แปลไทย : ZyvX

“คุณเซียว คุณมีที่พักอยู่ในหลงไห่รึเปล่า?”

“ยังไม่มีหรอก ผมพึ่งมาถึงที่นี้วันนี้เอง เตรียมที่จะออกไปหาห้องเช่าในวันพรุ่งนี้แทนน่ะ”

“อย่างได้วุ่นวายเลย ไปอยู่ด้วยกันกับพวกเราเถอะ”

“อา?” เซียวเฉิงขยายรูม่านตากว้างขึ้น มันถึงกับมีเรื่องเช่นนี้ด้วยงั้นเหรอ?

ซูชิงชักตาขาว “อย่าได้คิดลึกไปนะ พักอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะได้สะดวกในการคุ้มครองฉันกับน้องสาวชั้นก็เท่านั้นเอง”

“แค๊กแค๊ก ผมไม่ได้คิดลึก ……..” เซียวเฉิบอ้ำอึ้งอยู่ในลำคอ “คุณไม่เชื่อใจผมอย่างงั้นสินะ?”

“ไม่ใช่ฉันไม่เชื่อในตัวนาย เพียงแต่ฉันเชื่อใจพี่ชายของฉันก็เท่านั้นเอง”

เซียวเฉิงพยักหน้า ดวงตาสาดประกายขึ้นมา “มีผมอยู่ด้วย พวกคุณพี่น้องต้องปลอดภัยไร้เรื่องราวอย่างแน่นอน หากว่าจะมีปัญหาอะไร ผมก็จะช่วยจัดการให้กับคุณเอง”

“เยี่ยม ขอบคุณมากคุณเซียว” ซูชิงเผยร้อยยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอได้มองเซียวเฉิงเปลี่ยนไปแล้ว

“ฮ่ะฮ่ะ ขอบคุณอะไรกัน ผมกับพี่ชายคุณเป็นพี่น้องกันนะ”

“คุณเซียว ……..”

“ซูชิง คุณอย่าได้เรียกว่าคุณเซียวเลย เหมือนกับแบ่งแยกยังไงกันก็ไม่รู้  เอางี้เรียกด้วยชื่อของผมไม่ก็พี่เซียวก็ได้ถ้าคุณสะดวกนะ”

ซูชิงพยักหน้า “เซียวเฉิง ถึงแม้ว่านายกับพี่ชายฉันจะเป็นเพื่อนร่วมรบ แต่ในเมื่อนายมาที่เมืองหลงไห่เพื่อช่วยเหลือฉัน ถ้างั้นฉันก็ไม่สามารถที่จะให้นายช่วยฟรีๆ แน่นอนว่าย่อมมีเงินเดือนให้ เอาเป็นสองหมื่น เป็นอย่างไรล่ะ?”

เซียวเฉิงเงียบ แบบนี้ก็มีค่าแรงให้ด้วยงั้นเหรอ? สาวน้อยผู้นี้ก็ถือได้ว่าเป็นคนมีเหตุมีผลเหมือนกันนะ

“ถ้าหากนายคิดว่ายังน้อยไป งั้น ……..”

“ไม่ต้องแล้วๆ สองหมื่นถือว่าเยอะแล้วล่ะ” เซียวเฉิงยิ้มแล้วส่ายหัว ที่เขามา นั้นก็เป็นเพราะว่าสัญญาระหว่างลูกผู้ชาย ไม่ใช่เพียงเพื่อเงินทอง

ถ้าหากเขาคิดที่จะหาเงิน เพียงแค่เอ่ยออกมาไม่กี่ประโยค เงินเดือนสองพันล้าน ก็ยังมีคนใหญ่คนโตหมายจะขอร้องเขาเช่นกัน

ซูชิงเมื่อเห็นว่าเซียวเฉิงตอบตกลง จากนั้นก็ได้พูดคุยกันอย่างง่ายๆอยู่หลายคำ แล้วก็ได้เรียกผู้ช่วยสาวเข้ามา มอบหมายงานอยู่ครู่หนึ่ง “เซียวเฉิง นายตามพี่หลานไปเซ็นสัญญาก่อน ฉันจะไปจัดการงานหน่อย รอจนเลิกงานแล้วค่อยคุยกันใหม่อีกทีละกัน”

