บทที่ 24 ไปโรงเรียนด้วยกันเถอะ

สุดท้ายทั้งเทียนโย่วเหลี่ยง พ่อของเขาแล้วก็เจ้าพี่เถี่ยคนนั้น ทั้งหมดถูกส่งต่อให้ชายหน้าบากจัดการ จากนิสัยของชายหน้าบากแล้วชัดเจนว่าทั้งสามคนนั้นคงจะไม่โดนฆ่า แต่คงจะถูกทรมาณด้วยการถลกหนังออกทั้งเป็นเสียมากกว่า

เย่เฟิงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรหลังจากที่สามคนนั้นโดนลากออกไป เขากลับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้วหันไปถามชายหน้าบาก “จะว่าไป คุณมีเงินให้ผมยืมบ้างไหม?”

ชายหน้าบากมึนงงกับคำพูดเย่เฟิงไปครู่หนึ่ง เขากำลังคิดว่าในเมื่อเย่เฟิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ค่อยมีเงิน?

อย่างไรก็ตามหลังจากขบคิดอยู่สักพักเขาพยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ตามผมมาได้เลยครับ”

เย่เฟิงมองไปยังหลังของชายหน้าบากที่กำลังเดินไปอย่างสงสัย เขาแค่ต้องการขอยืมสักสองสามพันเท่านั้น ทำไมเขาถึงต้องให้เขาตามไปด้วย เย่เฟิงได้แต่คาดเดาว่าชายหน้าบากคงมีเรื่องบางอย่างอยากพูด เขาจึงได้แต่เดินตามไป ผ่านห้องโถงด้านหลังซึ่งเต็มไปด้วยลูกน้องของกลุ่มอสรพิษสวรรค์ที่ยังคงงงงวยรวมไปถึงแขกคนอื่นๆที่กระซิบกระซาบกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้

จากภาพที่เกิดขึ้นแล้วทุกคนเข้าใจตรงกันว่าพี่ใหญ่เถี่ยได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มเป็นที่เรียบร้อย และเด็กหนุ่มนามว่าเย่เฟิงผู้ซึ่งทุกคนยังจดจำภาพของเขาได้ดี ถูกจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลอันตรายที่ไม่สามารถล่วงเกินได้โดยเด็ดขาด!

เย่เฟิงไม่คาดคิดเลยว่าการกระทำของเขาส่งผลต่อผู้คนได้มากถึงเพียงนี้

เวลาต่อมาขณะที่เดินตามชายหน้าบากไป เย่เฟิงมาถึงห้องที่ถูกแยกตัวออกมาจากบริเวณใกล้เคียงลักษณะเหมือนห้องเก็บของเล็กๆ

แก๊งอสรพิษสวรรค์ถูกจัดอับดับเป็นหนึ่งในสามแก๊งมาเฟียที่มั่งคั่งที่สุดของเมืองเหยียนจิง ห้องเก็บของเล็กนี้โดยปกติถูกใช้เวลาเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นเมื่อพวกเขาต้องการค่าประกันตัวของสมาชิกแก๊ง

ชายหน้าบากเปิดประตูที่ดูซับซ้อนและพาเย่เฟิงเข้าไปข้างในห้องกับเขา ในห้องเก็บของนี้มีตู้เก็บของสิบตู้ถูกฝังอยู่กับกำแพง เพียงดูผ่านๆตาสามารถอนุมานได้ว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในบ่อนเทียนหัว

โดยไม่มีแม้กระทั่งความลังเล ชายหน้าบากเดินไปยังหน้าตู้เซฟแล้วทำการแสกนลายนิ้วมือพร้อมทั้งใส่พาสเวิร์ดจากนั้นจึงทำการเปิดประตู สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเย่เฟิงคือตู้ที่อัดแน่นไปด้วยเงินเต็มไปหมด เขาประมาณอย่างหยาบๆว่ามันมีถึงหนึ่งล้าน!

