บทที่ 190 มือภูติสังหารพระเจ้า

ร่างกายที่เสียสมดุลทำให้เย่เฟิงล้มหงายหลังไป เพราะไม่เพียงทั่วทั้งร่างจะกลายเป็นอัมพาตด้วยผลของยาพิษ แต่แขนทั้งสองข้างยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมีดบินหลายเล่มจนอาบไปด้วยเลือด ทำให้ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป

เดิมที เขาคิดว่าจะต้องล้มฟาดพื้นจนมองเห็นดาวรอบหัวเสียแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีของที่นุ่มนิ่มราวกับหมอนมารองรับได้ทัน ทำให้ชายหนุ่มโล่งใจไม่น้อย

“เฟิงน้อย แขนของเธอ!”

ภายใต้แสงสลัวของเปลวเทียนภายในห้อง ชูชูพลันสังเกตเห็นว่าแขนของเย่เฟิงถูกปักด้วยมีดจำนวนมากมายจนเลือดอาบ ภาพที่เห็นทำให้ชูชูหวาดกลัวจนหน้าซีด ทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บขนาดนี้?

เมื่อเย่เฟิงได้น้ำเสียงของชูชูก็พลันเข้าใจทันทีว่าหัวของเขากำลังหนุนอยู่บนอะไร นี่ทำให้ชายหนุ่มพลันหน้าแดง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างกายของชูชูนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด มันทั้งนุ่มและอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะภูเขาทั้งสองลูกนี้ทำให้รู้สึกสบายจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม เธอคือน้าสาวของหลงหวางเอ๋อ……….

“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณน้าช่วยพาพวกเราเข้าไปในห้องก็พอ……..”

เย่เฟิงรีบเอ่ยบอก

ทีแรก เขาตั้งใจจะว่าพยายามลุกขึ้นยืน แต่น่าเสียดายที่ร่างกายแทบจะขยับไม่ได้เลยเพราะผลของยาพิษในเข็มล่องหนนั้นรุนแรงอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เย่เฟิงที่ได้รับผลเช่นนี้ แม้แต่หลงหวางเอ๋อที่ไม่อาจเคลื่อนไหวใดๆได้จนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่บนระเบียง

เมื่อเห็นเย่เฟิงอิงหัวอยู่อย่างสบายกับหน้าอกของชูชู หลงหวางเอ๋อก็ได้แต่ด่าชายหนุ่มว่าเจ้าตัวร้ายอยู่ในใจ ถ้าในยามปกติ เธอคงจะไปดึงหูเขากลับมาด่าเสียให้เข็ด แต่ในสถานการณ์แบบนี้ หญิงสาวก็ไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น

และอีกอย่าง เมื่อหญิงสาวมองเห็นบาดแผลอันสาหัสที่แขนของเขา เธอก็รู้สึกร้อนใจอย่างมาก ทั้งหมดนั้นเกิดจากการที่ชายหนุ่มเอาตัวเองเข้ามาบังร่างเธอไว้ ไม่เช่นนั้นร่างของเธอคงพรุ่นไปด้วยมีดบินมากมายแล้ว

หลงหวางเอ๋อคิดว่าเธอต้องรีบกำจัดผลของยาพิษในร่างให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาบาเแผลที่แขนของเย่เฟิง

ชูชูพาเย่เฟิงเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ถึงแม้มันจะใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วงเวลาอันน่ารื่นรมย์สั้นๆก็ทำให้เขารู้สึกขัดเขินอยู่นิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม ชูชูไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย เธอรีบกลับไปพาหลงหวางเอ๋อเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงมองหาเสื้อผ้าที่ดูสะอาดและฉีกมันเป็นสองชิ้น

“เฟิงน้อย ทนหน่อยนะ”

ชูชูเอ่ยเสียงนุ่ม จากนั้นจึงดึงมีดหลายเล่มที่ปักอยู่บนแขนเย่เฟิงออกอย่างรวดเร็ว

การกระทำที่ฉับไวและเบามือ แสดงให้เห็นว่าชูชูนั้นมีประสบการณ์ในการจัดการกับบาดแผลมาก เมื่อมีดถูกดึงออกหมดแล้ว เธอจึงรีบใช้เศษเสื้อผ้ามาพันรอบแขนของเย่เฟิงเพื่อห้ามเลือด

ชูชูทำทุกสิ่งได้อย่างเบามือ นุ่มนวล และรวดเร็ว จึงลดความเจ็บปวดของเย่เฟิงไปได้มาก หลังจากใช้เศษเสื้อมาพันบาดแผลที่แขนไว้แล้ว เลือดก็หยุดไหลในที่สุด

“คุณน้า ช่วยลงไปดูหนานฟางที่ชั้นล่างหน่อยครับ”

เย่เฟิงพลันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมเขาถึงไม่ได้ยินเสียงของหนานฟางเลย?

