บทที่ 186 การต่อสู้อันดุเดือดในค่ำคืนที่สายฝนโปรยปราย

เมื่อนักฆ่าคนนั้นเริ่มมีปฏิกิริยา เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อก็สามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของเขาในทันที

“หวางเอ๋อ เธอดูแลคุณน้าด้วย ส่วนหนานฟาง นายคอยดูแลที่นี่ไว้ ฉันจะรับมือกับมันเอง”

เย่เฟิงรีบมายืนอยู่ข้างหน้าหลงหวางเอ๋อและชูชูเพื่อคุ้มกันพวกเธอ ขณะที่สายตาของเขาต้องมองไปยังระเบียงพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฉันจะไปกับนายด้วย”

หลงหวางเอ๋อจับแขนเขาไว้โดยไม่สนใจคำพูดของชายหนุ่ม

“ผมช่วยด้วย”

หนานฟางหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาสองขวด

“น้าก็จะช่วยด้วย”

ชูชูกำมีดทำครัวไว้ในมือ

“………”

เย่เฟิงพูดอะไรไม่ออกและไม่มีเวลาให้พูดอะไรได้อีก ในตอนนี้ นักฆ่าคนนั้นได้มาถึงลานหน้าบ้านแล้ว เขาย่อตัวแล้วกระโดดฝ่าสายฝนขึ้นมา ไม่นานนัก ร่างในชุดกันฝนสีดำก็ปรากฏตัวอยู่บนระเบียงของห้องที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่

ในช่วงที่แสงเทียนยังคงส่องสว่าง ชูชูและหนานฟางรีบมองไปยังนักฆ่าคนั้นและในที่สุดก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของมัน ด้วยที่ทั้งคู่ไม่มีทักษะสัมผัสวิญญาณ ก่อนหน้านี้พวกเขาจึงทำได้เพียงฟังคำอธิบายของหลงหวางเอ๋อและเย่เฟิงเท่านั้น

“หนีกู่ซือติง เป็นมันจริงๆด้วย”

สีหน้าของหนานฟางเปลี่ยนไปเมื่อเขายืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว

“คุณมาที่นี่ทำไม?”

เย่เฟิงที่ยืนอยู่หน้าคนทั้งสาม เงยหน้าขึ้นถามนักฆ่าที่มีชื่อว่าหนีกู่ซือติงซึ่งกำลังยืนอยู่บนระเบียง

“กูลากัวลา?”

นักฆ่าคนนี้สวมหมวกใบใหญ่ที่ปิดบังใบหน้าจนมิด ทำให้ผู้คนไม่อาจมองเห็นเขาได้ชัดเจน นอกจากนี้ คำพูดที่เขาพูดออกมามันดูเหมือนกับเป็นภาษาฝรั่งเศส!

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมึนงง ถึงแม้ว่าซูเหมิงหานจะช่วยเขาติวหนังสือจนพอจะเข้าใจภาษาอังกฤษได้แล้ว แต่สำหรับภาษาฝรั่งเศส ชายหนุ่มไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย! เยี่ยมจริงๆ แล้วเขาจะคุยกับมันรู้เรื่องไหมนี่?

ในเวลานี้ หลงหวางเอ๋อเอ่ยปากพูดภาษาฝรั่งเศสออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว มันฟังดูไพเราะและน่ารื่นรมย์ราวกับเสียงนกร้อง

เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วย!

เย่เฟิงทำตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อหันมามองหลงหวางเอ๋อ ผู้ฝึกยุทธ์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ?

“เก็บอาการหน่อยเจ้าบ้า”

หลงหวางเอ๋อกระซิบพร้อมกับหยิกเขาเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย “มันกำลังถามนายว่าอยากจะเข้าร่วมกับองค์กรไวเปอร์ไหม? สไนเปอร์ที่นายฆ่าไปก่อนหน้านี้เป็นคนขององค์กรมัน แต่ถ้านายไม่เข้าร่วมละก็ พวกมันจะไล่ล่านายไปจนสุดขอบโลก”

เข้าร่วมกับไวเปอร์?

