บทที่ 222 ความแค้นของโลกยุทธภพ

ธันเดอร์ก้าวเท้ามาข้างหน้าจนในที่สุด สีหน้าเคร่งขรึมก็ปรากฏขึ้นมาในสายตาของเย่เฟิง พวกเขาต่างจ้องหน้ากันในระยะห่างประมาณ 20 เมตร

“เย่เฟิง เรามาคุยกันหน่อยดีไหม?

ธันเดอร์เอ่ยถามหยั่งเชิง

“พวกเราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน”

เย่เฟิงกล่าวต่อไป “ดูเหมือนว่าคุณไม่คิดจะปล่อยผมไปอยู่แล้ว”

“ฮ่า ฮ่า เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เพียงแค่เธอต้องทิ้งสิ่งนั้นไว้ที่นี่เท่านั้นเอง” ธันเดอร์ยิ้ม

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็พลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “สิ่งนั้น”ที่ธันเดอร์พูดเมื่อกี้หมายถึงซูเฟยหยิ่งงั้นหรือ?

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ?”

ประกายตาแหลมคมของเย่เฟิงจ้องมองไปยังธันเดอร์

“คนหนุ่มน่ะ อย่าเลือดร้อนมากเกินไป”

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิงที่ดูจะไม่ถอยง่ายๆ ธันเดอร์ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่ว่าจะอย่างไร ในฐานะที่เป็นหน่วย NSA เขาก็เหมือนกับตัวแทนประเทศในการเจรจาครั้งนี้

“เห็นแก่หน้าคุณหนูหลิน ฉันสามารถปล่อยนายไปได้ แต่นายต้องทิ้งสิ่งนั้นเอาไว้เท่านั้น”

ธันเดอร์กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง นี่ถือว่าเขายอมให้ที่สุดแล้ว!

ในมุมมองของหน่วย NSA เย่เฟิงถือว่าเป็นตัวตนไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก ซ้ำเด็กคนนี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถเจาะทะลวงเกาะน้ำแข็งเข้าไปได้ซึ่งเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง แต่หากเย่เฟิงมีจุดประสงค์จะพา “สิ่งนั้น” ไปจากเกาะน้ำแข็งแล้วละก็ นี่ถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!

ได้ยินธันเดอร์แทนตัวซูเฟยหยิ่งว่า “สิ่งนั้น” เป็นครั้งที่สอง เย่เฟิงก็รู้สึกอยากกระทืบอีกฝ่ายจริงๆ

“หลินชื่อฉิง? เห็นแก่หน้าเธอ? ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับหล่อนอยู่แล้ว”

เย่เฟิงกล่าวอย่างไร้เยื่อใย “จะยังไงก็แล้วแต่ คุณจะยอมปล่อยผมไปดีๆไหม?”

หากไม่จำเป็นจริงๆ เย่เฟิงก็ไม่อยากปะทะกับหน่วย NSA อยู่แล้ว แต่หากอีกฝ่ายยังคงดื้อดึง เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่น

จากลักษณะท่าทางที่แสดงออกมา ธันเดอร์รับรู้ถึงความหนักแน่นได้อย่างง่ายดายในดวงตาของอีกฝ่าย มันอดไม่ได้ที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว

ในเวลานี้ ธันเดอร์ยังไม่รู้จักเย่เฟิงมากนัก แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ หน่วย NSA ก็ยังไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้ได้แน่ชัดเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเกี่ยวกับเย่เฟิงที่เขาได้เก็บรวบรวมมา พบว่าอีกฝ่ายสามารถรวบรวมพลังอันมหาศาลได้ในบางครั้ง และความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับขีปนาวุธได้เลย แต่แน่นอนว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถใช้การโจมตีนั้นในการต่อสู้ทั่วไปได้

นอกจากนี้ เย่เฟิงยังมีกระบี่อันแหลมคมเล่มหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสีได้

เขายังได้ยินข้อมูลเพิ่มเติมอีกจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสามคนในเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ที่พวกเขาจับกุมได้ซึ่งเป็นพวกที่เผ่ยเขิงกรุ๊ปส่งมา พวกนั้นบอกว่าสาเหตุที่เรือดำน้ำระเบิด เกิดจากการที่เย่เฟิงใช้กระบี่เจาะรูที่ผิวเรือจนน้ำทะเลทะลักเข้าไปภายใน แม้แต่เหล่าลูกเรือก็ไม่สามารถจะหยุดได้ทัน สุดท้ายพวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้โหมดทำลายตัวเองในที่สุด

‘กระบี่เล่มนั้น เราจะมองข้ามไม่ได้…..’

