บทที่ 258 ยิงเฉ่าและหลานเย่

เมื่อชายรูปหล่อเห็นเย่เฟิงโอบร่างของสาวสวยชุดม่วงไว้ ความอดทนจึงขาดพึงลงในทันที! เขาก้าวเท้ายาวๆเข้ามาหาเย่เฟิงด้วยความเดือดดาล “บ้านเมืองมีกฏหมาย รีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“จะเป็นใครก็ช่างหัวแกสิ นี่ไม่ใช่เรื่องของแก!”

เย่เฟิงเค้นเสียง แล้วผลักชายรูปหล่อถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบล้ม

ร่างของชายรูปหล่อกลับอ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ เขาเพียงพลักเบาๆก็ทำให้อีกฝ่ายล้มหัวคะมำได้แล้ว ดูท่าชายคนนี้คงออกกำลังกายแค่เวลาอยู่บนเตียงเท่านั้นละมั้ง

เย่เฟิงเบื่อจะรับบทเป็นผู้ร้ายแล้ว จึงใช้มีดบินที่เอวหญิงสาว จี้บังคับให้เธอพาเขาไปยังเขตซางซาน ด้วยความเร็วที่มี ชายหนุ่มมั่นใจว่าไม่มีใครไล่ตามเขาทันแน่นอน

“คุณเป็นคนของยิงเฉ่างั้นรึ?”

ยิ่งมุ่งหน้าต่อไป สาวสวยในชุดสีม่วงก็ยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ สุดท้ายเธอจึงเอ่ยปากถามเสียงเบา น้ำเสียงของเธอชวนให้ผู้คนเกิดความรู้สึกสงสารจับใจ

“ผมไม่รู้ว่าใครคือยิงเฉ่า”

เย่เฟิงเค้นเสียงเบา “ผมคิดว่าคุณเลิกถามอะไรไร้สาระและบอกข้อมูลเกี่ยวกับสำนักเซียนเร้นลับมาดีกว่า ถ้าทำให้ผมพอใจล่ะก็ ผมอาจจะปล่อยคุณไปก็ได้”

หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจและตื่นกลัว เธอคิดในใจว่าคนๆนี้ต้องการรู้ข้อมูลของสำนักเซียนเร้นลับไปทำไมกัน?

“คุณเป็นใครกันแน่?”

หญิงสาวเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง

“ก็บอกว่าอย่าถามมากไง!”

เย่เฟิงตะคอกใส่ ขณะพาร่างของหญิงสาวกระโดดข้ามไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนออกจากพื้นที่ที่ชุกชุมไปด้วยผู้คน

เขตซางซานนั้นไม่ได้ไกลจากเขตหลิงไห่ แม้จะต้องแบกคนไปด้วย เย่เฟิงก็สามารถไปถึงที่นั่นได้อย่างรวดเร็ว ตราบใดที่มีหญิงสาวจากสำนักเซียนเร้นลับคนนี้อยู่ ต่อให้ต้องเจออันตรายใดๆ เขาก็สามารถหาวิธีจัดการได้ไม่ยาก

ไม่นาน ทั้งคู่ก็ผ่านไปเข้าไปในหุบเขาที่เข้าถึงยาก แสงจากพระจันทร์เสี้ยวสาดส่องผ่านปลายยอดไม้ลงมา ย้อมให้ป่าแห่งนี้อบอวลไปด้วยแสงจันทร์

ทันใดนั้น ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวข้าง เขาจึงรีบใช้มือป้องปากสาวสวยชุดม่วง และอุ้มเธอเข้าไปหลบซ่อนในพุ้มไม้ใกล้ จากนั้นจึงใช้ทักษะอำพรางกลบเกลื่อนร่องรอยไม่ให้ใครพบโดยง่าย

การเคลื่อนไหวนี้นำมาด้วยเสียงผู้คนหลายคนที่เคลื่อนที่มาอย่างเร่งรีบ มันเป็นเสียงของวิชาตัวเบา

“ศิษย์พี่ นางสารเลวนั่นมันไวจริงๆ บางทีเราอาจตามมันไม่ทันแล้วก็ได้”

น้ำเสียงดุร้ายของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา

“ไม่เป็นไร มันหนีไม่พ้นหรอก”

น้ำเสียงเยียบเย็นของชายหนุ่มดังตามมา “ฉันได้ข่าวมาว่าเจ้าหนุ่มจากวังไท่จี๋คนนั้นไม่ได้มาหามัน เมื่อโดนผงทลายใจเข้าไป มันจะหนีไปไหนพ้น?”

