บทที่ 185 นักฆ่า

เมื่อเย่เฟิงกลับมาถึง เขารีบปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณและพบว่าหลงหวางเอ๋อพร้อมด้วยอีกสองคนที่เหลือกำลังรวมตัวกันอยู่ชั้นบน พวกเขาอาจจะกำลังพูดคุยกันเรื่องคนแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นมา ขณะที่เด็กหนุ่มจากวังไท๋จี๋ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา

นอกจากนี้ ยังมีอันธพาลวัยรุ่นทั้ง 5 คนที่ในเวลากำลังยืนอยู่หน้าประตูรั้ว พวกมันพยายามจะปีนข้ามรั้วเข้ามาในบ้าน

“แค่รายงานไปหาหวังเฉ่า เขาก็จะรีบพาคนมาที่นี่ ก่อนหน้านั้น เราก็จัดการกันไปก่อน”

“แต่ลูกพี่ พวกเราจะฆ่ามันจริงๆหรอ?”

“แกจะกลัวอะไรว่ะ เดี๋ยวที่นี่ก็โดนคลื่นทะเลซัดอยู่แล้ว พวกเราแค่ฆ่ามันแล้วโยนศพมันลงทะเลไปแค่นี่ก็จบ แกรู้ไหมว่าหวังเฉ่าเสนอเงินให้พวกเราจัดการเรื่องนี้เท่าไหร่? ล้านนึง! ล้านนึงเลยนะโว้ย ถ้าเราแบ่งแบบเท่าๆกันก็ตกคนละสองแสน เพราะงั้นฆ่ามันแล้วก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แค่นี่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แล้ว……”

ความจริงแล้วหวังเฉ่าตงนั้นได้เสนอเงินมาสองล้าน แต่อันธพาลที่เป็นหัวหน้ากลุ่มได้ฮุบเงินไว้ก่อนแล้วหนึ่งล้าน

สำหรับอันธพาลตัวเล็กๆในเขตเซี่ยงซานนั้น ไม่ต้องพูดถึงเงินสองล้าน แค่สองแสน มันก็มากพอจะให้พวกเขาทำงานเสี่ยงตายแล้ว!

เย่เฟิงไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน เพราะพวกจิ๊กโก๋เหล่านี้ไม่คุ้มค่าที่จะสนใจเลยสักนิด ในมือพวกมันมีเพียงแท่งเหล็กท่อนหนึ่ง พวกมันย่อมไม่อาจทำอะไรหลงหวางเอ๋อได้

ชายหนุ่มซ่อนตัวอยู่นอกตัวบ้านเพราะเขาอยากจะเห็นว่าหลงหวางเอ๋อจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร นอกจากนี้ เขายังตรวจพบบุคคลลึกลับผู้หนึ่งที่ดูแปลกประหลาดน่าสงสัย

คนลึกลับผู้นั้นเป็นชายที่สวมชุดกันฝนสีดำ สะพายหน้าไม้อันเล็กไว้ด้านหลัง ทั้งยังเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่บนเนินเขา ถึงจะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ชายคนนั้นก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วใดๆ

“มันเป็นใครกัน?”

เย่เฟิงยังคงอยู่นิ่ง ถึงแม้ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาจะทำให้รู้ว่าชายคนนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ แต่มันกลับกลิ่นอายของความอันตรายอยู่รอบตัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า เย่เฟิงคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าเขาทำให้มันไม่ทันได้ตั้งตัว

เย่เฟิงเพ่งทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปอีกครั้งและพบว่าในตัวบ้าน ดูเหมือนว่าหนานฟางจะรู้ตัวตนของชายประหลาดคนนั้นแล้ว พวกเขาได้ตัดสินใจว่าจะจัดการพวกจิ๋กโก๋พวกนี้ไปก่อน แล้วค่อยคิดวิธีรับมือต่อไป

ในเวลานี้ อันธพาลทั้งห้าที่ถือแท่งเหล็กไว้ในมือได้ลอบเข้ามาในตัวบ้านแล้ว การเดินผ่านแอ่งน้ำอันหนาวเย็นที่สูงถึงระดับเข่าทำให้พวกมันตัวสั่นไปตลอดทาง ในที่สุด พวกมันก็ก้าวเท้าขึ้นบันไดมาแล้ว

แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง “เพล้ง” สองครั้งจากด้านบนราวกับมีบางสิ่งได้แตกหัก จากนั้น เศษแก้วแต่ละชิ้นก็พุ่งเข้าใส่พวกอันธพาลทั้ง 5 คนทันที!

ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด อันธพาลทั้งห้าได้ใช้ไฟฉายเพื่อส่องทางเดิน พวกมันจึงมองเห็นเศษแก้วที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่มีเวลาจะตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน ดังนั้น เศษแก้วชิ้นเล็กๆมากมายจึงพุ่งเข้ามาปักที่ร่าง ก่อให้เกิดเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสงสารจากรอบทิศทาง

หนานฟางนั่นเองที่เป็นคนโยนเศษแก้วเหล่านั้นออกไป

เขาเพิ่งได้เรียนรู้ทักษะมีดบินปีศาจคำรามมา แต่ด้วยที่ไม่มีมีดบินในมือตอนนี้ ชายหนุ่มจึงใช้เศษแก้วของขวดเบียร์ที่แตกมาใช้แทนมีดบิน

(ขอเปลี่ยน ‘ทักษะเพลงดาบปีศาจคำราม’ เป็น ‘ทักษะมีดบินปีศาจคำราม’นะครับ เพราะเพิ่งรู้ว่ามันเป็นทักษะมีดบิน XD)

ทักษะวรยุทธ์กับทักษะเซียนนั้นค่อนข้างมีความแตกต่างกัน เพราะในการฝึกทักษะเซียน ผู้ฝึกต้องมีระดับวรยุทธ์ถึงขั้นที่กำหนดก่อนจึงจะฝึกฝนได้ เย่เฟิงไม่รู้ว่าทักษะวรยุทธ์นั้นใช้ระดับวรยุทธ์ขั้นต่ำในการฝึกฝนด้วยหรือไม่

แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ตราบเท่าที่มีตำราวรยุทธ์และพลังชี่ภายใน คนๆนั้นสามารถฝึกฝนได้ทันที!

ระดับวรยุทธ์มีผลต่อประสิทธิภาพของทักษะวรยุทธ์เท่านั้น ในตอนนี้ ระดับวรยุทธ์ของหนานฟางยังต่ำมากๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำให้เศษแก้วที่เขาปาออกไปจึงรุนแรงกว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้อันธพาลทั้งห้า ฉี่ราดกางเกงด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าหน้ากากนั่นอยู่ข้างบน!”

“ลูกพี่ ขาผมถูกยิง!”

“ไอ้เวรเอ้ย! รีบหาอะไรมาบังสิวะ!”

พวกอันธพาลอดทนต่อความเจ็บปวดจากเศษแก้ว และตัดสินใจจะไม่ยอมแพ้เพื่อเงินสองแสน! พวกมันวิ่งลงไปชั้นล่างและยกโต๊ะตัวหนึ่งมาใช้เป็นโล่ พร้อมกับก้าวขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆและรอบคอบ

หลังจากถูกแทงด้วยเศษแก้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวของพวกอันธพาลก็เต็มไปด้วยเลือด แต่ถึงเป็นเช่นนั้น พวกมันก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยเพราะเงินสองแสนที่แวววาวอยู่ตรงหน้า ดึงดูดความสนใจของพวกมันไปหมดสิ้นแล้ว

เมื่อเหล่าอันธพาลก้าวขึ้นมาถึงชั้นบน ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงร้องตะโกนของหญิงสาว และตามมาด้วยลูกเตะที่รุนแรงจนโต๊ะที่พวกมันถือขึ้นมาถึงกับแตกละเอียด

ลูกเตะอันทรงพลังทะลุผ่านโต๊ะเข้าใส่อันธพาลทั้งห้าจนล่วงลงไปกองอยู่ที่ก้นบันได พวกมันได้รับบาดเจ็บหนักจนประคับประคองตัวเองขึ้นมาไม่ไหว

นี่คือลูกเตะของหลงหวางเอ๋อ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะกลายเป็นผู้ฝึกเซียนแล้ว แต่ก็ยังคงคุ้นเคยกับกระบวนท่ามังกรของตระกูลหลง ในกรณีนี้เธอได้ใช้ทักษะมังกรฟาดหางใส่อันธพาลทั้งห้าจนพวกมันหมดสภาพ

“ไสหัวไป”

ในเวลานี้ น้ำเสียงเย็นเชียบดังมาจากชั้นล่าง ในที่สุดเย่เฟิงก็เดินเข้ามาในบ้านแล้ว ชายหนุ่มหยิบร่างของอันธพาลทั้งห้าขึ้นมาแล้วโยนพวกมันออกไปตรงลานหน้าบ้านที่มีแอ่งน้ำอันหนาวเย็นสูงถึงระดับหัวเข่า

อันธพาลเหล่านี้ไม่ได้สร้างความคุกคามอะไร เพราะงั้นเย่เฟิงจึงไม่อยากฆ่าพวกมันทิ้งให้เปื้อนมือ ก่อนหน้านี้ พวกมันถูกการโจมตีของหนานฟางรวมทั้งลูกเตะของหลงหวางเอ๋อจนบาดเจ็บหนักไปแล้ว

“เย่เฟิง”

