บทที่ 23 โศกนาฏกรรมของพี่เถี่ย

เมื่อเย่เฟิงเดินออกจากห้อง เขาใช้ลิฟท์ลงไปยังชั้นล่างจากนั้นจึงเดินไปยังห้องลอบบี้ และในเวลานั้นเอง เย่เฟิงเหลือบไปเห็นคนหลายคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ

นอกจากเทียนโย่วเหลียงกับพี่เถี่ยที่มีผ้าก๊อซปิดจมูกแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหลายคนอยู่ในห้องส่วนตัว ในเวลานี้ พวกเขาต่างพูดคุยหัวเราะเฮฮากันอย่างหรรษา คล้ายกับว่าได้ทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำเร็จแล้ว

เย่เฟิงตั้งใจจะแอบฟัง จึงไม่เดินเข้าไปใกล้กว่านี้

“สบายใจได้ ในเมื่อผมรับเงินมาแล้ว พวกคุณต้องพอใจกับผลงานของผมอย่างแน่นอน”

พี่เถี่ยที่สวมแว่นตากันแดดพร้อมด้วยผ้าก๊อซที่ครอบจมูกอยู่ พูดด้วยใบเหี้ยมเกรียม “ไว้ถึงพรุ่งนี้เมื่อไหร่ ผมจะทำให้มันต้องร้องอ้อนวอนขอชีวิต!”

กลุ่มของแก๊งอสรพิษสวรรค์ที่นำโดย‘พี่เถี่ย’มีชื่อเสียงเลืองลือไปทั่วแถบนี้ นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นพวกชอบลงมืออย่างอำมหิตและมีส่วนพัวพันกับคดีอื้อฉาวสกปรกต่างๆนานาเท่านั้น น้องสาวของเขายังเป็นผู้หญิงที่หัวหน้าใหญ่ถูกใจ เธอจึงเหมือนกับเป็นรองหัวหน้าของแก๊งนี้ไปโดยปริยาย

ชัดเจนว่าพี่เถี่ยคนนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่คนโง่เหมือนดังที่เห็นภายนอก เขากลายเป็นคนมีอำนาจมาได้เพราะอาศัยน้องสาว และเขายังให้ความสนใจกับฝีมือของลูกน้องในทีมอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อเขารับรู้ความสามารถของเย่เฟิง เขาจึงส่งคำเชิญให้เข้าร่วมทีม แต่โชคไม่ดี เย่เฟิงปฏิเสธโดยไม่เก็บไปคิดแม้แต่น้อย

“ถ้ามันโดนอัดจนน่วมแล้วเกิดพิการขึ้นมา เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาจริงหรือ?”

ถึงอย่างไร เทียนโย่วเหลียงก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลาย เรื่องที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้ถือว่าน่ากลัวและโหดเหี้ยมสำหรับเขาอย่างมาก เรื่องที่เย่เฟิงไม่สามารถเรียนหนังสือได้นั้นถือว่าเล็กน้อยไปเลยหากเทียบกับการที่มันต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิต

“หึ! การที่แก๊งของเราจะฆ่าใครสักคน หรือทำให้มันพิการ นี่ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยมาก”

พี่เถี่ยส่งเสียงเยียบเย็น ชัดเจนอยู่แล้วว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเรื่องแค่นี้จึงไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ

“ใช่แล้ว เรื่องนี่มันธรรมดาๆ ฮ่าฮ่า”

เมื่อเห็นสายตาที่ไม่พอใจบนใบหน้าพี่เถี่ย พ่อของเทียนโย่วเหลียงรีบอธิบายแก้ต่างให้กับลูกชายของเขาทันที “ลูกชายผมแค่แปลกใจที่พี่เถี่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องนี้เท่านั้น พี่เถี่ยโปรดอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”

“เดี๋ยวก่อนพ่อ พี่เถี่ย……..”

เทียนโย่วเหลียงที่เดิมอยู่ในอาการเมามาย ทันใดนั้น เขาชี้นิ้วไปยังชายสองคนด้านนั้นพร้อมกับกล่าวว่า “นั้นไม่ใช่เย่เฟิงรึไง?”

เย่เฟิงที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเขาทราบถึงเจตนาของฝั่งตรงข้ามแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ตรงนี้อีกต่อไป

ส่วนอีกด้าน เมื่อพี่เถี่ยได้ยินดังนั้น เขาหันหลังกลับและพบกับร่างของเย่เฟิง คนที่สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งในจิตใจของเขา ไอ้เด็กเหลือขอนี่คือคนที่ขว้างก้อนอิฐใส่หน้าของเขาจนดั้งหัก แถมยังกล้าปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างไม่ใยดี เหมือนกับมันไม่เห็นอิทธิพลของเขารวมทั้งแก๊งอสรพิษสวรรค์อยู่ในสายตา!

“ไอ้เด็กเวร แกยังกล้าเสนอหน้ามาหาพี่เถี่ยคนนี้อีกงั้นรึ? แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว!”

