บทที่ 195 คลื่นเสียงปราบวิญญาณ

การเผชิญหน้ากับหลงโม่หรันก็ไม่ต่างอะไรจากการแกว่งเท้าหาความตาย

อย่างน้อยในแถบทะเลจีนตะวันออก ทุกๆคนก็ล้วนคิดแบบเดียวกัน หลงโม่หรันนั้นบรรลุเพลงกระบี่พร่ำเพ้อถึงขั้นที่สามแล้ว ในวันนี้ พวกเขาทั้งหลายจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานว่าเพลงกระบี่ขั้นนี้ มีความร้ายกาจมากเพียงใด!

อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงนั้นไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแทน

แม้ว่าเขาจะมีระดับวรยุทธ์เพียงแค่ 12 ปี แต่ก็เป็นถึงผู้ฝึกเซียนที่มีทักษะเหนือธรรมชาติมากมายจนผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไม่อาจจินตนาการถึงได้

นอกจากนี้หากเทียบกับหลงหวางเอ๋อแล้ว ชัดเจนว่าระดับวรยุทธ์ของเขานั้นต่ำกว่า แต่ความได้เปรียบของเย่เฟิงก็คือแหวนกระบี่มังกรโบราณ ทักษะโจมตีที่หญิงสาวที่ได้เรียนรู้มีเพียงสองทักษะคือเพลิงสีแดงและศรดารา ทักษะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้งานได้ยากหากอีกฝ่ายยังไม่เปิดช่องโหว่ออกมา

แต่เย่เฟิงนั้นต่างออกไป เขาสามารถควบแน่นเจินชี่เพื่อสร้างกระบี่ขึ้นมาได้ ทั้งกระบี่ของเขายังมีพลังทำลายล้างสูงและสามารถปลดปล่อยรังสีกระบี่เพื่อสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ แม้แต่หลงโม่หรันเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!

หน้าที่ของเย่เฟิงนั้นไม่ใช่การสังหารหลงโม่หรัน แต่คือการบีบให้มันต้องเปิดช่องโหว่ออกมา หลังจากนั้น หลงหวางเอ๋อและหนานฟางจะใช้โอกาสนั้นในการลงมือ ถึงแม้ว่าในโลกเทวะ การแบ่งหน้าที่ให้คนอื่นในการต่อสู้ที่ชี้เป็นชี้ตายจะเป็นเรื่องที่งี่เง่า แต่เย่เฟิงก็หวังว่าหลงหวางเอ๋อและหนานฟางจะสามารถเชื่อใจได้

ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่นี้ ต่อให้หลงหวางเอ๋อรีบเข้าสู่สภาพล่องหนแต่เธอก็ไม่อาจพาชูชูหนีไปจากที่นี่ได้ โชคดีที่เย่เฟิงไม่คิดจะทิ้งคนของเขาไว้เบื้องหลังแม้แต่คนเดียว
ในเวลานี้ เย่เฟิงเดือดพล่านไปด้วยความตื่นเต้น เพราะตั้งแต่ที่เกิดใหม่บนโลกใบนี้ นี่คือการต่อสู้ที่ท้าทายที่สุดที่เขาเคยพบมา

“เธอถอยไปก่อน”

เย่เฟิงยืนขวางอยู่หน้าหลงหวางเอ๋อ จากนั้นจึงกล่าวเสียงเบา “ทักษะอำพรางไม่ใช่ทักษะวรยุทธ์”

ในสายตาของหลงโม่หรันและคนอื่นๆ หลงหวางเอ๋อที่ทำลายตันเถียนตัวเองไปแล้วจึงมีสภาพไม่ต่างจากคนธรรมดาที่ไม่อาจต่อสู้ได้ ความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงนี้เองที่จะทำให้หญิงสาวสามารถลอบโจมตีด้วยทักษะอันร้ายกาจได้!

