บทที่ 245 การตอบแทน

จากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ถึงแม้เย่เฟิงจะไม่พบว่า ‘ลุงแปด’ คนนี้มีอะไรพิเศษ แต่ในเมื่อเป็นสมาชิกหน่วยพิเศษของ NSA เขาต้องไม่ธรรมดาแน่ หลงหวางเอ๋อยังบอกอีกว่า หน่วยพิเศษของ NSA มีจำนวนทั้งหมดไม่กี่สิบคนเท่านั้น

เย่เฟิงสังเกตชายคนนั้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เสื้อยืดสีเทา กางเกงยีน ผมสั้น ด้วยใบหน้าเรียบๆที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ถึงแม้จะดูมีอายุเพียง 20 ปี แต่กลับไว้หนวดเครารุงรัง ทำให้ดูแล้วรู้สึกขัดแย้งกันแปลกๆ

“คุณหนูหลิน ถ้าขอยืมคู่หมั้นคนนั้นไปสักวันหนึ่ง จะเป็นอะไรไหม?”

จ้าวปาจิบชา ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“กลัวจะไม่ใช่แค่ยืมน่ะสิคะ”

หลินชื่อฉิงส่งยิ้มกลับไป “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ก็คงต้องขอปฏิเสธค่ะ”

ปฏิเสธไปตรงๆเลย!

เย่เฟิงแปลกใจเล็กน้อย ถ้าหลินชื่อฉิงช่วยเขาแบบนี้ เขาไม่กลายเป็นติดหนี้อีกฝ่ายหรือไง? ความจริงต่อให้ถูกหน่วย NSA จับกุม เขาก็มีวิธีจัดการมากมายอยู่แล้ว

“ไม่เอาน่าคุณหนูหลิน อย่าทำให้ลุงแปดคนนี้ลำบากใจสิ”

ใบหน้าของจ้าวปายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

“พาไปที่ไหนล่ะคะ? หนูคงให้เย่เฟิงไปไม่ได้หรอกค่ะยกเว้นว่าคุณปู่จะเป็นคนขอมาเอง”

หลินชื่อฉิงโยนเรื่องนี้ไปให้หลินหงชวน

“ในเมื่อคุณหนูหลินห่วงคู่หมั้นขนาดนี้ ลุงแปดคงพาเขาไปไม่ได้ซะแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา”

จ้าวปากล่าว ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังขึ้น เขามองไปยังใบหน้างดงามของหลินชื่อฉิง “คุณหนูหลิน ก่อนหน้านี้คุณอ่านจดหมายรักที่ผมเขียนแล้วใช่ไหม? คู่หมั้นของคุณมีแฟนสาวอยู่สองคนแล้ว แต่คุณยังไม่ได้แม้แต่เป็นแฟนของเขา ผมรู้สึกขมขื่นใจจริงๆ”

เมื่อได้ยินดังนั้น คนอื่นๆนอกจากเย่เฟิงก็เหงื่อตกทันที

“คุณกลับไปเถอะค่ะ”

หลินชื่อฉิงเริ่มรู้สึกโมโห แต่เธอไม่อยากจะกล่าวคำหยาบคายออกมา

“อะแฮ่ม ลืมมันไปเถอะ”

จ้าวปากระแอมเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่เฟิงด้วยรอยยิ้มขณะที่สองมือล้วงกระเป๋า “ในเมื่อคุณหนูหลินพูดแบบนี้ ดูเหมือนกลับไปฉันต้องโดนลงโทษแหง แต่ว่าเย่เฟิง พวกเรามาคุยกันหน่อยดีไหม?”

“อืม”

เย่เฟิงพยักหน้าขณะคิดว่าได้คุยกับหน่วย NSA ก็ดีเหมือนกัน

ดูจากท่าทีของจ้าวปาแล้ว อีกฝ่ายดูจะชอบหลินชื่อฉิงและเชื่อฟังเธอเอามากๆ นอกจากนั้นดูเหมือนจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะพาตัวเขาไปแล้ว แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงท่าทีที่แสดงออกมา ชายหนุ่มไม่ได้เชื่อคำพูดอีกฝ่ายทั้งหมดและคอยระวังตัวอยู่เสมอ

เย่เฟิงคิดในใจขณะเดินเข้าไปหา

หลินชื่อฉิงรู้ว่าทั้งสองคนมีเรื่องจากคุยกัน เธอจึงลุกขึ้นยืนและหันมายิ้มให้เย่เฟิง จากนั้นจึงเดินกลับมา

“ทำไมถึงช่วยผม?”

