บทที่ 224 ไสหัวไป ฉันจะฆ่ามัน!

ตอนนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับเย่เฟิงคือการพาร่างของซูเฟยหยิ่งไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ส่วนน้ำแข็งพันปีนั้น ถ้าเอามันมาไม่ได้ก็เพียงรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเท่านั้น ในกรณีที่เขาไม่สามารถคว้ามาได้ในช่วงสุดท้าย มันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยไป เพราะของสิ่งนั้นไม่อาจเทียบได้เลยกับความปลอดภัยของซูเฟยหยิ่ง

แต่เมื่อเย่เฟิงเตรียมพร้อมจะพาร่างของซูเฟยหยิ่งจากไป ทันใดนั้นเอง ทักษะสัมผัสวิญญาณก็ค้นพบคนกลุ่มหนึ่งที่ก้าวเข้ามา คนพวกนั้นคือ หลงโม่หรัน ฉีเสี่ยวหยู และผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆที่ไม่เพียงมาถึงเกาะแห่งนี้ แต่ยังได้เห็นเขาใช้ทักษะกระบี่ผ่ามิติอีกด้วย

เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มคำนวนพลาดไป การจะไปจากที่นี่ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว……

เย่เฟิงคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงหลงหวางเอ๋อด้วยเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเธอตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ในช่วงที่ศรดาราปะทะเข้ากับน้ำแข็งพันปี การระเบิดส่งผลให้น้ำทะเลปั่นป่วนไปทั่ว แล้วตอนนี้หญิงสาวไปอยู่ที่ไหนกัน?

แต่อย่างไรก็ตาม หลงหวางเอ๋อคือผู้ฝึกเซียนเช่นเดียวกับเขา และเธอยังรู้ทักษะเต่ามังกรกลั้นใจ มันคงจะทำให้หญิงสาวเอาตัวรอดใต้ทะเลลึกและหลบหนีจากอันตรายต่างๆได้ไม่ยาก

“หยุดอยู่ตรงนั้น!”

เมื่อธันเดอร์พบว่าหลงโม่หรันมาถึงเกาะแห่งนี้และกำลังก้าวเข้ามายังลานน้ำแข็ง ลูกทีมของเขาก็รีบตอบสนองด้วยการเปลี่ยนทิศทางเล็งปากกระบอกอื่นไปยังหลงโม่หรันและคนอื่นๆ

“ไสหัวไป ฉันจะฆ่ามัน”

คำพูดของหลงโม่หรันเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ขณะที่ดวงตาจ้องมองไปยังเย่เฟิง

ทันทีที่หลงโม่หรันพบว่าหน่วย NSA หลายคนเข้ามาขวางทาง ชายวัยกลางคนก็พลันรู้สึกเกรี้ยวกราด เขารีบรวบรวมพลังชี่ไว้ที่ฝ่ามือเพื่อใช้กระบวนท่าฝ่ามือละมุนปัดร่างของคนที่ขวางทางออกไป มันทำให้สมาชิกหน่วย NSA กลุ่มนั้นไม่ทันจะได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงถูกปัดจนกระเด็นไปคนละทิศคนละทางจากฝ่ามืออันบ้าคลั่งนี้

ต่อจากนั้น หลงโม่หรันจึงก้าวเท้าต่อไป ขณะที่ดวงตาเริ่มถูกครอบงำด้วยความปรารถนา เมื่อมองไปยังร่างที่ถูกแช่แข็งของซูเฟยหยิ่งที่อยู่กลางลานน้ำแข็ง มันทำให้เขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ช่างงดงามสมกับที่ชื่อว่า เทพธิดาแห่งทะเลจีนตะวันออกจริงๆ

หญิงสาวคนนี้สมควรเป็นของเขา!

จากนั้น สายตาของหลงโม่หรันก็เหลือบไปมองผลึกน้ำแข็งทรงเพชรที่ฝังอยู่บนพื้นลานน้ำแข็ง นี่เป็นอีกครั้งที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายแห่งความโลภ

สิ่งต่างๆที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสุดยอดสมบัติสวรรค์ เทพธิดาแห่งทะเลจีนตะวันออก หรือชีวิตของเจ้าเด็กเย่เฟิง เขาต้องเอามาให้ได้ทั้งหมด!

แล้วฉีเสี่ยวหยูปรารถนาของพวกนั้นเหมือนกันหรือไม่?

หากเป็นเช่นนั้น ก็รับกระบี่ของเขาไปแทนแล้วกัน!

“ทั้งหมดถอยออกมาก่อน รอรับคำสั่ง!”