“พี่เย่ เท่านี้พอหรือไม่”

เขาถามทั้งๆที่รู้ว่าเงินหนึ่งล้านนี้มากเกินกว่าที่เย่เฟิงจะหอบไปได้ แน่นอนเย่เฟิงก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน

“อืม พอแล้วล่ะ”

เย่เฟิงยังคงอยู่ในอาการสงบและหยิบเงินออกมาสองแพ็คอย่างลวกๆ จากนั้นจึงเก็บเงินสองหมื่นไว้กับตัว นี่มันเกินคำว่าพอแล้ว ณ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นแหวนสำหรับเก็บของหรือที่เก็บของส่วนตัว เขาก็ยังไม่มีทั้งสิ้น มันคงไม่สะดวกนักที่เขาจะเดินไปไหนมาไหนพร้อมกับแบกเงินจำนวนมากเหล่านี้

ชายหน้าบากพยายามสังเกตท่าทางเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นท่าทีของเย่เฟิงที่ตอบสนองกับสิ่งเหล่านี้ เขาคิดกับตัวเองในใจอีกครั้ง เย่เฟิงไม่ใช่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้เขาก็ยังคงนิ่งเฉยกับมันได้

ชายหน้าบากลอบสังเกตท่าทีของเย่เฟิงอีกสักพักแล้วรวบรวมความกล้ากัดฟันกล่าว “ถ้าพี่เย่ต้องการมากกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ผมอยากให้พี่เย่รับข้อเสนอผมเพียงข้อเดียว”

“ว่ามาสิ”

เย่เฟิงถามอย่างเฉยเมย เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องคิดอะไรอยู่ในใจ ชายหน้าบากเป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มที่มีอิทธิพล เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่เขาจะยอมเชื่อฟังเย่เฟิงและให้เงินแก่เขาอย่างง่ายดายขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะกลัวตายขนาดไหนก็ตามที

“ช่วยสอนวรยุทธ์ให้ผมด้วย!”

ชายหน้าบากกล่าวอย่างหนักแน่นด้วยแววตาที่ราวกับมีไฟลุกอยู่ในดวงตาของเขา

เย่เฟิงรู้สึกประหลาดใจกับคำขอของอีกฝ่าย สอนวรยุทธ์ให้เนี่ยนะ?

หลังจากลังเลอยู่สักพัก เย่เฟิงไม่ได้ตอบรับแต่ถามบางสิ่งกลับไป “นายรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องวรยุทธ์”

ความจริงแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการทราบถึงสถานการณ์และภาพโดยรวมของวิชายุทธ์บนโลกนี้

โชคร้ายที่ชายหน้าบากไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย เขาเพียงแต่พูดว่า “ไม่มากนัก แต่แผลเป็นบนหน้าผมนี้เกิดมาจากผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ใช้มีด…”

ขณะที่ชายหน้าบากเล่าถึงเหตุการณ์ให้แก่เย่เฟิง ดวงตาเขาแสดงชัดถึงความอิจฉาว่าเขาต้องการฝึกวรยุทธ์มากแค่ไหน

……..

ชั่วโมงหนึ่งผ่านไป เย่เฟิงออกจากบ่อนเทียนหัวไปพร้อมกับเงินจำนวนสองหมื่น

จากเรื่องที่ชายหน้าบากเล่าให้ฟัง เป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องวรยุทธ์ แต่หลังจากได้ยินรายละเอียดของเหตุการณ์แล้ว เย่เฟิงคาดเดาคร่าวๆเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้มีดคนนั้น ทั้งเรื่องความเร็วและความแข็งแกร่งตอนที่เขาเข้าโจมตีชายหน้าบาก

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้มีดต้องมีระดับวรยุทธ์ประมาณสิบปี จากคำอธิบายของเหตุการณ์เย่เฟิงได้ยินว่าทักษะการใช้มีดของเขายอดเยี่ยมทีเดียว และความว่องไวต่างๆที่ใช้ต่อสู้ต้องอยู่ในระดับต้นๆของโลกใบนี้!

ในตอนนั้นถ้าไม่มีน้องชายช่วยปกป้องชายหน้าบากเอาไว้ มีดนั่นคงต้องปลิดชีพเขาไปแล้วอย่างแน่นอน เวลานั้นในช่วงตอนเย็นขณะที่ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเดินผ่านไป เขาได้เอะอะโวยวายดังลั่น ผลก็คือกว่าสิบสองคนต้องตายไปในเวลาไม่กี่วินาที เขาฆ่าคนเหล่านั้นด้วยมีดสองคมโดยปราศจากความลังเล

หลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ผ่านไป แผลเป็นที่เกิดจากมีดเล่มนั้นได้ให้ฉายาเขาใหม่ว่า “ชายหน้าบาก” ซึ่งมันกลายเป็นชื่อที่ถูกเรียกขานอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมาจนตอนนี้ไม่มีใครจำได้แล้วว่าชายหน้าบากเคยถูกเรียกว่าอะไรมาก่อน

“ถ้าเราได้เจอกับเจ้าผู้ใช้มีดคนนั้น ระดับฝีมือคงต้องต่างชั้นกันมากอย่างแน่! อีกอย่างนั่นมันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน หากตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่ระดับพลังของมันต้องอยู่ที่ระดับเกือบยี่สิบปีเลยทีเดียว ระดับพลังในตอนนี้ของเราคงไม่มีทางต่อกรกับมันได้อย่างแน่นอน”

เย่เฟิงลอบตื่นตัวในใจ เขารู้แล้วว่าในโลกแห่งนี้ยังคงมีผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มีฝีมือไม่ธรรมดาอยู่อีกมากมาย

หลังจากฟังเรื่องราวเหล่านั้น เย่เฟิงกล่าวไปว่าตราบใดที่ชายหน้าบากยังเชื่อฟังเย่เฟิงอย่างไม่ขัดข้อง เขาจะสอนวรยุทธ์ให้ ซึ่งนั่นทำให้ชายหน้าบากยินดีเป็นอย่างยิ่ง หลังจากเวลาผ่านไปกว่าสิบปี ในที่สุดโอกาสนี้ก็มาถึงเขาเสียที!

ก่อนจากกันเย่เฟิงได้สั่งให้เขาเตรียมเงินไว้จำนวนสามล้านในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ และให้ทำการรวบรวมสมุรไพรจีนต่างๆในเวลาครึ่งเดือน เขาเตรียมของเหล่านี้สำหรับการเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าโบราณที่หลางฝาง

เมื่อเห็นว่าชายหน้าบากสัญญาจะทำตามคำขอของเข้าทั้งสองข้อ เย่เฟิงได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้แล้วเดินจากมา

………………………..

เย่เฟิงได้กลับมาถึงบ้านของเขาในหมู่บ้านชิงเฟิง จากนั้นจึงพักผ่อนจนถึงรุ่งสาง หลังจากหลับไปอย่างเงียบสงบแล้ว พลังของเขาถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งอย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อพระอาทิตย์เริ่มขึ้น เขาบิดตัวพลางลุกขึ้นจากเตียงเปิดประตูเตรียมไปที่โรงเรียน

( เอ็งไม่คิดจะอาบน้ำหน่อยหรอ? = = )

“เย่เฟิง นายรีบหน่อยสิไม่งั้นเดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายเอานะ”

เมื่อเขาออกจากบ้านก็ได้ยินเสียงสดใสที่น่ารื่นรมย์ และกระฉับกระเฉงแต่เช้า ซึ่งไม่ใช่เสียงของใครคนไหนนอกจากซูเหมิงหานนั่นเอง

“ต่อให้ฉันไปสายมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอไม่ใช่เหรอ?”

เย่เฟิงพูดจาอย่างหยาบกระด้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองซูเหมิงหาน รูปร่างของเธอใต้แสงพระอาทิตย์แสดงถึงความสวยและความมีเสน่ห์อย่างเด่นชัด ขณะที่รอยยิ้มหวานของเธอทำให้เย่เฟิงประหลาดใจอยู่สักพัก

ดอกไม้สีขาวตรงคอเสื้อของเธอที่ถูกพับอย่างสวยงามช่วยทำให้รูปร่างของเธอถูกขับเด่นออกมาอย่างชัดเจนมากขึ้น ใต้กระโปรงสีขาวที่มีความยาวระดับเข่า เรียวขาสวยผิวขาวเนียนที่ยืนติดชิดกันทำให้ร่างบางของเธอดูสง่าขึ้นไปอีก

ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ ใบหน้ารูปไข่เต็มไปด้วยรอบยิ้ม เธอมีความสุขอย่างมากที่ได้เจอกับเย่เฟิง

“มาเถอะ ไปโรงเรียนด้วยกัน”

ซูเหมิงหานมองเย่เฟิงที่จ้องมองมาอย่างแปลกใจ เธอเหยียดมือเข้ามาโบกตรงหน้าเขาสองครั้งทำให้เย่เฟิงรู้สึกตัว ใจเขาสั่นไหววูบอย่างบอกไม่ถูก ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างมีเสน่ห์รุนแรงเสียจริง

“ทำไมถึงอยากไปกับฉันล่ะ?”

