บทที่ 246 กองกำลังแรก

หลังจากที่จ้าวปากลับไป เย่เฟิงก็หันไปมองหลินชื่อฉิง

“บ๊ายบาย”

หลินชื่อฉิงรู้ว่าเขาจะไปแล้วจึงโบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม

เมื่อมองไปยังซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อ หลินชื่อฉิงก็มักจะรู้สึกแปลกๆในใจเสมอ เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดกับเย่เฟิงยังไง รู้เพียงว่าน้องชายคนนี้เหมาะสมที่จะคบเป็นสหายด้วย ส่วนเรื่องการหมั้นหมายนั้น หญิงสาวเลิกคิดเรื่องนี้ไปแล้ว ตอนนี้เย่เฟิงมีสาวสวยสองคนอยู่ข้างกาย หลินหงชวนปู่ของเธอคงไม่บังคับอะไรแล้ว แต่สิ่งสำคัญนั้นเหลือเพียงแค่

เย่เวิ่นเทียน

หลินชื่อฉิงมองไปยังเย่เวิ่นเทียนที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ข้างๆ ในใจก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย ชายชราคนนี้ดื้อด้านเกินไป และไม่รู้จะตื้อให้เธอไปหลานสะใภ้ไปอีกนานแค่ไหน

……………………

ณ ที่นั่งด้านหลังบนรถ BMW เย่เฟิงกำลังตรวจสอบสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเขาในแหวนมิติอยู่

สมบัติสวรรค์กองหนึ่ง มันมีผลหมื่นโคจรซึ่งช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้น 6 เดือน ซึ่งมีอยู่มากกว่า 10 ชิ้น น่าจะพอแจกจ่ายให้ครบทุกคน สำหรับหลงหวางเอ๋อที่มีวรยุทธ์ระดับ 25 ปีนั้น หญิงสาวสามารถดูดซับได้ทันที แต่เย่เฟิงและซูเหมิงหานคงต้องรอให้เส้นลมปราณขยายตัวเพิ่มกว่านี้

น่าเสียดายที่หากมีเส้นลมปราณที่รองรับได้มากพอ ด้วยทรัพยากรในตอนนี้ เย่เฟิงสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้ถึง 20 ปี และซูเหมิงหานสามารถเพิ่มเป็นระดับ 10 ปีได้ในทีเดียว

‘การจะเพิ่มขนาดเส้นลมปราณให้รองรับได้ 20 ปี คงต้องใช้เวลาอีกราวๆ 2 เดือน ช่วงนี้คงได้แต่พักผ่อนให้สบาย กับศึกษาชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปีไปพลางๆ’

เย่เฟิงวางแผนในใจ แต่เขาก็พลันคิดได้ว่าอีกสองเดือนข้างหน้า มหาลัยเหยียนจิงก็จะเปิดเทอมแล้ว ในเวลานั้น เขาต้องไปที่ทะเลทรายพอดี ดูเหมือนว่าคงได้โดดเรียนตั้งแต่คาบแรกเสียแล้ว

นอกจากนั้น เข็มทิศดารายังรู้สึกได้ดึงตำแหน่งของการเคลื่อนย้ายในทะเลทราย เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็สามารถหาแกนวาร์ปได้จากเข็มทิศอันนี้

สุดท้ายก็เป็นพวกอุปกรณ์เวทย์ซึ่งชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้การได้ และเครื่องรางคุ้มกันอีกนิดหน่อย แต่ไม่มีอันไหนเลยที่เทียบได้กับแหวนกระบี่มังกรโบราณ

ในเวลานี้ เย่เฟิงที่นั่งอยู่ด้านหลังรถ BMW ก็รู้สึกปวดก้นขึ้นมา ขณะคิดในใจว่าทำไมที่นั่งตรงกลางถึงได้แข็งอย่างนี้นะ? ความจริงแล้วรถคันนี้ออกแบบมาให้นั่งได้ 4 คน เบาะด้านหลังทั้งสองข้างจึงนั่งได้อย่างสบาย แต่เย่เฟิงที่นั่งอยู่ตรงกลางนั้นจะรู้สึกปวดบั้นท้ายไม่น้อย

แต่ยังไงก็เป็นความเจ็บปวดที่งดงาม เพราะซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อต่างนั่งอยู่ข้างกายทั้งสองด้าน จะบอกว่าเขาถูกรายล้อมไปด้วยสาวสวยเลยก็ว่าได้!

ส่วนชูชูนั้นนั่งตำแหน่งด้านข้างคนขับรถ พวกเขาทั้งห้าในเวลานี้กำลังมุ่งหน้ากลับไปเมืองเหยียนจิงอย่างรวดเร็ว

เรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ทำให้หลงหวางเอ๋อรู้สึกเหนื่อยมาก เมื่อรถแล่นออกไปได้เพียงครู่เดียว หญิงสาวก็นั่งซบไหล่ของเย่เฟิงและผลอยหลับไป เมื่อชายหนุ่มก้มหน้าลงมองและเห็นเนินอกขาวเนียนที่กลมกลึง เขาก็รู้สึกเร้าร้อนในใจเล็กน้อย

ซูเหมิงหานนั้นทำราวกับไม่สนใจการกระทำของหลงหวางเอ๋อ เด็กสาวทีนั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของเย่เฟิงเขย่ามือเขาและกระซิบถามเบาๆ “นายได้พบอาจารย์ไหม?”

“อืม เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วฉันจะเล่าให้เธอฟังอีกที”

เย่เฟิงพยักหน้าและกล่าวด้วยเสียงอันเบา

ท่าทางของซูเหมิงหานนั้นดูราวกับคนนอนไม่พอ เด็กสาวเพียงพยักหน้าเรียบ ท่าทางดูเซื่องซึม

“เธอเป็นอะไรไหม?”

เย่เฟิงที่รับรู้ได้จึงเอ่ยถาม เขาคิดว่าที่เด็กสาวเป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะหลงหวางเอ๋อ

“ฉันเพิ่งได้รับข้อความแจ้งเตือนมา บอกว่าพ่อถูกพิพากษาให้จำคุกสองปี ส่วนหลี่ต้าโก่วได้รับโทษประหารชีวิต”

ซูเหมิงหานกล่าวออกมา

หากเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน เด็กสาวคงไม่คิดเลยว่าพ่อของเธอเองจะต้องมาติดคุกแบบนี้ เธอรู้สึกสงสารเล็กน้อย และคิดว่าหากไม่มีการรื้อฟื้นคดีของคุณยายขึ้นมา ซูซินฉางก็คงไม่ต้องติดคุกแล้ว

“สองปีไม่ใช่เวลาที่นานเกินไป ฉันเชื่อว่ามันจะช่วยเปลี่ยนตัวเขาให้ดีขึ้นได้”

เมื่อเห็นว่าการที่เด็กสาวเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของหลงหวางเอ๋อ เย่เฟิงก็รู้สึกโล่งใจ เขาปลอบโยนเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม และโอบไหล่เธอไว้

ซูเหมิงหานเอียงหัวมาซบที่ไหล่ของชายหนุ่ม ดวงตาของเธอค่อยๆปิดลงและหลับใหลไปอย่างสงบสุข เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่ไร้กังวลอันหาได้ยากยิ่งนี้

“พี่เย่ ผมได้แจกจ่ายเงินให้คนของเราทั้งแปดไปคนละล้าน ให้พวกเขาไปจัดการเรื่องครอบครัวตัวเองแล้ว”

ชายหน้าบากที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับรถ กล่าวออกมา “ตั้งแต่นี้ไป พวกเขาก็ไม่มีสิ่งที่ต้องกังวล และพร้อมปฏิบัติตามทุกคำสั่งแล้วครับ”

“ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

เย่เฟิงส่ายหน้า “กลับไปที่บ้านก่อนเถอะ ฉันมีบางอย่างที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของพวกนาย”

ตอนนี้ กองกำลังแรกของเย่เฟิงค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าบากและคนของเขาอีกแปดคนที่ฝึกวิถีอสุรา หนานฟางที่ได้ฝึกฝนทักษะของสำนักเซียนเร้นลับ จ้าวปี้เป่ยและหลิงเฉินที่กลายเป็นผู้ฝึกวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานที่กลายเป็นผู้ฝึกเซียนแล้วด้วย

หากมีเวลาให้มากพอ กองกำลังของเขาจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลของโลกได้!

