แปลไทย : ZyvX

ที่ห้องทำงานของประธานใหญ่ มีควันลอยออกมาปุดปุด

ซูชิงมองไปยังโซฟาที่แสนนุ่มนิ่ม มีชายหนุ่มนั่งเหมือนดั่งไม่นั่งอยู่ เธอขมวดคิ้วแล้วถาม “นายคือสหายร่วมรบของพี่ชายฉันยังงั้นเหรอ?”

“แน่นอน ผมกับพี่ชายคุณเป็นสหายศึกร่วมปฏิวัติ เป็นความสัมพันธ์รอดชีวิตมาด้วยกัน” เซียวเฉิงยิ้มพร้อมพยักหน้า แม่หนูน้อยนางนี้เมื่อเทียบกับในรูปยังถือได้ว่าน่าดูกว่ามาก

ผิวพรรณขาวผุดผ่องเป็นยองใย โครงหน้าสวยงามได้รูป มีใบหน้าสวยงามรูปไข่ อีกทั้งยังมี …… ซาลาเปาเต็มลูกสองก้อน ที่ดึงดูดลูกตาของเขาเอาไว้

“แล้วพี่ชาย ฉันทำไมยังไม่กลับมาอีกล่ะ?”

“ก็ครึ่งเดือนก่อน คุณให้พี่ชายคุณโทรหา แล้วคุณบอกว่าได้เจอกับเรื่องยุ่งยากเข้า หวังว่าจะให้เขากลับมาช่วยเหลือคุณ ……. หลังจากที่เขาเมื่อได้รับโทรศัพท์จากคุณแล้ว ก็ได้ยื่นคำขอวันหยุดยาวจากทั้งสังกัด แต่ว่ากลับปลีกตัวมาไม่ได้ นั้นก็เพราะว่ามีภารกิจสำคัญ ต้องการให้นายทหารเอกเช่นเขาคอยนำทีม”

ซูชิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอรีบถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ภารกิจอะไร มันอันตรายหรือเปล่า?”

“ความลับของภารกิจน่ะ ผมไม่อาจทราบได้”

“ถ้าอย่างนั้นเขาจะกลับมาได้เมื่อไหร่กัน?”

“ตอนนี้เขาไปต่างประเทศแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีได้”

“ยังงี้นี่เอง”

เซียวเฉิงสูบบุหรี่ที่ถืออยู่ไปสูดนึง “พี่ชายคุณในช่วงเวลาก่อนจะไป เขาได้มาไหว้วานผม เพื่อที่ผมจะได้ช่วยคุณแก้ไขปัญหา บอกมาเถอะ ว่าคุณได้พบกับปัญหาอะไรอยู่จะได้ช่วยได้?”

ซูชิงตาทอประกายมองไปยังเซียวเฉิงด้วยความสงสัย “นายก็เป็นทหารเอกชั้นพิเศษด้วยยังงั้นหรอ?”

“เปล่า ผมแค่คอยรับผิดชอบงานการทำงานด้านการส่งมอบก็เท่านั้น”

“ส่งมอบหรอ? เป็นงานเกี่ยวกับอะไรล่ะ?”

“เลี้ยงหมูน่ะ”

“อะไรนะ? เลี้ยงหมู” ซูชิงเริ่มที่จะเบื่อหน่ายขึ้นมา

“ใช่ ผมบอกกับคุณแล้วนะ ว่าผมกับทีมของพวกผมถนัดเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงโดยเฉพาะ แล้วก็ยังมีการวิชาการเลี้ยงหมูที่ผ่านมา ผม …….”

“พอแล้ว!” ซูชิงฟังต่อไปไม่ลงแล้ว แล้วก็ได้ตัดบทของเซียวเฉิง “ฉันไม่รู้สึกว่า การที่มีความสามารถในการเลี้ยงหมูจะช่วยแก้ไขปัญหาของฉันได้”

เซียวเฉิงหัวเราะออกมา “ฮ่ะฮ่ะ คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าได้เจอกับปัญหาอะไร แล้วผมจะทราบได้อย่างไรว่าจะแก้ปัญหาให้ยังไงจริงมั้ย?”

