บทที่ 3 คำเตือน

เมื่อซูเหมิงหานเรียกเขาให้หยุด เย่เฟิงจึงหันหน้ากลับมาถาม “มีอะไร?”

“นายพาฉันกลับบ้านที”

ซูเหมิงหานจ้องไปยังเย่เฟิงพร้อมกับคิดในใจ หมอนี่ซื่อบื้อจริง นอกจากเขาจะปล่อยเธอลงอย่างไร้มารยาทแล้ว ตอนนี้เขายังจะทิ้งเธอไว้คนเดียวในที่แบบนี้อีก

“ฉันไม่มีเวลาหรอก”

เย่เฟิงปฏิเสธ

“นาย!”

ซูเหมิงหานไม่อยากจะเชื่อหู หมอนี่โง่หรือไงถึงบอกว่าไม่มีเวลา ในเมื่อบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ติดกัน การพาเธอกลับบ้านมันเสียเวลาตรงไหน?

“พาฉันกลับบ้าน หรือจะให้ฉันบอกเรื่องนี้กับพ่อฉัน”

เธอพูดขึ้นอีกครั้งด้วยประโยคที่ต่างจากเดิมเล็กน้อย

แม้เย่เฟิงไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับเธออีก แต่เมื่อได้ยินดังนั้นเขาหยุดเดินทันที ตามความทรงจำแล้ว พ่อของซูเหมิงหานเป็นคนที่น่ากลัวมาก และไม่เคยปฏิบัติกับเย่เฟิงคนก่อนอย่างดีซักครั้งเดียว

ถ้าพ่อของเธอรู้เรื่องที่เย่เฟิงแอบดูลูกสาวของเขาอาบน้ำเข้าละก็……

ไม่ดีแน่! เย่เฟิงลอบหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ถ้ามองถึงความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ เขาสามารถถูกกำจัดจากศัตรูอย่างง่ายได้

“โอเคๆ ฉันพาเธอกลับบ้านก็ได้.

เย่เฟิงประนีประนอม เขารู้สึกเศร้าจริงๆที่ต้องทำตามคำสั่งคนอื่นนอกจากอาจารย์ของเขา แถมคนๆนี้ยังเป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่งอีก!

ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมจำนนต่อเธอ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้มีวรยุทธ์เหมือนตอนอยู่ในโลกเทวะ

ซูเหมิงหานมองท่าทีเศร้าของเขาแล้วแอบยิ้มในใจ แต่พอคิดอีกที เธอก็กลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง ปกติแล้วคนที่มีโอกาสได้ไปส่งเธอที่บ้านยามค่ำคืนแบบนี้ควรจะต้องดีใจไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมหมอนี่ถึงแสดงท่าทีไม่เต็มใจแบบนี้นะ?

“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ นายห้ามบอกใครเด็ดขาด”

ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินกลับบ้าน ซูเหมิงหานพูดกับเย่เฟิง ถ้าพ่อของเธอรู้ว่าเธอเข้าไปในที่อโคจรอย่างย่านบาร์ตอนกลางค่ำกลางคืน เขาไม่หักขาเธอทิ้งหรือไง?

“อืม”

เย่เฟิงพยักหน้าอย่างใจลอย เพราะตอนนี้เขากำลังยุ่งกับการขบคิดเรื่องแผนการฝึก

ซูเหมิงหานมองท่าทีใจลอยของเย่เฟิงก็ทราบว่าเขาไม่สนใจในตัวเธอแม้แต่น้อย นี่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอึดอัดในใจ แต่เธอยังคงจำเหตุการณ์ที่เขาเข้ามาช่วยเธอจากกลุ่มชายขี้เมาได้ มันทำให้เธอรู้สึกประทับใจในตัวเขานิดหน่อย

ถึงแม้นายซื่อบื้อคนนี้จะมีดีแค่เล่นเกมส์ออนไลน์ แถมยังกล้าแอบดูเธออาบน้ำอีก แต่ถ้าให้พูดตามตรง อยู่กับเขาแล้วเธอยังสบายใจมากกว่าอยู่กับเทียนโย่วเหลียงนั่นอีก

ทั้งคู่เดินตามถนนมาเรื่อยๆและก่อนจะถึง‘หมู่บ้านชิงเฟิง’ก็มีรถ BMW7 ลีมูซีนสีน้ำเงินเข้มขับมาจอดใกล้ๆกับพวกเขา

เมื่อเห็นดังนั้น ซูเหมิงหานจ้องมองอย่างตกใจ นี่ไม่ใช่รถของพ่อเธอหรือไง?