ธันเดอร์คิดอยู่ในใจขณะคงสีหน้าเคร่งขรึมไว้

หากภารกิจนี้ขึ้นตรงต่อหลี่เฟิงหรือหนิวเหมิ่ง พวกเขาไม่มีทางยอมปล่อยเย่เฟิงไปแน่ ดูเหมือนว่าสำหรับเด็กคนนี้แล้ว ทั้งผลึกน้ำแข็งรูปทรงเพชรและ “เทพธิดาแห่งทะเลจีนตะวันออก” จะมีค่ามากกว่างานวิจัยของหน่วย NSA หลายเท่านัก

แต่การที่ธันเดอร์กล่าวว่าเห็นแก่หน้าหลินชื่อฉิงนั้น เป็นเพราะเขาไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เย่เฟิง เขาไม่คาดคิดเลยว่าเย่เฟิงจะไม่สนใจสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่น้อย ซ้ำยังคิดจะพาเทพธิดาหนีไปด้วยอีก!

ไม่ว่าใครก็ต้องเข้าใจว่า ทั้งเทพธิดาแห่งทะเลจีนตะวันออกและผลึกน้ำแข็งทรงเพชรนั้นปรากฏขึ้นมาในแถบทะเลจีนตะวันออก เพราะฉะนั้นตามกฏหมายแล้ว ทั้งสองจึงถือว่าเป็นสมบัติของประเทศ แล้วธันเดอร์จะยอมปล่อยไปได้อย่างไร

“เย่เฟิง ฉันขอเตือนอีกครั้ง”

เดิมที ธันเดอร์ต้องการจะเจรจาอย่างสันติเพื่อโน้มน้าวใจเย่เฟิง แต่เขาก็รู้สึกรำคาญใจเล้กน้อย เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่าไม่สนใจสิ่งใดเลยสักนิด เด็กคนนี้คิดจะต่อต้านหน่วย NSA งั้นหรือ?

“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว ถ้าไม่ให้ผมพาเธอไป ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดอะไรให้มากความอีก”

เย่เฟิงรับรู้ความตั้งใจของธันเดอร์จากสีหน้าแล้ว ระหว่างที่พูดคุยกัน เขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะที่จะเกิดขึ้นเสมอ

สำหรับร่างที่ถูกแช่ซูเฟยหยิ่ง เขาคงสามารถปล่อยไว้ได้ชั่วคราว เพราะคนเหล่านี้คงไม่คิดจะลงมือทำลายอยู่แล้ว

เจินชี่เริ่มไหลเวียนไปยังมือและขาของชายหนุ่ม ทำให้เขาพร้อมจะที่ใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาพร้อมกับกระบี่เจินชี่ได้ในเวลาเดียวกัน!

เมื่อเห็นท่าทางแน่วแน่ของเย่เฟิง ธันเดอร์จึงล้มเลิกความคิดที่จะโน้มน้าวเด็กหนุ่มอีก ดูเหมือนว่าคงต้องใช้แผนที่วางไว้สำหรับสถานการณ์แบบนี้ นั่นคือการทำให้เย่เฟิงหมดสภาพจนไม่อาจต่อสู้ได้อีก

ธันเดอร์เตรียมจะชูมือขึ้นเพื่อออกคำสั่งให้ทุกคนเปิดฉากยิง แต่ทันใดนั้นเองห่างออกไปไม่ไกล ร่างของคนผู้หนึ่งก็พลันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม

ในทันที ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงรับรู้ได้ว่าคนผู้นั้นคือลิ่วจื่อไกว้ ซึ่งในที่สุดก็ลงมือจู่โจมเข้ามาจากระยะไกลเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

“นี่เป็นความแค้นของโลกยุทธภพ หน่วย NSA ไม่จำเป็นต้องเข้ามาสอด!”

ชายชราหกนิ้วคำรามอย่างน่ากลัว ขณะพุ่งเข้าหาเย่เฟิงเพื่อโจมตี

ดวงตาของเย่เฟิงพลันเบิกกว้างขึ้น น่าตกใจที่เฒ่าประหลาดคนที่มีวรยุทธ์ระดับ 55 ปีแล้วซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าแม่เฒ่าเจวี๋ยฉิงก่อนหน้านี้ หากเป็นเช่นนี้ แม้จะใช้ทักษะกรงเล็บมังกรระดับสาม ก็ไม่อาจกุมตัวอีกฝ่ายไว้ได้

แล้วทำไมชายชราคนนี้ถึงได้เกลียดแค้นเขานัก?

หรือว่ามันรู้เรื่องที่เขาเป็นคนสังหารแม่เฒ่าเจวี๋ยฉิงแล้ว?

ไม่สิ ไม่น่าจะเป็นไปได้

ด้วยการสังเกตที่รอบคอบ เย่เฟิงพบว่าถึงแม้ชายชราจะพุ่งเข้าหาเขาด้วยเจตนาสังหาร แต่ดวงตาของมันกลับจ้องมองไปที่ชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปีด้วยความโลภ

‘จะใช้ทักษะอำพรางดีไหม?’

