บทที่ 21 การจู่โจมของเย่เฟิง

บ่อนเทียนหัวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในย่านบาร์ ซึ่งไม่ห่างไกลมากนักจากหมู่บ้านชิงเฟิง

เพียงไม่นาน เย่เฟิงได้มาถึงยังบ่อนเทียนหัว เขาสรุปกับตัวเองในใจว่าตอนนี้ไพ่ตายของเขาอย่างแรกคือทักษะย่างก้าวไร้เงา ซึ่งใช้หลบหนีอย่างฉับพลันในช่วงเวลาที่อันตราย ส่วนอย่างที่สองคือแหวนดาบมังกรโบราณ ที่สามารถปลุกดาบแดงสองคมโดยการควบแน่นเจินฉีเข้าไปในแหวน มันมีความคมชนิดที่หาสิ่งใดเปรียบได้ยาก และสามารถนำมาใช้ในระหว่างการต่อสู้ได้ทุกเวลา อย่างที่สามคือยาพิษที่กลั่นจากหญ้าใบทองซึ่งเขาตั้งใจจะนำมันมาใช้ในการควบคุมหัวหน้าใหญ่ของแก๊งอสรพิษสวรรค์

อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงต้องหาตัวหัวหน้าแก๊งให้เจอเพื่อจัดการควบคุมมัน เขาได้ยินมาว่าหัวหน้าใหญ่เป็นชายหัวโล้นและมีรอยบากอยู่บนใบหน้า การต่อสู้กับเขาเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเย่เฟิงแล้วนี่ย่อมไม่ใช่ปัญหา

และก่อนจะเข้ามาที่นี่ เย่เฟิงมั่นใจแล้วว่าพื้นที่ใดเป็นอาณาเขตที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแก๊งอสรพิษสวรรค์ มันคือส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเหยียนจิงโดยมีมหาลัยเหยียนจิงเป็นศูนย์กลาง

บ่อนเทียนหัวที่ตั้งอยู่ในย่านบาร์คือสำนักงานใหญ่ของแก๊งๆนี้ หรืออาจบอกได้ว่า หัวหน้ากลุ่มของแก๊งแต่ละคนจะมารวมตัวกันที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงก็ยังคงเข้าไปด้านในเพื่อตรวจสอบรายละเอียดอยู่ดี

“มันจะเยี่ยมมาก ถ้าเราชนเข้ากับใครซักคนที่จะพาเราไปสู่บ่อนเทียนหัวได้”

เย่เฟิงนึกถึงพี่เถี่ยอะไรนั่น ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มๆหนึ่งของแก๊ง แน่นอนว่าเป็นไปได้สูงที่มันจะรู้ที่อยู่ของหัวหน้าแก๊ง แต่ถึงอย่างนั่น การหาเจอมันให้เจอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี

เมื่อก้าวเข้าไปในย่านบาร์ เย่เฟิงยังคงเห็นทุกสิ่งเป็นเหมือนเดิม ไม่มีใครสนใจในชุดของเขา ที่ดูแล้วเหมือนชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป เพียงไม่นาน เขาได้มาถึงยังประตูทางเข้าของบ่อนที่ประดับไปด้วยทองคำและหยกเขียว เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นคำว่าบ่อนเทียนหัว ซึ่งถูกเขียนด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่บนป้ายทองคำที่สว่างเจิดจ้า มันแสดงให้เห็นถึงความหรูหร่าของที่นี่

เขาก้าวเข้ามาในบ่อนอย่างใจเย็น มีบางคนมองมายังเย่เฟิงและดูออกง่ายมากว่าเขายังเป็นแค่เด็กนักเรียน ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครมาห้ามไม่ให้เขาเข้ามา พวกเขาแค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเท่านั้น

ภายในบ่อนมีผู้คนพลุกพล่านอย่างมาก เย่เฟิงที่เดินเข้ามารู้สึกถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคึกคะนอง เขารีบกวาดตาไปรอบๆเพื่อสังเกตสถานการณ์ในตอนนี้

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร เย่เฟิงได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านหน้า “เฮ้ย นั่นไอเด็กเวรนั่นนี่ จับมัน!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นอันธพาลสองคนซึ่งเขาจำได้ทันทีเป็นสองในสามของกลุ่มชายขี้เมาที่อยู่กับพี่เถี่ยโดยตอนนั้น พวกมันพยายามจะข่มขืนซูเหมิงหานในซอยเปลี่ยว

ชายทั้งสองเพิ่งก้าวออกมาจากลิฟท์ เมื่อพวกเขามองเห็นเย่เฟิงก็จำได้ทันที โดยไม่เสียเวลาคิด พวกเขาพุ่งเข้ามาเพื่อที่จะจับเย่เฟิง ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนในบริเวณนั้นมาก

“ว่าไง ไอหลานชาย จะจับฉันคนนี้งั้นหรอ?”