เย่เฟิงเอ่ยถาม

“ตอบแทนเราที่เคยช่วยพี่สาวไว้ไง”

หลินชื่อฉิงก้าวเข้าไปกระซิบข้างหู “ไม่ต้องห่วง จ้าวปาน่ะเชื่อฟังคำพูดพี่อยู่แล้ว”

เย่เฟิงเดินไปที่โต๊ะมุมห้องที่จ้าวปานั่งอยู่ เวลานี้ เขากำลังขบคิดถึงกลิ่นหอมอ่อนๆของหลินชื่อฉิงที่ลอยมาแตะจมูก มันแตกต่างจากกลิ่นของหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหาน ผู้หญิงแต่ละคนมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสินะ

หลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานจ้องต่างจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง ส่วนเย่เวิ่นเทียนก็ค่อยสังเกตการและพร้อมจะลงมือทุกเมื่อเช่นกัน

แต่เย่เฟิงนั้นไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร

ด้วยที่มีเย่เวิ่นเทียนอยู่ จ้าวปาไม่มีทางใช้กำลังพาตัวชายหนุ่มไปได้ ยังไม่นับเรื่องที่เย่เฟิงมีทักษะสัมผัสวิญญาณช่วย ขณะที่ชายคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคติดตัวสักอย่างเดียว

“ยินดีที่ได้รู้จัก น้องชายเย่ มาเถอะ ดื่มชาสักแก้ว”

เมื่อเย่เฟิงนั่งลง จ้าวปาก็ยิ้มและรินน้ำชาให้เขา

“ไม่ต้องสุภาพไปหรอก ลุงแปดมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า”

เย่เฟิงหรี่ตามอง

“อ่อ ก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่หรอก”

จ้าวปากล่าวอย่างสบายๆ ขณะลูบเคราตัวเอง “น้องชายเย่ ขอพูดตรงๆเลยนะถึงแม้นายจะไม่สนใจก็เถอะ แต่ฉันได้รับคำสั่งมาให้พานายกลับไปด้วย และต่อให้ฉันทำไม่สำเร็จ ทางเบื้องบนเขาก็จะส่งคนใหม่มาอยู่ดี”

ประโยคเหล่านั้น จ้าวปากล่าวด้วยเสียงไม่ดังนัก เหมือนแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่กำลังเริ่มคุยกันอย่างเป็นทางการแล้ว

“ดังนั้น?”

เย่เฟิงยิ้ม

“ดังนั้น ช่วยตอบคำถามของลุงแปดหน่อยได้ไหม?”

จ้าวปายังคงนั่งยิ้มสบายๆ

“ไม่มีปัญหา”

เย่เฟิงตอบตกลงอย่างง่ายดาย เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการรู้เรื่องของแถบทะเลจีนตะวันออก เช่นเรื่องของซูเฟยหยิ่ง ชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปี รวมถึงเรื่องที่เขาทำลายเรือดำน้ำและเรื่องอื่นๆ แต่แน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่บอกเรื่องนี้แก่พวกเขา

เพราะชายหนุ่มมีไพ่ตายที่จะทำให้หน่วย NSA ไม่มารบกวนเขาอีกเลย

“หลังจากกลับไปแล้ว ผมจะไปที่กองบัญชาการหน่วย NSA ด้วยตัวเอง ผมมีสิ่งสำคัญบางอย่างที่จะมอบให้แก่ประเทศนี้”

เย่เฟิงกระซิบบอกด้วยคำพูดที่ดูลึกลับ

“สิ่งสำคัญ?”

