บทที่ 2 อิฐครึ่งก้อน

เย่เฟิงวิ่งเข้ามายังซอยเล็กๆแห่งนี้และพบร่างของคนๆหนึ่งวิ่งสวนออกมาด้วยความตื่นกลัว

“เทียนโย่วเหลียง?”

เมื่อเย่เฟิงเห็นร่างของคนๆนี้ชัดเจน เขาจำได้ทันทีว่าคนๆนี้มีชื่อว่าเทียนโย่วเหลียงซึ่งอยู่ในความทรงจำของเย่เฟิงคนก่อน

เทียนโย่วเหลียงเรียนอยู่ห้องเดียวกับเย่เฟิง ฐานะทางบ้านของเขาค่อนข้างร่ำรวยและเขายังเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าชู้ เขามักค่อยตามตื้อซูเหมิงหานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะเธอไม่ใช่แค่เป็นสาวสวยของโรงเรียน ฐานะทางบ้านของเธอยังร่ำรวยเอามากๆ แถมครอบครัวของเธอยังมีทรัพย์สินมากมายในเมืองเยี่ยนจิงแห่งนี้

ด้วยผมที่ฟอกสีขาวและชุดหนังสีดำของเทียนโย่วเหลียงทำให้เขาดูเหมือนพวก school punk ที่มีนิสัยรุนแรงแต่ตอนนี้สีหน้าเขาดูสับสนรวมทั้งสายตาที่ดูหวาดกลัว

“เย่เฟิง?”

เทียนโย่วเหลียงตาลีตาเหลือกกับการวิ่งหนี แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาค่อนข้างตกใจเมื่อได้เจอเย่เฟิงที่นี่

เพราะก่อนหน้านี้ เทียนโย่วเหลียงได้เจอกับนางฟ้าซูเหมิงหานของเขาที่ย่านบาร์ และคอยช่วยเธอตามหาเย่เฟิงอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่พบ เขาจึงไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เจอเย่เฟิงที่นี่

เคราะห์ร้าย ตอนนี้ซูเหมิงหานถูกล้อมไปด้วยกลุ่มคนจาก‘แก๊งอสรพิษสวรรค์’ซึ่งทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างมาก

หากเป็นคนทั่วไป เทียนโย่วเหลียงก็คงกล้าออกไปปกป้องเธอ แต่สำหรับแก๊งอสรพิษสวรรค์ที่แม้แต่พ่อของเขายังไม่กล้ายุ่ง แล้วแค่เด็กนักเรียนอย่างเขาจะช่วยเธอได้อย่างไร ทุกๆคนในบริเวณนี้ล้วนรู้ดีว่า หากใครไปท้าทายแก๊งอสรพิษสวรรค์นี้เขา มันคนนั้นต้องประสบกับชะตากรรมที่น่าอนาถ!

เมื่อเห็นนางฟ้าของเขาตกอยู่ในวงล้อมของขี้เมาทั้ง 4 คนนั้น แม้ทำให้เทียนโย่วเหลียงไม่พอใจ แต่อย่างไร ชีวิตของเขาย่อมสำคัญที่สุด

เทียนโย่วเหลียงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจเย่เฟิง เพราะเขากลัวพวกขี้เมาเหล่านั้นจะตามไล่หลังมา หลังจากพบเข้ากับเย่เฟิงแล้ว เทียนโย่วเหลียงก็วิ่งจากไปและหายวัยเข้าไปในฝูงชนทันที

“ดูเหมือนจะอันตรายจริงๆแฮะ….”

เย่เฟิงหันไปมองเทียนโย่วเหลียงที่วิ่งอย่างตาลีตาเหลือก เขาคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงหยิบอิฐครึ่งก้อนที่วางอยู่บนพื้น ในเมื่อตอนนี้ตัวเขาในร่างใหม่นี้ไร้วรยุทธ์อย่างสิ้นเชิง เขาจึงไม่อาจจะทำอะไรบุ่มบ่ามได้

เย่เฟิงค่อยๆย่องอย่างไร้ซุ่มเสียงไปยังมุมหนึ่งของซอยและค่อยๆชะโงกหน้าออกมามอง เขาหัวเราะกับตัวเองในใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในซอย

เย่เฟิงเห็นชายร่างสูงกล้ามเป็นมัด 4 คนที่มีรอยสักรูปงูอยู่บนข้อมือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งอสรพิษสวรรค์ ยืนล้อมและไล่ตอนซูเหมิงหานไปยังมุมหนึ่งของซอย

เย่เฟิงหัวเราะเพราะตอนนี้พวกมันหันหลังให้เขาอยู่

“เฮ้ หลานชาย!”

