บทที่ 270 อัจฉริยะเฉินฮุย

ขณะที่กำลังลงภูเขามา เย่เฟิงก็หยิบเอาโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในแหวนมิติออกมา เปิดดูข้อความสั้นหลายอันที่ซูเหมิงหานได้ส่งมา

“ข่าวมันแพร่กระจายไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ?”

เย่เฟิงมองไปยังเหล่าข้อความด้วยความตกใจ เพียงไม่นานหลังจากที่เขาสังหารฉีหลินจื่อไป เรื่องนี้มันก็แพร่กระจายออกไปด้านนอกอย่างไม่คาดคิดเลยงั้นหรือ?

โดยปกติการแพร่กระจายโลกของยุทธภพ พวกบุคคลทั่วไปต่างไม่รู้ในเรื่องพวกนี้

เมื่อคิดดูแล้วว่าตอนนี้เทคโนโลยีต่างแพร่หลาย ศิษย์ของสำนักเซียนเร้นลับจะไม่มีโทรศัพท์เลยสักคนเลยหรอ แม้กระทั่งภายในเขตซางซาน หลานพื้นที่ต่างก็มีที่ชาร์จโทรศัพท์เอาไว้ให้

ในกรณีนี้ ข่าวที่มันเผยแพร่กระจายออกไปก็เป็นเรื่องปกติแล้ว

ตลอดทาง จื่อเจี้ยนหลานต้องการที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับเย่เฟิง อย่างเช่น เย่เฟิงที่มายังสำนักเซียนเร้นลับที่นี่เพื่อมาเอายาถอนพิษกลับไปให้ใครกัน? คุณหนูตระกูลหลงหรอ? เหตุใดเย่เฟิงถึงมีความสามารถลึกลับมากมายนัก?

แต่เมื่อเดินอยู่ด้านข้างเย่เฟิง เธอก็ค้นพบว่าสิ่งเหล่านี้เธอไม่สามารถจะถามมันได้ ได้แต่เดินตามอย่างเงียบๆ ตลอดเวลาจ้องมองใบหน้าด้านข้างเย่เฟิงอยู่อย่างเงียบๆ

ภายใต้แสงจันทร์ พวกเขาก็เดินทางมาด้วยกันจนมาถึงสะพานโซ่ก็จะเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เย่เฟิงผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้ว ก็มีความคิดที่จะกล่าวถามกับจื่อเจี้ยนหลาน “ถ้าตัดโซ่นี้ไป พวกศิษย์สำนักเซียนเร้นลับก็จะไม่มีเส้นทางอื่นที่จะขึ้นไปบนเขาแล้วใช่ไหม?”

“นี้เป็นเส้นทางเดียวแล้ว”

จื่อเจี้ยนหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา ภายในดวงตาที่งดงามของเธอมีท่าทางที่สับสน ในที่สุดก็มองไปหลายครั้งที่ทางเข้าของสำนักเซียนเร้นลับ

เมื่อได้ยินที่เย่เฟิงกล่าว เมื่อเธอนำป้ายเจ้าสำนักเซียนเร้นลับไปอยู่ในโลกภายนอก ก็เชื่อเลยว่าจะต้องมีใครบางคนที่จะต้องตามออกมาจัดการแน่

ถ้าป้ายยังอยู่กับตัว สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอนว่าเธอจะเผชิญหน้ากับการลอบสังหารหลากหลายรูปแบบ เย่เฟิงไม่อยากให้หญิงสาวกระโปรงม่วงคนนี้ต้องพบกับอันตรายใดๆ

ชัวะ!

ลำแสงสีเขียวเข้มปรากฏวาบผ่าน เย่เฟิงก็ตัดเส้นทางผ่านของสำนักเซียนเร้นลับด้วยกระบี่ ระหว่างยอดภูเขาทั้งสองต่างห่างกันหลายเมตร มันก็ตัดขาดจากโลกภายนอกในทันที

มีเพียงแค่บินได้หรือโยนโซ่เชือกอีกครั้ง ไม่อย่างงั้นจากนี้ไปบุคคลภายในก็ออกไม่ได้บุคคลภายนอกก็เข้าไม่ได้

แต่ถ้าต้องการที่จะโยนโซ่เชือกอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความแข็งแกร่งเช่นคนธรรมดาในตอนนี้ของสำนักเซียนเร้นลับมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน มีเพียงบางคนที่ปลดปล่อยชี่ออกมาภายนอกได้เท่านั้นถึงจะทำได้หรือมีบุคคลอื่นข้างนอกที่มาช่วยเหลือ

