บทที่ 250 เย่เฟิงเป็นสัตว์ป่า!

ห้องนอนสีชมพูดแห่งนี้อบอวนไปด้วยกลิ่นอายของความเร้าร้อนและความโรแมนติก

ภายนอกระเบียง แสงจันทร์ส่องผ่านลอดม่านหน้าเข้ามาในห้องจนเหลือเพียงแสงสลัว

เตียงหลังหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางห้องนอน ตรงข้ามนั้นคือกระจกตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ สะท้อนร่างบนเตียงของคนสองคนที่ทำให้ใครได้เห็นก็ต้องรู้สึกคอแห้งผาก

ภายใต้ความปรารถนาของเย่เฟิง ซูเหมิงหานหอบหายใจอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า มือขาวเนียนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอชายหนุ่ม นิ้วเรียวงามจิกแน่นลงบนไหล่ของเขา เรียวขาที่ขาวดังหิมะพยายามควบคุมตัวเองต่อความเร้าร้อนของเย่เฟิงที่โหมกระหน่ำเข้ามา แต่เมื่อชายหนุ่มเร่งจังหวะ มันก็พลันยกขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วเท้าที่ชี้ตั้งตรง

เด็กสาวรู้สึกเกร็งไปทั่วร่าง จากนั้นจึงรู้สึกชาพร้อมกับร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง ความสุขสมแพร่กระจายไปทั่วทุกอณูความรู้สึก ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอแลดูน่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง

“รู้สึกดีไหม?”

เย่เฟิงจุมพิตลงบนแก้มของเด็กสาว แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มนวล

ซูเหมิงหานไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเกียจคร้าน เรือนผมที่แผ่กระจายบนเตียงนอนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาคู่งามดูหยาดเยิ้ม ริมฝีปากบางเผยอขึ้นจนทำให้ใครที่ได้เห็นต้องอดใจไม่ไหวที่จะอยากเข้าไปจูบสักครั้งหนึ่ง

และแน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่พลาด

การจูบอย่างดูดดื่มทำให้ซูเหมิงหานแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเร้าร้อนของเย่เฟิง เด็กสาวไม่สามารถต้านทานมันได้เลย

เมื่อซูเหมิงหานขยับขา เคลื่อนไปสัมผัสกับบางสิ่งที่แข็งของเย่เฟิงโดยบังเอิญ ก็รีบเคลื่อนไปอีกทางด้วยความตกใจ ตอนนี้รู้สึกชาไปทั่วร่าง เธอไม่สามารถตอบรับความปรารถนาของชายหนุ่มได้อีกต่อไปแล้ว

เย่เฟิงมองเด็กสาวที่เหนื่อยอ่อน จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ มือของเขาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าโค้ง แล้วใช้แขนโอบกอดเอวคอดกิ่วที่นุ่มราวกับไร้กระดูก ดึงร่างอันงดงามนี้มากอดไว้อย่างแนบชิด ซูเหมิงหานมุดหัวลงไปในอ้อมอกของชายหนุ่ม เย่เฟิงโอบกอดร่างอันละเอียดอ่อนนี้ไว้อย่างรักใคร่จนเด็กสาวค่อยๆผลอยหลับไป

…………….

เช้าวันถัดมา เสียงกรอบแกรบบนเตียงนอนปลุกเย่เฟิงให้ตื่นจากนิทรา

เขาค่อยๆลืมตาขึ้น มองเห็นซูเหมิงหานแต่งตัวอยู่ เด็กสาวกำลังหยิบบราลูกไม้สีชมพูขึ้นมาสวมใส่ เมื่อมองไปทั่วทั้งร่าง ผิวขาวเนียนดั่งหิมะนี้แลดูเย้ายวนใจอย่างเหลือแสน

“ตื่นเช้าจังเลย แบบนี้ต้องขออีกรอบแล้ว”

เย่เฟิงพลันเอ่ยขึ้นมา การได้เห็นภาพที่เย้ายวนใจตั้งแต่เช้าแบบนี้ ต่อให้เป็นเทพยดาองค์ไหนก็ไม่มีทางอดใจไหวแน่

“เอ๊ะ!”

ซูเหมิงหานตื่นตกใจขึ้นมาทันที เด็กสาวพยายามรีบลุกขึ้นจากเตียง ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่

“จะหนีหรอ?”

เย่เฟิงหัวเราะพร้อมกับยื่นแขนออกไปรวบเอวบางดั่งต้นหลิวเข้ามา

“อ๊า”

ซูเหมิงหานไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงจะบ้ากามขนาดนี้ เด็กสาวพยายามขัดขืนเพื่อให้หลุดจากมือมารของชายหนุ่ม

น่าเสียดายที่มือของเธอถูกเย่เฟิงกุมไว้อย่างหนาแน่นราวกับบ่วงเหล็ก รวมทั้งร่างอันบอบบางก็ไม่สามารถขัดขืนได้ ทำให้เพียงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจชอบ

“สัตว์ป่า!”

หลงหวางเอ๋อที่อยู่ห้องข้างๆก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำด้วยความโมโหและอับอาย ขณะคิดในใจว่าเย่เฟิงบ้ากามเกินไปแล้ว ถึงขนาดทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เช้า

สาวน้อยที่น่าสงสารคนนี้ต้องตกเป็นอาหารของเย่เฟิงอีกแล้ว

เจ้าคนบ้ากาม!!