หลงหวางเอ๋อเข้าใจความหมายที่เย่เฟิงตั้งใจจะสื่อชัดเจน แต่ก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย “นายต้องระวังตัวด้วยนะ”

“ทุกๆอย่างจะเรียบร้อย”

เย่เฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูง ต่อให้ใช้ทักษะล่องหนก็อาจไม่มีผลอันใด นอกจากนี้ เย่เฟิงยังไม่ต้องการจะเปิดเผยให้ใครต่อใครได้รู้ว่าเขาสามารถใช้ทักษะล่องหนได้

เจินชี่ในร่างชายหนุ่มพลันไหลเวียนอย่างรวดเร็ว และเมื่อผ่านไปเพียงชั่วครู่ กระบี่สีทองพลันปรากฏออกมา

หลงโม่หรันหรี่ตามองพร้อมทั้งเปิดเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความโลภ เขาเห็นอีกฝ่ายจากสามารถเรียกกระบี่สีทองออกมาได้หลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันปรากฏออกมาจากที่ใด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแหวนวงที่ชายสวมหน้ากากสวมไว้ต้องเป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง! เป็นไปได้ด้วยว่าทักษะต่างๆของชายสวมหน้ากากก็มาจากแหวนวงนั้น…….

ใจของหลงโม่หรันขบคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด พร้อมกับความโลภที่เพิ่มพูนขึ้นมา ในตอนนี้เขารู้สึกอยากสังหารชายสวมหน้ากากมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ! ชายวัยกลางคนจึงกวัดแกว่งกระบี่ในมือพร้อมทั้งปลดปล่อยรังสีกระบี่สีขาวให้พุ่งเข้าใส่เย่เฟิงจำนวนมากราวกับห่าฝน

นี่คือการหยั่งเชิงของเพลงกระบี่พร่ำเพ้อ – กระบี่ทลายเมฆา

แม้เป็นเพียงการหยั่งเชิง แต่เย่เฟิงก็ยังรับรู้ได้ถึงรังสีอาฆาตและความเกรี้ยวกราดที่กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับรังสีกระบี่ ชายหนุ่มไม่กล้าประมาทและไม่คิดจะหลบหลีกการโจมตีนี้ เพราะหลงหวางเอ๋อยังคงยืนอยู่ข้างหลังเขา

“รังสีกระบี่!”

เย่เฟิงตวัดกระบี่สีทองออกไป ประกายสีน้ำเงินของรังสีกระบี่พุ่งออกไปปะทะกับรังสีกระบี่ของหลงโม่หรัน ก่อให้เกิดการระเบิดของมวลอากาศอย่างรุนแรง!

ในที่สุด การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

เย่เฟิงรีบเคลื่อนไหวในช่วงเสี้ยววินาทีด้วยทักษะย่างก้าวไร้เงา โดยทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังไปตลอดทาง และพุ่งตัวเขาหาหลงโม่หรันอย่างรวดเร็ว

โห!

เสียงร้องของผู้ฝึกยุทธ์โดยรอบดังขึ้นมาจากทุกทิศทาง ชายสวมหน้ากากคนนี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วจนน่าตกใจ! หากเทียบความเร็วของเขากับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่โดยรอบแล้ว บางทีคนที่สามารถท้าทายเขาได้คงมีเพียงหลงโม่หรันคนเดียวเท่านั้น!

สีหน้าของหลงจื่อและหลงชิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เด็กคนนี้ถึงกับมีความสามารถที่พวกเขาไม่รู้อยู่มากมาย

เมื่อเห็นเย่เฟิงเคลื่อนที่เขามาใกล้ หลงโม่หรันก็หรี่ตาลงและใช้กระบี่ในมือแทงสวนกลับไปยังทิศทางที่เย่เฟิงกำลังพุ่งเข้ามา

“เยี่ยม!”

เย่เฟิงที่เห็นดังนั้นก็พลันใจเต้นรัว พร้อมกับคิดว่านี่ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ประโยชน์ เพราะเขาตั้งใจจะใช้ทักษะคลื่นเสียงอสุราปราบวิญญาณ!

ทักษะวรยุทธ์ชั้นเยี่ยมจากนิกายอสุราได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้นานแล้ว หากใครสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกจากร่างได้ ก็จะถูกเรียกว่า “เสียงคำรามที่สั่นสะเทือนโลกา” โดยไม่คิดให้มากความว่ามันจะมีผลอย่างไร ถ้าสามารถใช้คุกคามหลงโม่หรันได้ ก็ถือว่าเป็นทักษะชั้นยอด นอกจากนี้ ตราบใดที่มีโอกาสเอาชนะอีกฝ่ายได้ เขาย่อมไม่มีทางพลาดโอกาสนี้ไปแน่นอน

ในโลกเทวะนั้น การต่อสู้ไม่ได้หมายถึงการที่แต่ฝ่ายแสดงทักษะออกมาให้ได้มากที่สุด แม้จะเป็นผู้ฝึกเซียนสองคนที่มีระดับวรยุทธ์และความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน ผลแพ้ชนะของการต่อสู้ก็อาจถูกตัดสินได้ภายในเสี้ยววินาทีเดียว

