บทที่ 244 ลุงแปด

ขณะที่หลายๆคนยังอยู่ในความตกตะลึง ตำรวจหน้ายาวก็โบกมือและกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “การที่หวังเฉ่าตงถูกฉลามลากไปกินเป็นเรื่องสมควรแล้ว ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าคุณหนูเสี่ยวเยวี่ยเป็นผู้ต้องสงสัย ถอนตัว!”

ขณะที่เขากล่าวออกมา ตำรวจหลายคนพยายามส่งสัญญาณทางสายตาไปให้ แต่ตำรวจหน้ายาวไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาหันตัวกลับและก้าวเดินไปทางประตูห้องอาหารทันที!

“มัวทำอะไรอยู่ บอกให้ถอนตัวไง!”

ขณะที่ตำรวจหน้ายาวเดินไปหลายก้าว เมื่อเขาเห็นลูกทีมยังคงยืนอย่างโง่งมอยู่ที่เดิม ก็รีบหันกลับไปตำหนิ

“ครับ ครับ”

เหล่าตำรวจแต่ละคนทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้าเท่านั้น

พวกเขาต่างพากันจากไปอย่างเร่งรีบ เหลือเพียงหวังเฉิงซ่งและคนของเขาที่ยังคงยืนอยู่อย่างโง่งม สถานการณ์ตอนนี้มันประหลาดเกินไปแล้ว แบบนี้พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป?

“แกชื่อว่าเย่เฟิงใช่ไหม?”

หวังเฉิงซ่งมีสีหน้าไม่ดีนัก เขามองมายังเย่เฟิงที่สวมชุดสีดำขณะนึกในใจ แค่เจ้าหนุ่มนี่เอ่ยปากไม่กี่คำ ตำรวจหน้ายาวนั่นก็มีอาการประหลาดไปทันที หวังเฉิงซ่งคนคิดว่าชายคนนี้แหละที่เป็นตัวอันตราย!

“ใช่แล้ว”

เย่เฟิงยิ้มพยักหน้า “คุณคือพ่อของหวังเฉ่าตงสินะ? เสียใจด้วยที่เขาโดย ‘ปลาฉลาม’ ลากไปกินซะแล้ว”

เมื่อหวังเฉิงซ่งได้ยินเย่เฟิงเน้นคำว่า “ปลาฉลาม” เขาก็รู้สึกเดือดดาลจนเส้นเลือดปูดโปน “แก! ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

เขาตั้งใจจะระดมพลคนของเขาในเซี่ยงไฮ้มาจับไอ้เด็กเวรนี่ไปทรมาณเสียให้หายแค้น หากไม่ทำแบบนี้ การหายตัวของลูกชายเขาไม่สูญเปล่าหรือไง?

หวังเฉิงซ่งรู้ว่ามันเกิดคลื่นสึนามิขึ้นตามแนวชายฝั่งทะเลจีนตะวันออกเมื่อไม่กี่วันมานี้ และหวังเฉ่าตงลูกชายของเขาก็หายตัวไปที่นั่น แต่มีหรือที่เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้?

ต่อให้หวังเฉ่าตงตายแล้ว เขาก็ต้องหาศพให้เจอ หากไม่พบ เขาจะจับกุมเสี่ยวเยวี่ยไว้เพราะถือเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด เมื่อถึงเวลาเจรจาต่อรองกับตระกูลเสี่ยว เขาอาจจะได้ผลตอบแทนไม่น้อย

“แกคิดจะหาเรื่องหลานชายฉันหรือไง?”