จ้าวปาขมวดคิ้ว

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

เย่เฟิงยิ้ม “บอกได้แค่ว่ามันเป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเคลื่อนย้ายมวลสารทางมิติ”

เขาตั้งใจจะมอบแกนวาร์ปที่อยู่ในแหวนซูเฟยหยิ่งให้แก่หน่วย NSA เพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็ใช้การไม่ได้แล้ว

ที่ทะเลจีนใต้ในตอนที่ซูเฟยหยิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เธอได้ใช้ทักษะดาวเคลื่อนดาราคล้อย และโยนแกนวาร์ปที่ใช้การแล้วเก็บไว้ในแหวนมิติ

(ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจไม่ผิดก็คือ ทักษะดาวเคลื่อนดาราคล้อย ต้องใช้แกนวาร์ป(传送阵)ด้วยมั้งครับ)

และอีกชิ้นหนึ่ง หญิงสาวได้ใช้ในตอนอยู่ที่เขาฉางไป่ แกนวาร์ปที่หมดพลังแล้วจึงมีอยู่สองอัน แน่นอนว่าเย่เฟิงต้องเลือกชิ้นที่มีคุณภาพต่ำให้แก่หน่วย NSA การนำของสิ่งนี้ให้คนพวกนั้นไปวิจัยศึกษา เย่เฟิงมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่มารบกวนเขาไปอีกสักพักใหญ่ๆ

สาเหตุที่จ้าวปาไม่สร้างปัญหาให้เขานักก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าเย่เวิ่นเทียนและตระกูลหลินไม่ใช่หรอ? แต่สุดท้าย หน่วย NSA ก็จะส่งคนใหม่มาคอยตามรังควานเขาอีกอยู่ดี

“เทคโนโลยีเคลื่อนย้ายมวลสารทางมิติ?”

จ้าวปาได้ยินดังนั้นก็พลันตัวสั่นพร้อมกับใบหน้าที่ตกตะลึง เขาไม่อาจรักษาความสุขุมไว้ได้อีก

ในตอนนี้ หน่วย NSA ต้องการรู้เป็นอย่างยิ่งกว่าหญิงสาวที่แสนงดงามคนนั้นโบยบินบนท้องฟ้าได้อย่างไร และเรื่องที่หายตัวไปอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้ยั่วยวนใจเขาพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

แต่ตอนนี้ เย่เฟิงบอกว่าจะมอบสิ่งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเคลื่อนย้ายมวลสารทางมิติให้ บอกได้เลยว่า สิ่งนี้จะทำให้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของประเทศจีนต้องก้าวกระโดด!

“ถูกต้อง”

เย่เฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง

ความจริงแล้ว แกนวาร์ปที่หมดพลังชิ้นนั้นไม่ใช่ผลผลิตทางเทคโนโลยี แต่เป็นผลผลิตจากผู้ฝึกเซียน ด้วยนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยี หากต้องการศึกษาของสิ่งนี้คงเป็นเรื่องยากไม่น้อย

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเขา ขอแค่อีกฝ่ายไม่ค่อยตามรังควานก็ถือเป็นเรื่องดีแล้ว ส่วนคนพวกนั้นจะศึกษาวิจัยได้สำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เย่เฟิงต้องสนใจ

“ของสิ่งนั้นค่อนข้างหนัก ผมต้องหาทางเอามันมาก่อน”

เย่เฟิงยิ้ม “คุณกลับไปบอกพวกของคุณด้วยว่าอย่าตามรังควานผมอีก ไม่งั้นผมไม่รับประกันหรอกนะว่าจะมอบของสิ่งนี้ให้”

“ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงก็ไม่มีปัญหา”

จ้าวปายิ้มด้วยความพึงพอใจ “กำหนดวันมาสิ แล้วฉันจะกลับไปรายงานต่อเบื้องบน”

เขาไม่กลัวว่าเย่เฟิงจะหนีไป เพราะเย่เวิ่นเทียนไม่มีทางพาเย่เฟิงหนีออกประเทศแน่ ชราคนนั้นเป็นพวกชาตินิยมสูง และยึดมั่นว่าเกิดที่ประเทศจีน ก็ต้องตายที่ประเทศจีน

“ภายในสองเดือน ผมจะติดต่อลุงหลินกลับไป”

เย่เฟิงกล่าว

ลุงหลินที่ว่าหมายถึงหลินเต๋อเทียน เมื่อจ้าวปาเข้าใจแล้ว เขาก็โบกมืออำลา “งั้นลุงแปดคนนี้กลับก่อนล่ะ”

……………………..

แปลโดย Solar Spark

(แปลจากเว็บ lnmtl.com และ Raw จีนโดยใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย)