บทที่ 268 ถ้ำสมบัติบำเพ็ญของผู้ฝึกเซียน

จื่อเจี้ยนหลานไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องกลายมาเป็นเจ้าสำนักเซียนเร้นลับ

แม้กระทั่งหลังจากที่เย่เฟิงจะสังหารฉีหลินไปแล้ว สิ่งที่เธอคิดก็มีเพียงแค่ได้เป็นอิสระ ไม่แยแสเกี่ยวกับอำนาจและชื่อเสียง หรือเพียงแค่ได้รับความสงบสุขมาเธอก็ไม่มีความปรารถนาอะไรแล้ว

เธอไม่คิดว่าเย่เฟิงจะทำแบบนี้ มอบป้ายเจ้าสำนักเซียนเร้นลับกับเธอ ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าสำนักเซียนเร้นลับ

ปัจจุบัน ตอนนี้เธอมีวรยุทธ์เพียงแค่ 12 ปี แล้วจะมาเป็นเจ้าสำนักได้อย่างไรกัน?

หากเรื่องนี้กระจายออกไป ผู้คนจะพูดเอาได้ว่าสำนักเซียนเร้นลับกลายเป็นสำนักระดับสสามที่ตกต่ำหรอกหรือ? สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ พวกศิษย์ของสำนักเซียนเร้นลับทั้งหมดต่างเชื่อฟังคำสั่งอย่างไม่คาดคิด

“แกคือเจี้ยนอี้เซิงใช่ไหม?”

เย่เฟิงเอียงมองไปยังชายหนุ่มใหญ่ “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แกจะต้องเป็นผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักเซียนเร้นลับ คอยช่วยเหลือเจ้าสำนักจื่อเจี้ยนหลานจัดการกับหน้าที่ต่างๆ ตอนนี้ในนามของผู้อาวุโส เรียกตัวศิษย์ทั้งหมดของสำนักเซียนเร้นลับที่อยู่ข้างนอกกลับมาให้หมด!”

เมื่อเจี้ยนอี้เซิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็ประหลาดใจในความสุขในทันที

ผู้อาวุโสคุมกฎ!

ถึงไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่เมื่อเป็นผู้อาวุโสคุมกฎมันก็ดีเช่นกัน อย่างน้อยภายในสำนักเซียนเร้นลับก็อยู่ใต้อำนาจเพียงคนเดียว แต่การเป็นเจ้าสำนักของจื่อเจี้ยนหลาน เจี้ยนอี้เซิงรู้จักเธอดี เธอจะต้องไม่เต็มใจจัดการเรื่องต่างๆเป็นอันขาด พูดให้ถูกก็คืออำนาจที่แท้จริงของสำนักเซียนเร้นลับก็คือเขา!

สำหรับการเรียกตัวเหล่าศิษย์สำนักเซียนเร้นลับทั้งหมดที่อยู่ข้างนอกกลับมา มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร มีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสผู้คุ้มกฎ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะกระทำ

“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

เจี้ยนอี้เซิงตอบรับคำสั่งในทันที!

เขากำลังมีความสุข อย่างไรก็ตามพวกผู้นำรอบๆของฝ่ายอื่นก็อยู่ในความเศร้า เมื่อคิดว่าช่างโชคร้ายนัก ที่อำนาจของสำนักเซียนเร้นลับตกไปอยู่กับเจี้ยนอี้เซิง

เหล่าผู้นำฝ่ายอื่น ทุกคนต่างไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลามกับฉากผลสำเร็จที่น่ากลัวเช่นนี้

เมื่อจื่อเจี้ยนหลานแยกตัวออกไปด้านหลังของภูเขาตรงไปหาเย่เฟิง ใจของพวกเขาที่อึดอัดก็พลันโล่ง เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสำนักเซียนเร้นลับโฉมใหม่

“เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของฉีหลินจื่อ น่าจะรู้ว่าสถานที่เก็บสมบัติของสำนักเซียนเร้นลับอยู่ที่ไหนใช่ไหม?”

เย่เฟิงมองไปยังสีผิวของจื่อเจี้ยนหลานที่ค่อยๆมีสีเลือดขึ้นมาแล้วพลางพูดถาม

เขาจะต้องปฏิบัติตามคำขอของหลินชื่อฉิง จะต้องนำสมบัติกองใหญ่กลับไปให้เธอ แม้ว่าหน่วย NSA จะทำให้หลงหวางเอ๋อบาดเจ็บ แต่ถ้ามันไม่มีหน่วย NSA อยู่ล่ะก็สถานการณ์นี้มันอาจจะแย่ไปกว่านี้ก็ได้

“อืม อยู่ด้านหลังของภูเขา”

หลังจากที่จื่อเจี้ยนหลานกินยาถอนพิษผงทลายใจไปแล้ว คาดคิดว่าพิษในร่างกำลังถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว เพียงช่วงเวลาสั้นๆก็คงฟื้นฟูจากสภาพที่อ่อนแอนี้