เวลานี้ เย่เวิ่นเทียนที่นั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับทำคิ้วขมวด

หวังเฉิงซ่งพึ่งรับรู้ว่ามีชายชราคนนี้อยู่ด้วย เมื่อสังเกตอย่างถี่ถ้วน เขาก็ตระหนักได้ว่าเจ้าเด็กเย่เฟิงคนนี้อาจจัดการไม่ง่ายแล้ว

มองไปรอบๆโต๊ะนี้ เขามองเห็นชายชราท่าทางเฉื่อยๆคนหนึ่ง และชายหนุ่มที่แกว่งมีดเล่นอยู่ในมืออีกคนหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีสาวสวยอยู่อีกมากมายที่ทำให้หวังเฉิงซ่งต้องจ้องมองไม่วางตา

คนธรรมดาจะมีสาวสวยรายล้อมมากขนาดนี้เลยหรือไง? แย่แล้ว เขาต้องรีบตรวจสอบเบื้องหลังของเจ้าเด็กเย่เฟิงนี่ให้เร็วที่สุด

หวังเฉิงซ่งทำอะไรไม่ได้อีก เขาเพียงแค่เค้นเสียงเบาๆพร้อมกับพาลูกน้องเดินออกจากห้องอาหารนี้ไป ก่อนจะต่อสายตรงไปยังผู้บังคับการสถานีตำรวจเซี่ยงซาน เพื่อระเบิดอารมณ์

หลังจากอารมณ์เย็นลงแล้ว หวังเฉิงซ่งก็ให้คนของเขาช่วยกันตรวจสอบเบื้องหลังของเย่เฟิง

ไม่นานนัก ผลการตรวจสอบก็ออกมาและส่งตรงไปยังโทรศัพท์ของหวังเฉิงซ่ง แต่หลังจากอ่านไปได้เพียงสองหน้า เขาก็เหงื่อแตกทันที

ตัวเย่เฟิงเองนั้นไม่มีสิ่งใดน่ากลัว แต่จุดสำคัญคือ เขาเป็นว่าที่ลูกเขยของตระกูลหลินแห่งเมืองเหยียนจิง!

ตระกูลหลินแห่งเมืองเหยียนจิงนั้น เป็นตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก มากพอจะดูถูกหวังเฉิงซ่งได้เลย มิน่าเล่า ไอ้เด็กเวรนั่นถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้

หวังเฉ่าตงลูกชายเขานั้นเป็นเพลย์บอยที่แสนหยิ่งยโส แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าเด็กเย่เฟิงนี่หยิ่งยโสยิ่งกว่าลูกชายเขามากนัก

นอกจากนี้ หวังเฉิงซ่งยังได้รับข้อมูลมาอีกว่า คู่หมั้นของเย่เฟิงคือบุตรสาวคนแรกของตระกูลหลิน หลินชื่อฉิง และในปัจจุบันนี้เธอก็อยู่ที่เขตเซี่ยงซานเช่นกัน นั่นก็หมายความว่า หนึ่งในกลุ่มสาวสวยบนโต๊ะนั้นคือหลินชื่อฉิงงั้นหรือ?

หวังเฉิงซ่งถึงกับคุกเข่าลง ทำไมเขาถึงมองข้ามเธอไปได้?

จนถึงตอนนี้ หวังเฉิงซ่งพลันนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ มีหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี นั่งอยู่อย่างสง่างามพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ หรือว่านั่นคือหลินชื่อฉิง ทำไมเขาถึงมองข้ามไปได้!

หวังเฉิงซ่งล้มเลิกความคิดที่จะหาเรื่องเย่เฟิงทันทีและมุ่งหน้ากลับไปอย่างเร่งรีบ

ถึงแม้หวังเฉ่าตงจะหายสาบสูญไป แต่มันจะเทียบกับทรัพย์สมบัติและอิทธิพลที่เขามีได้งั้นหรือ ไม่ว่าอย่างไรลูกชายของเขาก็หายสาบสูญไปแล้ว แต่ทรัพย์สมบัติและอิทธิพลของเขายังมีอยู่ เขาคงไม่เอาไปแลกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้แน่

…………………

“นายเท่จัง”

ในห้องอาหาร เสี่ยวเยวี่ยห้องแก้มเย่เฟิงไปทีนึงจากนั้นจึงมองไปยังหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหาน เธอโบกมือและกล่าวว่า “ฉันละอิจฉาพวกเธอจริงๆที่มีแฟนแบบนี้”

“…..”

