บทที่ 271 เฉินฮุยดีดลูกคิด

ได้ยินเฉินฮุยถามเช่นนั้นก็ทำให้จื่อเจี้ยนหลานใจอ่อนเล็กน้อย หรือว่าเฉินฮุยคนก่อนที่เธอคิดเอาไว้จะไม่ใช่เช่นนั้น?

“ฉีหลินจื่อตายไปแล้ว”

จื่อเจี้ยนหลานมองไปยังเฉินฮุยรู้สึกเศร้าใจ “ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเดินทางมา”

“ตายแล้ว?”

หลังจากได้ยิน ภายในดวงตาของเฉินฉุย มีประกายขึ้นวูบหนึ่งบ่งบอกความคิดที่ว่า ”เรื่องที่ได้ยินมาน่าจะเป็นจริง” แต่จื่อเจี้ยนหลานไม่ทันพบเห็นแววตาที่ผิดปกติของเฉินฮุย เฉินฮุยแสร้งทำเป็นตกใจพร้อมทั้งถามขึ้นว่า “ตายได้ยังไง?”

“ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นพี่เย่สังหารเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าต้องเป็นเขา”

เมื่อจื่อเจี้ยนหลานคิดถึงเย่เฟิงขึ้นมาก็อดที่จะเผยรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะเป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่การที่เธอได้พบเย่เฟิงทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก และคาดหวังไว้ในใจว่า ในอนาคตโชคชะตาจะทำให้เธอได้พบกับเขาอีกครั้งนึง

“เย่เฟิง?”

เฉินฮุยหรี่ตาลงจ้องมองจื่อเจี้ยนหลาน เขาเคยผ่านผู้หญิงมามากมาย และสามารถมองออกว่า ตอนนี้จื่อเจี้ยนหลานที่น่ารักกำลังคิดถึงใครบางคนอยู่ซึ่งเดาไม่ยากว่าจะต้องเป็นเย่เฟิงคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากที่เย่เฟิงสังหารฉีหลินจื่อไปแล้ว เฉินฮุยก็ได้ข่าวการตายของฉีหลินจื่อเพียงแต่ยังไม่แน่ใจ และทำให้เขาต้องปรากฏตัวออกมาต่อหน้าจื่อเจี้ยนหลานเพื่อยืนยันข่าวลือ และตอนนี้เขาก็ได้รับการยืนยันจากเธอแล้วว่ามันเป็นความจริง

ความจริงแล้ว เฉินฮุยมากับพวกหลิงเฉิน ที่ถูกส่งมาจากแถบทะเลจีนตะวันออกเพื่อสอบถามข่าว กลุ่มของหลิงเฉินยังคงอยู่กันที่เขตเซียงซาน

จากเขตเซียงซานมาจากเขตซางซานมันมีระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร ในตอนแรก เฉินฮุยได้รับข้อความจากจื่อเจี้ยนหลานว่าเธอได้หนีออกมาจากสำนักเซียนเร้นลับแล้วหวังจะได้พบเขา เฉินฮุยก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอย่างไร เพื่อที่จะไปพบกับจื่อเจี้ยนหลาน

ใครกันจะกล้าไปยั่วยุฉีหลินจื่อกัน?

แต่หลังจากเมื่อคืนนี้พลันมีข่าวแพร่ออกมาว่าฉีหลินจื่อถูกสังหารอย่างไม่คาดฝันโดยบุรุษที่ชื่อเย่เฟิง! ในตอนนั้นเฉินฮุยไม่เชื่อข่าวลือที่ได้ยินมา ก็ได้พาพรรคพวกออกเดินทางจากเขตเซียงซานมา

เพียงแค่เขาเอ่ยถึงฉีหลินจื่อก็เกิดความโมโหออกมาอย่างจริงจัง ถ้าต้องเผชิญหน้ากับฉีหลินจื่อ แม้กระทั่งจอมยุทธ์รุ่นเยาว์คนแรก อาจจะไม่ใช่คู่มือจนไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง

เพียงแค่นึกถึง ฉีหลินจื่อ ขึ้นมาเฉินฮุยก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นในใจแล้ว ถ้าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับฉีหลินจื่อ แม้แต่ตัวเขาที่เรียกว่าอัจฉริยะรุ่นใหม่ของวังไท่จี๋ ก็คงไม่ใช่คู่มือของฉีหลินจื่อ แม้กระทั่งหายใจเสียงดัง

“เย่เฟิงแข็งแกร่งจริงๆ”

เฉินฮุยกล่าวชื่นชม จากนั้นก็หันไปหาจื่อเจี้ยนหลาน “เขาไปไหนแล้วล่ะ? ทำไมเธอถึงอยู่ตรงนี้คนเดียว?”

“เขาเดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”

เมื่อพูดขึ้นจื่อหลานก็รู้สึกเศร้าในใจ ประกายภายในดวงตาหม่นหมองลง

“ช่างไม่รู้จักอ่อนโยนกับผู้หญิงเลย”

เฉินฮุยพูดพลางถอนหายใจ “เจี้ยนหลาน เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตามพี่ใหญ่เฉินมาเถอะ เล่าให้ฟังที่ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ถ้าเหนื่อยก็บอก ผมจะไปช่วยหาที่พักให้ก่อน”

หนทางที่จะสังหารเย่เฟิงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน เขารู้สึกถึงอันตรายจากบุรุษที่ชื่อเย่เฟิงคนนี้

จื่อเจี้ยนหลานคนนี้รู้ถึงวิชาอาวุธลับทั้งหมดของสำนักเซียนเร้นลับ นอกจากนี้ความไร้เสียงสาอ่อนต่อโลกของเธอ ย่อมง่ายที่จะหลอกลวงเพื่อให้ถ่ายทอดวิชาอาวุธลับทั้งหลายออกมาให้เขา มันดูเหมือนว่าคืนนี้จะต้องหาวิธีทำให้หญิงสาวคนนี้ถ่ายทอดวิชาอาวุธลับออกมาให้ได้

ถึงอย่างไรจื่อเจี้ยนหลานคนนี้ก็เป็นศิษย์สำนักเซียนเร้นลับ

จะต้องใช้วิธีอันใดที่จะทำให้เธอบอกมากัน?

เพื่อที่จะได้หัวใจของหญิงสาว ขั้นแรกจะต้องกำจัดบุรุษในหัวใจเธอให้หายไปก่อน เฉินฮุยเชื่อในความจริงเช่นนี้อย่างมากและกุมหัวใจหญิงสาวที่หยิ่งมามากมายนับไม่ถ้วน จื่อเจี้ยนหลานเป็นเพียงบันไดอีกขั้นเพื่อส่งตัวเขาให้ขึ้นสู่อำนาจที่มากขึ้น เมื่อเธอหมดประโยชน์แล้วก็แค่เขี่ยเธอทิ้งไปเท่านั้น!

ในฐานะความภูมิใจของวังไท่จี๋ เฉินฮุยไม่เคยเห็นผู้หญิงอยู่ในสายตา แล้วหญิงสาวจากสำนักเซียนเร้นลับนี้จะเป็นเช่นไรได้สำหรับตัวเขา?

ในยุทธภพนี้ สำนักเซียนเร้นลับมีชื่อเสียงตกต่ำ เขาจะไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรมากกับจื่อเจี้ยนหลานเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

และเบื้องหลังเฉินฮุยมีหนุ่มสาวและผู้หญิงหลายคนของวังไท่จี๋แน่นอนว่า รู้ถึงแผนของเขา แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายความสวยของจื่อเจี้ยนหลาน แต่พวกเขาเป็นคนของวังไท่จี๋ ไม่ว่าจื่อเจี้ยนหลานคนนี้จะสวยแค่ไหนมันก็เป็นคนของสำนักเซียนเร้นลับพวกที่ชั่วร้ายแค่นั้น