นี่ยังไม่รวมถึงเย่เวิ่นเทียน และซูเฟยหยิ่งที่กำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย

เมื่อคิดถึงซูเฟยหยิ่ง เย่เฟิงก็รู้สึกอบอุ่นใจ ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าตัวเขาและอาจารย์จะข้ามมายังโลกใบนี้ด้วยกัน และไม่รู้เหตุผลว่าทำไม คนของโลกเทวะอย่างพวกเขาถึงข้ามมายังที่แห่งนี้ได้?

เย่เฟิงขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหัวและเลิกคิดไป

เมื่อมองไปยังหน้าบาก เย่เฟิงก็สัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของจ้าวอี้เป่ยและหลิงเฉินที่กำลังล่องลอยอยู่เหนือรถ BMW คันนี้ เมื่อคิดดูแล้ว เขาตัดสินใจยังไม่บอกเรื่องนี้ต่อหน้าบาก

ด้วยความเร็วในการฝึกฝนของจ้าวอี้เป่ยและหลิงเฉิน พวกเขาน่าจะสามารถสร้างกายหยาบขึ้นมาได้ในอีกสองเดือนข้างหน้า ต่อให้บอกต่อหน้าบากในตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถมองเห็นหรือรับรู้ถึงการคงอยู่ของจ้าวอี้เป่ยได้อยู่ดี

ขณะที่รถ BMW กำลังมุ่งหน้าขึ้นไปทางตอนเหนือ ในเวลานี้ พายุก็ได้มาเยือนโลกยุทธภพอีกครั้ง

การที่“หลงโม่หรัน”ได้นำหลงจื่อ หลงชิง และคนตระกูลหลงขัดขวางการปฏิบัติงานของหน่วย NSA ทำให้หน่วย NSA ต่างประสานงานกันเพื่อเข้าจับกุมตัว

ซูเฟยหยิ่งไม่ได้เลือกที่จะต่อต้าน และยอมให้อีกฝ่ายจับกุมร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิแต่โดยดี แต่ถึงอย่างนั้น หน่วย NSA ก็ไม่กล้าล่วงเกินหลงโม่หรันมากนัก ทุกๆคนในโลกยุทธภพตอนนี้ ต่างเข้าใจว่าหลงหวางเอ๋อได้เลือกที่จะยอมจำนนแล้ว

…………………..

ห่างออกไปทางตะวันตกของเมืองเหยียนจิง ที่นั่นมีหุบเขาแห่งหนึ่งนามว่า “ซีเสวียน” ซึ่งมีต้นท้อที่กำลังเบ่งบาน น้อยคนนักที่จะเหยียบย่างเข้าไป

ที่นี่คือหนึ่งในสิบสุดยอดหุบเขาลึกลับในประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงอิทธิพลแห่งโลกยุทธภพ ‘วังไท่จี๋’

ในเวลานี้ ชายชราร่างค่อมในชุดคลุมสีขาวกำลังมุ่งหน้าลงจากหุบเขาเพื่อไปยังเมืองเหยียนจิง ใบหน้าของชายชรานั้นปรากฏร่องรอยของความเกรี้ยวกราดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ตามข่าวลือที่ได้ยินมา หลิงเฉินบุตรบุญธรรมที่เขารับมาเลี้ยงดูเมื่อสิบปีก่อนถูกเย่เฟิงแห่งตระกูลเย่ใช้เป็นโล่และสิ้นชีพด้วยกระบี่ของหลงโม่หรัน

บุตรบุญธรรมของเขาต้องตายอย่างโหดร้าย!

เมื่อผู้อาวุโสหลี่เสวียนได้ยินข่าวลือนั้น เขาจึงตั้งใจจะมุ่งหน้าไปเมืองเหยียนจิงเพื่อเอาเรื่องกับเย่เฟิง ส่วนหลงโม่หรัน ค่อยเอาไว้หลังจากนั้น

หลี่เสวียนนั้นเป็นผู้ยึดมั่นในศักดิ์ศรีมากทั้งในวังไท่จี๋และในโลกยุทธภพ แม้จะเกษียณตัวเองไปแล้วกว่า 20 ปี แต่จากชื่อเสียงที่มี ความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบกับเย่เวิ่นเทียนได้เลย!

………………….

แปลโดย Solar Spark