เมื่อเห็นหลงโม่หรันก้าวเข้ามาด้วยความหยิ่งผยองและไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น สีหน้าของธันเดอร์ก็เปลี่ยนไปทันที ชายคนนี้คือเป้าหมายสำคัญในบัญชีของหน่วย NSA แต่ธันเดอร์ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ด้วยลูกทีมจำนวนที่มีแค่นี้

ถึงแม้หลงโม่หรันจะเสียแขนไปข้างหนึ่ง และถูกเย่เวิ่นเทียนโยนลงทะเลจนกลายเป็นอาหารปลาฉลามไปแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของชายคนนี้ก็ยังไม่อาจดูแคลนได้ ซ้ำตอนนี้ เขายังดูเยือกเย็นและดุร้ายยิ่งกว่าหลงโม่หรันคนก่อนหน้านี้

ชายคนนี้เคลื่อนไหวด้วยความต้องการที่จะสังหารเย่เฟิงโดยไม่ปล่อยให้หลบหนีไปได้ ในครั้งที่เผชิญหน้ากับเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อก่อนหน้านี้ เขาถูกรุมโจมตีอย่างหนักและยังไม่มีความหนักแน่นกับความเหี้ยมโหดมากพอ ดังนั้นจึงพ่ายแพ้และเสียแขนขวาไปในที่สุด

นี่ยังไม่นับเรื่องที่หลงโม่หรันไม่ได้มาด้วยตัวคนเดียว มันยังมีฉีเสี่ยวหยูและกลุ่มศิษย์สำนักหมัดเทพทวาราที่อยู่ข้างเดียวกับเขา ถึงแม้ความแข็งแกร่งของคนพวกนั้นจะเทียบไม่ได้กับหลงโม่หรัน แต่ความฉลาดเจ้าเล่ห์ก็มีไม่น้อยเช่นกัน

หากความขัดแย้งทำให้คนที่นี่ต้องแบ่งออกเป็นสองฝ่ายแล้วละก็ แน่นอนว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายย่อมมากเกินจะรับไหว

ภายใต้คำสั่งของธันเดอร์ หน่วย NSA มากกว่า 20 คน กระจายกันยืนโอบล้อมลานน้ำแข็งแห่งนี้ไว้ และเตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งต่อไป

ตอนนี้ ธันเดอร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อขอคำสั่งต่อไป ด้วยที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลงโม่หรัน เขาจึงต้องปฏิบัติด้วยความรอบคอบมากที่สุด

ในเวลานี้ ในที่สุด หลงโม่หรันพร้อมด้วยฉีเสี่ยวหยูและคนอื่นๆก็มาถึงลานน้ำแข็งโดยไม่แม้จะเหลือบสายตาไปยังกลุ่มของธันเดอร์ เพราะในตอนนี้ คนผู้เดียวที่พวกเขาให้ความสนใจก็คือเย่เฟิง

นอกจากนี้ ร่างของซูเฟยหยิ่งและผลึกน้ำแข็งทรงเพชรก็อยู่ที่นี่ หากหน่วย NSA ลงมือช่วงชิงของเหล่านี้ หลงโม่หรันและฉีเสี่ยวหยูก็คงไม่มองข้ามพวกเขาไปเช่นกัน

เมื่อหนิวเหมิ่งเห็นดังนั้นก็ได้แต่ทุบกำปั้นลงบนตะกรันน้ำแข็งด้วยความโมโห เขารีบใช้ดวงตาอิเล็กทรอนิกส์แสกนสถานการณ์ตอนนี้ส่งไปให้หลี่เฟิง

“อะไรนะ? หลงโม่หรันมาที่นี่? แล้วก็พวกหมัดเทพทวาราด้วย? แล้วยังมีพวกผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆอีก?”

แขนข้างที่ขาดของหลี่เฟิงได้รับการเชื่อมต่อกลับเหมือนเดิมแล้ว ด้วยที่พึ่งผ่าตัดเสร็จสิ้นไม่นาน เขายังคงไม่อาจเคลื่อนไหวแขนได้มากนัก แต่เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลี่เฟิงก็กลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที“ไอ้ไข่นิ่มธันเดอร์เอ้ย! เอางี้ ฉันจะรีบรายงานเบื้องบนเพื่อขอคำสั่งยิงขีปนาวุธ นายรีบบอกให้เจ้าไข่นิ่มธันเดอร์และหน่วย NSA ทั้งหมดถอนตัวออกมาทันที!”

“ทราบแล้วครับ!”

หนิวเหมิ่งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เขาช่างโชคดีจริงๆที่มีหัวหน้าที่เยี่ยมยอดอย่างหลี่เฟิง!

ในความคิดของหนิวเหมิ่ง การจะจัดการกับหลงโม่หรันและผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ การใช้จรวดขีปนาวุธจัดการพวกมันให้เหี้ยนถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันจะแข็งแกร่งกว่าเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ไปได้หรือ?

ถึงแม้หน่วย NSA จะเป็นตัวแทนของประเทศ แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ความประนีประนอมกับพวกมันด้วยหรือไง?

แบบนี้แหละดีแล้ว!

