บทที่ 252 ความกลมกลึงอันนุ่มละมุน

หลินชื่อฉิงหยอกเย้าปลายเรือนผมตัวเองอย่างเคยชิน ดวงตากลมโตจ้องมองเย่เฟิงอย่างคาดหวัง

“รักษาความปลอดภัย?”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ

“ใช่แล้ว”

หลินชื่อฉิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “งานจัดแสดงเครื่องเพชรพลอยครั้งนี้มีสเกลที่ใหญ่มาก โดยมีตระกูลหลินของพวกเราเป็นผู้จัด ตามที่พี่ได้ยินมา งานครั้งนี้มีโอกาสสูงมากที่จะมีคนมาสร้างความวุ่นวาย พี่แค่อยากมั่นใจได้ว่างานจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น สบายใจได้ พี่ไม่ให้เราทำเปล่าหรอก”

“พี่หลินคิดว่าผมจะไหวหรอ?”

เย่เฟิงยิ้มถาม

“ไหวสิ น้องเย่เก่งจะตายไป”

หลินชื่อฉิงยิ้มตอบกลับไป

“ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอก ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขึ้น ผมก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะเอาอยู่”

เย่เฟิงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับปัญหาต่างๆมากเกินไป ใครจะรู้ว่าเขาจะไปเจอกับอะไรที่งานนั้นบ้าง? เกิดไปเจอคู่อริเก่าเข้าล่ะก็ คงสนุกน่าดู

“จริงหรอ?”

ดวงตาคู่งามของหลินชื่อฉิงฉายแววนึกสนุก “ไข่มุกเรืองแสงในตำนานของเราก็ถูกประมูลในงานนั้นด้วยนะ ไม่กลัวว่ามันจะถูกขโมยไปหรอ?”

“อะไรนะ?”

เย่เฟิงตื่นตกใจ ไข่มุกเรืองแสงนั่นเขามอบให้อู๋บีเพื่อฝากขายที่ร้าน แล้วมันไปปรากฏในงานจัดแสดงเครื่องเพชรของตระกูลหลินได้อย่างไร?

“เรื่องนี้โทษพวกเขาไม้ได้นะ”

ท่าทางของหลินชื่อฉิงเต็มไปด้วยความร่าเริง “ก็เราบอกเองนี่นา ว่าให้ขายในราคาสูงสุด การประมูลในงานครั้งนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เอาไงดีล่ะ จะเปลี่ยนใจไหม?”

หญิงสาวราวกับเดาความคิดเย่เฟิงไว้หมดแล้ว ด้วยความสามารถของชายหนุ่มที่ได้เห็นตอนอยู่ที่ทะเลจีนตะวันออก งานจัดแสดงครั้งนี้จะดำเนินไปด้วยความราบรื่น

“ผมขอคิดดูก่อนละกัน”

เย่เฟิงเริ่มลังเล “ตามข่าวที่ได้ยินมา กลุ่มคนไหนที่จะก่อความวุ่นวายในงาน?”

เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว ถ้าไข่มุกนั่นถูกขโมยไป แล้วต้องมาไล่ตามหาคนขโมยที่หลังคงเป็นเรื่องที่เหนื่อยน่าดู

“ถ้าพี่เดาไม่ผิด คงจะเป็นคนของเผ่ยเขิงกรุ๊ป”

หลินชื่อฉิงแบะปาก จากนั้นจึงวางมือบนไหล่เย่เฟิง “มาเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก ถ้าห่วงเรื่องหน่วย NSA ล่ะก็ พี่จัดการให้เอง”

พี่สาวคนสวยออดอ้อนจนเย่เฟิงไขว้เขว ในเวลานี้ ชูชูก็เดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมถ้วยชาพอดี ได้ยินหลินชื่อฉิงพูดคำว่า “มาเถอะ” ใบหน้าของชูชูก็เผยร่องรอยของความสงสัย ทั้งสองคนพูดคุยอะไรกัน ทำไมถึงฟังดูคลุมเครือแบบนี้?

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่คนที่ชอบเขาไปสอดเรื่องของคนอื่น หลังจากนำน้ำชามาให้แล้ว เธอก็กล่าวกับเย่เฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง เดี๋ยวน้าขอขึ้นไปชั้นบนหน่อยนะ มีเรื่องอะไรก็คุยกันตามสบายนะจ๊ะ~”

“ครับ คุณน้าไม่ต้องขออนุญาติผมหรอก ทำตัวตามสบายเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลย”

เย่เฟิงยิ้ม เขาหยิบชาขึ้นมาดื่มขณะขบคิด จากนั้นจึงหันไปหาหลินชื่อฉิงพร้อมกับกระแอมสองที “ถ้าเป็นพวกเผ่ยเขิงกรุ๊ป งั้นเรียกใช้งานหน่วย NSA ไม่ดีกว่าหรอครับ?”

“เราคิดว่าให้หน่วย NSA มารักษาความปลอดภัยในงานจะเป็นเรื่องเหมาะสมหรอ?”

หลินชื่อฉิงประหลาดใจเล็กน้อย เด็กคนนี้หัวแข็งจริงๆ

“ไม่เหมาะสมยังไงล่ะครับ แล้วพี่หลินคิดว่าผมจะเหมาะสมหรอ?”

เย่เฟิงสงสัย

“เหมาะสมสิ พี่จะสบายใจมากถ้ามีเราอยู่ในงานนั้นด้วย”

หลินชื่อฉิงยื่นมือออกมากุมมือเย่เฟิงไว้แล้วมองอย่างคาดหวัง “มาเถอะน้องเย่ ถ้างานนี้ราบรื่นไปด้วยดี ตระกูลหลินจะจ่ายให้เรา 3 ล้านเลย”

เย่เฟิงสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนจากมือขาวเนียนของหญิงสาว รวมทั้งกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อน ท่าทางรบเร้าแบบนี้ ยากที่ชายคนใดจะกล้าปฏิเสธ!

