บทที่ 199 โอกาสสุดท้าย [Blast 1]

สีหน้าของเกือบทุกคนในที่นี้เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง

หลงโม่หรันถูกชายสวมหน้ากากจับกระแทกลงบนพื้น!

สำหรับหลงหวางเอ๋อนั้น ร่องรอยของความประหลาดใจควบคู่กับดีใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าสวย ศักยภาพของเย่เฟิงนั้นสูงส่งจนเกินกว่าจะจินตนาการได้!

หลงจื่อและหลงชิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสน พวกเขามองหน้ากันจากนั้นก็รีบพุ่งเข้าหาหลงหวางเอ๋อเพื่อจู่โจมจากทั้งสองด้าน คนหนึ่งนั้นปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ขณะที่อีกคนหนึ่งตวัดขาเข้าหา ชัดเจนว่าทักษะที่พวกเขาใช้คือฝ่ามือละมุนและกระบวนท่าขามังกรตามลำดับ

หากทำให้หลงหวางเอ๋อตกอยู่ในเงื้อมมือ พวกเขาก็จะสามารถใช้หญิงสาวเพื่อคุกคามชายสวมหน้ากากได้

แต่ทันใดนั้น กรงเล็บมังกรสีทองทั้งสองข้างก็พลันพุ่งเข้าเกาะกุมร่างของทั้งคู่เอาไว้แน่น!

หลงจื่อและหลงชิงมีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ 30 ปี ชัดเจนว่าไม่มีทางที่ชายสวมหน้ากากจะสร้างความคุกคามแก่พวกเขาได้ แต่ทันทีที่ถูกกรงเล็บมังกรกุมร่างเอาไว้แน่น พวกเขาก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่เพียงครึ่งนิ้ว

“ไสหัวไปซะ!”

เย่เฟิงกู่ร้องพร้อมกับตวัดมือออกไปด้วยแรงอันมหาศาล ร่างของหลงจื่อและหลงชิงต่างถูกเขวี้ยงออกไป และตกลงบนพื้นอย่างแรง

หลังจากนั้น เย่เฟิงก้าวเท้าพร้อมกับทักษะย่างก้าวไร้เงาขั้นสูงที่พลันปะทุขึ้นมาด้วยความเร็วสูงสุด ในชั่วพริบตา ชายหนุ่มก็มายืนอยู่หน้าหลงหวางเอ๋อ

เจินชี่ในร่างเย่เฟิงเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

กรงเล็บสีทองค่อยๆจางหายไป ถึงแม้ตอนนี้เขาจะสามารถใช้ทักษะกรงเล็บมังกรขั้นที่สามได้ แต่มันก็บริโภคเจินชี่ไปเป็นปริมาณมหาศาลจนน่าใจหาย นอกจากนั้นแล้วในตอนนี้ เขายังมีระดับวรยุทธ์เพียง 12 ปี เย่เฟิงจึงไม่อาจคงสภาพกรงเล็บมังกรไว้ได้นานนัก

อย่างไรก็ตามโดยไม่ให้เสียเวลา เย่เฟิงรีบหยิบเอาปะการังต้นเล็กที่เก็บไว้ออกมา และเริ่มดูดซับในทันที

สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ปริมาณเจินชี่ในร่างของเขาอยู่ในสถานะวิกฤตแล้ว แต่โชคดีที่ชายหนุ่มยังมีปะการังต้นเล็กเหลือพอจะฟื้นฟูเจินชี่ได้มากกว่า 4 ครั้ง ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการรีบฟื้นฟูเจินชี่ในร่างให้เร็วที่สุด

เมื่อเห็นเย่เฟิงปกป้องหลงหวางเอ๋อจากคนตระกูลหลงทั้งสองอย่างกล้าหาญโดยไม่สนใจตัวเขาเองเลยแม้แต่นิดเดียว หลินชื่อฉิงที่นั่งอยู่บนรถบรรทุกก็พลันหัวใจเต้นรัว ชายสวมหน้ากากคนนี้เข้มแข็งมาก