เพียงแค่เล่นสนุกแล้วก็เขี่ยทิ้งไปก็พอแล้ว

“อืม”

สาวสวยกระโปรงม่วงผู้น่าสงสาร อ่อนประสบการณ์ในโลกภายนอก ไม่สามารถมองออกว่าเฉินฮุยมีความคิดอะไรอย่างแน่นอน ก็พยักหน้านุ่มนวล

ในตอนนี้ร่างของเธอกำจัดพิษออกไปหมดแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าเหนื่อยล้าอยู่ ถ้ามีที่นอนเธอก็คงจะหลับไปแล้ว

เมื่อเห็นเธอพยักหน้า ในใจเฉินฮุยก็มีความสุข ทำสำเร็จแล้ว!

“ไปกันเถอะ พี่ใหญ่เฉินจะพาเธอไปกินอะไรก่อน หิวใช่ไหม?”

เฉินฮุยแสดงรอยยิ้มที่จริงใจ ในใจของเขารู้สึกพอใจ ถ้าเขาสามารถหลอกให้กินอาหารที่ผสมยาที่เขามีอยู่ได้ ถึงเวลานั้นหญิงสาวคนนี้ก็เหมือนกับตกอย่ในกำมือของเขาแล้วไม่ใช่หรือ?

มองไปยังใบหน้าที่น่ารักอ่อนวัยของจื่อเจี้ยนหลาน รูปร่างที่งดงามประดุดหยกอันมีค่า เฉินฮุยอดไม่ได้ที่จะนึกยินดีจนหัวใจพองโตที่อีกไม่นาน เขาจะได้ครอบครองหญิงสาวงามคนนี้ในอีกไม่ช้า

ในความคิดของเฉินฮุย ผู้หญิงเปรียบเสมืองสิ่งที่มีไว้สนองตัณหา การกินอาหารหรือเซ็กส์ล้วนไม่แตกต่างกัน เหตุใดต้องไปคิดมากกัน? ชายที่แท้จริงที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว ความสำเร็จอย่างหนึ่งคือการได้เล่นสนุกกับผู้หญิงนับไม่ถ้วน!

ไม่ว่าจื่อเจี้ยนหลานจะมีสถานะอะไร ก็เป็นเพียงผู้หญิง แน่นอนว่าผู้หญิงชั้นดี

อย่างไรก็ตาม เธอไม่พ้นมือเขาแน่นอนในวันนี้

ขณะที่เฉินฮุยที่มองดูไปยังจื่อเจี้ยนหลาน เบื้องหลังของเขามีหญิงสาวสองคนที่มองดูอย่างอิจฉาริษยาเล็กน้อย มันน่าสนใจนักหรือ? มันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชั่วร้ายหรอกหรือ พี่เฉินฮุยเล่นมากไประวังแพ้ภัยตัวเองสักวัน!

เช่นพวกเธอทั้งสองที่ตอนนี้ต่างไปไหนมาไหนกับเฉินฮุยในทุกๆที่ พวกเธอทั้งสองต่างคิดถึงอดีตที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่เธอได้พบกับเฉินฮุยว่าเป็นจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ ซึ่งเมื่อนึกถึงขึ้นมาเธอทั้งสองก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้อยู่ร่วมกับเขา

ศิษย์หญิงของวังไท่จี๋ ส่วนมากที่มีหน้าตาพอดูได้ หรือที่เรียกได้ว่ามีความงามอยู่บ้าง ต่างได้ผ่านน้ำมือของเฉินฮุยมาแล้วแทบจะทั้งสิ้น

จื่อเจี้ยนหลานไม่ได้มองไปยังเฉินฮุยที่มีเจตนาอันน่ากลัวเลย ลูบไปยังท้องอย่างนุ่มนวลแล้วเธอรู้สึกหิวขึ้นมา 12 ชั่วโมงแล้วเนื่องจากพิษผงทลายใจทำให้เธอไม่ได้กินอะไรเลย