“สงสัยคงกลัวจนฉี่ราดไปแล้วมั้ง ต่อให้เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรุ่นเยาว์แล้วยังไง มันจะกล้าเป็นศัตรูกับสำนักเซียนเร้นลับของพวกเรางั้นรึ?”

เสียงหญิงสาวคนสุดท้ายนี้ฟังดูคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง ไม่คาดคิดว่าเมื่อแสงจันทร์ส่องลงมา หญิงสาวคนนั้นกลับกลายเป็นตู้เจวียน ผู้หญิงที่จูไป่เหนี่ยวหลงรักหัวปักหัวปำ “เจ้าหนุ่มวังไท่จี๋กลับต้องการผู้หญิงของท่านผู้นำเรา ฝังกลางวันเสียแล้ว”

“พูดจาพร่อยๆ”

เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาอย่างเย้ยยัน “ท่านผู้นำของเราไม่ต้องการนังสารเลวนั่นสักนิด ต่อให้มันไปถึงวังไท่จี๋ได้แล้วยังไง? วังไท่จี๋ก็ไม่มีทางรับมันเข้าร่วมอยู่ดี!”

คำพูดต่างๆนาๆที่ผ่านเข้าหูเย่เฟิงเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้ม ฟังดูแล้วเรื่องภายในช่างสลับซับซ้อนจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจใดๆ เพราะจุดประสงค์ที่มาที่นี่ก็เพื่อจัดการกับสำนักเซียนเร้นลับเท่านั้น

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังดักฟังอยู่นั้น ร่างของสาวสวยชุดม่วงก็พลันสั่นขึ้นมา

มีดบิดเล่มเล็กในมือเย่เฟิงจ่อไปที่คอหญิงสาวทันที พร้อมกับกระซิบเตือน “อย่าขยับ อย่าคิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณ มีคนเป็นพันแล้วที่ต้องตายในมือผม”

แน่นอนว่านี่เป็นการพูดเกินจริง แต่มันก็ทำให้หญิงสาวเกรงกลัวและไม่กล้าขยับเขยื้อน

ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงค้นพบว่าสาวสวยชุดม่วงคนนี้มีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 10 ปีเท่านั้น ซึ่งอ่อนแอมาก ส่วนกลุ่มที่ติดตามไล่ล่ามาทั้งสามคนนั้น นอกจากตู้เจวียนแล้ว ที่เหลือล้วนมีระดับวรยุทธ์เกือบ 20 ปี

ถึงอย่างนั้น แน่นอนว่ามันย่อมไม่คณนามือเย่เฟิง

ชายหนุ่มคลายมือออกมาจากร่างบางเงียบๆ จากนั้น ทักษะย่างก้าวไร้เงาก็พลันปะทุขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด!

ในยามที่ทั้งสามคนเคลื่อนที่ผ่านตำแหน่งที่ถูกปลายยอดเขาบดบังแสงจันทร์ ประกายแสงสลัวก็ส่องสว่างลงมายังร่างของพวกเขา เผยให้เห็นว่าแต่ละคนนั้นสวมชุดท่องราตรีสีดำของศิษย์สำนักเซียนเร้นลับ คนๆแรกเป็นหญิงสาวซึ่งก็คือตู้เจวียนคนรักของจูไป่เหนี่ยว ส่วนอีกสองคนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง รูปลักษณ์ของฝ่ายชายแลดูมืดครึ่ม อายุราวๆ 30 ปี ส่วนฝ่ายหญิงมีดวงตาเรียวเล็กดูดุร้าย อายุราวๆ 27-28 ปี

อาศัยความได้เปรียบจากแสงจันทร์ที่ส่องลงมา เย่เฟิงสามารถมองเห็นป้ายแผ่นไม้ที่สลักชื่อของพวกเขาไว้ ฝ่ายชายชื่อว่า‘หลานเย่’ ส่วนฝ่ายหญิงชื่อว่า‘ยิงเฉ่า’ ดูเหมือนคนกลุ่มนี้จะเป็นพวกที่สาวสวยชุดม่วงกล่าวไว้ก่อนหน้านี้

เวลานี้ ใบหน้าของสาวสวยชุดม่วงปรากฏร่องรอยของความกังวลออกมา ในหมู่ทั้งสามคนนั้น นอกจากตู้เจวียนแล้ว อีกสองคนล้วนเป็นพวกโหดเหี้ยมที่สังหารผู้คนโดยไม่กระพริบตา แล้วชายชุดดำคนนั้นจะไม่เป็นอันตรายงั้นหรอ?