แต่เรื่องนี้ มันก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่

หลังจากที่ตัดโซ่เชือกทิ้งไปแล้ว เย่เฟิงก็พาจื่อเจี้ยนหลานลงภูเขาไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อจื่อเจี้ยนหลานไม่ต้องการที่จะดูแลสำนักเซียนเร้นลับ งั้นวิชามีดบินปีศาจคำรามก็ไม่จำเป็นต้องสอนเธอ ด้วยตั๋วเครื่องบินไปเมืองเหยียนจิงที่ซูเหมิงหานซื้อออนไลน์ไว้ให้ ตราบเท่าที่เย่เฟิงไปยังสนามบินเขาก็คงไปถึงในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง

ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลา ยาถอนพิษถึงไม่สายไปแน่

“คุณอยากจะซื้อชุดไหม?”

มองไปยังเสื้อเชิ้ตสีดำของเย่เฟิงที่ขาดรุงริง ในที่สุดจื่อเจี้ยนหลานก็หาหัวข้อที่จะถามได้แล้ว

“ไว้ที่หลัง”

เย่เฟิงพยักหน้า แต่ในความจริงเขายังไม่ได้วางแผนซื้อเสื้อผ้าเลย ก่อนที่เขาจะลงมือเขาก็ได้เอาเสื้อผ้าใส่ไว้ในแหวนมิติแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อมันอีก เพียงแค่ต้องหาสถานที่เปลี่ยนมันก็พอ

“อืม”

จื่อเจี้ยนหลานพยักหน้าอย่างนุ่มนวล เงยหน้ามองไปยังเมืองที่มีชีวิตชีวาเบื้องหน้าสายตา

ในที่สุดก็ได้ออกมาแล้ว ในใจเธอรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่าง เธออยู่ในสำนักเซียนเร้นลับมาหลายปี ไม่เคยมีอิสระแม้แต่นิดเดียวเหมือนตอนนี้ ความรู้สึกที่ราวกับไร้ข้อผูกมัดอะไร มันทำให้เธอเหมือนได้รับชีวิตใหม่

“พวกเราแยกกันตรงแล้วกัน ไว้มีโอกาสค่อยพบกัน”

เย่เฟิงเห็นว่าถึงเขตหลินไห่แล้วในตอนนี้แล้วพูดกับจื่อเจี้ยนหลาน ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาพบว่าเบื้องหน้าไปไม่ไกลมันมีห้างสรรพสินค้าอยู่ เขาสามารถที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินไปทั่วด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุงริงเช่นนี้

“เร็วขนาดนี้เลยหรอ?”

จื่อเจี้ยนหลานได้ยินก็ตกใจ ในดวงตาอันสดใสก็แทนที่ด้วยสายตาที่ไม่อยากจากไป แต่ด้วยความรวดเร็วเธอก็เปลี่ยนความคิด ไม่ว่าจะพวกเขาจะต้องแยกกันตอนไหน หรือจะแยกกันในตอนนี้ จะก่อนหรือกลังมันมีความแตกต่างด้วยหรือ?

“อืม ลาก่อน”

เธอกล่าวอย่างนุ่มนวล ติดตามเย่เฟิงจนไปถึงที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า

ร่างบองบางสง่างามกระโปรงสีม่วง ยืนเด่นอยู่หน้าทางเข้าห้าง ยืนอยู่กับที่มองไปยังเย่เฟิงที่กำลังเข้าห้างไป ในดวงตาคู่งามของเธอสะท้อนเห็นแผนหลังของเย่เฟิงจนกระทั่งมันค่อยๆหายไป

ทันใดนั้น ในใจเธอก็เต็มไปด้วยความงุนงง ในที่สุดก็เป็นอิสระออกมาได้แล้ว แต่ว่าเธอควรจะไปที่ไหนกันเล่า?

นอกจากนี้เธอจะจำได้อีกว่าถึงเรื่องสำคัญว่าเธอไม่มีเงินเลย!