“ปัญหาอะไร ฉันในตอนนี้ยังไม่อาจที่จะบอกนายได้ แต่ฉันบอกนายได้อย่างหนึ่ง ฉันยังต้องการคนที่คอยปกป้องฉันเหมือนดั่งน้องสาวให้ปลอดภัยจากภยันอันตรายได้ นายก็แค่คนเลี้ยงหมู ……. รับผิดชอบด้านการส่งมอบ ไม่ได้มีสามารถคุ้มครองฉันได้หรอก”

“ใครบอกว่าเลี้ยงหมู จะไม่สามารถที่จะคุ้มครองพวกคุณได้ ? ผมขอบอกกับคุณเลยนะ ในช่วงก่อนหน้าทีมของพวกเราได้มีหมูตัวหนึ่งเกิดติดสัตว์ แล้วก็ได้เข้าไปยังเขตคุ้มกันที่มีความสูงเกือบสองเมตร มันร้องแล้วก็กระโดดออกไป ยังดีที่มีทหารยศพลเอกอยู่หลายคน ……… รวมไปทั้งพี่ชายคุณ ต่างก็หยุดเอาไว้ไม่ได้ ผลสุดท้ายก็ได้ให้ผมจับมันกลับมา …… เรื่องก็เป็นไปตามนี้ ฝีมือของผม ไม่อ่อนกว่าพี่ชายคุณแน่นอน”

ซูชิงมองไปยังเซียวเฉิงที่คุยโวโออวด อดไม่ได้ที่จะลูบไปที่ขมับไปมา พี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เปลี่ยนเป็นไม่สามารถพึ่งพาได้กัน ถึงกลับหาเด็กน้อยเช่นนี้มาได้ ช่างเถอะ ยังไงก็เอาที่ตัวเองวางแผนเอาไว้ หาบอดี้การ์ดมาสักหลายคน

“นายเซียว ฉันสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ นายคงอยากรีบกลับไปหาทีมเร็วๆสินะ ไปซะเถอะ”

“ผมไม่กลับไปแล้วล่ะ”

“เพราะอะไรล่ะ?”

“ผมถูกไล่ออกแล้วน่ะสิ”

ซูชิงไร้คำจะกล่าว ถึงกับถูกไล่ออกจากทีมงั้นหรือ?

“งั้นต่อจากนี้นายคิดจะทำอะไร?”

“ผมกับพี่ชายคุณเป็นเหมือนพี่น้อง น้องสาวเขาก็คือน้องสาวผม ดังนั้นสิ่งที่ผมจะทำในช่วงเวลานี้ก็คืออยู่ในเมืองหลงไห่(龙海市) เพื่อช่วยคุณแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น”

ซูชิงเริ่มที่จะปวดหัวขึ้นมา ที่มานี้จะมาช่วยตัวเองแก้ไขปัญหา หรือจะมาช่วยเพิ่มปัญหากันแน่

บอกกล่าวตามความจริง เธอไม่ชมชอบลักษณะของเซียวเฉิงเลย อีกทั้งกับความสามารถของเขารวมไปถือได้ว่าน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่การเลี้ยงหมูก็ยังไม่เข้าใจ แล้วยังจะหวังให้เขาคุ้มครองตัวเองกับน้องสาวงั้นหรอ ?

ในตอนนี้เธอเริ่มเกิดความสงสัย หรือเป็นเพราะว่าพี่ชายเห็นว่าเด็กน้อยนี้ไร้ที่พึ่งพิง สงสารเขา จึงได้แนะนำเขาให้เข้ามา ? ถ้าเป็นอย่างนั้น ตัวเองก็จัดการหางานให้กับเขาสักหน่อยคงจะดีกว่า ?