“มันหิวเล็กน้อย แต่ฉันไม่มีเงินติดตัวมาเลย ขอความกรุณาพี่ใหญ่เฉินด้วย แล้วฉันจะใช้คืนให้ที่หลัง”

เธอค่อยข้างที่จะอับอายที่ได้พูดออกไป

“เรื่องเงินในระหว่างพวกเรายังจะต้องกล่าวถึงงั้นหรือ? ไปเถอะ”

เฉินฮุยหัวเราะ อดกลั้นความคิดที่จะเกี่ยวแขนจื่อเจี้ยนหลาน ตอนนี้ไม่ต้องกังวลที่จะรีบเร่ง หากอดกลั้นไม่ได้มันจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้! รอสักพักให้เธอกินยาก่อน และเมื่อมันถึงเวลานั้น แผนการมันก็สำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง!

เมื่อนึกถึงเหล่าวิชาอาวุธลับของสำนักเซียนเร้นลับ ไม่เพียงแค่เขาจะได้ลิ้มลองเรือนร่างอันสวยงามของเธอแล้วยังได้วิชาอาวุธลับมาแบ่งปันกับบรรดาศิษย์ร่วมสำนักอีกด้วย!

เมื่อพวกเฉินฮุยเตรียมที่จะออกเดินทางไปทานอาหาร ขณะนั้นที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า มีเสียงคนหัวเราะขึ้นพร้อมกับกล่าวต่อไปว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่หรือ เฉินฮุยผู้เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของวังไท่จี๋ดูแล้วช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก มีวรยุทธ์เพียง 38 ปี เท่านั้นเองหรือ?”

เมื่อสิ้นเสียง เฉินฮุยและคนที่เหลือจากวังไท่จี๋ และจื่อเจี้ยนหลานเช่นเดียวกันหันไปมองที่ต้นเสียง

สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ ชายหนุ่มหล่อเหลาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวใหม่เอี่ยม กางเกงกีฬา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเด่นชัดยืนอยู่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า เขาคือเย่เฟิงที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดใหม่ออกมานั่งเอง

แรกเริ่มเขาต้องการที่จะจากไปแล้ว ใครจะรู้ว่าเมื่อใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณ กับค้นพบจื่อเจี้ยนหลานและเฉินฮุ่ยกับคนที่เหลือกับคนของวังไท่จี๋

หลังจากดูอยู่ชั่วครู่ เขาถึงได้ปรากฏตัวออกมา ถ้าเขาไม่ออกมาสาวน้อยอ่อนต่อโลกคนนี้คงจะถูกจับกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่ๆ

“เย่เฟิง?”

ทุกคนทั้งหมดตกใจ เย่เฟิงเป็นนามที่มันกระแทกใจ ภายในบรรยากาศก็กลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาในทันที

มีเพียงจื่อเจี้ยนหลานไม่ได้มีความแตกต่างอะไรเลย แต่เมื่อเธอเห็นเย่เฟิงปรากฏตัวก็รู้สึกยินดี ไม่สามารถคิดได้ว่าเย่เฟิงจะมาปรากฏตัวเพื่อพบเธอเป็นแน่ แต่เหตุใดเย่เฟิงถึงหาเรื่องเฉินฮุยกัน?

หรือว่าพวกเขาเป็นศัตรูกันมาก่อน?

จื่อเจี้ยนหลานไม่สามารถคิดออกว่าที่เย่เฟิงหาเรื่องเฉินฮุยเป็นเพราะเธอเองได้

เย่เฟิงมองไปยังเธอที่ช่างเป็นหญิงสาวอ่อนต่อโลกที่จะต้องตกไปอยู่ในปากของเสือ ถ้าไม่ออกโรงมาช่วยสักหน่อยแล้วล่ะก็ เขาอาจจะรู้สึกผิดและละอายกับมโนธรรมของตัวเองแล้ว

……………………………..

แปลโดย คั่นหนังสือ GSI

แก้ไขปรับสำนวนโดย ปราบภพ พิชิตแดน