“รับทราบครับ” เซียวเฉิงพยักหน้า ติดตามผู้ช่วยสาวเดินจากไป

ซูชิงมองไปยังแผ่นหลังของเซียวเฉิง หรี่นัยน์ตาลง เขาจะทำได้จริงๆงั้นหรอ? เมื่อข่าวลือได้แพร่ออกไปแม้สักนิดเดียว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะต้องเจอความยุ่งยากเหมือนดั่งเทไหลย้อนน้ำขึ้นท้องฟ้าแล้ว(สำนวน เปรียบได้ดั่งเจอพายุโหมกระหน่ำ)

เมื่อได้มาถึงยังอีกมุมของสำนักงาน เซียวเฉิงก็ได้ละสายตาไปจากก้นกลมของผู้ช่วยสาว

“พี่หลาน พวกเราจากนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว ขอแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง ผมชื่อเซียวเฉิงครับ”

เซียวเฉิงยื่นมือขวาออกไป ยิ้มอย่างมีเลศนัยมองไปที่ผู้ช่วยสาว นี้เป็นการแต๊ะอั่งหญิงสาวอีกแบบหนึ่ง

แต๊ะอั่ง ในเวลาแบบนี้ไม่สมควรที่จะพูดคำนี้ออกมา แต่เป็นการยกย่อง เป็นเหมือนการสื่อความรู้สึกออกมาอีกแบบหนึ่ง

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยเหมือนดั่งซูชิง แต่ว่าสรีระร่างกายกลับถือได้ว่ายอดเยี่ยม ทั่วทั้งร่างกายได้แผ่กระกายรสชาติของความเป็นผู้ใหญ่ คล้ายกับลูกพีชที่สุกได้ที่แล้ว กัดเข้าไปคำหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนทุกผู้คนลืมไม่ลงเลยทีเดียวเชียว ……..

“ฉินหลาน ผู้ช่วยประธานซู”

ผู้ช่วยสาวยื่นมือเข้าไปเช็คแฮนกับเซียวเฉิง แล้วเธอก็ยิ้มออกมา ……… เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ชายหนุ่มผู้นี้ได้บีบไปที่มือของเธอเบาๆ แล้วก็ได้ยักคิ้วให้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เกินเลยจนเกินไป

“พี่หลาน จากนี้ต้องฝากตัวด้วยแล้ว” เซียวเฉิงผายมือออก มุมปากยกขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์ สื่อความหมายอื่นแก่หญิงสาว

ฉินหลานยิ้มแล้วพยักหน้า “นั่งก่อนสิ ดิฉันจะไปเตรียมสัญญามาให้คุณ”

ไม่นานนัก สัญญาก็ได้ถูกเตรียมจนเสร็จแล้ว เซียวเฉิงไม่แม้แต่จะมอง ขีดๆเขียนๆชื่อของตัวเองลงไป

“ฮ่ะๆ นี่คุณไม่คิดจะดูหน่อยหรอ ? ไม่กลัวว่าจะเป็นถูกหลอกพาไปการขายตัวเลยรึไงกัน?”

“ขายตัว? ถ้าขายให้กับซูชิงจริงแล้วละก็ ผมก็ไม่ถือว่าขาดทุนแล้วล่ะนะ”

“งั้นก็ขายให้ฉันไหมล่ะ?” ฉินหลานยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์

“ขายให้คุณหรอ?” เซียวเฉิงกวาดตามองไปยังอกอูมที่แทบจะระเบิดออกมาจากเสื้อเชิ๊ตสีขาว “อย่างนั้นก็ยิ่งได้กำไรใหญ่แล้ว”

“เอาเถอะ” ฉินหลานมองขึ้นไปที่เซียวเฉิงคราหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร

เมื่อได้ผ่านการสนทนากันเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ได้ใกล้ชิดขึ้นไม่น้อย เซียวเฉิงก็ได้ฟังสถานะการณ์ของบริษัทซูชิงจากปากของฉินหลาน

ถึงแม้ว่าจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไร สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เหตุผลเรื่องที่ซูชิงโทรหาพี่ชายของเธอ

คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เซียวเฉิงก็ไม่คิดอีกต่อไป รอคอยอีกสักพัก ตนเองก็คงจะทราบได้เอง

“ไม่รบกวนคุณแล้วนะ คุณดื่มชาก่อนสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะไปจัดการกับเอกสารสักครู่”

เซียวเฉิงมองไปที่กองพะเนินของเอกสาร แล้วก็ได้กลืนน้ำลายลงคอ “เยอะขนาดนี้เชียว?”