ยังไม่ทันได้รอให้เธอได้คิดว่าจะจัดการให้เซียวเฉิงทำงานอะไรดี ผู้ช่วยสาวก็ได้เดินเข้ามา “ประธานซู คุณเยิ่นคุนมาแล้วค่ะ”

ซูชิงขมวดคิ้ว “เขามาทำอะไรกัน? บอกเขาไปว่าไม่ให้เข้าพบ”

“ฮ่ะๆ ทำไมยังหลบอยู่ไม่ออกมาเจอผมละ?” ที่ประตูห้องงานก็ได้ถูกผลักออก ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในมือถือได้ว่าดอกกุหลาบ ทั้งตัวประดับด้วยของแบรนด์เนม

“เยิ่นคุน ใครให้คุณเข้ามากัน?” ซูชิงใบหน้าเย็นชาขึ้นมา ภายในดวงตาสาดประกายความโกรธ

“เสี่ยวชิง ไม่พบกันหลายวัน คุณยิ่งดูน่าลุ่มหลงจริงๆ” เยิ่นคุนทอประกายสายตาหลงใหลมองไปยังทรวงอกของซูชิง ยกดอกกุหลาบขึ้นมา “ชอบรึเปล่า? ผมมอบให้คุณนะ”

ซูชิงไม่ตอบรับ น้ำเสียงเย็นชายิ่ง “คุณมาทำอะไรกันแน่?”

“ฮ่ะๆ ผมได้ยินมาว่าคุณคิดจะหาบอดี้การ์ดอยู่ ดังนั้นก็ได้มาส่งมอบยอดฝีมือมาให้แก่คุณไง” เยิ่นคุนพูดจบ ก็ได้ปรบมือขึ้นมาสองครั้ง “เข้ามา”

เมื่อเสียงของเยิ่นคุนส่งออกไป ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา สวมชุดสูทดำ แว่นกันแดดดำ ดูไปก็ตลกอยู่บ้าง

“เสี่ยวชิง ผมจะแนะนำให้สักครู่ คนผู้นี้เก่งกาจยิ่ง เคยอยู่ในทีมใหญ่อย่างเขี้ยวหมาป่ามาก่อน …… รู้จักเขี้ยวหมาป่าไหม ? ที่แสดงอยู่บนโทรทัศน์นั้นไง ที่เป็นทีมพิเศษที่เก่งแบบสุดยอดไปเลย คนหนึ่งตีกับสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหา …….. ” เยิ่นคุนใช้มือตบไปที่หน้าอกที่กำยำของชายหนุ่ม กล่าวแนะนำออกไป

“เขี้ยวหมาป่า? ฮ่ะๆ อ่านนิยายมากไปหรือไงกัน? ” ไม่รอให้เยิ่นคุนคุยโอ้จนจบ ก็ได้มีเสียงที่พ่นออกมาจากอีกทางด้านหนึ่งออกมา

เยิ่นคุนทอสีหน้าสงสัย หันหน้าจ้องไปที่เซียวเฉิง “เจ้าเด็กน้อยนี่ แกเป็นใครกัน?”

“ฉันก็คือบอดี้การ์ดของประธานซูไงเล่า”

“บอดี้การ์ด?” เยิ่นคุนเบ่งทับ วิเคราะห์เซียวเฉิง “นายเนี้ยน่ะ? ”

“ใช่ ฉันเอง”

“บัดซบสิ้นดี อาเหมียวอาหมาอะไร ยังกล้าที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดอีกงั้นหรอ? ” เยิ่นคุนหัวเราะเย็นชาเหยียดหยาม “นายถูกไล่ออกแล้ว รีบไสหัวไปซะ”

ซูชิงหน้าเปลี่ยนสี เมื่อตอนกำลังที่จะพูด ก็ได้เห็นเซียวเฉิงค่อยๆลุกขึ้นมา “ไสหัวไปงั้นหรอ? นาย …….. มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันกัน?”

เยิ่นคุนเริ่มที่จะเบื่อหน่าย จากนั้นก็ได้โกรธขึ้นมา ไอ้นี้ บอดี้การ์ดคนหนึ่งถึงกับกล้าที่จะพูดคุยกับเขาเช่นนี้งั้นหรือ?

“อาหลง เอาให้เขาพิการเลย”

“รับทราบครับ”

ชายหนุ่มกำยำเมื่อเห็นว่าเจ้านายสั่งการมา ก้าวออก ขึ้นหน้า เตรียมพร้อมที่จะลงมือ

“หยุดนะ!”