เธอติดตามเย่เฟิงอย่างเชื่อฟังอยู่ด้านข้าง แก้มแดงเล็กน้อย หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย มันเป็นความรู้สึกแปลกที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน

เดินลัดไปในตำหนักที่เป็นซากโดยทะเลเพลิง สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาก็เป็นสะพานโซ่ที่แยกออกมาจากที่ว่างเปล่าไปยังอีกยอดภูเขา สะพานโซ่อยู่ภายใต้แสงจันทร์อันเลือนลางที่อยู่ในเมฆหมอก

“ไปยังด้านหลังของภูเขาผ่านทางสะพานโซ่เส้นนี้”

จื่อเจี้ยนหลานพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “สำหรับด้านหลังของภูเขาแล้วความจริงมันเป็นถ้ำบำเพ็ญของผู้ฝึกเซียน เป็นเขตหวงห้ามของสำนักพวกเรา มีเพียงเจ้าสำนักที่เข้าไปได้เท่านั้น ทุกคนไม่สามารถที่จะไปยังเขตด้านหลังของภูเขาได้”

“มันเป็นกฏที่ฉีหลินจื่อเป็นคนสร้างขึ้นมาใช่ไหม?”

เย่เฟิงยิ้ม

สถานที่บำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนเช่นนี้กลับไม่อนุญาตให้ศิษย์เข้าไป ในโลกเทวะสถานที่บำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนแห่งนี้ เหล่าเจ้าสำนักต่างเฝ้ารอคอยให้เหล่าศิษย์ที่เข้าไปฝึกฝนในสถานที่บำเพ็ญของผู้ฝึกเซียน เพื่อจะให้ความแข็งแกร่งของสำนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อืม คุณรู้ได้ไงกัน?”

จื่อเจี้ยนหลายรู้สึกประหลาดใจ

“เดาเอา”

เย่เฟิงพูดเบาๆ นอกจากนี้เพียงเพราะฉีหลินจื่อซึ่งได้ชิงบัลลังก์แล้วกลายเป็นเจ้าสำนัก แน่นอนว่าจะต้องตั้งกฎที่ดูยุ่งยากเช่นนี้ อาจเป็นเพราะในใจเขารู้สึกหวาดกลัว ยามเมื่อเหล่าศิษย์แข็งแกร่งขึ้น มันอาจจะถูกแย่งชิงบัลลังก์ตำแหน่งเจ้าสำนักของเขาอีกก็ได้

เย่เฟิงก็อุ้มจื่อเจี้ยนหลานลอยผ่านเมฆหมอกไป จากสะพานโซ่ไปยังยอดเขาด้านตรงข้าม ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์อยู่รอบๆ

มันเป็นถ้ำสมบัติบำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนจริงๆ!

เย่เฟิงมีท่าทางที่มีความสุข เนื่องจากความหนาแน่นของพลังวิญญาณในที่นี่ รวมถึงการบ่มเพาะในสถานที่บำเพ็ญของผู้ฝึกเซียน มันทำให้การบ่มเพาะรวดเร็วเพิ่มขึ้นถึง 30%

พูดให้ถูกก็คือ ฝึกฝนเพียงสิบปีก็สามารถเพิ่มกลายเป็นมีวรยุทธ์ถึงสิบสามปี

นี่เป็นความเร็วที่พิเศษอย่างยิ่ง

ภายในโลกเทวะ ถ้าศิษย์มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ก็จะสำเร็จการบ่มเพาะวรยุทธ์ห้าสิบปีได้อย่างง่ายๆ เนื่องจากสำนักจะจัดเตรียมวัสดุสมบัติสวรรค์เอาไว้ให้เพื่อส่งเสริมการบ่มเพาะให้เพิ่มขึ้น

แต่ที่เกินห้าสิบปีขึ้นไป การเพิ่มขึ้นจะกลับกลายเป็นช้าอย่างมาก

เหตุผลสำคัญที่ต้องโกหกก็คือวัสดุสมบัติสวรรค์ในธรรมชาติมันมีอยู่อย่างจำกัด บางประเภทสามารถเพียงดูดซับได้เพียงแค่ครั้งเดียว! หลังจากที่ผู้ฝึกดูดซับแต่ละชิ้นวัสดุสมบัติสวรรค์แล้วต้องการที่จะฝึกบ่มเพาะเพิ่มอีกครั้งมันก็เพียงหมดอายุการใช้งานแล้ว

เมื่อถึงเวลานั้น กระบวนการของสถานที่บำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนในโลกเทวะก็จะเริ่มปรากฏตัวขึ้น

หากเป็นร่างชีพจรหยกเทวะเหมือนหลงหวางเอ๋อแล้ว ความเร็วของการฝึกฝนมันเพิ่มขึ้นถึง 70% ตั้งแต่กำเนิดอยู่แล้ว ซึ่งถือว่ามากเป็นพิเศษ แต่ถ้ามาฝึกฝนภายในถ้ำสมบัติบำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนแล้วล่ะก็ ความเร็วของการฝึกฝนก็จะเพิ่มขึ้นไปเป็นสองเท่า