เย่เฟิงได้ยินดันั้นก็พลันหัวเราะเสียงดังลั่น มันเป็นไอเดียที่ดีจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สนใจจะเป็นนักฆ่าแม้แต่น้อย เขารู้ว่าไวเปอร์เป็นองค์กรมือสังหารสากลขนาดใหญ่ มันย่อมมีกฏระเบียบต่างๆที่เข้มงวด หากใครเข้าร่วมกับพวกมันแล้วก็ไม่มีทางถอนตัวออกมาได้อีก

“เธอบอกมันไปเลยว่าฉันยังอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่”

เย่เฟิงตอบกลับไป

ปฏิเสธออกไปตรงๆแบบนี้ มันก็มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะจู่โจมเพื่อสังหารเขาทันทีสินะ?

หลงหวางเอ๋อก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน เธอจึงเอ่ยปากพร้อมกับปล่อยแขนเย่เฟิงเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้น

เมื่อหนีกู่ซือติงได้ยินคำตอบของหญิงสาวก็เผยรอยยิ้มจางๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลราวกับมีอายุต่ำกว่า 30 ปี เวลานี้ เขากางมือออกไปกดหมวกสีดำแล้วทันใดนั้น สายลมอันหนาวเย็นก็พุ่งเข้าหาเย่เฟิง!

“อาวุธลับ?”

เย่เฟิงที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็รีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขากวาดมือพร้อมกับกระบี่สีทองที่ปรากฏขึ้นมา “เคร้ง” กระบี่ในมือปัดป้องอาวุธลับที่พุ่งเข้ามาให้กระเด็นออกไป

มันคือดอกสว่านสีเงินที่คล้ายกับกระสุนซึ่งซ่อนอยู่ใต้หมวก หากใช้มันกับคนธรรมดาทั่วไปล่ะก็ ไม่มีทางที่พวกเขาจะหลบได้พ้น

แต่น่าเสียดายที่เย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา

“โอ้?”

หนีกู่ซือติงแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจเห็นได้ชัดเจนว่าเย่เฟิงสามารถปัดดอกสว่านที่ยิงออกไปได้อย่างไร!

ดอกสว่านสีเงินนั้นมองเห็นได้ยากยิ่งโดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่มืดครึ่มเช่นนี้ ต่อให้มีแสนอ่อนๆจากเปลวไฟของเทียนไขก็ตาม แล้วผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาคนหนึ่งสามารถตอบสนองได้รวดเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ?

หรือว่ามันมีสัญชาตญาณขั้นสูงในการตอบสนองต่ออันตราย?

เขาไม่เคยพบบุคคลเช่นนี้เลยตลอดชีวิตการทำงานที่เป็นมือสังหารมา อย่างไรก็ตาม หนีกู่ซือติงไม่รู้ว่าเย่เฟิงนั้นไม่ได้ใช้สัญชาตญาณแต่เป็นทักษะสัมผัสวิญญาณ!

วืด!

สายลมอันหนาวเย็นที่พัดผ่านจากด้านนอกหน้าต่างทำให้เปลวไฟจากเทียนไขดับลง ทันใดนั้น ในห้องนี้ก็พลันมืดมิดจนไม่อาจมองเห็นแม้แต่นิ้วมือของตนเอง

ในความมืดมิดเช่นนี้ หนานฟางและชูชูไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้อีก ทั้งคู่จึงไม่กล้าเคลื่อนที่ไปไหน ทำได้เพียงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความกังวลใจ

“เธออยู่ที่นี่ค่อยคุ้มกันคุณน้ากับหนานฟางนะ”

เย่เฟิงกระซิบข้างหูหลงหวางเอ๋อ จากนั้นจึงใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาพุ่งเข้าไปหาหนีกู่ซือติงด้วยความเร็วสูง

หลงหวางเอ๋อไม่กล้าประมาทในสถานการณ์นี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตามชายหนุ่มไปด้วย แต่เคลื่อนตัวไปเล็กน้อยเพื่อยืนคุ้มกันให้ชูชูและหนานฟาง

หวือ!

เย่เฟิงพุ่งเข้าหามือสังหารและปล่อยหมัดออกไปทันที แต่กำปั้นนี้สัมผัสได้แค่อากาศเพราะความเร็วของหนีกู่ซือติงนั้นสูงยิ่ง มันกระโดดออกจากระเบียงและลงมายืนอยู่หน้าประตูบ้านท่ามกลางสายฝน

“หึ มันเร็วดีจริงๆ”

เย่เฟิงเค้นเสียงในใจเพราะเขารับรู้ได้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของอีกฝ่ายล้วนแล้วแต่อาศัยบางสิ่งบางอย่างซึ่งมันก็คืออุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในตัวมัน

ทั่วทั้งร่างของชายคนนี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า หน้าไม้ขนาดเล็กที่สพายอยู่ด้านหลัง เสื้อกันฝน ตลอดจนหมวกสีดำ สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกใช้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการต่อสู้จนเกิดความชำนาญ และกลายเป็นอาวุธอันแสนร้ายกาจ!