———————————-

ซูเหมิงหานกำลังร้องไห้ด้วยความตื่นกลัว

ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ตัดสินใจตามเจ้าโรคจิตเข้ามาในย่านบาร์แห่งนี้ และเกลียดเขาที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้

ตอนแรกที่เธอเข้ามาในย่านบาร์ เธอพบกันเทียนโย่วเหลียงที่ชอบตามตื้อเธอในชั้นเรียน เขาบอกว่าเขาชำนาญพื้นที่ในย่านบาร์แห่งนี้ และต้องการจะช่วยเธอหาตัวเย่เฟิง แต่เมื่อเดินมาใกล้ซอยเล็กๆนี่ พวกเธอชนเข้ากับชายขี้เมา 4 คนที่มาจากแก๊งอสรพิษสวรรค์ เมื่อพวกมันเห็นสาวสวยอย่างเธอ พวกมันจึงไล่ต้อนเธอเข้ามายังซอยเล็กๆนี่เพื่อจะเล่นสนุกกับเธอ

เมื่อเทียนโย่วเหลียงเห็นชายขี้เมาทั้งสี่ก็กลับกลัวจนฉี่ราด เขาทิ้งเธอไว้แล้วรีบหนีไปอย่างคนขี้ขลาด

เวลานี้ ชายขี้เมาทั้งสี่ปรากฏแววแววตาที่ชั่วร้ายขึ้นบนใบหน้าขณะล้อมเธอไว้ พวกมันมองเธอเหมือนกับจะถอดเสื้อเธอออกได้โดยใช้เพียงแค่สายตา

ซูเหมิงหานร้องตะโกนข้อความช่วยเหลืออย่างหมดหวัง เพราะในพื้นที่แบบนี้จะมีใครมาช่วยเธอได้?

ตอนนี้ เธอกำมีดปอกผลไม้ในมือไว้แน่นและซ่อนในกระโปรงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดข้น แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหนึ่ง

“เฮ้ หลานชาย!”

ถ้อยคำยั่วยุที่ดังขึ้น ดึงดูความสนใจของชายขี้เมาทั้งสี่ทันที

“เดนสังคมอย่างพวกแก เดี๋ยวพ่อจะเตรียมงานศพให้….”

หนึ่งในสี่ชายขี้เมาที่หันหลังกลับมา ถูกก้อนอิฐที่เย่เฟิงขว้างออกมากระแทกเข้ากับใบหน้าอย่างจังโดยที่มันยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาอะไร

นี่มันอิฐครึ่งก้อน!

อิฐก้อนนั้นเรียกเลือดจากใบหน้ามันได้อย่างดี จนมันไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้ ต้องลงไปนอนร้องโอดโอยบนพื้น

ถึงแม้ตอนนี้ เย่เฟิงจะไม่แข็งแรงเท่าไหร่ แต่ตัวเขาที่ครั้งหนึ่งเคยฝึกวรยุทธ์ในโลกเทวะ ย่อมมีความแม่นยำและสามารถคำนวณองศาตกของวัตถุได้ สำหรับการจัดการคนธรรมดาแบบนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

ชายขี้เมาอีกสามคนรวมทั้งซูเหมิงหานถึงกับอึ้ง

“เธอจะไม่วิ่งหรือไง?”

เย่เฟิงฉวยโอกาสขณะที่ชายทั้งสามยังคงทำหน้าเหมือนคนโง่ คว้ามือซูเหมิงหานแล้วรีบหนีออกจากซอยนี้ทันที

หากพวกมันยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เขาย่อมไม่แน่ใจว่าจะช่วยเธออย่างปลอดภัยได้ แต่โชคดี พวกมันยังคงอยู่ในอาการเมาและใช้เวลาตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานกว่าปกติ กว่าพวกมันจะทันทำอะไร เย่เฟิงก็คว้ามือซูเหมิงหานวิ่งไปไกลเกินกว่าสิบเมตรแล้ว

ในที่สุดหนึ่งในพวกนั้นก็ได้สติแล้วเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของชายคนที่โดนปาอิฐเข้าที่หน้า ส่วนอีกสองคนเริ่มวิ่งไล่พวกเย่เฟิง “ไอเด็กเวร เดี๋ยวพ่อจะจับแกมาหักขาให้ได้!”

