บทที่ 225 นี่เต็มที่ของแกแล้วงั้นหรอ?

เย่เฟิงและหลงโม่หรันกำลังยืนอยู่ต่อหน้ากัน เป็นการเผชิญหน้าที่แสนเย็นยะเยือก

ไม่นาน หลงโม่หรันก็คว้ากระบี่ออกมา พลังชี่ที่ปะทุขึ้นก่อกำเนิดกลิ่นอายที่น่าอึดอัดกระจายไปทั่วบริเวณ ในตอนนี้ ความคิดเพียงอย่างเดียวของเขาคือการแทงกระบี่เล่มนี้ใส่หัวใจเย่เฟิงเพื่อให้มันสิ้นชีพในทันที!

สำหรับเย่เฟิงนั้น เขายังคงยืนอยู่ข้างหน้าร่างของซูเฟยหยิ่ง และเก็บซ่อนความคิดที่จะจัดการหลงโม่หรันในทีเดียวเช่นกัน แต่การที่เขาพึ่งใช้กระบี่สังหารลิ่วจื่อไกว้ไปก่อนหน้านี้ เจินชี่ในร่างจึงยังอยู่ระหว่างการฟื้นฟู

เขาต้องรออีกครู่หนึ่งจึงจะใช้กระบี่ได้อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นเจินชี่ในร่างของเขาจะถูกใช้จนหมดและมีไม่มากพอจะใช้โจมตีสวนกลับได้ ในกรณีนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งกว่าการฝืนดูดซับพลังวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับวรยุทธ์

ทั้งสองคนต่างจ้องมองกันอย่างไร้คำพูด แต่ละคนล้วนกำลังประเมินฝ่ายตรงข้าม

ในด้านกลิ่นอายของพลังที่ปล่อยออกมา เย่เฟิงแทบจะโดนหลงโม่หรันกลืนกินโดยสมบูรณ์ซึ่งเป็นผลมาจากช่องว่างอันมหาศาลของระดับวรยุทธ์ มันเปรียบเสมือนเรือลำเล็กลอยคออยู่ท่ามกลางพายุซึ่งพร้อมจะล่มได้ตลอดเวลา

ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะหลงโม่หรันคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงที่มีระดับวรยุทธ์มากถึง 50 ปี ซึ่งไม่อาจเอาแม่เฒ่าเจวี๋ยฉิงหรือชายชราหกนิ้วมาเทียบได้

อย่างไรก็ตาม พลังชี่ที่ปะทุขึ้นมานั้นไม่ได้มีไว้โชว์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังจะถูกใช้งานแล้ว! แน่นอนว่าตอนนี้ หลงโม่หรันต้องพยายามสุดฝีมือที่จะสังหารเย่เฟิงโดยไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มมีชีวิตรอดไปได้

เพลงกระบี่พร่ำเพ้อท่าสุดท้าย – กระบี่ลำนำจันทราคลั่ง

ไม่ว่าใครก็รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่เก็บงำอยู่ในชื่อของเพลงกระบี่นี้ หลงโม่หรันสามารถบรรลุเพลงกระบี่พร่ำเพ้อถึงขั้นที่สาม ซึ่งมีผู้คนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ในโลกยุทธภพ

ในชั่วพริบตา หลงโม่หรันกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือพร้อมกับพลังชี่ที่ไหลเวียนมารวมอยู่ที่ปลายกระบี่

ด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวที่ดูดุดัน หลงโม่หรันปลดปล่อยรังสีกระบี่สีขาวอันร้ายกาจเข้าใส่เย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง มันพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มจากทั่วทิศทางราวกับห่าพายุที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง!

ใช่แล้ว บ้าคลั่ง!

มีเพียงคำๆนี้ถึงคู่ควรจะใช้อธิบายความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากเพลงกระบี่นี้ได้

หากศิษย์ทั่วไปของตระกูลหลงใช้เพลงกระบี่นี้ มันคงเป็นเพียงลำนำจันทราคลั่งที่ดูวุ่นวาย แต่สำหรับหลงโม่หรันที่ฝึกฝนมันถึงขั้นที่สาม เขาสามารถปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกมาได้เป็นจำนวนมากราวกับห่าฝน

ซ้ำความเร็วของมันยังสูงยิ่ง!