“อืม ของพวกนี้เป็นเอกสารภายในของบริษัท หลังจากที่ฉันจัดการแล้ว ก็จะส่งต่อให้กับประธานซู”

“อ๋อ เช่นนี้นี่เอง” เซียวเฉิงเอาขึ้นมาหนึ่งชุด แล้วก็มองดู

ฉินหลานไม่ได้สนใจเขาอีก ก้มหน้าทำงานของตนเอง

ประมาณสักห้านาทีได้ เซียวเฉิงก็ได้วางเอกสารไว้ที่ด้านหน้าของเธอ “พี่หลาน คุณดูหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง?”

“หืม?” ฉินหลานงุนงง มองไปอย่างละเอียด รูม่านตาขยายใหญ่ขึ้น “นี้เป็นคำแนะนำของคุณหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะ ผมก็ไม่ค่อยจะมีความรู้เกี่ยวกับพวกบริษัท เพียงแค่มองจากมุมมองโดยด้วย ในด้านรายละเอียด คงจะมีเพียงพึ่งพาพี่หลานแทนแล้วล่ะ”

แล้วฉินหลานก็ได้ดูอีกรอบ ทันใดนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาทอเป็นประกายขึ้นมา

จนทำให้เซียวเฉิงตกใจขึ้นมา “พี่หลาน คุณมองผมอย่างนี้ทำไม?”

“พรสวรรค์จริงๆ มา ช่วยพี่สาวเอาพวกนี้ไปจัดการให้หน่อย” ฉินหลานกล่าวจบ แล้วก็ได้ให้เซียวเฉิงอีกหลายชุด

เซียวเฉิงไร้คำจะกล่าว ให้ตายเถอะ นี้มันการถูกใช้งานแบบฟรีๆเลยไม่ใช่หรอไง?

“อย่าได้ทำหน้าอย่างนั้น รอจนถึงพรุ่งนี้พี่สาวจะเลี้ยงข้าวเธอเองนะ”

“ก็ได้ ก็ได้”

เซียวเฉิงพยักหน้า แล้วก็ได้นิ่งเงียบจัดการ

หลังจากผ่านไปได้ยี่สิบนาที เขาก็ได้นับเอกสารไปวางไว้ด้านหน้าของฉินหลาน

ฉินหลานตะลึงลาน เร็วขนาดนี้เชียว? คงไม่ใช่การจัดการแบบขอไปทีหรอกนะ? หลังจากที่เธอดูจะหมดแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี

ผ่านไปเนิ่นนาน เธอก็ได้กล่าวออกมาประโยคหนึ่ง “เจ้าหนูอย่างคุณมาเพื่อแย่งชามข้าวฉันงั้นหรอไงกันนะ?” (หมายถึงแย่งงาน)

“……”

แล้วก็ไม่รอให้เซียวเฉิงพูดอะไรออกมาอีก บนโต๊ะก็ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

ฉินหลานได้ยกหูขึ้นมา หลังจากที่ตอบรับไปแล้ว ก็ได้วางสายโทรศัพท์ลง “นายนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ฉันไปเอาพัสดุข้างล่างก่อน”

“พี่หลาน เรื่องลงแรงพวกนี้มอบให้ผมเถอะ ผมจะช่วยคุณไปเอามาให้เอง”

“ก็ได้ ยังไงก็ขอบคุณนายมากนะ”

หลังจากรอจนเซียวเฉิงจากไป ฉินหานก็ได้เอาเอกสารอีกหลายชุดมา คิดไปคิดมา ก็ได้มาจนถึงห้องทำงานของท่านประธาน

“เสี่ยวชิง เอานี้”

ไม่มีคนนอกอยู่เลย ฉินหลานไม่ได้เรียกว่าประธานซู แล้วก็ได้เอาเอกสารให้แก่ซูชิง

“พี่หลาน วันนี้ทำไมเร็วจังเลย?” ซูชิงรับเข้ามา เพียงมองไปคราหนึ่ง “เอ๊ะ นี้มันไม่ใช่ลายมือของคุณนี่ เป็นใครเขียนกัน?”