ใจของเย่เฟิงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ดังนั้นจึงเขาถามออกไปพลางทำเสียงฮึมฮัมเบาๆ

“พ่อของฉันไม่ให้คนมารับฉันไปส่งนี่ เพราะงั้นก็ต้องไปกับนายนี่แหละ”

ซูเหมิงหานพูดด้วยใบหน้าหม่นหมอง “นี่ฉันมารอนายมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

เธอคิดว่า เมื่อเย่เฟิงสัญญากับเธอว่าจะพาไปที่หลังฝางแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เธอควรจะรักษาสัมพันธ์อันดีกับเขาเสียที ไม่งั้นเขาอาจจะกลับคำพูดก็ได้ และเพราะเหตุนี้เอง เธอถึงกับมารอเย่เฟิงหน้าบ้านของเขาแต่เช้าเพื่อที่จะไปโรงเรียนด้วยกัน

“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หรอกนะ แต่เอาเถอะ ไปกันได้แล้ว”

เย่เฟิงส่ายหน้าแล้วเดินไปยังทางเข้าของหมู่บ้านชิงเฟิง

“เดี๋ยวก่อนรอด้วยสิ อ้า ทำไมนายเดินเร็วนักล่ะ”

ซูเหมิงหานรีบวิงไล่ตามเย่เฟิงมา เรือนร่างที่สวยงามและบริสุทธ์ของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และความมีชีวิตชีวา เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูทางเข้าไป รปภ.หนุ่มแทบละสายตาไปจากเธอไม่ได้ รูปร่างของเธอทำน้ำลายเขาแทบไหลออกจากปาก

เมื่อพวกเขาเดินออกจากหมูบ้านชิงเฟิงก็พบกับชายร่างกายกำยำสี่คนยืนรออยู่ด้านข้าง ทุกคนล้วนมีสัญลักษณ์งูขาวอยู่บนแขนเสื้อของพวกเขา นั่นแสดงถึงสัญลักษณ์ของกลุ่มอสรพิษสวรรค์!

เมื่อเย่เฟิงเห็นพวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหยุดและยังคงเดินต่อไป

“แย่แล้ว หนีกันเถอะ!”

ซูเหมิงหานรู้ทันทีว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน เธอรีบดึงแขนเย่เฟิงเพื่อที่จะพาเขาหนี เย่เฟิงมีเรื่องกับคนกลุ่มนี้มาหลายรอบแล้ว ตอนนี้สี่คนนี้ต้องมารุมทำร้ายเขาแน่ๆ ถ้าไม่รีบหนีไปพวกเธอคงต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถอย่างแน่นอน!

“นี่เธอจะตกใจกลัวอะไรกันเนี่ย?”

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่สาวน้อยร่างบางอย่างซูเหมิงหานจะสามารถลากเขาไปได้ แต่เมื่อเย่เฟิงเห็นว่าเธอแสดงความเป็นห่วงเขาอย่างชัดเจนขนาดนี้ ใจของเขาก็รู้สึกสั่นไหวอีกครั้ง เย่เฟิงกล่าวให้เธอใจเย็นลง “ใจเย็นหน่า คนพวกนั้นไม่ได้มาหาเรื่องเราหรอก”

ถึงแม้ว่าเย่เฟิงจะพูดไปแบบนั้น แต่มีหรือที่เธอจะเชื่อเขา

จากการที่เย่เฟิงไปมีเรื่องกับคนกลุ่มนี้มาหลายครั้ง และพวกมันยังเป็นถึงแก๊งมาเฟีย นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่! อีกอย่างขนาดตอนเช้าแบบนี้นักเลงสี่คนนั่นก็มาดักรอข้างนอกแล้ว มันจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากว่าคนกลุ่มนี้จะมาจัดการกับเย่เฟิงน่ะสิ

ซูเหมิงหานรู้สึกกระวนกระวายสุดขีด เมื่อเธอเห็นว่าเย่เฟิงไม่มีท่าทีจะหลบหนีแม้แต่น้อย เธอจึงได้แต่ตัดสินใจหลบซ่อนตัวอยู่หลังเขา

…………………………….

ผู้แปล : Teepo_V

ปรับสำนวน : Solar Spark