เพราะเหตุนี้มันถึงมีวิถีจิต*อยู่ในตัวผู้ฝึกเซียน กระทั่งวิถีจิตผู้ฝึกเซียนจะระดับสูงของสำนักที่มีอำนาจ ภายในโลกเทวะแน่นอนคือเจ้ายุทธจักร แม้แต่ซูเฟยหยิ่งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือ

[คั่นหนังสือ : 心法/ซินฟา = เป็นการฝึกจิตใจ เป็น พลังภายใน ไม่ใช่ กำลังภายใน ขอใช้เป็น ‘วิถีจิต’ แทนนะครับ]

“สมบัติสำนักเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?”

เย่เฟิงรู้สึกได้ว่ารอบๆนี้พลังวิญญาณมันหนาแน่นอย่างมาก กังวลเล็กน้อยที่จะต้องจากไป เนื่องจากที่หลงหวางเอ๋อรอคอยเขาเพื่อนำยาถอนพิษกลับไปยังเหยียนจิง

รวมถึงถ้ำสมบัติบำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนในส่วนนี้ เย่เฟิงไม่มีเวลาในตอนนี้ที่จะเก็บตัวฝึกได้

“ตามฉันมา”

จื่อเจี้ยนหลานหน้าแดงตอนที่จับมือของเย่เฟิง ขณะที่พาเขาเดินลึกเข้าไปภายในภูเขา

บางทีอาจจะรู้ว่าเย่เฟิงจะต้องจากไปเร็วๆนี้ สิ่งล้ำค่าของจื่อเจี้ยนหลานในตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ได้อยู่กับเย่เฟิง นี่มันเป็นครั้งแรกที่เธอจับมือกับผู้ชายด้วย ความรู้สึกมันช่างยิ่งใหญ่มาก สำหรับมนุษย์ที่ต้องการความรู้สึกปลอดภัย

เย่เฟิงสัมผัสได้ถึงมือที่นุ่มนวลราวกับไร้กระดูกมิได้ปล่อยมือไป พลางเข้าไปภายในถ้ำด้านหลังภูเขาอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณในส่วนลึกยิ่งหนาแน่นขึ้นก็ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกสดชื่น

ฉีหลินจื่อเก็บตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นเวลาห้าปี

เข้ามาถึงเขตหลักของถ้ำสมบัติบำเพ็ญของผู้ฝึกเซียนแล้ว ซึ่งมันมีเส้นทางถ้ำเชื่อมต่อไปอีกแต่จื่อเจี้ยนหลานก็คุ้นเคยและนำพาเย่เฟิงผ่านเข้าไปในถ้ำอย่างง่ายดาย และไม่นานก็มาถึงตราผนึกของตำหนักศิลาอย่างรวดเร็ว

“เปิดประตูอย่างไร?”

เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณ สำรวจไปยังภายในตำหนักศิลานี้ว่าได้ซ่อนกองสมบัติเอาไว้ ประตูศิลาหนาหนึ่งเมตรอย่างเหลือเชื่อ ถ้าจื่อเจี้ยนหลานไม่รู้วิธีที่จะเปิดประตู เย่เฟิงคงจะต้องใช้กระบี่ทำลายมันแล้ว

“เปิดด้วยแผ่นป้ายของเจ้าสำนัก”

จื่อเจี้ยนหลานปล่อยมือของเย่เฟิง หยิบเอาป้ายเจ้าสำนักออกมา และผลักดันเขาไปในรอยแยกหน้าผา มันก็เกิดการหมุนวน ประตูศิลาที่หนาหนึ่งเมตรก็ค่อยๆเคลื่อนไปยังด้านข้าง

สำหรับจื่อเจี้ยนหลานในตอนนี้ มิได้สนใจอะไรในสำนักเซียนเร้นลับทั้งสิ้น ทรัพย์สินเหล่านี้มันไม่มีประโยชน์ในความคิดของเธอ ถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อเย่เฟิง ก็มอบให้เขาไปทั้งหมดก็ไม่คิดอะไรมาก

อย่างไรก็ตามทั่วทั้งตำหนักศิลานี้มันมีสมบัติมากมาย มันจะมากเท่าไหร่กันที่เย่เฟิงเพียงคนเดียวจะเอาไปได้?

เธอไม่รู้เลยว่าเย่เฟิงมีสมบัติที่เรียกว่า “แหวนมิติ” อยู่ ไม่ว่าสมบัติล้ำค่าหรือหายาก มีเท่าไหร่เขาก็เอาไปได้หมด!

………………………

แปลโดย คั่นหนังสือ

@Solar Spark สรุปเดี๋ยวลงให้ทั้งสามเว็บเหมือนเดิมนะครับผม