เย่เฟิงมองเห็นชายวัยกลางคนที่ดูมีภูมิฐานนั่งอยู่หลังรถ และมองมายังซูเหมิงหานด้วยสายตาโมโห เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีแล้ว

ตามความทรงจำ พ่อของซูเหมิงหานมักยุ่งอยู่กับธุรกิจของเขาเสมอ และน้อยครั้งที่จะได้กลับมายังหมู่บ้านชิงเฟิง ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วซูเหมิงหานจะอยู่บ้านกับแม่บ้านเพียงสองคน

เย่เฟิงไม่คาดคิดเลยว่าพ่อของเธอจะกลับมาในคืนนี้

“ขึ้นรถ”

ชายกลางคนลดกระจกลงแล้วมองซูเหมิงหานอย่างเอาเรื่อง

………………

ซูเหมิงหานเปิดประตูรถแล้วหันมามองเย่เฟิงชั่วครู่ ก่อนจะเข้าไปข้างใน ตอนนี้เธออดกังวลไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา

เย่เฟิงนั้น ถึงแม้จะอาศัยในหมู่บ้านชิงเฟิงซึ่งเป็นหมู่บ้านของเหล่าเศรษฐีทั้งหลาย แต่เขาก็อาศัยอยู่แค่ตัวคนเดียว ‘ซูซินฉาง’พ่อของซูเหมิงหานตรวจสอบประวัติของเย่เฟิงแล้ว เขาไม่มีพ่อและแม่ และไม่มีความความสัมพันธ์ทางสังคมใดๆ เขาเพียงอาศัยอยู่ในบ้านของปู่ของเขาเท่านั้น

ซูซินฉางไม่เคยพบปู่ของเย่เฟิงมาก่อน แม้ตลอดหลายปีมานี่ เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวซักครั้งเลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มีบทบาทพิเศษอะไรในสังคาม การมีอยู่ของเขาเลยไม่สำคัญอะไรในสายตาซูซินฉางแม้แต่น้อย

ดังนั้น ซูซินฉางจึงไม่เคยยอมให้เย่เฟิงมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับลูกสาวของเขาอย่างเด็ดขาด

ถึงอย่างนั้น วันนี้ เขากลับเห็นเย่เฟิงกับซูเหมินหานเดินอยู่ด้วยกันบนถนนเปลี่ยวกลางค่ำกลางคืนแบบนี้! บัดซบ ไอเด็กเวรนั่นจ้องจะงาบลูกสาวของเขาหรือไง?

ซูซินฉางกลายเป็นโกรธเกรี้ยว

เขาจะทนเห็นลูกสาวที่แสนล้ำค่าของเขาต้องอยู่กับเด็กหนุ่มจนๆแบบนั้นได้อย่างนั้นหรือ? คงถึงเวลาต้องเตือนไอเด็กนั่นให้รู้ที่ต่ำที่สูงซะบ้าง แล้วต้องรีบย้ายซูเหมิงหานไปอยู่ที่อื่น

แน่นอน เนื่องจากเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม เขาคงไม่พูดโดยตรงกับไอเด็กนั่นให้เสียหน้าแน่ ไว้กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ เขาค่อยให้ผู้ช่วยของเขาจัดการเรื่องนี้แทน

รถลีมูซีนเริ่มออกตัวไปยังที่จอดรถของหมู่บ้านชิงเฟิง

เย่เฟิงมองเห็นแววตาดูถูกของซูซินฉางชัดเจน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องเก็บมาใส่ใจ เพราะเขาเป็นถึงผู้ฝึกวรยุทธ์แห่งโลกเทวะ เขาจะไปกังวลอะไรก็อีแค่คนธรรมดา?

ตอนนี้ซูเหมิงหานไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาค่อยสบายใจขึ้น แล้วเริ่มวิ่งเข้าสู่หมู่ชิงเฟิง

ในเมื่อเย่เฟิงตอนนี้ไม่มีกุญแจเข้าบ้าน เขาก็คงจำเป็นต้องทำตามวิธีของเย่เฟิงคนก่อนคือปีนเข้าทางชั้นสอง แน่นอนว่าเขาสามารถปีนป่ายได้ไหลลื่นกว่าเย่เฟิงคนก่อนมาก และในเวลาไม่นาน เขาก็สามารถปีนขึ้นไปยังระเบียงชั้นสองของบ้านได้

