บทที่ 187 ยึดอุปกรณ์

การต่อสู้อันดุเดือดท่ามกลางสายฝนโปรยปรายได้จบลงอย่างรวดเร็ว

เย่เฟิงได้ใช้บอลไฟเพื่อจบชีวิตอีกฝั่งในชั่วพริบตา!

หลงหวางเอ๋อและหนานฟางได้เห็นเย่เฟิงปล่อยบอลไฟออกมาเช่นกัน พวกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก เพียงแค่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเท่านั้น แต่เมื่อชูชูเห็นเย่เฟิงพ่นไฟออกมาจากปาก นั่นทำให้เธอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับใบหน้างดงามที่กลายเป็นขาวซีด

ทั้งหมดมาจากการที่เย่เฟิงสามารถพ่นไฟได้ ชูชูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในโลกยุทธภพจะมีทักษะเช่นนี้ด้วย!

เชือกเหล็กทั้งสองเส้นที่เรียวยาวซึ่งผูกเย่เฟิงติดกับหนีกู่ซือติงได้ถูกเย่เฟิงใช้มือทั้งสองข้างดึงกลับมาอย่างแรง ทำให้ร่างของหนีกู่ซือติงจมลงไปในน้ำทะเล

“ตูม” เปลวไฟที่ลุกท่วมร่างของมือสังหารพลันดับลง หลังจากนั้น เย่เฟิงจึงใช้มือทั้งสองข้างดึงเชือกเพื่อลากร่างของมันเข้าไปในบ้าน

ต่อมา ชายหนุ่มคลายเชือกที่มัดมือออกแล้วกระโดดกลับไปยังลานหน้าบ้าน

ฉัวะ

กระบี่สีทองพลันปรากฏขึ้นมาในมือเย่เฟิงพร้อมกับสังหารอันธพาลทั้ง 5 คนในชั่วพริบตา ขณะที่พวกมันยังคงจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างโง่งม

เดิมที เย่เฟิงตั้งใจจะปล่อยพวกมันไป แต่ไม่คิดเลยว่าในระหว่างการต่อสู้ เขาจำเป็นต้องแสดงทักษะเพลิงสีแดงออกมาต่อหน้าพวกอันธพาลเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้อีก

แต่ถึงอย่างไร เป้าหมายของคนพวกนี้ก็คือการสังหารตัวเขาและโยนศพลงทะเลไปอยู่แล้ว ดังนั้น เย่เฟิงจึงสังหารพวกมันโดยไม่คิดอะไรให้มากความ

ถ้าคิดจะสังหารใคร ก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกอีกฝ่ายสังหารคืนเช่นกัน!

ไม่นานนัก คลื่นทะเลที่พัดเข้ามาเป็นช่วงๆก็ได้พัดพาศพของอันธพาลทั้งห้าลงทะเลไป ภายใต้สภาพอากาศที่สายฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่องแบบนี้ เย่เฟิงเชื่อว่าไม่นานศพของพวกมันคงต้องจมอยู่ใต้ก้นทะเล หรือต่อให้มีใครไปพบศพเข้า ก็ไม่มีทางที่จะสืบสาวเรื่องราวมาหาเขาได้

หลังจากนั้น เย่เฟิงจึงกลับเข้าบ้านและเดินขึ้นบันไดไป แต่ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง เขาก็เบิกตากว้างและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ชายหนุ่มเพิ่งจะลากศพของหนีกู่ซือติงเข้ามาในห้องไม่นาน และหลังจากละสายตาไปเพียงครู่เดียว ไม่เพียงหนานฟางจะรีบจุดเทียนไขในห้อง แต่เขายังเริ่มขุดคุ้ยอุปกรณ์ต่างๆในร่างของมือสังหารคนนี้

ถึงแม้ว่าเจ้านี่จะถูกไฟเผาจนตาย แต่อุปกรณ์ในร่างของมันนั้นถือว่าเป็นของชั้นเยี่ยม!