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงงานร้างของเมืองเหยียนจิง ที่ซึ่งเธอได้ผ่านประสบการณ์อันน่าขมขื่น แต่ในตอนที่โรงงานเกิดการระเบิด ชายสวมหน้ากากได้ปกป้องเธอไว้โดยใช้ร่างตัวเองเป็นโล่ ทำให้เธอไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

นอกจากนี้แล้ว สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ยืนอยู่โดยรอบ การที่กรงเล็บมังกรของเย่เฟิงไม่เพียงทุ่มร่างของหลงโม่หรันลงบนพื้นดิน แต่ยังเขวี้ยงร่างของหลงชิงและหลงจื่อออกไปอย่างแรง นี่ทำให้พวกเขาต้องตื่นตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายสวมหน้ากากคนนี้ช่างน่าสะพึงกลัวเกินกว่าจะคาดเดาได้!

หากพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับชายสวมหน้ากากล่ะก็ คงไม่มีใครสามารถทำเช่นนั้นได้แน่

ในเวลานี้ ในที่สุดกลุ่มคนของสำนักหมัดเทพทวาราภายใต้การนำของชายชราเคราขาว ฉีเสี่ยวหยู ก็เดินทางมาถึงที่นี่ เมื่อพวกเขาเห็นเย่เฟิงใช้ทักษะกรงเล็บมังกรขั้นที่สามออกมา สีหน้าแต่ละคนก็พลันซีดเผือดลงไปทันที

โลกยุทธภพมีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?

บางทีอีกไม่นาน ทั่วทั้งโลกยุทธภพคงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นแน่……

“นายเป็นไงบ้าง?”

ใบหน้าอันแสนงดงามของหลงหวางเอ๋อฉาบไว้ด้วยความกังวลที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เธอก้าวเท้าออกไปเพื่อคอยประคองชายหนุ่ม

“อืม ไม่เป็นไร…….”

เย่เฟิงพยักหน้าและเอ่ยตอบเพียงสองคำ แต่ทันใดนั้น สีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที

ทักษะสัมผัสวิญญาณของพวกเขารับรู้ได้ว่าหลงโม่หรันที่ถูกทุ่มลงพื้นจนเป็นหลุมลึก ได้ยืนขึ้นมาอีกครั้งในสภาพยุ่งเหยิงจนน่าอนาถใจ มันกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง

“กระบี่!”

หลงโม่หรันคำรามเสียงดังก้องพร้อมกับกระโดดออกจากหลุมขึ้นมายืนอยู่บนพื้น

ได้ยินดังนั้น หลงชิงตอบสนองด้วยการคลายกระบี่ที่เอวออกมา แล้วโยนไปให้หลงโม่หรันทันที

Pow!

หลงโม่หรันรีบคว้าด้ามจับกระบี่ไว้ ถึงแม้เลือดจะยังไหลรินออกจากแขนข้างที่ถูกตัดขาด แววตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความอาฆาตอันเยียบเย็น

ในที่สุด หลงโม่หรันก็ตัดสินใจจะใช้เพลงกระบี่พร่ำเพ้อขั้นที่สาม ถึงแม้จะไม่เคยคิดเลยว่าชายสวมหน้ากากจะบังคับให้เขาต้องใช้เพลงกระบี่ขั้นนี้ออกมา แต่หากเขาไม่อาจฆ่าเจ้านี่ได้ในตอนนี้ มันต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตแน่!