เย่เฟิงคิดถึงความเป็นไปได้ ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้จะมีพวกเจ้าเล่ห์ไม่น้อย

ถ้าชายชราช่วงชิงน้ำแข็งพันปีไป ย่อมต้องถูกหน่วย NSA ไล่ล่าแน่ แต่หากฉลาดพอ ชายชราควรจะลงมือจัดการกับเขาเสียก่อน เพราะด้วยวิธีนี้ หน่วย NSA คงไม่มีเหตุผลที่ต้องเข้ามาก้าวก่าย ซ้ำยังเป็นเรื่องดีแก่พวกนั้นเสียด้วย

และก็เป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินคำพูดของลิ่วจื่อไกว้ ธันเดอร์รีบตะโกนออกคำสั่งแก่ลูกทีมทันที “อย่าพึ่ง รอคำสั่งก่อน!”

หากมีใครที่ก้าวเข้ามาเพื่อจัดการเย่เฟิง นั้นย่อมถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับธันเดอร์ ไว้ถึงเวลาที่เย่เฟิงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เขาก็ค่อยเข้าช่วยเหลือเพราะไม่ว่าจะอย่างไร อีกฝ่ายก็คือคู่หมั้นของคุณหนูหลิน หากเย่เฟิงตายลงที่นี่ ทั้งตำแหน่งและภาพลักษณ์ของธันเดอร์คงได้รับผลกระทบแน่นอน ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ขึ้นตรงต่อหลินเต๋อเทียน

ธันเดอร์และลูกทีมอีกกว่า 20 คนรีบหยุดการเคลื่อนไหวและตัดสินใจจะคอยสังเกตการ “ความแค้นของโลกยุทธภพ”นี้ห่างๆ สายตาของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัย

ตามข้อมูลของพวกเขา ชายชราคนนี้ควรมีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ 50 ปี แต่จากอุปกรณ์ตรวจจับ ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งมากกว่านั้น และสำหรับเย่เฟิง เด็กคนนี้มีระดับวรยุทธ์เพียงแค่ 10 ปีซึ่งน้อยมาก แต่ข้อมูลนี้อาจเชื่อถือไม่ได้เพราะเย่เฟิงมีระดับการเติบโตที่รวดเร็วมาก

ในการต่อสู้ของทั้งคู่ เย่เฟิงคงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้หรอก จริงไหม?

ถึงแม้เย่เฟิงจะมีวิธีการที่ใช้เจาะทะลวงเกาะน้ำแข็ง หรือใช้ทำลายเรือดำน้ำ แต่วิธีการเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่สามารถใช้ได้อย่างรวดเร็ว และไม่น่าจะเอามาใช้ระหว่างการต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นได้ ไม่เช่นนั้น เขาคงใช้วิธีการเหล่านี้สังหารหลงโม่หรันไปแล้ว

สำหรับเรื่องความแค้นของโลกยุทธภพ ธันเดอร์ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะดูเหมือนว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เย่เฟิงสังหารไปตอนที่อยู่ในเมืองน้ำแข็ง จะเป็นเพื่อนกับชายชราหกนิ้วคนนี้

เย่เฟิงกวาดทักษะสัมผัสวิญญาณไปรอบๆและรับรู้ว่าชายชราคนนี้พยายามจะจู่โจมใส่เขาแม้ห่างจากกันประมาณ 100 เมตร ชายหนุ่มหรี่ตาจ้องมองขณะขบคิดในใจ เหตุใดเฒ่าประหลาดคนนี้จึงเลือกจู่โจมเข้ามาในเวลานี้? หากเขาเป็นชายชราคนนั้น เขาคงไม่เลือกลงมือในเวลานี้แน่……..

แต่สิ่งที่เย่เฟิงยังไม่รู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากระยะสัมผัสวิญญาณของเขา เรือสปีดโบทลำหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามายังเกาะแห่งนี้อย่างรวดเร็ว

หลงโม่หรันและฉีเสี่ยวหยู!

ด้วยที่พื้นซึ่งเย่เฟิงยืนอยู่นี้มีระดับค่อนข้างต่ำ สายตาของเขาจึงถูกบดบังด้วยยอดน้ำแข็งรอบๆ แต่ลิ่วจื่อไกว้นั้นต่างกัน ตำแหน่งที่ชายชราหลบซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านี้สามรถมองเห็นเรือสปีดโบทที่แล่นเข้ามาได้อย่างชัดเจน

หากเขาไม่ลงมือในเวลานี้ สิ่งล้ำค่าย่อมถูกหลงโม่หรันและฉีเสี่ยวหยูชิงไปแน่นอน!

ชายชราจึงตัดสินใจลงมือทันที และคิดว่าในระหว่างที่ต่อสู้กับเย่เฟิง เขาจะหาโอกาสที่จะเข้าไปช่วงชิงผลึกน้ำแข็งมาเสีย!

…………….

แปลโดย Solar Spark