ซูชิงร้องออกมาเสียงเย็นชา “เยิ่นคุน ที่นี้เป็นห้องทำงานของฉัน ไม่ใช่สถานที่ให้พวกนายมาทะเลาะวิวาทได้”

“เสี่ยวชิง ตอนนี้คนหลอกลวงมีเยอะจนเกินไปแล้ว คุณอย่าได้ให้อาเหมียวอาสุนัขหลอกคุณได้ ผมจะให้อาหลงทดสอบเขาเอง ดูว่าที่แม้เขามีความสามารถพอที่จะเป็นบอดี้การ์ดให้คุณไหม”

ซูชิงมองไปที่ดวงตาเซียวเฉิง ไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงแล้วตัวเธอเองก็อยากจะเหมือนกัน ว่าเจ้าหนูนี้ที่แท้มีสามารถทำอย่างที่พูดออกมาได้ไหม

ในตอนนี้ ให้หน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าอะไรนั้นมาเป็นหินทองคำคอยทดสอบเขาดู อาจจะได้เห็นอะไรเล็กๆน้อยๆก็เป็นไร

เยิ่นคุนเมาอพบซูชิงไม่ได้ห้ามปราม ในใจก็เกิดความยินดี ขอเพียงแค่ให้อาหลงใช้ออกด้วยความสามารถที่มี จัดการเจ้าโง่ผู้นี้ให้พิการ เช่นนี่เขาก็สามารถทำให้ซูชิงอยู่ข้างกายได้ …….. เมื่อถึงเวลานั้น หึึหึ ดูว่าเธอจะหนีรอดจากเงื้อมมือเขาได้ยังไง

พอถึงตรงนี้ เยิ่นคุนก็เริ่มที่จะมีความสุขยิ่ง โบกมือขึ้น “อาหลง จัดการเขาให้ผมด้วย”

ชายหนุ่มกำยำยิ้มออกมาอย่างดุร้าย มุ่งหน้าไปทางด้านเซียวเฉิง เหวี่ยงหวัดเข้าไปอย่างรุนแรง

“เขี้ยวหมาป่างั้นหรอ?  ข้า(กู)จะทุบจนเป็นเขี้ยวสุนัขเอง”

ในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มกำยำเหวี่ยงหมัดเข้าไปที่หน้าของเซียวเฉิง เขาก็ได้ขยับ พลังความเร็วปานสายฟ้า ใช้ออกด้วยหมัดปะทะเข้าไป

ปึก

หมัดของทั้งสองคน ปะทะกันท่ามกลางอากาศ จนเกิดเสียงดังทึมขึ้น

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มกำยำก็ได้กรี๊ดร้องแล้วกระเด็นออกไป พุ่งชนเข้าบนตัวของเยิ่นคุนอย่างหนักหน่วง

“โอ๊ย ….. มารดาแกเถอะไสหัวลงไปเร็ว จะทับกูตายอยู่แล้ว”

เยิ่นคุนถูกทับอยู่กับพื้น ร้องโอดครวญติดต่อกัน

ชายหนุ่มกำยำเหมือนกับว่าข้อมือได้หักไปแล้ว ฝืนความเจ็บปวดลุกขึ้นมา ประกายตาที่เขามองไปที่เซียวเฉิง ก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

เซียวเฉิงเดินขึ้นหน้าไปอย่างช้าๆ ใช้เท้าถีบไปยังหน้าอกของเยิ่นคุน แนบกายถามออกไป “คุณชายเยิ่นงั้นหรอ ? ตอนนี้คุณลองบอกมาหน่อยสิ ความสามารถของผมเป็นบอดี้การ์ดให้ประธานซูได้หรือเปล่า?”

“โอ๊ย …….. ไอ้หนู มารดาแกเถอะ ……”

เพี๊ยะ

เซียวเฉิงตบไปที่ใบหน้าของเยิ่นคุนจนหูก้องขึ้นมา “ปากสะอาดกว่านี้หน่อยสิ อย่าเอาแต่คำก็มารดาของเขามารดาของแก อย่าคิดว่าคุณแซ่เยิ่น ทุกคนก็จะยอมรับ(เยิ่นซิ่ง=ยอมรับ) เข้าใจนะ?”

ความเจ็บปวดอันแสบร้อน เกือบที่จะทำให้เยิ่นคุนเกือบที่จะเป็นบ้า เขาที่เป็นถึงคุณชายใหญ่เยิ่น เคยมีตอนไหนกันที่ถูกคนอื่นตบหน้ามาก่อน ?

