บทที่ 226 ระเบิดเกาะน้ำแข็ง

สีหน้าของธันเดอร์กลายเป็นบิดเบี้ยวเล็กน้อย

เขาพึ่งได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้ถอนกำลังออกมาพร้อมกับหนิวเหมิ่ง หลังจากนั้น ทางกองทัพจะยิงจรวดขีปนาวุธสองลูกติดต่อกันจากเรือ Destroyer เข้าใส่เกาะน้ำแข็งทันที ด้วยวิธีนี้ ขีปนาวุธลูกแรกจะระเบิดเกาะน้ำแข็ง ขณะที่อีกลูกหนึ่งจะเล็งเข้าใส่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่รวมตัวกันอยู่

สำหรับพฤติกรรมที่ดื้อด้านของหลงโม่หรัน ทำให้ทางกองทัพเห็นว่าพวกเขาไม่ควรจะทนอีกต่อไปแล้ว ชายคนนี้จึงควรถูกกำจัดไปเสีย ซ้ำมันยังคิดจะช่วงชิงสิ่งของไปจากหน่วย NSA อีกด้วย นี่เท่ากับเป็นการท้าทายอำนาจของประเทศ ความเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่สมควรปล่อยไว้

หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงเช่นหลงโม่หรันถูกสังหารในการระเบิด นี่จะเป็นการส่งสัญญาณเตือนเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ว่าอย่าอวดดีมากเกินไปกับอำนาจของประเทศนี้

สำหรับบิดาของหลงโม่หรัน แม้มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะก่อปัญหาขึ้นหลังจากนั้น แต่โดยปกติแล้ว ประเทศนี้คงไม่อ่อนแอถึงขึ้นเกรงกลัวแค่ชายชราคนเดียว แม้จะไม่ยุติธรรมกับตระกูลหลงเท่าไหร่ แต่มันก็ต้องมีการเสียสละบ้าง

ด้วยที่เป็นคำสั่งสูงสุดจากเบื้องบน ดังนั้น ธันเดอร์จึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก

ดังนั้น เมื่อเห็นเย่เฟิงที่แม้เลือดท่วมตัวแต่กำลังหัวเราะเสียงดังอยู่ เขาจึงลอบส่งสัญญาณลับแก่เด็กหนุ่มให้รู้ถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนจะพาหน่วย NSA ทั้งหมดถอนตัวกลับไป ธันเดอร์คิดว่าเขาทำเพื่อหลินชื่อฉิงได้มากสุดเพียงเท่านี้ หากหลังจากนี้ เย่เฟิงยังไม่อาจหลบหนีและตายจากการระเบิด เขาจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อหญิงสาวมากนัก

ท่าทางของธันเดอร์นนั้น เย่เฟิงสามารถรับรู้ได้จากทักษะสัมผัสวิญญาณ

ชายคนนั้นกำลังจะสื่ออะไร?

เย่เฟิงขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และทันใดนั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าหน่วย NSA กำลังถอนกำลังออกไปจากเกาะน้ำแข็งแห่งนี้ทั้งหมดราวกับพวกเขาทราบถึงบางสิ่ง ภาพนี้ทำให้ชายหนุ่มสงสัยและหันมองออกไปจากพื้นทะเลที่กว้างใหญ่

สภาพอากาศตอนนี้เปล่งรัศมีงดงามพร้อมกับผืนน้ำที่สงบนิ่ง ถึงแม้เย่เฟิงจะมองไม่เห็นสิ่งใดที่ดูผิดปกติ แต่เขาก็พอเดาได้ว่าทางกองทัพมีแผนการจะโจมตีเกาะแห่งนี้ในอีกไม่ช้า มันควรจะเป็นขีปนาวุธ? ตอร์ปิโด? หรืออาวุธอย่างอื่น?

แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันต้องเป็นสิ่งที่สร้างหายนะแก่เขาแน่นอน

ชายหนุ่มคิดถึงความเป็นไปได้นี้โดยมีพื้นฐานมากจากการที่เขาพบว่าหนิวเหมิ่งนั้นมีลักษณะนิสัยเหมือนกับหลี่เฟิง ชายคนนั้นมีความโกรธแค้นต่อโลกยุทธภพ เพราะฉะนั้นหลังจากถ่ายทอดสถานการณ์ตอนนี้ไปหาหลี่เฟิง หนิวเหมิ่งต้องขออนุมัติการโจมตีที่ทำลายเกาะแห่งนี้ให้ราบคาบแน่นอน

‘มาเลย จะระเบิดอะไรก็เข้ามา แต่ก่อนหน้านั้น ฉันขอจัดการกับเจ้าหลงโม่หรันนี่ก่อนเถอะ”

ขณะที่คิดแบบนี้ เย่เฟิงรวบรวบเจินชี่อีกครั้งขณะที่ดวงตาจ้องมองไปยังหลงโม่หรันที่ยืนห่างออกไปประมาณ 20 เมตร

หลงโม่หรันพึ่งใช้เพลงกระบี่พร่ำเพ้อขั้นที่สาม ทำให้พลังที่มีถูกใช้ไปเกือบหมดสิ้น ดังนั้นเมื่อเห็นเย่เฟิงจ้องมองมาด้วยแววตาดุร้าย หัวใจของเขาจึงพลันรู้สึกหนาวเหน็บไปทันที

แย่แล้ว มันคิดจะจัดการเขาแล้ว!