โชคดีที่เย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา เงินสามล้านไม่ได้ถือว่าเยอะมากสำหรับเขา ชายหนุ่มยังต้องคิดถึงปัญหาที่ตามมาที่หลังให้ดี
หลินชื่อฉิงขอให้เขาทำหน้าที่คุ้มกันในงานจัดแสดงเครื่องเพชรพลอย โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าคนของเผ่ยเขิงกรุ๊ปจะเข้ามาสร้างความวุ่นวายในงาน หากเขารับหน้าที่นี้ ย่อมเป็นที่ดึงดูดความสนใจของพวกเผ่ยเขิงกรุ๊ปแน่นอน

ในตอนนี้ เผ่ยเขิงกรุ๊ปก็มีความขัดแย้งกับตระกูลหลินอยู่แล้ว ซึ่งเย่เฟิงไม่ต้องการให้ความขัดแย้งนั้นลามมาถึงตัวเขาด้วย แต่ประเทศจีนในปัจจุบันนี้ แม้จะเป็นเผ่ยเขิงกรุ๊ปเองก็ไม่กล้าเข้ามาสร้างความวุ่นวายมากนัก หากเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ แลกกับการให้เงินถึง 3 ล้านก็ถือเป็นเรื่องคุ้มค่า

นอกจากนั้นด้วยท่าทีรบเร้าของหลินชื่อฉิง เขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างไรดี

เย่เฟิงก้มหน้าลงขณะครุ่นคิด สายตาก็บังเอิญมองผ่านเสื้อเสื้อเบลาส์สีชมพูไปเห็นเนินอกขาวเนียนที่มองเห็นรองลึกได้อย่างชัดเจน นี่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มต้องเต้นถี่ขึ้น พลังทำลายของมันไม่น้อยเลยจริง

ร้ายกาจยิ่งนัก!

ไม่ว่าชายคนไหน หากต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ก็ยากที่จะคงความสงบเอาไว้ได้ นับประสาอะไรกับเย่เฟิงที่อยู่ในวัยกำหนัดแบบนี้

“ช่วยพี่สาวคนนี้หน่อยน้า~”

หลินชื่อฉิงยิ้มหวานพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“ผม….”

เย่เฟิงกล่าวได้เพียงคำเดียว ทันใดนั้น เขาก็พลันโถมตัวเข้าไปกดร่างของหญิงสาวลงบนโซฟา จนร่างของทั้งคู่แนบชิดติดกัน

“อ๊า!”

หลินชื่อฉิงร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าจู่ๆอีกฝ่ายจะกล้าทำอะไรแบบนี้

นี่มันมากเกินไปไหม?

หลินชื่อฉิงเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา ชื่อเสียงของเธอย่อยยับหมดแล้ว ตั้งแต่เกิดมา หญิงสาวแทบจะไม่เคยถูกชายใดแตะเนื้อต้องตัวนอกจากพ่อตัวเอง แต่เย่เฟิงกลับทำแบบนี้กับเธอถึงสองครั้ง!

แต่ไม่นาน หลินชื่อฉิงก็พบว่าเธอเข้าใจเย่เฟิงผิดไป

ฉึก! ฉึก! ฉึก!

เสียงของวัตถุมีคมดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าด้านหลังโซฟากระจายออกเป็นชิ้นๆ ถ้วยชาและถาดผลไม้แตกกระจายจากอาวุธลับ เสียงแก้วแตกดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง

“มีคนลอบจู่โจมพวกเรา”

เย่เฟิงที่กดร่างของหลินชื่อฉิงไว้บนโซฟา กลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิด จึงรีบกระซิบบอกข้างหู

“พี่รู้แล้ว”

หลินชื่อฉิงไม่กล้าขยับตัว เธอมองเห็นโซฟาและสิ่งของบนโต๊ะกระจายเต็มไปหมด มีดบินเหล่านั้นล้วนถูกปาเข้ามาจากทางหน้าต่าง

เย่เฟิงสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โซฟาตัวนี้ก็รองรับร่างของพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่อย่างนั้นร่างของทั้งคู่คงถูกมีดปักจนพรุนไปทั้งตัวแล้ว

ชายหนุ่มรีบกระจายทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่พบบุคคลน่าสงสัยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าคนที่ลอบโจมตีจะอยู่ห่างออกไปเกินกว่า 150 เมตร

หลังจากการจู่โจมระลอกนี้ผ่านไปแล้ว เย่เฟิงจึงค่อยมีเวลามาสนใจสภาพโดยรอบ แต่ทันใดนั้น เขาก็พลันรู้สึกแปลกๆที่มือข้างขวา มันสัมผัสได้ถึงความกลมกลึงและนุ่มละมุนอย่างน่าประหลาด

เย่เฟิงบีบเค้นมือข้างนั้นด้วยความสงสัย แต่เขาก็พบว่าใบหน้าของหลินชื่อฉิงที่อยู่ใต้ร่างมีสีแดงก่ำ หญิงสาวรู้สึกสะท้านไปทั่วร่าง พร้อมด้วยความโกรธ

“ทำอะไรน่ะ คนเลว!”

หลินชื่อฉิงรู้สึกอับอาย แต่ก็กลัวว่าจะถูกลอบโจมตีเข้ามาอีกครั้งจึงไม่กล้าขยับตัว หญิงสาวไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงจะใช้โอกาสนี้เอาเปรียบเธอ!

………………..

แปลโดย Solar Spark

นี่มันสกิลล้มเทพในตำนาน!