“มารดาเจ้า ……..”

เพี๊ยะ

แล้วก็ที่ปากอีกครั้ง อีกครั้งยังหนักกว่าเมื่อกี้อีก

“นาย …… ไอ้เด็กน้อย นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เยิ่นคุนไม่กล้าที่จะด่าอีกครั้ง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่โกรธ

“เหอะ ใช้คำพูดร่วมสมัยหน่อยจะได้ไหม? ผ่านไปกี่ปีก็ยังเป็นแบบนี้ ยังจะใช้อยู่อีก? ผมไม่สนใจว่าเบื้องหลังของคุณจะมีอะไร แล้วก็ไม่สนตัวของคุณ….เป็นใคร …….. ผมจะถามคุณเพียงประโยคเดียว ผมมีความสามารถที่จะเป็นบอดี้การ์ดให้ประธานซูหรือเปล่า?”

เยิ่นคุนกัดฟันไปมา “มี!”

ชายชาติทหารกล้าทำกล้ารับ ยืดได้หดได้ ควรหลบก็หลบก่อน

“เซียวเฉิง ปล่อยเขาลง”

ในที่สุดซูชิงก็ได้เอ่ยปากออกมา เบื้องหลังเหล่านั้นของเยิ่นคุน เป็นสิ่งที่ไม่อาจที่จะสร้างเรื่องมากจนเกินไปด้วยได้

เซียวเฉิงพยักหน้า ยกเท้าข้างที่เหยียบอยู่เยิ่นคุนออก “คุณชายเยิ่น มีผมอยู่ ความปลอดภัยของประธานซูก็ไม่จำให้ต้องให้คุณคิดมากแล้ว ตอนนี้ พาทหารเขี้ยวหมาป่าเฉพาะกิจของคุณ……. ไสหัวไปได้ล่ะ”

เยิ่นคุนคลานลุกขึ้นมาจากพื้น จ้องเขม็งไปที่เซียวเฉิง บนใบหน้าทอแววตาดุร้าย “เจ้าหนู …….”

“ไสหัวไปสิ” เซียวเฉิงเหวี่ยงหมัดออกไปทั่ว จนทำให้เยิ่นคุนตื่นตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

หลังจากรอจนเยิ่นคุนเผ่นแนบออกจากห้องทำงานแล้ว ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านนอก “เจ้าหนู มารดาแกรอก่อนเถอะ …… ข้าจะกลับมาเอาแกให้ตายแน่นอน”

“พี่หลาน เธอออกไปก่อน” ซูชิงกล่าวกับหญิงสาวผู้ช่วยประโยคหนึ่ง

“ค่ะ” ผู้ช่วยสาวพยักหน้า มองไปที่ตาเซียวคุน หันกายเดินจากไป

ประตูห้องทำงานได้ปิดลง ซูชิงนั่งลง จ้องไปที่เซียวคุน “นาย ……. เลี้ยงหมูจริงๆงั้นหรอ?”

“แน่นอน จะโกหกคุณไปทำไม” เซียวคุนพยักหน้า เขามิได้หลอกลวง แต่ว่าคำว่า “หมู” ที่เขาเรียกติดปากนั้นไม่ใช่เนื้อหมูที่ไว้ทานกัน

ซูชิงอ้าปากขึ้นมา เธอคิดจะถามอีกคำหนึ่ง การเลี้ยงหมูถึงกับร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ ?

แต่ว่า เธอกลับไม่ได้ถามต่ออีก จากเมื่อครู่นี้ เธอก็เข้าใจถึงเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าเด็กน้อยนี้จะแข็งแกร่งหรือว่าอ่อนแอ อย่างน้อยก็ยืนยันได้อยู่ข้อหนึ่ง นั้นก็คือเขาเหมาะสมที่จะให้ความเชื่อใจ ไม่อย่างนั้นพี่ชายคงจะไม่ให้เขามาหรอก

จะว่าไป พี่ชายที่แสนจะรักถนอมตัวเองและน้องสาว จะคนที่อ่อนแอมาเพื่อช่วยตัวเองแก้ไขปัญหาได้อย่างไรกัน?

คิดถึงตรงนี้ เธอก็ได้ตัดสินใจได้แล้ว

..