เย่เฟิงไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย มุมปากของเขาโค้งขึ้นขณะล้อเลียนอันธพาลหนึ่งในนั้น เย่เฟิงก้าวขาวิ่งไปยังที่ที่มีคนยืนอยู่น้อยเพื่อหาพื้นที่สำหรับจัดการกับพวกมัน ร่างของเขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว

“ตามมันไป!”

ชายทั้งคู่ไล่ตามเย่เฟิงอย่างไม่ลังเลด้วยใบหน้าที่ดูดุร้าย พวกเขาคิดว่าไอเด็กนี่ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนถึงกล้ามาที่บ่อนเทียนหัวหลังจากล่วงเกินพี่เถี่ยไปแล้ว หรือมันมาหาความตายตามคำเชิญของพวกเขารึไง?

แน่นอนว่าอันธพาลทั้งสองไม่คิดว่าแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาจะสามารถคุกคามอะไรพวกเขาได้ ถึงแม้ได้ยินมาว่าเย่เฟิงมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่มันไม่มีทางเทียบพี่เถี่ย ผู้ที่เป็นสุดยอดอันธพาลด้านการต่อยตีของแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้อย่างแน่นอน!

ถึงแม้ที่บ่อนเทียนหัวนี้จะเป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊ง แต่กลับมีสมาชิกของแก๊งอยู่ไม่มากนัก เย่เฟิงจึงสามารถวิ่งไปยังห้องน้ำโดยไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ แม้จะมีอันธพาลบางคนเข้ามาขว้างทาง เขาก็สามารถเตะพวกมันให้พ้นทางอย่างง่ายดาย

เย่เฟิงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ

เมื่อเห็นดังนั้น ชายทั้งคู่ที่ไล่ตามมารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง พวกเขาคิดว่าหากเย่เฟิงเข้าไปในห้องน้ำ ก็ไม่มีทางที่มันจะหนีไปจากที่นี่ได้อีกแล้ว

แต่เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาในห้องน้ำก็เห็นกำปั้นสวนมาด้วยความเร็วดังสายฟ้า อันธพาลทั้งคู่ไม่แม้แต่จะมีเวลาได้ตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น หมัดทั้งคู่ของเย่เฟิงก็ปะทะเข้ากับอกของพวกมัน “แกรก” เสียงของกระดูกแตกหักดังลั่น อันธพาลคนหนึ่งกระเด็ดไปติดฝาผนัง ส่วนอีกคนเพียงแค่ล้มลงไป

หมัดของเย่เฟิงปะทะเข้าอย่างจังกับชายคนหนึ่ง หมัดของเขาหนักถึง 300 kg มีหรือที่คนธรรมดาจะสามารถทนได้ เคราะห์ดีสำหรับชายคนนั้น มันมีร่างกายของมันแข็งแรงกว่าคนทั่วไป ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยหมัดของเย่เฟิงนี้ มันคงไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ได้

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็แทบหมดความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว เย่เฟิงเดินเข้าไปหาอันธพาลอีกคนที่ล้มลงโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก เขาพูดด้วยเสียงเย็น “หาฉันไปหาหัวหน้าของพวกแก ไม่อย่างนั้นแกจะต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับเจ้านั่น”

ชายคนนี้พยายามตะเกียกตะกาย แต่เมื่อมันมองไปยังร่างของคู่หู ร่างๆนั้นมีรอยยุบลงไปบริเวณหน้าอก ตาของเขาเบิกขึ้นอย่างน่ากลัว ขณะที่มีคราบเลือดที่กระอักออกมา และดูเหมือนเขาจะสลบไปนานแล้ว

หมัดของเจ้าเด็กนี่จะทำให้ฉันกลายเป็นแบบนั้น?

เมื่อคิดเช่นนั้นก็ถึงกับเหงื่อแตกไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาสรุปได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของเย่เฟิงเป็นของจริง

มันเป็นไทสันรุ่นเยาว์หรือไงกัน?

อันธพาลคนนี้นึกถึงราชานักมวย‘ไมค์ไทสัน’ ซึ่งแม้ภายนอกทั้งคู่จะดูต่างกันมาก แต่ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงกลับอยู่ในระดับเดียวกับไทสันได้เลย!