ในเวลานี้ หลงหวางเอ๋อรับรู้ทันทีว่าเย่เฟิงได้กลับมาแล้ว นี่ทำให้เธอรู้สึกตกใจและรีบวิ่งลงบันไดเข้ามาหาเขาทันที

ในตอนที่เย่เฟิงยังอยู่ในโลกเทวะ เขามีวิธีปกปิดตัวเองจากทักษะสัมผัสวิญญาณของคนอื่น ดังนั้นในกรณีนี้ หลงหวางเอ๋อจึงไม่อาจรับรู้ถึงเย่เฟิงได้ตั้งแต่แรก

“ขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอพอดี”

เย่เฟิงยิ้มและกางแขนออกมากอดหญิงสาวไว้ในอ้อมอก กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างหญิงสาวที่ลอยมาแตะจมูกทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“อือ”

หลงหวางเอ๋อพยักหน้า แล้วใช้แขนทั้งสองข้างรวบลำคอของชายหนุ่มไว้แน่น

เย่เฟิงรู้สึกช่วยไม่ได้ จึงจำเป็นอุ้มหญิงสาวขึ้นไปชั้นบน ในเวลานี้ ชูชูและหนานฟางกำลังจุดเทียนอยู่ในห้องนอน ด้วยระดับน้ำได้สูงขึ้นจนไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ พวกเขาจึงจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่างแทน

เมื่อเห็นเย่เฟิงอุ้มหลงหวางเอ๋อและเดินเข้ามา ชูชูก็เอามือป้องปากด้วยความตกใจและเผยรอยยิ้มให้ “รีบนั่งเร็ว เป็นไงบ้าง เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่ไหม?”

“ผมไม่เป็นไรครับ”

เย่เฟิงส่ายหน้า บาดแผลที่ไหล่ของเขาได้ถูกฟื้นฟูจนแทบจะหายดีแล้ว ถึงแม้จะยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก

สำหรับบาดแผลเช่นนี้ ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษามันได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามในโลกเทวะ มันมีบาดแผลหลายประเภทที่ไม่สามารถรักษาด้วยทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่างเช่น บาดแผลที่เกิดจากน้ำแข็งเจินชี่ ลาวาเจินชี่ หรือพลังจากดวงดาว

“หนานฟาง เจ้านั่นที่สวมชุดกันฝนสีดำข้างนอกคือใครงั้นหรือ?”

เย่เฟิงที่เดินเข้ามาในห้องแล้ว รีบเอ่ยถามหนานฟางเกี่ยวกับเรื่องนี้

“มันคือนักฆ่าสากลที่ถูกจัดอยู่ใน 100 อันดับแรก และเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรไวเปอร์”

หนานฟางอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไวเปอร์?”

เย่เฟิงหรี่ตาลง

“พี่เย่ ผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างต้องบอก”

หนานฟางกล่าว “ในการเดินทางครั้งล่าสุด ระหว่างทางกลับ พี่จำได้ไหมว่าเคยฆ่าสไนเปอร์ผิวดำคนหนึ่งข้างถนน? มันคือหนึ่งในสมาชิกของไวเปอร์ซึ่งเป็นองค์กรนักฆ่าสากลที่รวบรวมบุคคลที่มีฝีกมือไว้มากมาย และเจ้าคนๆนี้คือนักฆ่าอันดับหนึ่งของไวเปอร์!”

“แล้วมันมาที่นี่ทำไม?”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว

“ถ้าผมเดาไม่ผิด เป้าหมายของมันก็คือพี่เย่”

หนานฟางกล่าวต่อไปเพื่อยืนยันความคิด “ไวเปอร์ต้องเสียสมาชิกที่มีค่าของพวกมันไปก็เพราะพี่ โดยปกติแล้วสถานการณ์ชุมนุมนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของพวกมัน…..”

“มันมีฝีมือแค่ไหน?”

หลงหวางเอ๋อเอ่ยถามเรื่องสำคัญ

หนานฟางได้ยินดังนั้นก็พลันยิ้มแบบขมๆ “เรื่องความแข็งแกร่งของมัน ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ครั้งหนึ่งมันเคยได้รับภารกิจให้มาที่ประเทศจีนเพื่อสังหารอาชญากรที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่และต้องการตัวมากที่สุดของโลกยุทธภพ ซิงเฉิน เซวี่ยเริน!”

“อะไรนะ ซิงเฉิน เซวี่ยเริน แต่เขามีระดับวรยุทธ์ถึง 40 ปีไม่ใช่หรอ! แบบนี่มัน…….”

หลงหวางเอ๋อเอามือป้องปากและร้องออกมาด้วยความตกใจ

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อรับรู้ได้ว่าชายในเสื้อกันฝนสีดำที่ยืนอยู่บนเนินเขา กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง!

……………..

แปลโดย Solar Spark