บทที่ 247 ความคิดอกุศล

เย่เวิ่นเทียนกลับมาถึงเหยียนจิงก่อนเย่เฟิง เทียบกันแล้ว การนั่งเครื่องบินนั้นเร็วกว่าการขับรถมาก

ด้วยความที่ซูซินฉางถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี เขาถูกยึดทรัพย์รวมทั้งบ้านในหมู่บ้านชิงเฟิงก็ถูกขายทอดตลาดโดยธนาคาร สุดท้ายจึงถูกเย่เวิ่นเทียนซื้อมาโดยตรง

ชายชราคิดว่าตอนนี้ เย่เฟิงเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเริ่มมีบรรดาสาวๆข้างกายมากขึ้นแล้ว สมควรที่จะถึงเวลาแยกตัวออกไป ดังนั้นเขาจึงย้ายมาอาศัยที่บ้านหลังที่ซูซินฉางเคยเป็นเจ้าของและดึงหนานฟางมาด้วย ส่วนเย่เฟิงและบรรดาสาวๆก็ให้อาศัยอยู่บ้านหลังเดิม

“ตั้งแต่ที่ทักษะมีดบินปีศาจคำรามสูญหายไป สำนักเซียนเร้นลับก็เริ่มเสื่อมถอยลง”

ภายในบ้าน เย่เวิ่นเทียนกำลังเล่าประวัติความเป็นมาของสำนักเซียนเร้นลับให้หนานฟางฟัง “ในช่วงที่มีตำราวรยุทธ์มีดบินปีศาจคำรามอยู่ สำนักเซียนเร้นลับมีการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำสำนักเกิดขึ้น บุคคลสำคัญมากมายถูกสังหาร ขณะที่มีบุคคลหนึ่งหลบหนีการตามล่าโดยพาทำตำราวรยุทธ์ติดตัวไปด้วย เขาได้นำมันไปซ่อนในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อชายคนนี้เสียชีวิตลง ก็ไม่มีใครรู้อีกว่าเขาซ่อนตำราวรยุทธ์นี้ไว้ที่ไหน

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อทักษะมีดบินปีศาจคำรามปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในโลกยุทธภพ คนของสำนักเซียนเร้นลับจึงตื่นตกใจและอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาไม่หยุดไม่หย่อน ตามการคาดการณ์ของเย่เวิ่นเทียน อีกไม่นาน เหล่าศิษย์สำนักเซียนเร้นลับต้องยกโขยงมาหาพวกเขาแน่!

“ดังนั้นให้จำเอาไว้ว่า อย่าใช้ทักษะมีดบินปีศาจคำรามนี้โดยไม่จำเป็น หากจะใช้ ต้องมั่นใจว่าศัตรูจะถูกสังหารเท่านั้น!”

เย่เวิ่นเทียนกล่าวอย่างจริงจัง “ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะสอนวรยุทธ์ให้แกเอง”

“ขอบคุณครับอาจารย์”

หนานฟางยิ้มรับ

ในที่สุด หลังจากจัดการศัตรูคู่อาฆาตทั้งสองไปได้ เขาพบเป้าหมายชีวิตใหม่แล้ว นั่นคือการท่องไปในโลกยุทธภพ!

แต่สำหรับเย่เวิ่นเทียนนั้น ชายชรามีจุดประสงค์หลายอย่าง ซึ่งเรื่องแรกก็คือการเตรียมตัวสำหรับรับมือการเผชิญหน้าของสำนักเซียนเร้นลับ รวมถึงผู้อาวุโสหลี่เสวียนแห่งวังไท่จี๋ สำนักเซียนเร้นลับนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับหลี่เสวียนนั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ

เมื่อถึงยามเย็น ในที่สุดรถ BMW สีเงินก็มาถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านชิงเฟิง

เย่เฟิงบิดขี้เกียจขณะคิดในใจ ‘ปวดก้นชิบ-’ การที่ต้องนั่งในตำแหน่งนี้ทั้งวันทำให้บั้นท้ายของเขาเกือบจะแบะออกเป็นแปดกลีบอยู่แล้ว

หลังจากบิดขี้เกียจเสร็จ เย่เฟิงก็สูดหายใจลึกๆด้วยความโล่งใจ

“ถึงบ้านแล้วหรอ?”