“ห…หัวหน้า…..อยู่ที่ชั้นหก”

ชายคนนี้ตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก เขาที่เป็นถึงอันธพาลที่มีฝีมืออันดับต้นๆของแก๊ง ทำงานที่สำคัญต่างๆของแก๊งมามากมาย รวมทั้งรับหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยของหัวหน้ากลุ่มย่อยต่างๆของแก๊ง แน่นอนว่าเขาต้องรู้ที่อยู่ของหัวหน้าใหญ่

ชายคนนี้ไม่ได้กังวลกับการที่เย่เฟิงจะไปหาหัวหน้าแก๊งเท่าไหร่ เพราะเขารู้ว่าหัวหน้ามีปืนอยู่กับตัว ต่อให้เย่เฟิงมีฝีมือแค่ไหนก็ไม่มีทางจัดการกับหัวหน้าได้อย่างแน่นอน

เย่เฟิงนำผ้าเช็ดหน้ามาผูกมือทั้งสองข้างของเขาไว้ แม้อันธพาลคนนี้จะเห็นมือของเย่เฟิงที่เล็กเหมือนเด็กหนุ่มทั้งไป แต่เขาก็ยังไม่กล้าขัดขืน

ชายคนนี้นำทางเย่เฟิงไปอย่างว่าง่าย พวกเขาเดินผ่านผู้คนที่นี่เล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นหกของบ่อนเทียนหัว

เย่เฟิงค่อยสังเกตสิ่งต่างๆอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดค่อยสอดส่องอยู่ตลอดทาง สิ่งเหล่านี้ทำให้เย่เฟิงครุ่นคิดบางอย่างในใจ ถ้าเขาไม่อาจใช้ยาพิษควบคุมหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้ มันต้องทำให้เขามีปัญหาตามมามากมายในอนาคตอย่างแน่นอน

ณ บ่อนเทียนหัว ชั้นหก

ที่นี่คือที่รวมตัวของเหล่าคนระดับสูงในแก๊ง ตามที่เขาสังเกต เกือบทุกคนในที่นี้ล้วนโอบกอดหญิงสาวไว้ข้างกายด้วยความรื่นรมย์ เย่เฟิงพร้อมกับชายคนนี้ซึ่งถูกผ้าเช็ดหน้ามัดมือทั้งสองข้างไว้ เดินผ่านไปโดยปราศจากความสนใจของผู้คนเหล่านั้น

จนในที่สุด พวกเขาก็มาถึงยังทางเข้าของห้องที่ดูหรูหรา ชายคนนี้ก้าวเท้าเข้าไปเคาะห้องเป็นจังหวะ

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

“เข้ามา”

มีน้ำเสียงไร้อารมณ์ของชายวัยกลางคนดังออกมาจากในห้อง

“น่าเสียดาย ถ้าเรามีทักษะหยินเฉินละก็…..”

เย่เฟิงคิดในใจว่าหากเขามีเวลาบ่มเพาะวรยุทธ์อีกซักสิบปี เขาจะสามารถฝึกทักษะ‘หยินเฉิน’ที่ทำให้เขาเห็นทุกๆอย่างที่อยู่ในห้อง และสามารถวางแผนรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่นอกห้อง

ชายคนนี้ค่อยๆเปิดประตูอย่างช้าๆ และแสดงกิริยาเชื้อเชิญต่อเขา

เย่เฟิงมองไปยังชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบจนฝ่ายตรงข้ามแสดงความหวาดกลัวออกมาทางใบหน้า แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อมองเข้าไปในสายตาของมัน เขากลับพบถึงเจตนาปองร้าย

“กับดักงั้นรึ?”

เย่เฟิงตื่นตัวทันที เขาก้าวเข้าไปในห้องอย่างหยิ่งผยอง

และทันใดนั้นมีเสียง “ปัง”ดังขึ้น

ย่างก้าวไร้เงา!

เย่เฟิงเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว เขาควบแน่นเจินฉีไว้ที่ขาทั้งคู่ และเคลื่อนที่โดยทิ้งภาพติดตาที่เลือนลางเอาไว้ เขาจึงไม่ได้รับอันตรายจากกระสุนลูกนั้นแม้แต่น้อย

เย่เฟิงสังเกตสิ่งต่างๆภายในห้องและเห็นชายหัวโล้นที่มีรอยบากบนใบหน้าถือปืนพกไว้ในมือขณะแสดงความดุร้ายออกมาบนใบหน้า ถัดจากชายคนนั้นคือสาวสวยสวมชุดเซ็กซี่ที่อิงร่างของเธอกับร่างของชายหน้าบาก

พวกเขาทั้งคู่มองเย่เฟิงที่สามารถหลบกระสุนนี่ได้อย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตะลึง

แต่ตำแหน่งหัวหน้าของแก๊งอสรพิษสวรรค์ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ชายหน้าบากหันปากกระบอกปืนยิงใส่เย่เฟิงอีกครั้งอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล แต่ทันใดนั้น ร่างของเย่เฟิงกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างฉับพลัน!

……………………………..

แปลโดย : Solar Spark