ถึงแม้เย่เฟิงจะมีทักษะสัมผัสวิญญาณ แต่เขาก็ยังคงไม่อาจตอบสนองได้ทัน

ความเร็วของรังสีกระบี่นั้นเกือบเท่ากับความเร็วสูงสุดของเย่เฟิง โชคดีที่เขามีทักษะสัมผัสวิญญาณช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจหมดหลีกการโจมตีเหล่านี้ได้แน่นอน

แต่ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า! แม้เย่เฟิงจะสัมผัสได้ถึงรังสีกระบี่อันบ้าคลั่งนี้ทั้งหมดจากการใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณ แต่เขาก็ไม่อาจหลบหลีกมันได้

เหตุผลเป็นเพราะว่า แม้เพลงสีแดงจะไม่สามารถละลายน้ำแข็งที่แช่ร่างของซูเฟยหยิ่งได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ารังสีกระบี่เหล่านี้จะทำลายไม่ได้ เมื่อดูจากความรุนแรงของรังสีกระบี่ มันอาจจะทำลายชิ้นน้ำแข็งที่มีร่างของซูเฟยหยิ่งอยู่ภายในและหากเป็นเช่นนั้นจริง มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับได้

หากเย่เฟิงหลบหลีกรังสีกระบี่ มันย่อมต้องพุ่งเข้าหาร่างของซูเฟยหยิ่งแน่!

ชิ้ง!

กระบี่สีเขียวเข้มปรากฏขึ้นมาในมือเย่เฟิงทันที หากไม่สามารถหลบการโจมตีหรือใช้ทักษะกระบี่ผ่ามิติที่สวนกลับได้ คำตอบสุดท้ายคือต้องตั้งรับการโจมตีของอีกฝ่ายเท่านั้น!

ถึงแม้รังสีกระบี่เหล่านั้นจะรวดเร็วและพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เย่เฟิงก็จำเป็นต้องต้านทานมันโดยอาศัยความช่วยเหลือจากทักษะสัมผัสวิญญาณ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องสร้างผลกระทบแก่เขามากแน่ แต่มันจำเป็นต้องอดทนจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม

เย่เฟิงกลั้นหายใจไปชั่วขณะเพื่อเพ่งความสนใจและเตรียมตัวรับการโจมตีอันบ้าคลั่งจากอีกฝ่าย!

การเคลื่อนไหวอย่างดุดันของหลงโม่หรันสร้างความน่าเกรงขามแก่ทุกๆคน คมกระบี่ที่เกรี้ยวกราดทำให้ฉีเสี่ยวหยูและศิษย์สำนักหมัดเทพทวาราคนอื่นๆต้องพร้อมใจกันถอยห่างออกไป

เมื่อเห็นความอลหม่านแต่ทรงพลังของรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้าหาเย่เฟิง ไม่ใช่แค่ฉีเสี่ยวหยูหรือเหล่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ แม้แต่ธันเดอร์และหน่วย NSA ทุกคนยังถึงกับตื่นตะลึง

บัดซบ! เพลงกระบี่นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าปืนกลเสียอีก!

เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะมองรังสีกระบี่เหล่านี้ทันด้วยตาเปล่า ความจริงแล้ว แม้แต่อุปกรณ์ตรวจจับที่ทันสมัยก็ยังเห็นเพียงแค่เส้นเลือนรางที่กระจายออกจากทุกทิศทางจากหลงโม่หรันเข้าหาเย่เฟิง

มันเร็วกว่ากระสุนถึงสองเท่า!

แบบนี้ป้องกันไม่ได้แน่!

หัวใจของทุกๆคนล้วนยอมรับความคิดนี้

ฉีเสี่ยวหยูส่ายหัวขณะรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ หากระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงสูงกว่าตอนนี้ เขาคงปลดปล่อยพลังชี่ออกมาสร้างเป็นเกราะคุ้มกันตัวเองเพื่อลดความเสียดายจากรังสีกระบี่ได้ แต่เมื่อมีระดับวรยุทธ์เพียงแค่ 10 ปี การจะทำแบบนั้นได้คงเป็นแค่ฝัน

ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้คงสิ้นชีพในวันนี้เสียแล้ว…..

ในเวลานี้ เรือสปีดโบทอีกสองลำได้มาถึงเกาะน้ำแข็งแห่งนี้แล้วเช่นกัน แต่ละลำมีคนของตระกูลถังและวังกระบี่สวรรค์นับสิบคนนั่งอยู่ สายตาของพวกเขาล้วนเบิกกว้างเมื่อมองไปยังภาพอันน่าตกตะลึงบนลานน้ำแข็ง

ที่อีกด้านหนึ่ง หนิวเหมิ่งและธันเดอร์ที่กำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรงพร้อมใจกันหยุดลงและหันมองมาที่ลานน้ำแข็งเช่นเดียวกัน

ตาย!