ซูเหมิงหานมองออกไปอย่างงัวเงีย เธอหาวขณะที่แก้มมีสีแดงระเรื่อ

“ถึงแล้ว”

เย่เฟิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นจึงมองไปยังชายหน้าบากที่นั่งตำแหน่งคนขับรถ “หน้าบาก ศัตรูของนายมีชื่อว่า ‘ซือถูฉางเตา’ มันเป็นคนของวังกระบี่สวรรค์”

หน้าบากได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยความขอบคุณ “พี่เย่ไม่ต้องห่วง ผมจะฝึกฝนให้แข็งแกร่งและแก้แค้นมันด้วยมือคู่นี้เอง!”

“อืม”

เย่เฟิงยิ้ม “ยังไงก็อย่ารีบร้อนเกินไปละ การฝึกวรยุทธ์นั้นก็นั้นต้องฝึกฝนเป็นขั้นเป็นตอนไป”

“เข้าใจแล้วครับ”

ชายหน้าบากพยักหน้าตอบรับ

ที่อยู่อาศัยของเขาในตอนนี้เป็นสำนักงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านชิงเฟิง พี่น้องทั้งแปดก็อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นร่วมกัน เมื่อได้รับผลหมื่นโคจรจากเย่เฟิงแล้ว ชายหน้าบากจึงขับรถกลับไปยังสำนักงาน ด้วยการดูดซับสมบัติสวรรค์นี้ เขาและพี่น้องทั้งแปดก็จะมีวรยุทธ์ระดับครึ่งปีแล้วซึ่งแม้จะดูน้อย แต่มันก็เป็นการย่นระยะเวลาไปฝึกไปได้ถึงครึ่งปี

“ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไป น้าต้องกลายเป็นแม่บ้านให้เราแล้วสิเนี่ย”

ชูชูเดินเข้ามายืนข้างเย่เฟิง และกล่าวออกมาด้วยความสบายใจ

เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลงโม่หรันกันแน่ แต่ในเมื่อหลงหวางเอ๋อเลือกจะอยู่ข้างเย่เฟิง เธอก็ไม่ต้องการจะกลับไปยังตระกูลหลงอีกแล้ว การได้เลือกอยู่ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

“งั้นน้าทำอาหารอร่อยๆให้กินหน่อยนะคะ”

หลงหวางเอ๋อยิ้มอย่างมีชีวิตชีวาและเย้ายวนจนทำให้ยามหน้าหมู่บ้านต้องกลืนน้ำลายเสียงดัง “อีก”

ยามหนุ่มเคยแช่งเย่เฟิงในใจด้วยความอิจฉาว่าขอให้รถไฟชนกัน แต่มันกลับไม่เป็นไปดังที่หวังเมื่อสองสาวกลับสามัคคีกันเสียได้ การที่เจ้าหนุ่มนี่รายล้อมไปด้วยสาวสวยกลับเป็นเรื่องจริงขึ้นมา

@#$%^& นี่มันน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!

แล้วนี่ยังจะมีสาวใหญ่สวยเซ็กซี่คนที่สามมาเพิ่มอีกเรอะ!

เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงสายตาของยามหนุ่มที่มองมา เขาจึงหันไปยิ้มทักทาย จากนั้นก็พาทั้งสามสาวเดินเข้าหมู่บ้านไป

“มันทักทายฉันหรอ?”

ยามหนุ่มรีบแสดงความนอบน้อมออกมาทันที เขาได้ยินมาว่าตอนนี้ เย่เฟิงค่อนข้างมีอิทธิพลมากขึ้นในเมืองเหยียนจิง แล้วด้วยสถานะแบบนั้น เด็กหนุ่มจะทักทายยามตัวเล็กๆแบบเขาจริงหรอ?