ในเวลานั้น ซูเหมิงหานไม่อยากฟังคำดุด่าของพ่อ เมื่อถึงบ้าน เธอจึงรีบเข้าไปในห้องของเธอและซ่อนตัวในห้องน้ำ

เมื่อซูเหมิงหานเข้าไปในห้องน้ำ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างจึงเห็นเย่เฟิงที่กำลังปีนป่ายท่อน้ำเพื่อเข้าไปในบ้านของเขาทางระเบียงชั้นสอง เมื่อเห็นดังนั้น เธออดไม่ได้ที่จะเอามือกุมปาก

“ที่แท้ เขาก็แค่จะกลับเข้าบ้านนี่เอง เขาไม่ได้ต้องการจะแอบดู…….”

ในเวลานี้ เธอรับรู้แล้วว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด และเป็นความผิดของเธอเองต่างหากที่ไม่ยอมปิดผ้าม่านก่อนอาบน้ำจึงถูกเย่เฟิงเห็นร่างที่เปลือยเปล่าเข้า เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็หน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย

“แต่นี่ก็อยู่ตั้งไกล เขาก็ไม่เห็นเราชัดเจนหรอกใช่ไหม?”

แม้จะรู้สึกไม่แน่ใจ แต่ความคิดนี้ก็ช่วยปลอบใจเธอได้

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ย่านบาร์ ในตอนที่เย่เฟิงปรากฏตัวมาช่วยเธอไว้ในช่วงเวลาที่เลวร้าย นี่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ถึงอย่างนั้น เธอรีบส่ายหัวไล่ความคิดนี้ออกไปแล้วกลับไปอาบน้ำอีกครั้ง

ในชั้นล่างของบ้านสกุลซู ซูซินฉางนั่งอยู่บนโซฟาในชุดสูทเนื้อผ้าชั้นดีสไตล์ตะวันตก ซึ่งทำให้เขาดูดีมีฐานะและน่าเชื่อถือ บุคคลิกภาพของเขาที่แสดงออกมา เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งประธานบริษัทในเครือซูเฉิงกรุ๊ป ที่มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล

สาวสวยคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ช่วยของซูซินฉางนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา เธอดูมีเสนห์และเฉลียวฉลาดในชุดสาวออฟฟิศพร้อมทั้งสวมแว่นตา ผมของเธอยาวประบ่า และสวมกระโปรงสั้นสีดำรวมทั้งถุงน่องสีเข้ม ทำให้เธอดูน่าดึงดูดอย่างมาก

“เอาเงินสองแสนไปให้เจ้าเด็กนั่น แล้วเตือนมันว่าอย่ามายุ่งกับลูกสาวของผมอีก”

ซูซินฉางเซ็นเช็คแล้วยื่นให้ผู้ช่วยของเขา

“ได้ค่ะท่าน”

สาวสวยรับเช็คมาไว้ในมือแล้วหันเอวขอดเดินออกจากบ้านไป เธอมุ่งไปยังบ้านข้างเคียงซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเย่เฟิง

ซูซินฉางนั่งอยู่บนโซฟา แล้วมองไปยังด้านหลังที่มีเสน่ห์ของเธอ แต่ความโมโหในใจเขายังไม่หายไป เดี๋ยวเขาต้องสั่งสอนซูเหมิงหานเสียใหม่ ไม่งั้นเธอคงหลุดจากการควบคุมของเขาแน่

……………..

เย่เฟิงก้าวเข้ามาในบ้านทางระเบียงชั้นสอง เขาทบทวนความทรงจำก่อนจะเดินไปเปิดไฟในบ้าน

แม้เย่เฟิงคนก่อนจะอาศัยอยู่ในบ้านสองชั้นที่ดูหรูร่าจนน่าอิจฉา แต่เขากลับได้รับค่าใช้จ่ายจากปู่ของเขาน้อยเอามากๆ ซึ่งจะเรียกว่าเขาเป็นคนจนในหมู่คนรวยเลยก็ได้

ขณะที่เย่เฟิงกำลังจะเริ่มฝึก ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงคนกดออดที่ประตูบ้าน ‘ใครมาหาเขากลางค่ำกลางคืนแบบนี้?’

เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้านและเห็นหญิงสาวสวมแว่นตาท่าทางฉลาดยืนอยู่ที่ทางเข้า เขาจำได้ทันที นี่ไม่ใช่ผู้ช่วยคนสวยของซูซินฉางหรือไง?

………….