ในระดับขั้นของทักษะวรยุทธ์ทั้งหลายนั้น ขั้นแรกเป็นเพียงการเริ่มต้น ขณะที่ขั้นสอง พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในไร้รูปลักษณ์ออกมากนอกร่างกายได้ และในขั้นที่สาม พวกเขาจะสามารถสร้างรูปลักษณ์ของทักษะวรยุทธ์ขึ้นมาได้

เพลงกระบี่พร่ำเพ้อก็เช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นเมื่อหลงโม่หรันเริ่มเคลื่อนไหว อุณหภูมิทั่วทั้งป่าแห่งนี้ก็ลดต่ำลงไปหลายองศาในทันที ใบไม้ตลอดจนม่านสายฝนเริ่มมีชั้นน้ำแข็งเข้าเกาะกุม แม้แต่น้ำในแอ่งโคลนก็เริ่มก่อตัวกลายเป็นน้ำแข็ง

เพลงกระบี่นี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 ท่วงท่า

กระบี่ทลายเมฆา กระบี่บุปผาเยือกแข็ง กระบี่เยือกแข็งอัสดง และกระบี่ลำนำจันทร์คลั่ง ทั้งสี่คือท่วงท่าของเพลงกระบี่พร่ำเพ้อ

หลงโม่หรันยืนอยู่อย่างมั่นคงไม่ไหวติงขณะถือกระบี่ไว้ในมือแน่น ในเวลานี้ ปลายกระบี่เริ่มสั่นไหว ตามมาด้วยสายลมอันหนาวเย็นของรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้าหาเย่เฟิง การเคลื่อนไหวของรังสีกระบี่ก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่ที่พัดพาไปทั่วทั้งป่า

หลินชื่อฉิงที่นั่งอยู่ในรถบรรทุกถูกสายลมพัดใส่จนไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้เลย แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์โดยรอบก็ถูกพัดพาจนเสียการทรงตัว

หากคนผู้ใดสามารถบรรลุถึงทักษะวรยุทธ์ขั้นที่สามได้ คนผู้นั้นก็คือยอดอัจฉริยะ!

“กระบี่สบั้นมังกร!”

กระบี่สีทองในมือเย่เฟิงปลดปล่อยรังสีกระบี่สีน้ำเงินออมาทันที

ตูม!

เมื่อรังสีกระบี่ทั้งสองเข้าปะทะกัน รังสีกระบี่ของหลงโม่หรัน – กระบี่ทลายเมฆา ได้ทำลายรังสีกระบี่สบั้นมังกรของเย่เฟิงในทันที การโจมตีที่รวดเร็วราวกับสายฟ้ายังคงพุ่งเข้าหาชายหนุ่มต่อไป

ด้วยที่มีหลงหวางเอ๋อยืนอยู่ด้านหลัง เย่เฟิงจึงไม่คิดจะหลบรังสีกระบี่นี้

Puff!

ถึงแม้เย่เฟิงจะสามารถใช้กระบี่ในมือผ่ารังสีกระบี่ของหลงโม่หรันออกเป็นสองส่วนได้ แต่ความรุนแรงของมันก็ยังฝากรอยแผลไว้ที่เอวและต้นขาของเขา โชคดีที่บาดแผลทั้งสองนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก

โดยไม่มีเวลาให้พักหายใจ กระบี่ถัดไปของหลงโม่หรัน – กระบี่บุปผาเยือกแข็ง พุ่งเข้าหาชายหนุ่มในเวลาถัดมา พลังอำนาจของรังสีกระบี่นี้ก่อให้เกิดผลึกน้ำแข็งที่ดูคลายกับใยแมงมุมซึ่งระเบิดออกจากใต้ฝ่าเท้าของหลงโม่หรันและกระจายออกไปในพื้นที่รอบๆ

รังสีกระบี่ระลอกที่สองพุ่งเข้าหาเย่เฟิงพร้อมกับตัดต้นไม้หลายต่อหลายต้นไปตลอดทาง

หากไม่มาเห็นภาพนี้ด้วยสายตาตัวเอง ผู้คนมากมายก็คงไม่เชื่อว่าทักษะวรยุทธ์จะสามารถสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงขนาดนี้ออกมาได้

“ถอนตัวเร็ว!”