หลงโม่หรันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่ง เขาจะต้องรู้สึกเกรงกลัวเจ้าเด็กคนนี้ โดยเฉพาะเด็กที่เป็นลูกของศัตรูคู่อาฆาต

นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!

ในอดีตนั้น เย่หยุนเฟยคือคนไร้ประโยชน์ผู้ที่ไม่แม้แต่จะฝึกฝนทักษะกรงเล็บมังกร หรือทักษะอื่นๆของตระกูลเย่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนั้น เจ้าเด็กเย่เฟิงคนนี้ก็ไม่ควรแข็งแกร่งขนาดนี้สิ หรือมันสืบทอดความแข็งแกร่งมาจากแม่ของมัน?

อย่างไรก็ตาม หลงโม่หรันไม่เหลือเวลาให้คิดอะไรอีกแล้ว

“เฒ่าฉี ถ้าเจ้ายังนิ่งเฉยไม่ช่วยข้าจัดการกับมัน ข้ามั่นใจว่าพ่อของข้าต้องสังหารทุกคนในถ้ำชี่เฉิงแน่ แบบนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

หลงโม่หรันกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่

ความตั้งใจของหลงโม่หรันคือให้ฉีเสี่ยวหยูช่วยต่อสู้กับเย่เฟิงเพื่อถ่วงเวลาจนกว่าพลังชี่ของเขาจะกลับคืนมา จากนั้น สถานการณ์ของเขาจะกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้งหนึ่ง

ฉีเสี่ยวหยูได้ยินดังนั้นก็ลอบสาปแช่งหลงโม่หรันในใจ

ถึงแม้หลงโม่หรันจะข่มขู่เขาอย่างร้ายกาจ แต่หากเขาตายในมือเจ้าเด็กคนนั้น แล้วสำนักหมัดเทพทวาราจะเป็นอย่างไร?

แต่ฉีเสี่ยวหยูก็เข้าใจว่าเวลานี้ เขาและหลงโม่หรันลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากหลงโม่หรันเกิดตายขึ้นมา พิจารณาจะอุปนิสัยพ่อของมันแล้ว ชายชราคนนั้นคงต้องระบายความแค้นใจใส่สำนักหมัดเทพทวาราด้วยแน่ หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ได้รับคงไม่อาจเทียบกับสิ่งที่สูญเสียไปได้

ดังนั้น ฉีเสี่ยวหยูจึงก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เคราสีขาวพลิ้วไหวไปตามสายลม และในไม่ช้า ร่างของชายชราในชุดคลุมสีเทาก็มายืนอยู่ด้านหน้าของหลงโม่หรัน

“เย่เฟิงหยุดลงมือและกลับไปเสีย พวกเราจะให้โอกาส แต่หากยังดื้อดึงอีกละก็ เธอจะไม่ได้กลับไปแบบมีชีวิต”

ความจริงแล้ว ฉีเสี่ยวหยูไม่ต้องการจะต่อกรกับเย่เฟิง เพราะเขารับรู้แล้วถึงความแข็งแกรงของเด็กหนุ่มว่ามันเป็นของจริง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชายชราพยายามพูดจาโน้มน้าว “ลองคิดดูสิถ้าเธอตายที่นี่ แล้วหญิงสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไร? ถ้าปู่ของเธอต้องเห็นหลานชายตายก่อนตัวเอง เขาจะทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้หรือ?”

เมื่อหลงโม่หรันได้ยินคำกล่าวของฉีเสี่ยวหยู เขาก็ลอบสาปแช่งตาแก่เจ้าเล่ห์คนนี้ในใจ

ด้วยที่หน่วย NSA ถอนตัวกลับไปหมดแล้ว และหลงโม่หรันก็ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้ได้ หากฉีเสี่ยวหยูสามารถโน้มน้าวเย่เฟิงให้กลับไปได้จริงๆ ผลึกน้ำแข็งที่ถูกฝังอยู่ก็จะตกเป็นของหมัดเทพทวาราโดยปริยาย

ถึงอย่างนั้น คนของตระกูลถังและวังกระบี่สวรรค์หายไปไหนกัน?

หัวใจของหลงโม่หรันพลันหนาวสั่นด้วยความกลัว ก่อนหน้านี้มันยังมีเงาของคนอีกหลายสิบอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หน่วย NSA ทั้งหมดจึงถอยตัวกลับไปโดยไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย มันทำให้ใจของเขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

อย่าบอกนะว่า…..