ในโลกยุทธภพ ยิ่งผู้ฝึกยุทธ์ใช้ทักษะวรยุทธ์มากเท่าไหร่ ความคล่องแคล่วของพวกเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น และสามารถต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้น

นี่คือเหตุผลว่าทำไมโลกยุทธภพในประเทศจีน สำนักทั้งหลายจึงยังเก็บเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ด่อยฝีมือไว้ เพราะถ้าหากทักษะวรยุทธ์ต่างๆของสำนักหลุดไปอยู่ในมือของศัตรูแล้วล่ะก็ พวกเขาย่อมต้องพบกับชะตากรรมที่น่าอนาถ

ในชั่ววินาทีที่เย่เฟิงเข้าใกล้หลงโม่หรัน เขารวบรวมเจินชี่ในเส้นลมปราณมาไว้ที่ลำคอ จากนั้นก็พลันใช้ทักษะคลื่นเสียงอสุราปราบวิญญาณ ปลดปล่อยเสียงคำรามอันทรงพลังออกมา

Buzz! Buzz! Buzz!

เสียงคำรามติดต่อกันสามครั้งฟังดูราวกับเสียงครวญครางของเหล่าภูติผี พลังอำนาจของมันได้กระจายออกไปโดยรอบและเมื่อคลื่นเสียงนี้ไปถึงที่ใด เศษดินโคลนหรือแม้แต่ม่านสายฝนก็พลันเปลี่ยนรูปร่างไปในทันที!

ผลของทักษะคลื่นเสียงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้หลงโม่หรันรู้สึกตกใจและเปิดช่องโหว่ออกมา เพราะไม่อาจทนต่อคลื่นเสียงอันทรงพลังนี้ได้

ผลของคลื่นเสียงอสุราปราบวิญญาณช่างเหมาะสมกับชื่อของมันจริงๆ!

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่โดยรอบก็ไม่อาจยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงจนต้องถอยหลังกลับไปหลายก้าว ครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนั้นถึงกับสายตาพร่ามัวไปในทันทีเมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้

ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลินชื่อฉิงรีบอุดหูตัวเองทันที ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอยู่บนรถบรรทุกแต่ก็ยังคงรู้สึกปวดหัวจากคำรามที่ดังขึ้นติดต่อกันถึงสามครั้ง

หลงหวางเอ๋อถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกับอุดหูตัวเอง ทักษะประเภทคลื่นเสียงเป็นทักษะที่โจมตีแบบไม่เจาะจงว่าศัตรูจะเป็นใคร ทุกคนที่อยู่โดยรอบล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบไปตามๆกัน

หนานฟางที่นอนอยู่ใต้รถบรรทุกพลันรู้สึกตื่นตกใจจากผลกระทบของคลื่นเสียงนี้เช่นกัน แต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้และไหวพริบที่มี ทำให้เขาไม่ได้เผยตัวออกมาให้ใครรู้แม้แต่น้อย

ส่วนเสี่ยวเยวี่ยและชูชูที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ก็รีบยกมือขึ้นอุดหูพร้อมกัน แต่ผลของเสียงคำรามทั้งสามครั้งก็ทำให้หญิงสาวทั้งสองรู้สึกปวดหัวจนแทบอยากจะอาเจียน

ได้โอกาสแล้ว!

เย่เฟิงรีบอาศัยความได้เปรียบจากสถานการณ์ตอนนี้ ปลดปล่อยทักษะเพลิงสีแดงในทันที!

ชายหนุ่มอ้าปากพร้อมกับพ่นบอลไฟเข้าใส่หลงโม่หรันอย่างจัง

ทักษะคลื่นเสียงและทักษะเพลิงสีแดง ถูกใช้ในเวลาไล่เลี่ยกันด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ใจ!

เย่เฟิงได้โจมตีใส่หลงโม่หรันอย่างต่อเนื่องโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมองเห็นบอลไฟลูกที่ปล่อยออกไปตอนสุดท้ายเพราะแต่ละคนล้วนแต่ยังตกใจกับเสียงแหลมคมของทักษะคลื่นเสียง

ในชั่วพริบตา เสื้อคลุมสีขาวของหลงโม่หรันก็ลุกเป็นไฟ!

……………..

แปลโดย Solar Spark