ดูเหมือนว่าผู้คนโดยรอบคงได้เห็นร่างของเย่เฟิงต้องพรุนเป็นรูนับพันกับรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่

ถึงอย่างนั้นในเวลานี้ เย่เฟิงยังคงใจเย็นและสงบนิ่ง

จิตใต้สำนึกของเขาพุ่งขึ้นสู่ระดับเดียวกันกับครั้งแรกที่เขามาถึงโลกใบนี้ ทักษะสัมผัสวิญญาณเผยให้เห็นวิถีของรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้ามาได้อย่างชัดเจน

แต่การเคลื่อนไหวของเย่เฟิงนั้นไม่สามารถตอบสนองได้ทันตามที่เขารับรู้ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะต้านทานเฉพาะรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่จุดสำคัญเท่านั้น

กระบี่สีเขียวเข้มพลันเริ่มระบำไปรอบตัว  เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

รังสีกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่ลำคอถูกกระบี่ในมือปัดป้องไว้ได้

รังสีกระบี่ต่อไปพุ่งเข้าใส่ต้นขาซึ่งเย่เฟิงไม่ได้ปัดป้องมัน “ฉึก” ต้นขาของเขาจึงเกิดบาดแผลพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา

เมื่อกลุ่มรังสีกระบี่พุ่งเข้าสู่ตำแหน่งหัวใจ มันก็ถูกปัดป้องไว้ได้ด้วยคมกระบี่ที่กวัดแกว่งอย่างต่อเนื่อง

ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถปกป้องจุดสำคัญบนร่างกาย แต่นี่คือขีดจำกัด การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจตอบสนองได้ทันตามความคิดเพราะระดับวรยุทธ์ยังต่ำเกินไป

เกือบจะในทันทีเหมือนดั่งห่าพายุฝน รังสีกระบี่ที่บ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่เย่เฟิงจนทำให้ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยบาดแผลและเลือดมากมาย แต่จุดสำคัญบนร่างกายนั้นล้วนถูกป้องกันไว้ได้ทั้งหมด

การเคลื่อนไหวที่ดุดันของหลงโม่หรันนี้จึงไม่อาจเอาชีวิตเขาได้!

ทั่วทั้งโลกยุทธภพ จำนวนผู้ที่ทำแบบนี้ได้มีไม่เกินนิ้วมือของมนุษย์ แม้แต่เย่เวิ่นเทียนเองก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่านี่คือการโจมตีที่รีดเค้นพลังชี่ทั่วร่างของหลงโม่หรันออกมา ถ้าการโจมตีนี้ไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ หลงโม่หรันจะกลายเป็นไร้ความสามารถในการต้านทานได้เลยในช่วงเวลาสั้นๆ

“หึ หลงโม่หรัน นี่เต็มที่ของแกแล้วงั้นหรอ?”

เย่เฟิงยังยืนหยัดอยู่ได้แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลน้อยใหญ่มากมาย เขากล่าวเย้ยยันตามด้วยเสียงหัวเราะ

ชายหนุ่มทำเช่นนี้ได้เพราะอาศัยกระบี่เจินชี่ตลอดจนความสามารถของทักษะสัมผัสวิญญาณ ต่อจากนี้ ถึงตาของเขาบ้างแล้ว!

เมื่อผู้คนโดยรอบได้ยินเสียงหัวเราะของเย่เฟิง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เจ้าหนุ่มคนนี้สามารถต้านทานเพลงกระบี่ของหลงโม่หรันได้ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เป็นไปไม่ได้!

ทุกๆคนรู้สึกราวกับว่าตัวเองฝันไป เห็นอยู่ชัดๆว่าเย่เฟิงมีระดับวรยุทธ์เพียงแค่ 10 ปี แล้วทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?

แม้แต่สีหน้าของหลงโม่หรันเองก็ยังเปลี่ยนเป็นมืดมน

เกือบแล้ว อีกแค่นิดเดียว!

หลงโม่หรันรู้สึกว่าหากเขามีระดับวรยุทธ์ที่สูงกว่านี้เพียงแค่ไม่กี่ปี กระบี่ลำนำจันทราคลั่งนี้ย่อมสามารถสังหารเย่เฟิงได้แน่ น่าเสียดายที่แม้จะมีระดับวรยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล แต่อีกฝ่ายก็ยังต้านทานเพลงกระบี่นี้ได้

ตอนนี้ พลังชี่ในตัวหลงโม่หรันถูกใช้ไปจนแทบจะหมดสิ้นแล้ว ในกรณีที่เย่เฟิงทักษะเดียวกันกับที่ใช้สังหารชายชราหกนิ้ว นั่นมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะไม่อาจต้านทานได้

จะทำอย่างไรดี?

ในเวลานี้ ไม่มีใครรับรู้เลยว่าธันเดอร์และหนิวเหมิ่งตลอดจนหน่วย NSA ทุกคนกำลังไปจากเกาะน้ำแข็งแห่งนี้แล้ว…….

……………………….

แปลโดย Solar Spark