นี่ึจึงทำให้ยามหนุ่มรู้สึกดีกับเย่เฟิงมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อมาถึงบ้าน เย่เฟิงก็พบว่าตำราวรยุทธ์ทั้งหลายถูกย้ายไปยังบ้านข้างๆแล้ว ซึ่งเย่เวิ่นเทียนและหนานฟางก็ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านหลังนั้นเช่นเดียวกัน นี่ทำให้ชูชูรู้สึกโล่งใจ เพราะเมื่อมีเย่เวิ่นเทียนอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องน่ากังวลอีกแล้ว

ชูชูนั้นเป็นคนรักความสะอาด เธอจึงเริ่มทำความสะอาดห้องต่างๆ จากนั้นก็พลันคิดได้ว่าเธอและหลงหวางเอ๋อยังไม่มีห้องนอน เมื่อเป็นแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องเตรียมห้องนอนอยู่สามห้อง ชูชูเริ่มจากเตรียมอาหารก่อนจากนั้นจึงขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบน

หลังจากทานเข้าเย็นเสร็จ ซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อจึงทยอยอาบน้ำและเข้าไปหมกตัวอยู่ในห้องของซูเหมิงหานด้วยกัน ด้วยที่ทั้งคู่ต้องอาศัยอยู่ชายคาเดียวกันกับเย่เฟิง พวกเธอจึงต้องพูดคุยกันและสิ่งสำคัญคือต้องตั้งกฏขึ้นมา!

ขณะที่เย่เฟิงอาบน้ำอยู่ เขาอยากรู้ว่าทั้งสองสาวคุยอะไรกันจึงปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปแต่กลายเป็นว่า ทั่วทั้งห้องนอนถูกหลงหวางเอ๋อขัดขวางไว้เสียอย่างนั้น

สาวน้อยคนนี้ แค่มีวรยุทธ์มากกว่าเขาหน่อยก็เริ่มกำแหงซะแล้ว แบบนี้ต้องสั่งสอนเสียให้เข็ด!

เย่เฟิงจัดการสวมชุดนอนให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินขึ้นไปเคาะประตูห้อง

“คืนนี้พวกเราจะนอนด้วยกัน นายไปห้องอื่นเลย!”

หลงหวางเอ๋อตะโกนบอกด้วยเสียงหัวเราะ

เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็เริ่มโมโห พวกเธอจะนอนด้วยกันแล้วไล่เขาไปนอนอีกห้องงั้นหรอ? ไม่มีทาง! ถ้าเตียงไม่อุ่นแล้วเขาจะนอนหลับได้ยังไง?

ในเวลานี้ ชูชูเพิ่งปูที่นอนอีกห้องหนึ่งเสร็จ จากนั้นจึงออกมาเห็นเย่เฟิงถูกขังอยู่หน้าประตูห้องนอน เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของหลงหวางเอ๋อ เธอจึงเข้าไปตักเตือนเสียหน่อย

“หวางเอ๋อ อย่าเล่นซนสิ ให้เสี่ยวเฟิงเข้าไปได้แล้ว”

ชูชูเข้ามายืนข้างๆเย่เฟิงและเคาะประตูห้อง “ถ้าเป็นแบบนี้ เดี๋ยวเสี่ยวเฟิงหนีไปนอนกับผู้หญิงอื่นข้างนอกแล้วระวังจะร้องไม่ออกนะจ๊ะ”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้างึกๆพร้อมกับสรรเสริญน้าชูชูอยู่ในใจ

คุณน้านี่ช่างเข้าใจเขาจริงๆ

ขณะที่เย่เฟิงคิดดังนั้น เขาก็พลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นกายอันเย้ายวนของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ การที่เธอเพิ่งทำความสะอาดห้องเสร็จทำให้เหงื่อไหลจนเสื้อตัวบางเปียกชุ่ม แนบติดไปกับเรือนร่างที่มองเห็นได้อย่างรางๆ

‘ต่อให้ทนไม่ไหว ก็ไม่จำเป็นต้องไปมองหาผู้หญิงอื่นข้างนอกหรอก’

คิดได้ดังนั้นเพียงชั่วครู่ เย่เฟิงก็รีบสลัดความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดุตัวเองในใจที่ดันไปคิดเรื่องแบบนี้กับคุณน้าเสียได้ เขาจึงรีบถอนสายตากลับมา

หลังจากได้ยินคำพูดของชูชู ทั้งสองสาวในห้องนอนก็รู้สึกกลัวและรีบเปิดประตูห้องออกมาทันที

แต่ในเวลานี้ ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงพลันค้นพบร่างของชายชราร่างค่อมในชุดคลุมสีขาวที่อยู่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์แน่นอน!

เย่เฟิงตื่นตัวขึ้นมาในทันที

…………………..

แปลโดย Solar Spark