ด้วยร่างที่สวยน่ารักในชุดกระโปรงสีม่วง ทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของหลายคนในตอนที่เข้ามาภายในห้าง ในตอนนี้ร่างของเธอไม่มีพิษผงทลายใจแล้ว ทั่วร่างรู้สึกสดชื่นกลายเป็นเปล่งประกาย การเคลื่อนไหวที่สดใส ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะจ้องตาเป็นมัน

ด้วยความคิดที่กำลังลังเล ก็มีเสียงดังขึ้นมาเบื้องหลังของเธอ “ใช่เธอหรือเปล่าเจี้ยนหลาน?”

เขาเป็นผู้ชายที่มีเสียงที่น่าประทับใจ ในท่าทางที่ยินดีอย่างยิ่ง ราวกับเขาเฝ้ารอการปรากฏตัวของเธอมานานแล้ว

เมื่อจื่อเจี้ยนหลานได้ยินก็หันหน้าไปมองเห็นชายหนุ่มสวมใส่ชุดโบราณสีขาว น่าจะอายุประมาณ 24-25 ปี อยู่ห่างไปไม่ไกลกำลังเดินมาหาเธอ

“เฉินฮุย เป็นยังไงบ้าง?”

จื่อเจี้ยนหลานมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ไม่ใช่เฉินฮุยบอกว่ากลัวฉีหลินจื่อหรอกหรือ ทำไมเขากล้าที่จะมาหาเธอได้ เหตุใดถึงพลันปรากฏตัวมาตอนนี้กัน? หรือเธอจะเข้าใจฝ่ายตรงข้ามผิดไปกัน?

เขาเป็นหนึ่งกลุ่มคนของศิษย์วังไท่จี๋ ชายหนุ่มมีคิ้วดั่งกระบี่ ดูท่าทางน่าประทับใจ มีความมั่นใจสูง เป็นหัวหน้าศิษย์ของวังไท่จี๋ อัจฉริยะเฉินฮุย! เฉินฮุยเป็นดั่งจอมยุทธรุ่นเยาว์รุ่นแรกที่เข้าสู่โลกยุทธภพและมีชื่อเสียงอย่างมากในโลกยุทธภพ

ภายใต้ทรัพยากรของสำนัก เฉินฮุยเพียงแค่อายุ 25 ปีก็มีวรยุทธถึง 38 ปีแล้ว และยังคงสามารถใช้ชี่ออกมาภายนอกได้อีกด้วย ถ้าไม่มีเหตุอะไร ตำแหน่งผู้นำของวังไท่จี๋ไม่นานหรือเร็วก็จะเป็นของเขา

“ยังสบายดีอยู่”

เฉินฮุยก้าวยาวๆเข้ามา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มหล่อเหลา “เจี้ยนหลานผมไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม?”

“อา..”

จื่อเจี้ยนหลานไม่แสดงว่าเห็นด้วยหรือไม่พลางจ้องมองไปยังสถานที่แผ่นหลังของเย่เฟิงหายไป มือคู่เล็กนั้นของเธอก็จับกระโปรงแกว่งไปเล็กน้อย

แน่นอนว่าเฉินฮุยมาช้าไป

ตั้งแต่ที่เย่เฟิงพบเธอรวมกับคืนที่ผ่านมาตอนนี้ก็ 56 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเย่เฟิงเธอก็คงกลายเป็นดอกไม้ริมทางให้ผู้คนเชยชมแล้ว และในตอนนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ใครจะรู้กัน

อย่างไรก็ตามในเมื่อเขามาแล้ว จื่อเจี้ยนหลานก็ไม่อยากโทษฝ่ายตรงข้าม

“เจี้ยนหลาน คุณกำลังมองไปที่ไหนกัน?”

เฉินฮุยเห็นว่าสายตาเธอดูแปลกไป อดไม่ได้ที่ใจจะตื่นตัว หญิงสาวผู้นี้เป็นเป้าหมายสำคัญของเขา มันจะต้องไม่มีสิ่งผิดพลาดใดๆ

“ฉีหลินจื่ออยู่ไหนกัน?”

เฉินฮุยพูดอย่างจริงจังในทันที “รู้ดีว่าเจี้ยนหลาน เธอเป็นเพื่อนของผม เฉินฮุย ดังนั้นจึงบีบบังคับเธอ ตาเฒ่าผู้นี้มันไม่ค่อยกังวลเรื่องการเสียหน้า! บอกมาผมมาเถอะมันอยู่ไหน ผมจะช่วยคุณจัดการเขาเอง!”

……………………………..

แปลโดย คั่นหนังสือ GSI