ถึงแม้จะไม่รู้สถานะของเย่เฟิง แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ ด้วยที่ไม่เหลือความสามารถในการคุ้มครองตัวเองแล้ว ความหวังเดียวของเธอจึงมีแค่เย่เฟิงเท่านั้น

“นั่นใคร!”

ชายที่ชื่อหลานเย่ส่งเสียง เมื่อได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บตรงพุ้มไม้ เขาปามีดบินสองเล่มไปยังตำแหน่งที่เย่เฟิงอยู่ น่าเสียดายที่มันไม่เข้าเป้า

“คนที่จะมาเอาชีวิตแกไงล่ะ!”

เย่เฟิงคำรามพร้อมกับใช้ทักษะกรงเล็กมังกรขั้นสามทันที

เสียงคำรามของมังกรดังกึกก้องไปทั่วป่า กรงเล็บมังกรสีทองทั้งสองข้างพุ่งออกไปคว้าตัวศิษย์สำนักเซียนเร้นลับสองคนที่มีวรยุทธ์เกือบ 20 ปี แล้วจับทุ่มลงพื้นอย่างแรง

ตู้ม! ตู้ม!

ชายหญิงทั้งสองถูกจับทุ่มลงพื้นจนสติพร่ามัว สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปในทันที

ส่วนตู้เจวียนนั้นเกรงกลัวในท่าทีคุกคามของเย่เฟิงจึงทิ้งศิษย์ร่วมสำนักทั้งสองแล้วรีบวิ่งหนี แม้เท้าจะเกี่ยวเอารากไม้จนล้มลง แต่ก็พยายามคลานหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย

“คิดจะหนี?”

เย่เฟิงปล่อยกรงเล็บมังกรออกไปคว้าตัวตู้เจวียนที่มีวรยุทธ์ไม่ถึง 10 ปี จากนั้นก็โยนกลับไปหาชายหญิงทั้งสองคนนั้น

ในตอนนี้ เย่เฟิงจัดการทั้งสามคนจนหมดสภาพไปแล้ว!

นี่ทำให้สาวสวยชุดม่วงที่อยู่ใกล้ๆต้องประหลาดใจ เธอคิดว่าชายชุดดำคนนี้มีความแค้นกับสำนักเซียนเร้นลับงั้นหรือ? ที่สำคัญ เขายังแข็งแกร่งมาก ถึงขนาดที่จัดการกับยิงเฉ่าและหลานเย่ได้ในชั่วพริบตา

สำนักเซียนเร้นลับคงต้องเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่เข้าแล้ว เพราะไม่ใช่เย่เฟิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ต้องการจะจัดการกับสำนักนี้

ในขณะที่เย่เฟิงกำลังจะเค้นข้อมูลจากทั้งสามคนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน ในตอนนี้เขายังเปิดไว้อยู่ และตั้งใจจะปิดมันตอนที่เข้าไปในสำนักเซียนเร้นลับ

ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา และพบว่าเป็นสายจากซูเหมิงหาน ทันทีที่กดรับ น้ำเสียงร้อนรนของซูเหมิงหานก็ดังมาจากปลายสาย “แย่แล้วเย่เฟิง พวกสำนักเซียนเร้นลับพยายามลอบโจมตีพวกเรา หวางเอ๋อได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องฉัน”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หลงหวางเอ๋อได้รับบาดเจ็บ?

เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมีทั้งหน่วย NSA เย่เวิ่นเทียน รวมทั้งเครื่องรางคุ้มกันกำไลหยกที่เขาทิ้งไว้ แล้วเจ้าพวกนั้นสามารถลอบโจมตีจนหลงหวางเอ๋อได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?

………………….

แปลโดย Solar Spark