พี่เถี่ยหัวเราะ เขาคิดว่าเย่เฟิงมาที่นี่เพราะยอมรับในตัวเขา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองพร้อมกับกล่าวว่า “ชีวิตมนุษย์เราอาจมีโอกาสผ่านเข้ามามากมาย แต่โอกาสนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ตอนนี้ต่อให้แกคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็ไม่รับแกเป็นลูกน้องอีกแล้ว!”

“อ่อ งั้นหรอ?”

เย่เฟิงยิ้มบางๆขณะทอดสายตาไปยังฝั่งตรงข้าม

“เย่เฟิง แกรู้รึเปล่าว่าที่นี่มันที่ไหน?”

เทียนโย่วเหลียงดื่มเหล้าจนเมามายจึงพูดด้วยท่าทีไร้กังวล ยังไงเสียเขาก็มีคนหนุนหลังอยู่แล้ว ตอนนี้เขาตื่นเต้นมากกว่าเมื่อคิดถึงสภาพของเย่เฟิงที่ถูกพี่เถี่ยซ้อมจนน่วม

ถึงแม้ว่าพ่อของเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอเย่เฟิงที่นี่ แต่มันก็เป็นเรื่องแปลกใจที่น่ายินดี ที่ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงพรุ่งนี้อีกแล้ว พวกเขาสามารถจับเย่เฟิงมาสั่งสอนบทเรียนให้มันได้เลยตอนนี้เลย

“เอาเลย! ทำให้ไอเด็กเวรนี่มันรู้ซึ้งถึงชะตากรรมของคนที่มันกล้ามาท้าทายแก๊งอสรพิษสวรรค์ของพวกเรา”

เมื่อพี่เถี่ยสั่ง ลูกน้องฝีมือดีสองคนของแก๊งพุ่งเข้าไปจัดการกับเย่เฟิงทันที

เย่เฟิงยังคงมีท่าทีเฉยเมยจนกระทั่งอันธพาลสองคนเข้ามาใกล้ ในชั่วอึดใจ มือทั้งสองข้างของเขากรีดกรายเคลื่อนไหว ปลดปล่อยหมัดปากั้วที่รวดเร็วดังสายฟ้าเข้าใส่พวกมันทั้งคู่ สองเสียง ปัง! ปัง! ดังก้องติดต่อกัน ส่งร่างของอันธพาลทั้งสองให้กระเด็ดไปชนกำแพงแล้วร่วงลงมานอนหมดสภาพร้องครวญครางโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

เสียงเหล่านี้ดึงดูความสนใจของทุกคนในบริเวณนั้นทันที

คนเหล่านี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าใครคือผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่แทบนี้? แต่วันนี้ พวกเขากลับเห็นใครบางคนกล้ามาท้าทายคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ถึงสำนักงานใหญ่ของแก๊ง เรื่องนี้ทำให้พวกเขามีสีหน้าเหมือนกับเจอเอเลี่ยนอย่างไรอย่างนั้น

ถึงอย่างนั้น สิ่งที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การตวัดมือธรรมดาของเด็กหนุ่มที่ดูน่าจะเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลาย แต่กลับส่งร่างของอันธพาลทั้งสองไปกระแทกกับกำแพงอย่างง่ายดาย นี่ทำให้เหล่านี้ถึงกับตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาคิดว่าบางทีวันนี้ เด็กหนุ่มคนนี้คงไม่อาจมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่อีกแล้ว

พี่เถี่ยถึงกับมึนงงเมื่อเห็นลูกน้องของเขาทั้งสองที่นอนแผ่ราบอยู่บนพื้นหลังจากถูกหมัดของเย่เฟิง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ทำให้เขารู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา เขารู้ว่าเย่เฟิงมีฝีมือในการต่อสู้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีฝีมือสูงขนาดนี้ ถึงขนาดจัดการกับมือดีอันดับต้นๆของแก๊งได้ในชั่วพริบตา

เย่เฟิงถอนกำปั้นกลับมาขณะมองอย่างไร้อารมณ์ไปยังพี่เถี่ยพร้อมกับกล่าวว่า “ผมขอแนะนำให้คุณหลีกไปให้พ้นทาง แล้วเลิกยุ่งกับผมอีก ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา”

“บัดซบ! ไอ้เด็กอวดดีนี่คิดจะขู่พ่อมันรึไง!”

พี่เถี่ยไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าเขาถูกคุกคามจากเด็กมัธยมปลายที่ดูแสนธรรมดา เขาโบกมือให้สมาชิกของแก๊งหลายสิบคนจัดการกับเย่เฟิง

เหล่าไทยมุงโดยรอบในบ่อนเทียนหัวพร้อมใจกันหยุดดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเขาคิดว่าในไม่ช้า เย่เฟิงต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน แต่ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนดังกึกก้องมาจากด้านหลังของเย่เฟิง “ฉันที่เป็นหัวหน้า ขอสั่งให้พวกแกทุกคนหยุดมือเดี๋ยวนี้!”

เย่เฟิงหันหลังไปเห็นชายหน้าบากที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเขานั้นแสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง!