“ถ้าฉันจะไล่จับใครฉันคงไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้ประโยชน์หรอก”

รอยยิ้มดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย่เฟิง ขณะที่เขายังคงดึงมือของซูเหมิงหานวิ่งหนี พวกเขาวิ่งผ่านหลายโค้งจนในที่สุดก็มาถึงยังถนนเส้นหลักของย่านบาร์ได้

เมื่อซูเหมิงหานมองเห็นถนนที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้คน เธอถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ แต่ถึงอย่างนั้น ชายขี้เมาสองคนยังคงไล่กวดพวกเธอมา ทำให้พวกเธอต้องรีบหนีอีกครั้ง

“เธอนี่มันวิ่งช้าจริงๆให้ตายเถอะ”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว เขาตัดสินใจรวบเอวของซูเหมิงหานเข้ามาเพื่อที่จะโอบอุ้มร่างของเธอไว้ เรือนร่างที่นุ่มและหอมหวนเหมือนดังกลิ่นดอกไม้ของซูเหมิงหานถูกรวบเข้ามาในอ้อมอกของเย่เฟิงอย่างแน่นหนา นี่ไม่เพียงความเร็วเขาจะไม่ลดลง เขายังวิ่งได้เร็วขึ้นอีกต่างหาก ระยะห่างระหว่างพวกเขากับชายขี้เมาจึงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้คนในย่านบาร์ล้วนหันมามองอย่างสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แม่มันเถอะ ไอเด็กเวรนั่นวิ่งเร็วโคตร”

หลังจากเห็นเย่เฟิงที่โอบอุ้มซูเหมิงหานไว้ วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว พวกมันจึงยอมล้มเลิกการไล่ตามนี้ หนึ่งในนั้นนั่งลงบนพื้นพร้อมทั้งพูดขึ้น “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่ใหญ่ปาเถี่ยก็จัดการพวกมันให้เราเอง ไอเด็กเวรนั่นถูกหมายหัวไว้แล้ว”

ด้วยอิทธิพลของแก๊งอสรพิษสวรรค์แล้ว การค้นหาประวัติของเย่เฟิงและซูเหมิงหานย่อมง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

——–

“วางฉันลงได้แล้ว!”

เมื่อดูพวกเขาจะพ้นอันตรายแล้ว ซูเหมิงหานก็เริ่มดิ้นรนให้เขาปล่อยเธอลง

ตั้งแต่เล็กจนโต ซูเหมิงหานไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนได้สัมผัสตัวเธอเลยแม้แต่น้อยนอกจากพ่อของเธอ ถึงอย่างนั้น วันนี้ เธอไม่คิดเลยว่านอกจากร่างเปลือยของเธอจะถูกเย่เฟิงเห็นเข้า เธอยังถูกเขาโอบอุ้มอีก สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอโมโหอย่างมาก

เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น เขาคลายวงแขนลงและทันใดนั้น

“อ้า!”

ซูเหมิงหานร่วงลงไปบนพื้นถนน และร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เธอแช่งเย่เฟิงในใจ ทำไมหมอนี่ถึงไร้มารยาทอย่างนี้นะ?

เธอจ้องเย่เฟิงอย่างเอาเรื่องขณะที่ดวงไฟของเสาไฟฟ้าบริเวณนี้ค่อยๆสว่างขึ้น

ภายใต้แสงไฟที่สลัวของถนนยามค่ำคืน ด้วยเรือนร่างของซูเหมิงหานดูเปล่งประกายในชุดสีขาวและใบหน้ารูปไข่ของเธอที่ดูน่าหลงไหล เธอคนนี้เหมาะสมกับตำแหน่งดาวโรงเรียนจริงๆ

เมื่อเย่เฟิงมองไปยังซูเหมิงหาน เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความรู้สึกยามที่เขายังโอบอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด โดยเฉพาะความนุ่มนวลยามที่หน้าอกของเธอสัมผัสกับหน้าอกของเขา ทำให้เย่เฟิงอดคิดถึงอาจารย์ของเขาไม่ได้ หญิงสาวแสนสวยจนยากจะหาใครเทียบได้ที่รู้จักกันในชื่อ‘ธิดาน้ำแข็ง’ในโลกเทวะ

“อาจารย์ของเราถูกพวกอสูรจับไป…….”

เย่เฟิงคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอีกโลกที่ต่างออกไปและไม่สามารถจะทำอะไรได้ ความจริงแล้วระดับวรยุทธ์ของอาจารย์สูงกว่าเขานับสิบเท่า ต่อให้เขายังคงอยู่ที่ถ้ำมังกรไฟนั่น เขาก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้มาก

เขาต้องรีบหาสถานที่บ่มเพาะวรยุทธ์ เพื่อที่จะได้หาทางกลับไปโลกนั้นอีกครั้ง

เมื่อเย่เฟิงเริ่มก้าวเดิน ทันใดนั้น เขาได้ยินน้ำเสียงโมโหของซูเหมิงหานดังขึ้นด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน!”

………………………….