โดยเฉพาะรองเท้าและหน้าไม้ชิ้นเล็กพร้อมด้วยลูกศรทั้งหลาย ต่อให้จ่ายเงินเป็นสิบล้าน ก็ไม่ใช่ว่าจะหาซื้อของชั้นเยี่ยมเช่นนี้ได้!

“นี่คือรองเท้าพลังไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้หลังจากชาร์จไฟเข้าไปแล้ว มันช่วยเพิ่มความสามารถในการกระโดดให้แก่ผู้ใช้ถึง 3 เท่า! ส่วนหน้าไม้นี่ มันยิงได้แค่ 7 ครั้ง แต่ถ้าใช้ในโอกาสที่เหมาะสม มันก็ถือว่ามีประสิทธิภาพเยี่ยม………..”

หนานฟางวิเคราะห์อุปกรณ์ต่างๆอย่างรวดเร็ว ส่วนของอื่นๆนั้น พวกมันถูกเผาทำลายด้วยบอลไฟของเย่เฟิงไปแล้ว

“นายเก็บสองอันนั้นไว้ก็แล้วกัน”

เย่เฟิงโบกมือ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะเอาร่างเจ้านี่ไปทิ้งล่ะนะ”

เดิมที เย่เฟิงนำร่างของหนีกู่ซือติงเข้ามาในบ้านก็เพื่อจะดูว่ามีอุปกรณ์อะไรที่พอเอาไว้ใช้ได้บ้าง ช่างน่าตกใจที่นิสัยของหนานฟางตรงกับความคิดของเขาพอดี ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ควรนำร่างของมันไปทิ้งเหมือนกับพวกอันธพาลเหล่านั้น

“ได้ครับ ของชิ้นอื่นๆไม่มีอะไรที่ใช่ได้อีกแล้ว”

หนานฟางส่ายหัวและยิ้มพร้อมกับถือรองเท้าพลังไฟฟ้ากับหน้าไม้ชิ้นเล็กไว้ในมือ ดูเหมือนเขาจะชอบของทั้งสองชิ้นนี้ไม่น้อย

หนานฟางไม่คิดเลยว่าจะโอกาสได้ยึดอุปกรณ์ชั้นเยี่ยมแบบนี้จะหนีกู่ซือติง แต่ด้วยอาศัยความสามารถของเย่เฟิง เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องง่ายไปในทันที

“หวางเอ๋อ เราเข้าใจผิดหรอ?”

ชูชูดึงหญิงสาวเข้ามากระซิบถาม “คนที่ชื่อหนีกู่ซือติงนั่น เราบอกน้าว่าเขาได้สังหารอาชญากรหมายหัวอันดับหนึ่ง ซิงเฉิน เซวี่ยเริน ที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 40 ปีไม่ใช่หรอ? ฟังจากที่เราเล่ามา น้าคิดว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แต่ทำไมถึงถูกเย่เฟิงสังหารได้ง่ายๆแบบนี้เลยล่ะ…….”

“เพราะเย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดาไงคะ”

หลงหวางเอ๋อขยิบตาหลังจากพูดจบ แต่เธอก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเย่เฟิงออกไปว่าเขาคือผู้ฝึกเซียน

“หวางเอ๋อ หนานฟาง มานี่หน่อย”

เย่เฟิงกลับเข้ามาในห้องหลังจากจัดการกับศพเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องเข้าประเด็นหลักเสียที “ดูดซับพวกมันด้วย ฉันมีเรื่องจะให้ทั้งสองคนช่วย”

ชายหนุ่มหยิบปะการังราชันย์ออกมา และเมื่อกระทบกับแสงเทียนต่อหน้าทุกคน มันดูคล้ายกับเขากวางที่เปล่งรัศมีแปลกใหม่ในความมืด

“นี่คือ……..ปะการังราชันย์งั้นหรอ!?”

หลงหวางเอ๋อพลันตื่นตกใจ เธอสามารถรับรู้พลังวิญญาณที่ปะการังราชันย์ปลดปล่อยออกมาได้ นี่มันน่าทึ่งมากๆ

สมบัติสวรรค์ชิ้นนี้สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้อย่างน้อย 5 ปีในทีเดียว แต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้? นี่หมายความว่าเย่เฟิงสามารถแย่งชิงปะการังราชันย์มาได้สำเร็จน่ะสิ!

