกันอย่างมีความสุขขนาดนี้เชียว?”

ซูชิงได้ลงมองจากชั้นบน เธอเปลี่ยนเป็นสวมด้วยชุดลำลองสบายๆใส่ในบ้าน ความแรงดึงดูดในอีกแบบหนึ่ง

“ฮ่ะๆ ผมกับเสี่ยวเมิ่งกำลังคุยกันเรื่องของโรงเรียนกันอยู่น่ะครับ” เซียวเฉิงยิ้มขึ้น จงใจมองไปทางดวงตาของซูเสี่ยวเมิ่ง “เห็นว่าเธอรู้ถึงความคิดของผม ที่ต้องการที่จะกลับไปยังรั่วของโรงเรียนอีกสักครั้ง”

ซูเสี่ยวเมิ่งสีหน้าเปลี่ยนไป เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ……… ช่างหน้าด้านเกินไปแล้ว

“อ๋อ? ยังงี้นี่เอง ความจริงแล้วฉันก็มีความคิดเห็นอยู่อย่างหนึ่ง การค้าดุจดั่งสมรภูมิ ถึงแม้จะไม่เห็นควันไฟ แต่ว่าก็โหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง …….. ตัวฉันเองนั้นไม่เป็นอะไรหรอก ที่เป็นห่วงที่สุดก็คงจะมีแต่ความปลอดภัยของเสี่ยวเมิ่ง ……..”

“อืม ความจริงแล้ว ผู้คนในตอนนี้เพียงเพื่อความสำเร็จ เรื่องอันใดก็สามารถที่จะกระทำออกมาได้ อย่างเรื่องการลักพาตัวคนในบ้านเป็นต้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างยิ่ง ……..” เซียวเฉิงที่อยู่ด้านข้าง ด้วยสีหน้าที่จริงจัง พยักหน้าไม่หยุด

ซูเสี่ยวเมิ่งทอประกายสายตาที่ใช้ไว้ฆ่าคนมองไปที่เซียวเฉิง เด็กน้อยผู้นี้ …….. ที่แท้คิดจะทำอะไรกันแน่

เมื่อถูกเซียวเฉิงกล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว ซูชิงก็ได้เริ่มที่จะเป็นห่วงมากขึ้นกว่าเดิม “เซียวเฉิง นายยินยอมที่จะไปโรงเรียนเพื่อคุ้มครองเสี่ยวเมิ่งมั้ย?”

“แย่แล้ว!”

ซูเสี่ยวเมิ่งใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เธอทราบว่า ขอเพียงแค่เซียวเฉิงตอบตกลง เช่นนั้นพี่สาวของเธอจะต้องหาทางเพื่อที่จะดำเนินการให้เด็กน้อยนี้เข้าโรงเรียนอย่างแน่นอน

เธอเงยหน้ามองไปทางด้านของเซียวเฉิง จากนั้นก็ได้พบเห็นปฏิกิริยาการตอบรับคำขอของเธอ นี้จึงได้ทำให้เธอได้แต่กัดฟันมา เจ้าลูกเต่า ช้าเร็วจะให้นายได้รู้ความร้ายกาจของฉัน

แต่ว่า เธอในตอนนี้ยังไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับเซียวเฉิง กำลังเกรงกลัวที่เด็กน้อยผู้นี้จะพูดคำว่า (ก็ได้ ฉันยินยอมที่จะไปโรงเรียน) เช่นนั้นชีวิตอันแสนสุขของเธอคงจะต้องพินาศอย่างแน่นอน ความลับต่างๆก็คงจะต้องถูกเปิดเผยออกมา

ความคิดแต่ละอย่างได้ผ่านเข้ามา ซูเสี่ยวเมิ่งสูดลมหายใจอย่างรุนแรงคำหนึ่ง อยู่ทางด้านหลังของซูชิง พนมมือทั้งสองข้างเข้าหากัน ทำท่าทางอ้อนวอนข้อร้องต่อเซียวเฉิง

เซียวเฉิงยิ้มขึ้น

“ซูชิง ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่เธอคิดไปหรอก หน่วยงานรักษาความปลอดภัยภายในประเทศก็ยังไม่เลว เมื่อครู่ผมได้ทดสอบฝีมือของเสี่ยวเมิ่งดูแล้ว ให้เวลาผมได้สอนสั่งสักรอบหนึ่ง การป้องกันตัวคงจะไม่เป็นปัญหาอะไร”

ซูเสี่ยวเมิ่งผ่อนลมหายใจลง กล่าวเสริมออกมา “ใช่แล้ว พี่ พี่อย่าได้ทำให้ตัวเองตกใจจนเกินไปแล้ว พงกแก๊งมาเฟียที่ไหนจะมืดมนขนาดนั้นกัน? อีกอย่าง ฉันก็ยังเป็นถึงสายดำขั้นสาม มีใครที่กันกล้าที่จะหาเรื่องด้วย จะทุบตีพวกมันให้ฟันร่วงหมดปากเอง”

ซูชิงเมื่อพบว่าทั้งสองคนพูดกันเช่นนี้ ก็พยักหน้า “เอาเถอะๆ เซียวเฉิง ทำให้นายต้องเปลืองเรี่ยวแรงไปมากแล้ว”

“ครับ ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว”

ซูเสี่ยวเมิ่งมองไปที่เซียวเฉิง โบกกำปั้นน้อยๆไปมา เจ้าลูกเต่า อยู่ต่อหน้าพี่สาวทำเหมือนเป็นผู้มีศีลธรรม รอก่อนเถอะ คุณหนูอย่างข้าจะล้มนายให้แกล้งแสดงอีกไม่ได้เลย ให้พี่สาวรู้ว่านายมันก็แค่ไอ้ปากเหม็น ไล่นายออกไป

มีนาย ไม่มีฉัน

.

.

.