ทั้งสองสาวต่างมองหน้ากันอย่างไร้คำพูด หญิงสาวในเมืองเซี่ยงไฮ้นี่แตกต่างไปจากพวกเธอจริงๆ

“พี่คะ ไปกันได้แล้ว”

เสี่ยวฉีทนดูต่อไปไม่ไหว จึงรีบเดินเข้าไปดึงเสี่ยวเยวี่ยกลับมา เมื่อสาวสวยในชุดสีแดงเดินไปพร้อมกับหน้าอกที่สั่นไหวเล็กน้อย มันทำให้ผู้ชายหลายคนในห้องอาหารนี้ถึงกับมองตามตาเป็นมัน

“งั้นพวกเราก็ไปเถอะ”

เย่เฟิงหันไปยิ้มให้ซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อ

“อืม”

ทั้งสองสาวไม่ได้คิดอะไรมากนักกับการที่เสี่ยวเยวี่ยห้อมแก้มเย่เฟิง พวกเธอเพียงพยักหน้าเรียบๆ  ขณะที่ชูชูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างส่งยิ้มบางๆมาให้

แต่เมื่อทั้งสี่คนเตรียมจะจากไป ทันใดนั้น เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “จะไปแล้วหรอไอ้หนุ่ม ให้พี่ชายไปส่งไหม?”

“หืม?”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นจึงหันกลับมาและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง นั่งอยู่คนเดียวที่มุมห้อง

รูปลักษณ์ภายนอกของชายคนนี้ดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่มีหนวดเคราเฟิ้มเหมือนคนไม่ได้โกนมานาน เขาสวมเสื้อยืดสีเทากางเกงยืน ที่ดูแล้วไม่มีอะไรพิเศษ แต่จากคำพูดของชายคนนี้ มันทำให้เย่เฟิงต้องระวังตัวมากขึ้น

เย่เฟิงกระจายทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปรอบๆ และค้นพบว่าในห้องอาหารแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดน่าสงสัยอีก ชายคนนี้เป็นแค่พวกวิกลจริตงั้นหรอ?

แต่ทันใดนั้น เย่เฟิงก็พบว่าหลังจากได้ยินเสียงชายคนนี้ สีหน้าของหลินชื่อฉิงก็เปลี่ยนไปทันที

เธอรู้จักชายคนนี้งั้นหรอ?

เย่เฟิงหันหน้ากลับไปมองหลินชื่อฉิงซึ่งนั่งอยู่ที่มุมโต๊ะ เวลานี้ หญิงสาวกำลังมีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เย่เฟิงกำลังมองมา หลินชื่อฉิงก็ลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปหาชายคนนั้น

“จ้าวปา คุณมาทำอะไรที่นี่?”

หลินชื่อฉิงค่อยๆดึงเก้าอี้ออกและนั่งลงตรงข้ามกับชายคนนั้น

“เขาคือจ้าวปางั้นหรอ?”

เมื่อหลงหวางเอ๋อได้ยินชื่อนั้นก็พลันรู้สึกตกใจ

“จ้าวปา? เขาเป็นใคร?”

เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจ

“จ้าวปา หรืออีกชื่อหนึ่งคือลุงแปด(ปาต้าเย่) เป็นคนของหน่วย NSA”

เมื่อหลงหวางเอ๋อเห็นว่าเย่เฟิงไม่รู้จักชายคนนี้ เธอจึงอธิบายออกมา “ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเจอแค่หน่วย NSA ที่เป็นเพียงหน่วยธรรมดา แต่นอกจากนี้แล้ว มันยังมีหน่วยพิเศษ ซึ่งสมาชิกในหน่วยทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งซึ่งมีระดับวรยุทธ์หลายสิบปี!”

“ถ้างั้น ลุงแปดคนนั้นก็เป็นพวกหน่วยพิเศษสินะ?”

เย่เฟิงหรี่ตามอง

หน่วย NSA ส่งคนมาหาเขาจริงๆด้วยสินะ ซ้ำยังส่งคนไม่ธรรมดามาเสียด้วย

……………………..

แปลโดย Solar Spark

(แปลจากเว็บ lnmtl.com และ Raw จีนโดยใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย)

คนบ้าอะไรชื่อลุงแปด 555+