บทที่ 27 ฉันก็แค่ไม่ชอบความอยุติธรรม

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มชายสามคนที่กำลังรุมทำร้ายชายหนุ่มเสื้อแขนสั้นคนนั้นอย่างสาหัส เลือดสดๆกระจายไปทั่วซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงไม่รอดแน่ๆ

แน่นอนว่าซูเหมิงหานไม่อาจทนกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ เธอกระตุกแขนเสื้อเย่เฟิงครั้งแล้วครั้งเล่าพลางขอร้องให้เขาเข้าไปช่วย

“พอได้แล้วหน่า”

สุดท้ายเย่เฟิงก็ทนกับการรบเร้าของเธอไม่ไหว เขาเดินตรงเข้าไปขวางระหว่างนักเลงในกลุ่มนั้นกับชายคนที่ถูกทำร้าย

“ไอ้หนู แกเป็นใคร?”

หนึ่งในนักเลงกลุ่มนั้นมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมแล้วกล่าว “อย่าเข้ามายุ่ง นี่มันไม่ใช่เรื่องของแก!”

“ฉันก็แค่ไม่ชอบความอยุติธรรมแค่นั้น”

เย่เฟิงตอบเสียงเรียบ ในสถานการณ์เช่นนี้เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรให้โอกาสใดๆแก่อีกฝ่ายเพราะพวกนั้นคงไม่ยอมล้มเลิกแล้วกลับไปง่ายๆแน่ เพียงแค่ต้องการเงินคืน พวกเขาถึงกับรุมทำร้ายชายหนุ่มคนนี้เสียปางตาย ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้

ป้าของซูเหมิงหานรู้สึกตกใจที่เห็นเย่เฟิงออกมาช่วยลูกชายของเธอ ปกติแล้วในสถานการณ์เช่นนี้หากเป็นคนอื่นก็คงจะรีบวิ่งหนีออกไปให้ไกล ไม่มีใครที่จะกล้าสอดมือเข้าไปช่วยคนแปลกหน้าแบบนี้หรอก

และทันใดนั้นเองเย่เฟิงเริ่มลงมือทันที

เขาหมุนตัวและฉวยโอกาสโดยการรวบรวมเจินฉีลงไปในหมัดของเขา “เปรี้ยง” เพียงแค่ชั่วพริบตาหนึ่งหมัดเข้าจู่โจมใส่นักเลงคนหนึ่งทันที เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนักเลงคนนั้นไม่ได้เตรียมตัวพร้อมรับหมัดที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาปลิวไปกระแทกผนังอย่างรุนแรงแล้วทรุดตัวลงอย่างหมดสภาพ

ในขณะที่อีกสองคนเมื่อเห็นการจู่โจมที่รุนแรงของเย่เฟิง พวกนั้นตั้งใจจะถอยหนี แต่นั่นยังช้าไป เย่เฟิงซัดอีกสองหมัดติดๆกันเข้าใส่พวกเขาทันที

ความรุนแรงของทั้งสองหมัดนี้ แน่นอนว่าไม่อาจดูแคลนได้

และเป็นอีกครั้งที่หมัดของเย่เฟิงซึ่งดูธรรมดาๆ ส่งร่างของชายทั้งสองลอยปลิวหลายเมตร พวกเขาตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรงส่งฝุ่นคลุ้งไปทั่ว จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยที่ดังไปทั่วบริเวณ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่เสียงร้องของนักเลงเหล่านั้นอย่างเดียวแต่ยังมีญาติงี่เง่าของซูเหมิงหานที่ช่วยกันแผดร้องผสานเสียงด้วยเช่นกัน

“เอาล่ะ รีบพาเขาไปโรงพยาบาลได้แล้ว”

เย่เฟิงหันกลับไปมองญาติของซูเหมิงหานที่กำลังนอนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น เขาบอกกับป้าของซูเหมิงหานต่อ “แล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม แค่ไปพูด‘ขอบคุณ’กับเธอคนนั้นก็พอ”

เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงจึงเดินกลับไปหาซูเหมิงหานด้วยรอยยิ้ม

ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าซูเหมิงหานในตอนนี้รู้สึกมีความสุขขนาดไหน เพราะมันฟ้องออกมาบนสีหน้าของเธอหมดแล้ว รอยยิ้มของเธอนั้นเหมือนดั่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งขณะที่เธอแอบคิดว่าเย่เฟิงก่อนหน้านี้ดูน่ากลัวจริงๆ เขาสามารถจัดการกับนักเลงเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย การอยู่กับเขาก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่เท่าไหร่แฮะ

แต่ใครจะคิดว่าป้าของซูเหมิงหานไม่เพียงจะไม่กล่าวขอบคุณเท่านั้น เธอยังด่ากลับมาด้วยเสียงอันดัง “ขอบคุณงั้นเหรอ? รู้รึเปล่าว่าพวกเธอน่ะกำลังนำปัญหาใหญ่มาให้ฉันแล้ว สามคนนี้เป็นคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ พวกเธอไม่รู้หรอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน… ต้าเกินไปกันเถอะ รีบไปโรงพยาบาลเถอะนะ พวกเขาทำร้ายลูกหนักเสียขนาดนี้…..”

ขณะที่ด่าว่าซูเหมิงหาน เธอก็รีบหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกทันที

ซูเหมิงหานและเย่เฟิงถึงกับเงียบสนิทเมื่อได้ยินดังนั้น ใครจะคิดว่าความช่วยเหลือของเขาจะถูกตอบแทนกลับมาแบบนี้ ว่าแต่ว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์อย่างงั้นเหรอ? ไม่น่าเชื่อว่าอิทธิพลของอสรพิษสวรรค์จะแผ่ขยายมาถึงที่นี่ด้วย เขาประเมินแก๊งนี้ต่ำไปจริงๆ

แต่เพราะว่าเป็นแก๊งอสรพิษสวรรค์นั่นแหละ เย่เฟิงจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

“ไอ้หนุ่ม….ในเมื่อแกกล้าทำร้ายคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์…..แค่กๆ แกก็เหมือนตายไปแล้ว ฮ่าๆๆ…..แค่กๆ”

นักเลงในกลุ่มนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพูดกับเย่เฟิงพลางหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกขอความช่วยเหลือ

เย่เฟิงรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ เขาหยิบมือถือขึ้นมาเช่นกันแล้วจึงต่อสายหาชายหน้าบาก “หน้าบาก นี่คนของคุณมีอยู่กระทั่งในเมืองหลางฝางด้วยงั้นหรือ?”

โทรศัพท์จากเย่เฟิงทำให้ชายหน้าบากตกใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่รีบสงบใจแล้วจึงตอบกลับไป “พี่เย่ คุณไปเจอกับพวกเขาหรือครับ? แต่เป็นอย่างที่พี่เย่พูดมีคนของเราทำงานอยู่ที่นั่นจริงๆ เพียงแต่ไม่มาก……”

ขณะกำลังพูด ชายหน้าบากเริ่มลังเลขึ้นมาว่าเขาควรจะพูดต่อไปดีหรือไม่

“ว่าต่อไปสิ”

เย่เฟิงบอกให้เขาเล่าต่อ

“เออครับ จริงๆแล้วพวกเขากำลังทดสอบยาตัวใหม่เพื่อหาทางเอาเงินเข้าแก๊งให้ได้มากๆอย่างสบายๆน่ะครับ”

แม้ชายหน้าบากไม่อยากจะตอบคำถามของเย่เฟิงนัก แต่เขาก็ยังคงพูดมันออกมา

“ยาตัวใหม่งั้นเหรอ?”