“เซียวเฉิงค่ะ”

“เขาหรอ?” ซูชิงงุนงงขึ้น มองเข้าไปอย่างละเอียด แล้วดวงตาก็ได้ขยายใหญ่ขึ้น “พี่หลาน นี้เป็นนายคนนั้นเขียนออกมาจริงๆหรอ?”

ฉินหลานยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า “น่าตกใจเลยมากเลยใช่ไหมละ? ถ้าเธอรู้ว่า เขาใช้เวลามากแค่ไหนในการจัดการกับเอกสารหลายชุดนี้ได้ แน่นอนว่าจะตกใจยิ่งกว่าเดิม”

“ใช้เวานานแค่ไหนกัน?”

“ยี่สิบนาทีได้”

ซูชิงงุนงงขึ้นมา “นี้เป็นไปได้อย่างไรกัน? ต่อให้เป็นพี่หลานเอง คาดว่าก็ยังต้องใช้สี่สิบห้าสิบนาทีเลยไม่ใช่หรอ?”

“ผิดแล้ว อีกทั้งยังจัดการได้อย่างหมดจดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเรามากนัก แต่ว่าโดยรวมแล้ว ก็ถือได้ว่าสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะเอกสารทางการตลาดชุดนั้น ……..”

ซูชิงรีบร้อนที่จะเอาเอกสารทางการตลาดออกมาดูอีกรอบ เป็นไปอย่างที่ฉินหลานบอกมาทั้งหมด สมบูรณ์แบบมาก ทั้งที่ปัญหานี้ได้ทำให้เธอปวดหัวมาแล้วหลายวัน

“เสี่ยวชิง เจ้าหนูนี้เป็นสหายร่วมรบกับพี่ชายเธอจริงงั้นหรอ? กองทัพยังมีคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้ด้วย?”

ซูชิงมองไปที่ฉินหลาน พูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด “ถ้าหากฉันบอกว่า เขาเป็นแค่คนเลี้ยงหมูในกองทัพเล่า คุณจะเชื่อไหม?”

“……”

ฉินหลานอ้าปากตาค้าง เลี้ยงหมูหรอกหรอ?

ด้านในสำนักงาน หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็ยังไม่ทันได้ตกลงกัน ในตอนที่เซียวเฉิงได้เอาพัสดุมา ในใจเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“กล่องพัสดุเก็บไว้อย่างมิดชิดขนาดนี้ คงจะไม่ใช่สิ่งของจำพวกใช้ไว้ทำภารกิจส่วนตัวหรอกนะ?”

เมื่อเขาคิดถึงลักษณะนิสัยของฉินหลาน ภายในห้วงสมองกได้ครุ่นคิดภาพต่างๆนาๆออกมาไม่น้อย จนอดไม่ได้ที่จะต้องเผยรอยยิ้มลามกออกมา

รอจนกระทั่งเซียวเฉิงกลับมายังสำนักงาน ฉินหลานก็ได้กลับมาพอดี

“พี่หลาน ให้”

ฉินหลานรับมา แล้วก็วางไว้ทางด้านข้าง “เซียวเฉิง พี่สาวมีเรื่องที่อยากปรึกษาสักหน่อยได้หรือเปล่า?”

“อะไรหรอ?”

“หลังจากนี้ถ้านายไม่มีเรื่องอะไร ก็มานั่งกับพี่สาวนานๆหน่อยสิ ช่วยงานพี่สาวบ้างอะไรบ้าง เป็นไง?”