ชายหนุ่มจึงปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณออกไป จากนั่นมุมปากของเขาก็กระตุกยิ้มเล็กน้อย

ด้วยที่ต้องการลอบสังหารผู้เชี่ยวชาญอาวุธลับในทีเดียวด้วยหน้าไม้ หนานฟางจึงหลบซ่อนตัวอยู่ที่ห้องน้ำชั้นล่าง แต่ระดับน้ำทะเลในห้องน้ำนั้นท่วมถึงระดับเอวแล้ว และในช่วงเวลาที่ยาพิษในเข็มล่องหนออกฤทธิ์ หนานฟางไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้อีก เขาจมลงในน้ำด้วยร่างกายที่นิ่งไม่ไหวติง

ถ้าไม่มีใครไปช่วยเขาล่ะก็ บางที หนานฟางคงต้องจมน้ำตายแน่นอน

“อืม”

ในตอนนี้ มีเพียงชูชูคนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ เธอจึงพยักหน้าและรีบถือเทียนไขลงไปชั้นล่าง

ในช่วงเวลาสั้นๆชูชูก็กำลังลากหนานฟางขึ้นมาชั้นบน ในสายตาของเธอนั้น หนานฟางเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยส่วนตัวของเย่เฟิง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดจะปฏิบัติต่อเขาดีเท่าไหร่ และไม่มีทางที่จะรักษาเขาอย่างนุ่มนวลแบบเย่เฟิงแน่นอน

หนานฟางที่ถูกลากขึ้นมาตลอดทางได้ชนนู้นชนนี้หลายอย่างจนเขาอยากจะร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ซึ่งในที่สุด ชายหนุ่มก็พูดออกมาด้วยน้ำตานองหน้า “น้าครับ ช่วยปราณีผมด้วยเถอะ……..ไข่ของผมจะแตกแล้ว……”

ไม่นานนัก ชูชูก็ลากหนานฟางขึ้นมาถึงชั้นบนและวางร่างของเขาทิ้งไว้ ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นอนนิ่งด้วยน้ำตาอาบสองแก้ม

หลงหวางเอ๋อถือว่ามีสภาพดีที่สุดในหมู่ทั้งสามคน เธอสามารถกำจัดผลของยาพิษและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่รอช้า หญิงสาวรีบใช้แสงศักดิ์สิทธิ์รักษาบาดแผลที่แขนของเย่เฟิงทันที

ด้วยที่หลงหวางเอ๋อมีระดับวรยุทธ์ที่ค่อนข้างสูง การฟื้นฟูของบาดแผลจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ภายใต้รัศมีของแสงสีทองนี้ สภาพแขนของเย่เฟิงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงรอยบากเล็กๆซึ่งจะจางหายไปเองในอนาคต

ปริมาณเจินชี่ในร่างหลงหวางเอ๋อไม่นานก็ถูกใช้จนหมด แต่โชคดีที่ยังมีปะการังต้นเล็กเหลืออยู่ เย่เฟิงจึงรีบนำมันออกมาและส่งให้หญิงสาวเพื่อให้เธอฟื้นฟูเจินชี่ของตัวเอง

ในที่สุด สถานการณ์ก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

หลังจากร่างกายกลับมาดีดังเดิม เย่เฟิงก้าวลงบันไดไป เพื่อจะนำศพของผู้เชี่ยวชาญอาวุธลับขึ้นมาจากน้ำ

ชายคนนี้มีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ 50 ปี แน่นอนว่ามันจะต้องมีชื่อเสียงในโลกยุทธภพอย่างมาก และแม้แต่หลงหวางเอ๋อก็สามารถระบุตัวตนของมันได้อย่างง่ายดาย ถ้าเขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็มีโอกาสจะได้รับรู้ข้อมูลต่างๆเพิ่มเติม นอกจากนี้ เขาจะได้ยึดมีดบินในร่างของมันมาด้วย

หนานฟางได้ฝึกฝนทักษะมีดบินปีศาจคำรามแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่มีอาวุธอะไรไว้ใช้เลย

ไม่นานนัก เย่เฟิงก็พบศพและรับรู้ได้ว่าศีรษะของมันถูกยิงด้วยหน้าไม้ของหนานฟางเข้าที่ขมับ ลูกศรของหน้าไม้ไม่เพียงเจาะเข้าไปลึก แต่ผลของลูกศรยังไม่ปล่อยให้ชายคนนี้ได้มีชีวิตอยู่แม้แต่วินาทีเดียวเมื่อถูกยิง

เมื่อแกะหน้ากากออกอีกฝ่ายออกมา หลงหวางเอ๋อที่มองเห็นใบหน้านั้นก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจ

“มันคือมือภูติสังหารพระเจ้า ฉินเกอ!”

ในโลกยุทธภพนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีชื่อเสียงจะมีฉายาของตัวเอง อย่างเช่นคู่หูเจียงซู แต่มีแค่บางคนเท่านั้นที่เหมาะสมกับการมีฉายา อย่างเช่น อาวุธคุ้มกัน – จุยหุน ที่เขาเคยเผชิญหน้ากับมันก่อนหน้านี้ และมือภูติสังหารพระเจ้า – ฉินเกอ คนพวกนี้คือบุคคลที่โดดเด่นในโลกยุทธภพ

สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 50 ปี อาจบอกได้ว่าพวกเขามีศักยภาพมากพอจะรับผิดชอบภารกิจสำคัญในโลกยุทธภพ อย่างไรก็ตาม ฉินเกอคนนี้ถูกสังหารเพราะการร่วมมือกันอย่างพร้อมเพรียงของพวกเขาทั้งสามคน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แม้แต่ฉินเกอเองก็ไม่คิดว่าผู้ที่มีฉายา มือภูติสังหารพระเจ้า อย่างตัวมันเองจะต้องมาถูกจัดการด้วยน้ำมือของคนหนุ่มสาวทั้งสาม มันช่างเป็นเรื่องน่าขายหน้าอย่างถึงที่สุด

คนของสำนักเซียนเร้นลับย่อมไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าฉินเกอผู้แสนเย่อหยิ่งคนนี้ ไม่เสียงถูกสังหารจนสิ้นชีพ แต่ยังถูกเย่เฟิงยึดอุปกรณ์ต่างๆไปด้วย

ถุงมีดที่แขวนอยู่ที่เอวของฉินเกอ ยังเหลือมีดบินที่มีขนาดเล็กและเบาอีกกว่า 20 เล่ม ส่วนที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของมันมีเข็มฉีดยาที่สามารถใช้ยิงเข็มล่องหนระยะไกลพร้อมด้วยยาพิษอัมพาต นอกจากนี้ ยังมีเข็มที่แช่ในหมึกสีดำซึ่งน่าจะเป็นยาพิษที่มีฤทธิ์ถึงตาย

แต่เข็มยาพิษร้ายแรงนั้นค่อนข้างหนา ซึ่งไม่เหมาะสำหรับใช้ในการลอบโจมตี

ในที่สุดของเหล่านี้ก็ตกเป็นของหนานฟาง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างยิ่งจนฉีกยิ้มไปถึงใบหู

การโจมตีของหนานฟางสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญอาวุธลับได้ในทีเดียว นี่เป็นสิ่งที่หลงหวางเอ๋อไม่เคยคาดคิดมาก่อน หญิงสาวลอบมองไปที่เย่เฟิงและคิดว่าต่อจากนี้ไป เธอคงไม่ใช่คนเดียวที่สามารถช่วยเขาต่อสู้ได้แล้วสิ

“พวกเราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

หลังจากยึดอุปกรณ์ต่างๆมาหมดแล้ว เย่เฟิงจึงรีบตัดสินใจ เพราะการที่มีผู้คนเขามาโจมตีพวกเขาอย่างต่อเนื่อง นี่แสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

“อืม”

หลงหวางเอ๋อเห็นด้วยกับชายหนุ่ม แต่ทันใดนั้น คิ้วงามก็พลันขมวดแน่น “มีใครบางคนกำลังมาที่นี่อีกแล้ว”

หลงหวางเอ๋อนั้นมีระยะการตรวจจับของทักษะสัมผัสวิญญาณถึง 180 เมตร ซึ่งกว้างยิ่งกว่าเย่เฟิง

“ใครอีก?”

เย่เฟิง หนานฟาง และชูชูรีบเตรียมพร้อม

“พวกเขาคือชายหญิงสองคนที่มาหานายเมื่อเช้าตอนอยู่โรงแรม”

หลงหวางเอ๋อมองมาที่เย่เฟิงและยิ้มอ่อน “หญิงสาวแสนสวย ว้าว ทำไมเธอถึงมาหานายกันน้า?”

“ใครนะ เสี่ยวเยวี่ยกับหวังเฉ่าตง?”

เย่เฟิงผงะไปในทันที แต่หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ เขาก็คิดบางสิ่งได้และค่อยฉีกยิ้มขึ้นมา

…………………….

แปลโดย Solar Spark