หลงหวางเอ๋อนั้นลืมไปว่าตัวเธอเองต่างหากที่ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณไปสอดส่องคนอื่น ซึ่งนี่ถือเป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาทมากในโลกเทวะ

หญิงสาวลุกขึ้นจากตื่นด้วยความโมโห หลังจากที่แต่งตัว แปลงฟัน ล้างหน้าเสร็จแล้ว เย่เฟิงที่อยู่ห้องข้างๆก็ยังไม่เสร็จกิจกรรม เธอจึงได้แต่เดินลงไปชั้นล่างก่อน ส่วนชูชูนั้นตื่นเช้ากว่าใครเพื่อน และเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ส่วนหนานฟางเมื่อตื่นนอนแล้วก็ตรงมาที่บ้านหลังนี้ทันทีเพื่อทานข้าวเช้า ชูชูไม่รู้สึกแปลกใจกับคนตะกละแบบนี้นัก เพราะตอนที่อยู่ที่ทะเลจีนตะวันออก หนานฟางก็ทานอาหารไปมากมายราวกับชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้ทานข้าวอีกแล้ว

“น้าชูคนสวย ผมดูลายมือให้ไหม ผมดูแม่นมากๆเลยนะ เดี๋ยวจะบอกให้ว่าเนื้อคู่ของคุณน้าเป็นใคร”

หลังจากทานอาหารเสร็จ หนานฟางก็ไม่ได้กลับไปทันที เขาหัวเราะและเริ่มพูดจาหยอกล้อกับชูชู

“จริงหรอ?”

ชูชูเอ่ยถามย้ำด้วยความตื่นเต้น

ตั้งแต่ที่เธอแต่งเข้าตระกูลหลง หลังคืนวันแต่งงานไม่นาน สามีก็เสียชีวิต สถานะของเธอในตระกูลหลงก็ตกต่ำ ทำได้เพียงศึกษาทักษะการรักษาและสมุนไพรเพื่อให้พอทำประโยชน์แก่ตระกูลได้บ้าง

ชูชูไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้เจอเนื้อคู่ของตัวเอง ขอเพียงแค่ได้เห็นหลงหวางเอ๋อเติบโตอย่างมีความสุข เธอก็พอใจแล้ว

“แน่นอน”

หนานฟางกวักมือพร้อมกับส่งยิ้ม “เข้ามาใกล้ๆสิครับ”

ได้ยินดังนั้น ชูชูจึงยืนฝ่ามือออกมาให้หนานฟางดูจากระยะไกล

หนานฟางรู้สึกผิดหวังในทันที เขาอุตส่าห์ตั้งใจจะหาโอกาสเอาเปรียบหญิงสาวเสียหน่อยแท้ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังปั้นหน้ายิ้ม “อืม…โอ้มองเห็นแล้ว เนื้อคู่ของน้าชูนั่งอยู่ข้างหน้านี้เอง”

“พรูด”

ชูชูหลุดหัวเราะขึ้นมาทันที หนานฟางนี่ปากสุนัขเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าเนื้อคู่ของเธอก็คือชายหนุ่มเองหรอกหรอ?

“ตามหลักความน่าจะเป็นแล้ว ผมนี่แหละเนื้อคู่ของคุณน้า”

หนานฟางยังคงแหลต่อไป จนกระทั่งหลงหวางเอ๋อเดินลงมาชั้นล่าง

“กล้าพูดจาลามปามกับน้าฉันแบบนี้ อยากตายหรือไง?”

หลงหวางเอ๋อส่งตาเขียวปั้ดไปให้

เจ้าหมอนี่ ก่อนหน้านี้ก็เที่ยวปากสุนัขกับสาวสวยไปทั่ว นี่ยังจะมาลามปามกับน้าเธออีกหรอ? ถึงแม้ว่าน้าชูจะยังดูสาวสวย แต่ก็อายุเกิน 30 แล้วนะ

“ฉันไม่ได้โกหกนะ นี่พูดตรงตามตำราทุกประการ”

หนานฟางปั้นหน้าจริงจังและทำท่าจะอธิบาย แต่ชูชูก็โบกมือขัดจังหวะขึ้นมา

“เอาละๆ หวางเอ๋อ เสี่ยวเฟิงยังไม่ตื่นอีกหรอ?”

ชูชูเอ่ยถามขณะคิดในใจ หรือว่าเมื่อคืนจะหนักเกินไปจนตื่นสายเสียแล้ว?

“ไม่ต้องไปสนใจคนแบบนั้นหรอกค่ะ!”

หลงหวางเอ๋อมีท่าทีไม่พอใจ “เขามันสัตว์ป่า”

คำพูดนี้ทำให้ทั้งสองคนต้องมึนงง เย่เฟิงเป็นสัตว์ป่า?

แต่ไม่นานชูชูก็หลุดยิ้มขึ้นมา “เรานี่น้า ถึงเขาจะเป็นสัตว์ป่าก็ไม่แปลกตรงไหนเลย? มากินข้าวเช้าเถอะ”

“หนูยังไม่ค่อยหิว”

พูดกันตามตรงแล้ว หลงหวางเอ๋อไม่ได้ไม่พอใจกับพฤติกรรมสัตว์ป่าของเย่เฟิง เธอเพียงแค่รู้สึกหึงเท่านั้น

ในเวลาที่อยู่ด้วยกัน เย่เฟิงไม่เห็นพูดแบบนี้ตอนตื่นนอนบ้างเลย หรือว่าเสน่ห์ของเธอสู้ซูเหมิงหานไม่ได้กันนะ?

ถ้าแบบนี้ก็แย่แล้ว!

…………………..

แปลโดย Solar Spark