ชายชราเคราขาวฉีเสี่ยวหยูรีบโบกมือออกคำสั่งให้ถอนตัวเมื่อเห็นรังสีกระบี่ที่ร้ายกาจของหลงโม่หรัน สำหรับเขาแล้ว ไม่ทางปล่อยให้ศิษย์สำนักหมัดเทพทวาราต้องสูญเสียใดๆจากการเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

ไม่นานนัก ทั่วทั้งพื้นที่เปิดก็ปกคลุมไปด้วยรังสีกระบี่มากมาย หากพวกเขาไม่ถอยออกไปล่ะก็ คงต้องพบกับภัยพิบัติที่ร้ายแรงเป็นแน่!

ในเวลาเดียวกัน ฝูงชนที่ยืนมุงอยู่โดยรอบก็ถอยออกไปเช่นกัน

‘บางที ถ้าพลังชี่ภายในถูกฝึกฝนจนเข้าขั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งของมันก็คงสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงแก่โลกนี้ได้ แต่เทียบกับเจินชี่แล้ว พลังชี่ภายในยังถือว่าด้อยกว่านัก…….’

เย่เฟิงขบคิดอยู่ในใจ เขากัดฟันและยืดอกขึ้น

“รีบหนีเร็ว!”

หลงหวางเอ๋อตะโกนเสียงดังด้วยความร้อนใจ พร้อมกับก้าวเข้าไปดึงมือของชายหนุ่ม

“ฉันหนีไปไม่ได้”

เย่เฟิงเอ่ยขณะปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปและพบว่าด้านหลังของเขา หลินชื่อฉิงกำลังพยายามพยุงร่างอันไร้สติของเสี่ยวฉีออกไปจากที่นี่ แต่หญิงสาวมีแรงน้อยเกินไป นอกจากนี้ หนานฟางยังคงอยู่ใต้รถบรรทุก ด้วยพื้นที่ซึ่งเล็กและแคบ เขาจึงยังไม่อาจหนีออกไปได้ในทันที

หากเย่เฟิงหลบหนีไปจากรังสีกระบี่ของหลงโม่หรันนี้ ทั้งสามคนคงได้ถูกรังสีกระบี่หันร่างออกเป็นหลายส่วนแน่!

ภายใต้ระยะการรับรู้เย่เฟิง ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่รังสีกระบี่ก็กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มดึงร่างของหลงหวางเอ๋อมาไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงตวัดกระบี่ในมือเพื่อหมายจะยับยั้งรังสีกระบี่ที่โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

Puff! Puff!

ถึงแม้เย่เฟิงจะสามารถสัมผัสได้ถึงรังสีกระบี่ที่จู่โจมใส่เขาพร้อมกับไอเยือกแข็ง แต่การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มไม่สามารถรับมันเอาไว้ได้ทั้งหมด การต้องขัดขวางรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้ามาจากหลายทิศทางเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็นอย่างที่สุด

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เย่เฟิงก็ยังไม่ยอมถอย ชายหนุ่มยืนหยัดรับมือกับรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดอย่างมั่นคง

มันยังมีโอกาสที่จะลอบสังหารหลงโม่หรันได้อยู่

และนั่นก็คือโอกาสสุดท้ายของเขา

ขณะรับมือกับรังสีกระบี่อันแหลมคมที่พุ่งเข้ามา เย่เฟิงจับจ้องนิ่งไปยังหลงโม่หรัน

รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงโม่หรันราวกับกำลังคิดในใจว่า ‘ไม่ว่าแกจะมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ แกก็ต้องตายอยู่ดี!’

ทันใดนั้น หลงโม่หรันก็เคลื่อนที่เข้าหาเย่เฟิงในทันที!

……………………….

แปลโดย Solar Spark

เย่เวิ่นเทียน: อดทนไว้ก่อนนะหลาน ปู่พาสาวเที่ยวแป๊ป เอิ้กๆ