ก่อนหน้านี้ชายหน้าบากมอบหมายงานให้คนของเขาจัดการกับร่างของศพทั้งสอง จากนั้นจึงรีบวิ่งตามมาเพราะเขามีเรื่องๆหนึ่งอยากจะขอร้องกับเย่เฟิง แต่เขากลับต้องมาพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้ แล้วจะให้เขาไม่รู้สึกโมโหได้อย่างไร?

พี่เถี่ยรีบตะโกนออกมาทันที “พี่ใหญ่ ไอ้เด็กนี่มันไม่เห็นหัวแก๊งอสรพิษสวรรค์ของพวกเรา ผมเลยจะสั่งสอนมัน…….”

“ฮืม”

ชายหน้าบากส่งเสียงคำรามต่ำออกมาทันทีเพื่อขัดคำพูดของพี่เถี่ย เขาหันไปมองรอบๆอย่างรวดเร็วพร้อมกับผายมือของเขา “เย่เฟิงคือญาติผู้น้องห่างๆของฉัน และเมื่อครู่นี้ เขาช่วยชีวิตฉันไว้ แกยังมีหน้ามาบอกว่าจะสั่งสอนเขาอีกรึไง?”

ผู้คนโดยรอบต่างพากันจ้องมองอย่างแปลกใจกับคำพูดของชายหน้าบาก

อะไรนะ?

เด็กคนนี้เป็นญาติผู้น้องห่างๆของหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์ ยิ่งกว่านั้นมันยังช่วยชีวิตหัวหน้าไว้อีกงั้นหรือ? โกหก! มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ

เทียนโย่วเหลียงรู้สึกเหมือนไร้ชีวิตไปในทันใด เขาไม่อาจยอมรับได้จริงๆว่าเย่เฟิงมีความสัมพันธ์กับหัวหน้าของแก๊ง เพราะอย่างนี้นี่เอง เย่เฟิงถึงกล้าล่วงเกินแก๊งอสรพิษสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้างั้นสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันในห้องส่วนตัวก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระงั้นหรือ? ตอนนี้ ไม่เพียงไม่สามารถทำอะไรกับเย่เฟิงได้ พวกเขายังกลายเป็นนำโชคร้ายเข้าสู่ตัวเองอีกต่างหาก

“นี่ เถี่ย แกทำงานให้ฉันมานานแค่ไหนแล้ว?”

ชายหน้าบากถามขณะจ้องมองไปยังพี่เถี่ย

“ป…ประมาณสามปีครับพี่ใหญ่”

พี่เถี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าถึงถามคำถามเช่นนี้ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน? เขาหันไปมองเย่เฟิงด้วยท่าทีหวาดผวาขณะตอบ

“สามปีงั้นรึ คิดไม่ถึงเลยว่าแกรวมทั้งน้องสาวของแกและอาเฉียงถึงกับกล้ารวมหัวกันวางแผนลอบสังหารฉัน นี่ถ้าไม่ได้น้องเย่ช่วยไว้ละก็ ฉันคงตายไปเมื่อสองสามนาทีที่แล้ว และไม่มายืนอยู่ต่อหน้าแกแบบนี้หรอก!”

ชายหน้าบากพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและดุร้าย นี่ถือเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดมาคือความจริง อีกด้านหนึ่ง เย่เฟิงประทับใจอย่างมากทีเดียวกับทักษะการแสดงของเขา ชายคนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทีเดียว ไม่ผิดไปจากที่เย่เฟิงคาดไว้ คนที่สามารถรักษาตำแหน่งหัวหน้าของแก๊งอสรพิษสวรรค์ไว้ได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน

คำพูดของชายหน้าบาก เพียงพอแล้วที่จะอธิบายถึงการตายของคนทั้งสอง และในขณะเดียวกัน เขายังสามารถอธิบายถึงสถานะของเย่เฟิงภายในแก๊งตอนนี้ให้ทุกคนได้รู้อีกด้วย นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ไม่ผิดนัก

“พ…พี่ใหญ่ เรื่องนี่จะเป็นไปได้อย่างไร……”

ในทันทีที่พี่เถี่ยได้ยินคำพูดของชายหน้าบาก เขาถึงกับมีอาการขวัญหนีดีฝ่อ

มันจบสิ้นแล้ว!

เทียนโย่วเหลียงและพ่อของเขามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ นี่เรียกว่าเมื่อทำกรรมกับใครไว้ กรรมนั้นย่อมคืนสนองงั้นหรือ? พวกเขาทั้งคู่ต่างมองไปยังพี่เถี่ย สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ช่างเป็นเรื่องน่าอนาถใจสำหรับเขาคนนั้นอย่างแท้จริง

ชายหน้าบากโบกมือออกคำสั่งให้คนของเขาจับตัวคนทั้งสามนี่ไว้ และในไม่ช้า กลุ่มคนของชายหน้าบากก็เข้าไปจับตัวพวกเขาไว้ทันที

……………………

ผู้แปล : Mediate

ปรับสำนวน : Solar Spark