ด้วยสีหน้าที่ดุร้ายพร้อมกับท่าทางกระเหี้ยนกระหือ หนิวเหมิ่งรีบเดินเข้าไปหาธันเดอร์

หนิวเหมิ่งตั้งใจจะแจ้งธันเดอร์ว่าให้ทุกคนถอนตัวออกไปให้หมด เพราะอีกไม่นาน เกาะน้ำแข็งแห่งนี้จะกลายเป็นเป้านิ่งของจรวดขีปนาวุธ! หลังจากพวกผู้ฝึกยุทธ์ที่แสนจะหยิ่งยโสถูกสังหารหมู่แล้ว พวกเขาก็จะสามารถค่อยๆขุดสุดยอดสมบัติสวรรค์ออกมาได้อย่างสบายๆ

ในเวลานี้ เมื่อธันเดอร์เห็นหนิวเหมิ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุร้าย สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดครึ่มเพราะเดาได้ว่าเจ้าหัวรุนแรงคนนี้คงมีความคิดที่อันตรายอีกเป็นแน่

………..

“อยากจะฆ่าฉันงั้นหรอ? คิดว่ามันจะง่ายหรือไง?”

เมื่อเย่เฟิงได้ยินคำประกาศกร้าวของหลงโม่หรัน เขาก็ก้าวมายืนอย่างมั่นคงข้างหน้าซูเฟยหยิ่งเพื่อเผชิญหน้ากับหลงโม่หรัน

เจ้าหมอนี่ ขนาดแขนพึ่งขาดไปข้างหนึ่งแล้วยังถ่อมาที่นี่อีก คงเป็นเรื่องดีถ้าอาศัยโอกาสนี้ใช้ทักษะกระบี่ผ่ามิติเพื่อสังหารมันเสีย จะอย่างไรชายคนนี้ก็เป็นตัวปัญหาใหญ่ในอนาคตอยู่แล้วจริงไหม? เดิมทีมันควรจะตายไปแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ถูกเย่เวิ่นเทียนช่วยไว้เสียก่อน

ตอนนี้ เย่เฟิงสามารถสังหารหลงโม่หรันได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีกแล้ว ต่อให้ผู้เฒ่าตระกูลหลงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มันจะเทียบกับอาจารย์ของเขาได้หรือ?

เย่เฟิงวางแผนในใจ ขั้นแรกคือการฆ่าหลงโม่หรัน หลังจากนั้นก็ใช้เพลิงสุดขั้วที่หลอมละลายน้ำแข็งและปลดปล่อยซูเฟยหยิ่งให้เป็นอิสระ! ดวงตาของเย่เฟิงเปล่งประกายแน่วแน่ขณะจ้องมองไปยังหลงโม่หรัน

“ชีวิตมันเป็นของฉัน”

พร้อมด้วยฉีเสี่ยวหยูและคนอื่นๆ หลงโม่หรันมายืนอย่างมั่นคงอยู่ต่อหน้าเย่เฟิงโดยห่างออกไปประมาณ 20 เมตร เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโสและไม่แยแส

“เรื่องนั้นแน่อยู่แล้ว”

ฉีเสี่ยวหยูพยักหน้าเรียบๆ จากนั้นจึงหรี่ตามองขณะที่เคราสีขาวพริ้วไหวไปตามลมทะเล มันทำให้เขาดูพวกกุนซือในนิยาย

ชิ้ง!

หลงโม่หรันชักกระบี่ออกมาจากฝัก

เวลานี้ เขาเตรียมพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างและไม่เปิดโอกาสใดๆให้แก่เย่เฟิง นอกจากนี้ เขายังเห็นทักษะการสังหารที่เย่เฟิงใช้กับชายชราหกนิ้วก่อนหน้านี้ หลงโม่หรันย่อมไม่กล้าประมาทอีกต่อไป

หากเป็นเพลงกระบี่พร่ำเพ้อระดับสาม ท่าสุดท้าย มันคงแข็งแกร่งพอจะสังหารเจ้าเด็กนี่ในทีเดียวได้ จริงไหม?

หลงโม่หรันจ้องมองอย่างอาฆาตขณะขบคิดในใจ ทันทีที่กระบี่ของเขาถูกปล่อยออกไปพร้อมกับพลังชี่ที่ปะทุขึ้นมา เขาจะก็ลงมือโดยไม่ลังเล!

ฉีเสี่ยวหยูตลอดจนศิษย์สำนักหมัดเทพทวารา ต่างพากันก้าวเท้าถอยเพื่อออกห่างจากรังสีพลังชี่ที่หนาวเหน็บนี้ แต่ละคนต่างรู้สึกเกรงขามเมื่อสัมผัสได้ถึงความกดดันที่หลงโม่หรันปล่อยออกมา หลงโม่หรันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว!

…………….

แปลโดย Solar Spark