บทที่ 251 หลินชื่อฉิงเยี่ยมเยือน

หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เย่เฟิงก็ลงบันไดมา วันนี้เขาสวมเสื้อเชิตสีดำดูค่อนข้างทะมัดทะแมง

“หวางเอ๋อ เรียกใครเป็นสัตว์ป่าหรอ?”

ชายหนุ่มยิ้ม

“ชิ ใครกันล่ะถ้าไม่ใช่นาย”

หลงหวางเอ๋อกล่าวอย่างโมโห

“งั้นหรอ”

เย่เฟิงก้าวลงบันได จากนั้นจึงเข้าไปกอดหญิงสาวพร้อมกับกระซิบข้างหู “แล้วเธออยากทำแบบนั้นบ้างมั้ย?”

“ทำไปคนเดียวเถอะย่ะ”

หลงหวางเอ๋อหน้าขึ้นสีทันทีกับความไร้ยางอายของเย่เฟิง แต่ถึงอย่างนั้น หากเขาทำอะไรเธอจริง เธอก็คง…..ไม่ขัดขืนละมั้ง?

หนานฟางมองทั้งสองคนหยอดคำหวานกันอยู่ก็รู้สึกเศร้าใจ เฮ้อ ทำไมเขาถึงไม่มีแบบนี้บ้างนะ

“เหมิงหานล่ะ?”

หลงหวางเอ๋อที่หดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิงเอ่ยถาม

“เธอหลับไปแล้ว”

เย่เฟิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“นายมันสัตว์ป่า ทำให้เธอเหนื่อยเกินไปแล้ว”

หลงหวางเอ๋อหยิกเข้าที่เอวของชายหนุ่ม

“อย่าหงุดหงิดเลย เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำให้เธอบ้าง”

เย่เฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย

“นายจะไหวหรอ? สงสัยต้องเคี่ยวซุปบำรุงให้แล้วล่ะมั้ง”

หลงหวางเอ๋อนั้นไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสา พอได้ทีจึงพูดจาหยอกล้อกับอีกฝ่ายบ้าง

“เยี่ยมไปเลย”

เย่เฟิงชอบท่าทีเอาอกเอาใจของหญิงสาวคนนี้จริงๆ

เมื่ออาหารเช้าเรียบร้อยดีแล้ว ชูชูจึงตั้งใจจะเดินไปปลุกซูเหมิงหานที่หลับอยู่ ในความเห็นของเธอ การไม่ได้ทานข้าวเช้าอาจทำให้เป็นโรคกระเพาะได้

ส่วนหนานฟางก็บอกลาทุกคน เพราะเขาต้องกลับไปรับการสอนจากเย่เวิ่นเทียนอีก

“จริงสิ คุณน้ามีฝีมือในการรักษาใช้ไหม?”

เย่เฟิงมองไปยังชูชูที่กำลังก้าวขึ้นบันไดไป จากนั้นก็เอ่ยถามหลงหวางเอ๋อที่อยู่ในอ้อมอกเขา

“อื้ม เธอเก่งมาก”

หลงหวางเอ๋อตอบ “แต่ตอนนี้พวกเรามีทักษะแสงศักดิ์สิทธิ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งการรักษาแบบนั้นแล้วไม่ใช่หรอ?”

“ไม่หรอก”

เย่เฟิงส่ายหน้า “ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงทักษะการรักษาเบื้องต้นเท่านั้น ใช้ได้แค่รักษาบาดแผลทั่วไป หากเป็นอาการบาดเจ็บสาหัสอย่างเช่นแขนขาหัก หรือได้รับพิษอย่างอาจารย์ ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีผลกับพวกนี้เลย”

“นายหมายความว่า ยังมีทักษะเซียนประเภทรักษาแบบอื่นอยู่อีกงั้นหรอ?”

หลงหวางเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ แสงศักดิ์สิทธิ์นั้นถือว่าเป็นทักษะที่มหัศจรรย์มากในความเห็นของเธอ ไม่คิดเลยว่ามันจะยังมีทักษะรักษาที่สูงกว่านี้อยู่อีก

“ใช่แล้ว”

เย่เฟิงพยักหน้า “ทักษะเซียนประเภทรักษามีอยู่อีกมากมาย และต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านนี้เท่านั้นถึงจะฝึกฝนได้อย่างราบรื่น อย่างน้อยฉันและอาจารย์ก็ไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านนี้ล่ะนะ”

“นายอยากให้น้าฉันฝึกทักษะเซียนพวกนี้หรอ?”

หลงหวางเอ๋อคาดเดาความคิดของเย่เฟิงได้ทันที

“อืม ติดแค่เรื่องของผู้ฝึกเซียนนี่แหละ”

เย่เฟิงค่อนข้างลังเล การจะให้ชูชูกลายเป็นผู้ฝึกเซียน นั้นก็หมายความว่าต้องให้เธอรับรู้ถึงการคงอยู่ของเรื่องเหล่านี้ด้วย ในตอนนี้นอกจากตัวเขาและอาจารย์แล้ว ก็มีเพียงหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานเท่านั้นที่รับรู้

ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ความลับก็ยิ่งรั่วไหลได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

นี่ไม่ได้หมายความว่าชายหนุ่มไม่เชื่อใจชูชู แต่เขากลัวว่าหากเธอถูกกระบวนการเช่นการสะกดจิต หรือแม้แต่ในสถานการณ์ที่มึนเมาไม่ได้สติ คนเราก็อาจพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาได้

“งั้นก็ดีเลย”

หลงหวางเอ๋อมองเห็นอาการลังเลของเย่เฟิงก็ยิ้มอย่างเข้าใจ “นายยังเชื่อใจฉันเลยนี่นา ถ้าวันไหนนายทำให้ฉันคนนี้ไม่พอใจละก็ ฉันจะแฉความลับทั้งหมดของนายเลยคอยดู”

“เธอกล้าหรอ? เดี๋ยวฉันจะกินเธอไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกเลย”

เย่เฟิงหัวเราะ เขายื่นมือไปหยิกแก้มหญิงสาว จากนั้นจึงเลื่อนลงมาลูบไล้บริเวณหน้าอกอย่างซุกซน

“อ๊า จะทำอะไรน่ะ? สัตว์ป่า!”

หลงหวางเอ๋อแกะมือมารแล้วกระโดดออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม “ฉันไปหาเหมิงหานดีกว่า” พูดจบหญิงสาวก็วิ่งขึ้นบันไดไปทันที

เย่เฟิงไม่ได้ไล่ตามไป เพียงมองร่างที่มีชีวิตชีวาของหญิงสาวก้าวขึ้นบันไดไป ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจแล้ว เขาก้มหน้าลงมองแหวนทั้งสองวงที่สวมอยู่บนนิ้วข้างขวา

แหวนกระบี่มังกรโบราณสีเท่าเข้ม

แหวนมิติสีเงินที่เงางาม

แหวนทั้งสองวงนี้สำคัญต่อเขามาก แหวนมิติเป็นเหมือนตัวแทนของซูเฟยหยิ่ง ส่วนแหวนกระบี่มังกรโบราณเป็นเหมือนพลังอำนาจของเขา หากวันใดวันหนึ่งต้องกลับไปยังโลกเทวะ ก็มีแต่ต้องพึ่งแหวนกระบี่มังกรโบราณวงนี้เท่านั้น

“เจ้าน้ำแข็งพันปีชิ้นนี้นี่น้า เมื่อไหร่มันจะฟื้นฟูตัวเองเสร็จซักที?”

เมื่อเย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณเข้าไปสำรวจในแหวนมิติก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูจากสถานการณ์แล้วคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองเดือนแน่ๆ

เมื่อถึงเวลานั้น เย่เฟิงจะทำให้น้ำแข็งพันปีชิ้นนี้ยอมรับเขาให้ได้

“เย่เฟิง เย่เฟิงอยู่ไหม?”

ทันใดนั้น เสียงหวานใสของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นที่นอกประตูบ้าน

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ นี่เสียงของหลินชื่อฉิงไม่ใช่หรอ? เธอมาทำอะไรตั้งแต่เช้าแบบนี้?

เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู ก็มองเห็นสาวสวยอันดับหนึ่งของเมืองนี้ยืนอยู่หน้าประตู เสื้อเบลาส์แขนสั้นสีชมพู พร้อมด้วยกระโปรงผ้ากำมะหยี่สีดำสั้น เผยให้เห็นเรียวขายาวที่สวมไว้ด้วยถุงน่องสีเนื้อ ความเพอร์เฟคนี้ แค่คำว่าเซ็กซี่ยังนับว่าน้อยเกินไป

ห่างออกไปไม่ไกลมีรถเมอซิเดสเบนซ์ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ที่ตำแหน่งคนขับมีชายวัยกลางคนสวมแว่นดำสายตาจับจ้องมายังหลินชื่อฉิงไม่วางตา

“เข้ามาก่อนสิพี่หลิน”

เย่เฟิงสัมผัสได้ว่าสายตาของชายคนนั้น ไม่ต้องการให้หลินชื่อฉิงเข้าไปในบ้าน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรกับหญิงสาว แต่สาวสวยอันดับหนึ่งอย่างพี่สาวคนนี้ จะปล่อยให้ชายคนนั้นจ้องมองต่อไปแบบนี้ได้อย่างไร?

“อื้ม พี่มารบกวนเรารึเปล่า?”

หลินชื่อฉิงผ่านประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็รีบปิดประตูทันที ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะรู้สึกเหนื่อยกับการถูกชายวัยกลางคนในรถคันนั้นตามรังควาน

“ไม่หรอกครับ”

เย่เฟิงส่ายหน้า จากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟา “นั่งก่อนสิครับ”

หลินชื่อฉิงพยักหน้าและนั่งลงบนโซฟาข้างเย่เฟิง ดวงตาคู่งามเปล่งประกายไปด้วยความดีใจ “พี่เป็นตัวแทนมากล่าวขอบคุณแทนเสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉี ถ้าไม่ได้เราช่วยไว้ สองพี่น้องนั้นก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างตอนนี้ จริงๆพี่บอกให้ทั้งคู่มาด้วยตัวเองนะ แต่พวกเธอกลับรู้สึกอึดอัดใจที่จะมาซะอย่างนั้น”

“เสี่ยวเยวี่ยด้วยหรอครับ?”

เมื่อเย่เฟิงคิดไปถึงตอนที่อยู่ในโรงแรมของเขตเซี่ยงซาน ก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย ผู้หญิงที่ไม่ค่อยแคร์อะไรคนนั้นเนี่ยนะอึดอัดใจ?”

“ใช่ เธอยังไม่ตื่นเลยมั้งตอนนี้”

หลินชื่อฉิงกล่าวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“มีแขกมาหรอ?”

ชูชูที่เดินลงบันไดมา เมื่อเห็นหลินชื่อฉิงก็ส่งยิ้มให้ “คุณหนูหลินนี่เอง น้าจะเตรียมชาให้นะ”

การที่ต้องพักอาศัยอยู่โรงแรมเดียวกันกับหลินชื่อฉิงกว่าสองวัน ทำให้ชูชูรับรู้ถึงสถานะของหญิงสาวแล้ว

“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะคุณน้า”

หลินชื่อฉิงยิ้ม “หนูแวะมาคุยกับเย่เฟิงครู่เดียวเดี๋ยวก็ไปแล้ว ที่มหาลัยยังมีงานต้องทำอีกเยอะเลย”

แน่นอนว่าชูชูไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนี้ และยังคงเข้าไปเตรียมน้ำชาในห้องครัว

“มาหาผมมีเรื่องอะไรหรอครับ?”

เย่เฟิงถามเข้าประเด็นทันที

“วันมะรืนจะนี้จะมีงานจัดแสดงเครื่องเพชรพลอยในเมืองเหยียนจิง”

หลินชื่อฉิงยิ้มหวาน บอกความต้องการของเธอออกไป “พี่อยากให้เราไปช่วยรักษาความปลอดภัยที่งานหน่อยได้ไหม?”

………………..

แปลโดย Solar Spark