ทันใดนั้น ความเป็นไปได้ต่างๆนาๆก็ผุดขึ้นมาในใจพร้อมกับประกายตาเย็นเยียบที่ฉายวาบขึ้นในดวงตา นี่หมายความว่าพวก NSA วางแผนจะจัดการกับทุกคนที่นี่งั้นหรือ?

“คุณอย่ามาขวาง”

เย่เฟิงกล่าวขณะจ้องมองฉีเสี่ยวหยูด้วยแววตาเย็นเยียบ

“ฮ่า ฮ่า หนุ่มน้อย”

ฉีเสี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หากฉันลงมือละก็ เธอคิดว่าด้วยตัวเธอที่อยู่ในสภาพนี้จะรอดชีวิตไปได้งั้นหรือ?”

“ท่านผู้เฒ่า ผมไม่อยากจะสู้กับคุณ”

เย่เฟิงเค้นเสียงและกล่าวต่อไป “หึ เอางั้นก็ได้”

จะอย่างไร หากใช้ทักษะกระบี่ผ่ามิติ เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งตัวเองได้ในชั่วพริบตา ต่อให้ฉีเสี่ยวหยูยืนขวางทางอยู่ข้างหน้าหลงโม่หรัน คิดหรือว่าเขาจะไม่สามารถสังหารหลงโม่หรันได้?

คิดตื้นเกินไปแล้ว!

นอกจากนี้ หน่วย NSA ยังถอนตัวกลับไปหมดแล้ว เขาจึงใช้ทักษะอำพรางได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก เย่เฟิงรีบใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาบาดแผลบนร่างกาย หลังจากนั้น เขาจึงใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาเพิ่มความเร็วร่างกายให้ถึงจุดสูงสุด!

เป้าหมายของเขากลับกลายเป็นน้ำแข็งพันปีที่ฝังอยู่กลางลานน้ำแข็ง ชายหนุ่มพุ่งตัวผ่านทุกคนไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืนใหญ่

“เจ้าหนุ่มนั้น!”

ภาพนี้ทำให้หลงโม่หรัน ฉีเสี่ยวหยู และศิษย์สำนักหมัดเทพทวาราต้องตื่นตกใจ เจ้าหมอนี่ถึงกับเล่นละครเพื่อใช้โอกาสนี้แย่งชิงสมบัติสวรรค์ไป เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!

ฉีเสี่ยวหยูรีบตอบสนองทันที พร้อมกับส่งสายตาไปยังตำหนิไปยังเหล่าศิษย์ของสำนักตัวเองว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่หาโอกาสไปเอาผลึกน้ำแข็งมา

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจตำหนิเหล่าศิษย์สำนักได้มากนัก การได้เห็นเย่เฟิงยืดหยัดต้านทานการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของหลงโม่หรัน ‘กระบี่ลำนำจันทราคลั่ง’ ไม่ว่าใครก็ล้วนรู้สึกตื่นตะลึงกันทั้งนั้น มันต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะเรียกคืนสติกลับมาได้

ในเวลานี้ คนบางคนเริ่มตอบสนองและพุ่งไปยังผลึกน้ำแข็งแล้ว

ศิษย์หกคนของหมัดเทพทวาราที่มีระดับวรยุทธ์ตั้งแต่ 30-40 ปี รีบเคลื่อนที่เข้าหาผลึกน้ำแข็งด้วยความเร็วสูงสุด

แต่ทันใดนั้นเอง เย่เฟิงพลันหยุดฝีเท้าลงและโคจรเจินชี่ทั่วร่าง กระบี่สีเขียวเข้มปรากฏขึ้นมาในมือและชี้ไปยังตำแหน่งที่หลงโม่หรันยืนอยู่

กระบี่ผ่ามิติ!

ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มหันไปหาน้ำแข็งพันปีเพียงเพราะต้องการหลอกล่อเท่านั้น แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการสังหาร!

ร่างของเย่เฟิงหายไปจากตำแหน่งเดิมและพลันปรากฏขึ้นมาด้านหลังของหลงโม่หรัน ในชั่วพริบตา เขาก็แทงกระบี่ใส่หน้าอกของอีกฝ่ายทันที!

ไม่ว่ากระบี่นี้จะเข้าเป้าหรือไม่ อย่างน้อย เย่เฟิงขอให้เลือดของมันได้ไหลริน ในตอนนี้เพราะการหลอกล่อของชายหนุ่ม สายตาของหลงโม่หรันจึงสนใจอยู่แต่น้ำแข็งและไม่อาจตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน

ตู้ม!

เสียงระเบิดพลันดังขึ้นมากึกก้องไปทั่วบริเวณ

ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ทั่วทั้งเกาะน้ำแข็งพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากการระเบิดของจรวดขีปนาวุธของกองทัพ เย่เฟิงไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้!

………………

แปลโดย Solar Spark