อุปกรณ์ของมือสังหารคนนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างปราณีต ถ้าเทียบกับอาวุธของหน่วย NSA แล้ว ชัดเจนว่าอุปกรณ์ของมันร้ายกาจยิ่งกว่า แต่ก็มีพลังการทำลายที่ต่ำกว่า

แต่แน่นอนว่าในการลอบสังหารเป้าหมาย อาวุธทรงพลังย่อมเป็นสิ่งไม่จำเป็น เพราะเพียงแค่ใช้ดอกสว่านสีเงินที่ซ่อนอยู่ใต้หมวก มันก็สามารถสังหารใครต่อใครได้มากมายแล้ว

นอกจากนี้ หน้าไม้อันเล็กที่สพายอยู่ด้านหลังยังถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายตลอดจนปีศาจและวิญญาณ!

วืด! วืด!

เมื่อหนีกู่ซือติงกางแขนออก เชือกเหล็กสองเส้นก็ไหลออกมาจากข้อมือและพุ่งเข้าหาเย่เฟิงด้วยความเร็วสูงเพื่อจะพันร่างเขาไว้แน่น

ทันใดนั้น เย่เฟิงพลันเกิดไอเดียขึ้นมาทำให้เขาไม่คิดจะหลบเชือกทั้งสองเส้นนี้ กลับกัน เขาเลือกจะกระโดดขึ้นไปบนอากาศเพื่อรับการโจมตีนี้แต่โดยดี

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เชือกทั้งสองเส้นจึงได้พันทั้งมือและเท้าของชายหนุ่ม หลงหวางเอ๋อที่ยืนอยู่ในบ้านรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ภาพที่เห็นทำให้เธอตื่นตกใจ แต่ก็คิดว่าเย่เฟิงจงใจให้มันเป็นแบบนั้นอย่างงั้นหรอ?

“หึ หึ”

หนีกู่ซือติงยิ้มเย็นเพราะเขาสามารถจับเย่เฟิงให้อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองไว้ได้แล้ว ในตอนนี้ เขาได้คาบหน้าไม้ชิ้นเล็กไว้ในปากเพื่อเตรียมพร้อมที่จะลั่นไก!

หน้าไม้ชิ้นเล็กอันนี้ถือเป็นฝันร้ายของผู้ฝึกยุทธ์แทบทุกคน เมื่อเป้าหมายถูกยิงเข้าใส่ มันมีผลทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตซึ่งถ้าเทียบกับอาวุธปืนของหน่วย NSA แล้ว อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้ผลที่น่ากลัวยิ่งกว่า!

น่าเสียดายที่เย่เฟิงรวดเร็วยิ่งกว่าหนีกู่ซือติง

“ทักษะเซียน – เพลิงสีแดง!”

ถึงแม้ว่ามือทั้งสองข้างของเขาจะถูกมัดไว้ด้วยเชือก แต่ชายหนุ่มก็ไม่กังวล เขาอ้าปากพร้อมกับปล่อยบอลไฟให้พุ่งออกจากปากเข้าใส่มือสังหารทันที!

สีหน้าของหนีกู่ซือติงเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ถึงแม้ว่าจะพยายามกระโดดเพื่อหลบหนี แต่มือทั้งสองข้างของเย่เฟิงที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกได้ดึงร่างเขากลับมา เดิมที หนีกู่ซือติงตั้งใจจะมัดเย่เฟิงด้วยเชือกเหล็กเพื่อไม่ให้หลบหนีไปจากหน้าไม้ของเขาได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นตัวเขาที่ถูกมัดไม่ให้หนีเสียเองจนทำได้เพียงจ้องมองความตายที่คืบคลานเข้ามา

ตูม!

ทั่วทั้งร่างของหนีกู่ซือติงลุกเป็นไฟไปในทันที

……………………….

แปลโดย Solar Spark