“……”

“วางใจเถอะ พี่สาวไม่ให้เธอต้องมาช่วยฟรีๆหรอก” ฉินหลานยิ้มขึ้นมา เผยแววสายอันมีเสน่ห์

เซียวเฉิงมองไปยังท่าทางที่ทรงเสน่ห์ของฉินหลาน แล้วก็แซวเธอ “พี่หลาน พี่จูบผมสักคำหนึ่ง ผมก็จะตอบตกลงพี่ก็ได้นะ”

“จุ๊บ”

ฉินหลานยื่นหน้าไปที่ใบหน้าของเซียวเฉิง หอมลงไปเบาๆ

เซียวเฉิงทอแววตาโง่งมเล็กน้อย ให้ตายเถอะ แม่เสือสาวนางนี้ดูไปจะแกร่งกว่าที่ตัวเองคาดคิดเอาไว้

“ตอนนี้ได้หรือยัง?”

ฉินหลานยิ้มขึ้นเบาๆ มองไปที่เซียวเฉินที่ทำท่าโง่งม ภายในดวงตาสาดเป็นประกายเผยความตั้งใจออกมา

“ไม่ได้ ต้องจูบที่ปากเท่านั้น”

“……”

กลายเป็นฉินหลานตะลึงแทน เจ้าหนูนี้หน้าด้านยิ่ง อยู่เกินกว่าความคาดหมายของตัวเองไปมากแล้ว

“พี่หลาน มา จุ๊ปๆ” เซียวเฉิงยื่นปากเข้าไป

“ไปตายซะ ได้คึบแล้วจะเอาศอก” ฉินหลานยิ้มแล้วด่าทอมาคำหนึ่ง โบกมือไปมา “รีบๆไสหัวไปได้แล้ว ประธานซูกำลังรอนายอยู่นะ”

“ก็ได้ๆ งั้นผมจะไสหัวไป พี่หลานแล้วเจอกัน”

เซียวเฉิงอมยิ้มอยู่เต็มใบหน้า พึ่งจะออกจากสำนักงาน ก็ได้พบเห็นถือกระเป๋าเดินออกมา

“เลิกงานแล้วหรอ?”

“อืม ไปกันเถอะ”

ทั้งสองคนลงลิฟท์ตัวเดียวกัน ลงมาจนถึงงานจอดรถ

เมื่อเซียวเฉิงมองไปที่มาสเซอราติของของประธานซู ดวงตาก็ได้สว่างขึ้นมา (ถ้างงดูภาพประกอบ https://goo.gl/bmfKp1)

ซูชิงมองไปเห็นประกายตาของเขา ก็ได้ยื่นกุญแจรถไปให้ “นายมาขับเถอะ”

“ดี” เซียวเฉิงยิ้มกว้างขึ้นมา สตาร์ทรถขึ้นมา ค่อยๆที่จะขับออกไปทางด้านประตู

ยังไม่ทันจะถึงประตู ก็ได้พบว่าที่ด้านนอกได้มีกลุ่มคนเข้ามาชุดใหญ่ น่าจะมีถึงยี่สิบสามสิบคน ในมือถือไว้ด้วยไม้เบสบอล

ที่ด้านหน้าสุด ก็ได้มีเยิ่นคุยที่หน้าตาบวมจนเป็นหัวหมูอยู่ครึ่งซีก เขาก็ได้ถือไว้ด้วยไม้เบสบอลด้ามหนึ่ง หวดลมไปมา

“คุณชายเยิ่น มาดูเร็ว เป็นเจ้าหนูนั้นไง” อีกทางด้าน ก็ได้พาบอดี้การ์ดกำยำที่ข้อมือพันแผลเอาไว้ ชี้ไปทางด้านมาสเซอราติแล้วตะโกนออกมา

เยิ่นคุนมองไปอย่างละเอียด ใบหน้าดุร้ายขึ้นมา “หยุดรถคันนั้นเอาไว้ซะ!”

เสียงตอบรับของยี่สิบสามสิบคนดังขึ้นมา ดังอยู่ได้สักพัก ก็ได้ปิดไปทั้งถนน

แล้วเยิ่นคุนก็ได้ชี้ไม้เบสบอลออกไป ชี้ทางด้านรถมาสเซอราติที่นั่งไว้ด้วยเซียวเฉิง “เจ้าหนู มารดาแกไสหัวออกมาซะ”