เย่เฟิงขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยิน “เราจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากผมกลับไป ตอนนี้ให้ถอนคนของคุณกลับไปก่อน อีกเรื่องคือตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แก๊งอสรพิษสวรรค์จะไม่มีการค้ายาเสพติดอีกไม่ว่าจะประเภทใดหรือที่ไหนก็ห้ามขายทั้งสิ้น”

“อะไรนะครับ? แต่ว่าเรื่องนี้…”

คำสั่งของเย่เฟิงทำให้ชายหน้าบากตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ให้ทำธุรกิจค้ายาอีก! คำสั่งของเย่เฟิงจะทำให้แก๊งต้องสูญเสียรายได้มากมายซึ่งรายได้ที่ได้จากธุรกิจค้ายานี้ถือเป็นครึ่งหนึ่งของรายรับทั้งหมดของแก๊งอสรพิษสวรรค์เลยก็ว่าได้
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้ผลิตยาตัวใหม่นี้ ไม่ใช่คนที่จะด้วยคุยง่ายๆ หากแก๊งอสรพิษสวรรค์หยุดขายยา มันจะต้องเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ๆถ้าพวกนั้นสืบรู้เข้า ถึงแม้เย่เฟิงจะเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ก็อาจจะไม่สามารถรับมือกับพวกนั้นไหวก็เป็นได้…..

“เอาเป็นว่าตามนี้ แล้วถ้าผมรู้เข้าทีหลังว่าคุณยังทำธุรกิจนี้ต่อไป ก็เตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย”

เย่เฟิงไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ เขาแค่ย้ำเตือนจากนั้นจึงวางสายไป

ซูเหมิงหานที่ได้ยินทุกอย่างรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เธอกำลังคิดว่าตัวตนที่แท้จริงของเย่เฟิงเป็นใครกันแน่ ถึงสามารถโทรสั่งแก๊งอสรพิษสวรรค์ให้หยุดขายยาได้? ต่อให้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งก็เถอะ แต่นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่คนๆหนึ่งจะสามารถสั่งได้ดังใจแบบนี้

ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงและคำพูดของเย่เฟิงกลับแสดงถึงความมั่นใจได้ขนาดนั้น…….

อย่างไรก็ตามความรู้สึกต่อเย่เฟิงในสายตาของซูเหมิงหานก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอรู้สึกเหมือนกับได้เห็นเขาคนใหม่ อันตรายของยาเสพติดนั้นทุกคนล้วนรู้ดี และตอนนี้เย่เฟิงได้สั่งให้แก๊งอสรพิษสวรรค์หยุดขายยาไปแล้ว แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นไปได้ยากแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

“เธอได้ยินแล้วสินะ”

เย่เฟิงหันกลับมามอง  “ฟังให้ดี ถ้าเธอกล้าเอาเรื่องที่ฉันข้องเกี่ยวกับแก๊งอสรพิษสวรรค์ไปบอกใครละก็ ถึงตอนนั้น….”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา ซูเหมิงหานจ้องมองมายังเย่เฟิงซึ่งสายตาของเธอนั่นทำให้เขาหยุดพูดต่อไป ความรู้สึกมากมายที่ผุดขึ้นมาในใจทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและร้อนใจ เพราะเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฟิงกับแก๊งอสรพิษสวรรค์เลยแม้แต่น้อย

“ทำไมยังไม่ไปอีก? ไปสิ อย่ามาทำร้ายพวกเราอีกเลย”

ป้าของซูเหมิงหานโบกมือไล่พลางรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชายและพยายามพยุงตัวเขาขึ้นมา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้ตกอยู่ในสภาพปางตายเสียแล้ว ตัวเขาหมดสติพร้อมกับแขนขาที่ห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก

“ไปกันเถอะ”

เย่เฟิงดึงแขนซูเหมิงหานกลับไป ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่ต้อนรับ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีก

“แต่ว่า…”

ซูเหมิงหานลังเลเล็กน้อย เธอมองไปยังญาติของเธอที่ยังคงหมดสติแล้วแสดงความกังวลออกมา

ทันใดนั้นเองเสียงมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นจากระยะไกลและกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงของชายคนหนึ่งที่หยาบกร้านดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับต้าเกินกัน?”

ป้าของซูเหมิงหานที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูหันกลับไปมองชายคนนั้นขณะที่คอยพยุงลูกชายของเธอไว้ แล้วเริ่มพูดตัดพ้อทั้งน้ำตา “เขาถูกทำร้ายจนสาหัส เร็วเข้า รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเร็ว ไม่อย่างนั้น…”

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ใครเป็นคนทำเขา?”

ชายที่ขับมอเตอร์ไซค์มีอายุราวสี่สิบปี เขารีบมองไปรอบๆด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ตอนนี้เราไม่มีเงินเหลือพอจะจ่ายค่ารักษาแล้ว ฉันพึ่งไปกู้เงินซื้อรถมา…”

เมื่อมอเตอร์ไซค์มาหยุดตรงหน้าประตู ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายโดยไม่หันมามองซูเหมิงหานและเย่เฟิงเลยแม้แต่น้อย เขาพึ่งยืมเงินมาเพื่อซื้อรถให้กับลูกชายของเขาที่กำลังจะแต่งงาน

เขาโทรไปหาพี่ชายอีกสองคนทันที

“ครับพี่ อะไรนะเอาเงินไปทำบ้านใหม่หมดแล้วงั้นเหรอ โอเคครับๆ…”

“ครับพี่ อะไรนะเอาเงินไปลงทุนหมดแล้วงั้นเหรอ”

ชายคนนั้นวางโทรศัพท์ลงอย่างเศร้าสลด เขาไม่คิดเลยว่าจะถูกปฏิเสธการให้ยืมเงินในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินเช่นนี้ แม้กระทั่งพี่ชายร่วมสายเลือดก็กลับมาทอดทิ้งกัน โลกกลับกลายเป็นสถานที่ๆโหดร้ายสำหรับเขาไปเสียแล้ว

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเรารีบพาลูกไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ เรื่องเงินไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”

สุดท้าย ชายคนนั้นจึงตัดสินใจติดเครื่องมอเตอร์ไซค์เตรียมตัวพาต้าเกิน ลูกชายของเขาไปที่โรงพยาบาล

“เย่เฟิง…”

ซูเหมิงหานมองมายังเย่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับดึงแขนเสื้อของเขา สายตาของเธอที่มองมาช่างดูน่าสงสารจนแม้กระทั่งคนที่ไร้หัวใจก็ยังอดเวทนาไม่ได้

“……..”

เย่เฟิงรู้ว่าเธอกำลังคิดถึงเงินสองแสนที่เขามีอยู่แน่ๆ

…………………….

ผู้แปล : Teepo_V

ปรับสำนวน : Solar Spark

ขอแก้ชื่อจากไต้เจินเป็นต้าเกินนะครับเพราะตรงกับของ Raw จีนมากกว่า

แล้วก็ตอนต้นของบทที่ 25 ที่เย่เฟิงได้บัตรเงินสดมาสองใบ ใบหนึ่งมีเงินอยู่สามล้านซึ่งเอาให้อู๋บีไปแล้ว ส่วนอีกใบที่มีอยู่ตอนนี้มีเงินอยู่สองแสนไม่ใช่สองล้าน พอดีมาอ่านตอนนี้แล้วมันขัดกันเลยไปลาก Raw จีนในอากู๋ดู สรุปว่าของ ENG แปลผิดไปหน่อย

สงสัยตอนนี้น้องซูเหมิงหานโดนถล่มหนักกว่าเดิมแน่นอนเลย ยังไงกองอวย(ที่เหลืออันน้อยนิด)ก็เข้มแข็งกันไว้นะครับ อิอิ