“เอาล่ะ เรื่องนี่จะช้าไม่ได้อีก มาเถอะ ถือไว้แล้วรีบดูดซับมันเลย”

เย่เฟิงพูดพร้อมกับนำมันไปใส่มือของหลงหวางเอ๋อ

สิ่งนี้ทำให้หญิงสาวถึงกับมึนงงและพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ยังคงเอ่ยถามแบบซื่อๆออกมา “แล้วจะให้ฉันทำอะไรหรอ?”

“ก็เพิ่มระดับวรยุทธ์ของเธอไง ยัยโง่”

เย่เฟิงยิ้มพร้อมกับวางมือบนหัวหญิงสาวเบาๆ “เส้นลมปราณของฉันยังไม่แข็งแกร่งพอจะรองรับระดับวรยุทธ์ที่สูงขนาดนั้นได้ ฉันก็เลยดูดซับมันไม่ได้”

หลงหวางเอ๋อแทบจะร้องตะโกนออกมา ปะการังราชันย์ที่ล้ำค่าขนาดนี้ แต่เย่เฟิงยังคิดจะเอาให้เธออีกงั้นหรอ? เจ้าสิ่งนี้มันสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้ถึง 5 ปีเลยนะ!

ในโลกยุทธภพนั้น ระดับวรยุทธ์ถือว่าเป็นสิ่งแรกที่ใช้กำหนดความแข็งแกร่งของทุกๆคน ต่อให้เป็นคู่แต่งงานที่รักใคร่กันขนาดไหน มันก็ไม่มีใครทีคิดจะมอบของล้ำค่าแบบนี้ให้อีกฝ่ายหรอก

“เร็วเข้า อย่ามัวแต่ชักช้าเลย”

เย่เฟิงเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหูหญิงสาว “ถ้าเธออยากจะขอบคุณฉันล่ะก็ เอาไว้ตอนกลางคืนขอท่าแจ่มๆหน่อยนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็พลันหน้าแดงทันที เธอได้แต่ตำหนิชายหนุ่มอยู่ในใจว่า “เจ้าตัวร้าย”

อย่างไรก็ตามตอนนี้ หลงหวางเอ๋อไม่ลังเลอีกแล้วเพราะคิดว่าเดี๋ยวเย่เฟิงก็คงอธิบายเรื่องทั้งหมดเมื่อถึงเวลาเอง เธอจึงรีบนั่งขัดสมาธิขณะถือปะการังราชันย์ไว้ในมือ จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการดูดซับพลังวิญญาณ

แก่นวรยุทธ์ของหญิงสาวเริ่มหมุนเวียนพร้อมกับพลังวิญญาณที่ถูกดูดซับเข้ามา ค่อยๆแปรสภาพกลายเป็นเจินชี่ อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ มันไม่ได้เกิดพายุเฮอริเคนขึ้นเหมือนครั้งที่อยู่ในหมู่บ้านชาวประมงอีก เพราะเหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นในกรณีพิเศษเท่านั้น

หลงหวางเอ๋อนั้นได้ฝึกฝนวรยุทธ์มานานกว่าเย่เฟิงมาก ด้วยเหตุนี้เอง เส้นลมปราณของเธอจึงถูกขยายจนสามารถรองรับระดับวรยุทธ์ได้มากกว่า 20 ปีแล้ว การดูดซับในครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาใดๆ

“หนานฟาง นี่ของนาย ดูดซับมันได้เลย”

เย่เฟิงหยิบปะการังราชันย์ต้นเล็กออกมา

อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่พลังวิญญาณในปะการังต้นเล็กทั้งหลายได้ลดลงเหลือแค่ครึ่งเดียวแล้ว มันไม่ได้ให้ผลเท่าเมื่อตอนที่ถูกเด็ดออกมาใหม่ๆ แต่อย่างน้อยมันก็ยังช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ของหนานฟางได้บ้าง

นอกจากนี้ เย่เฟิงยังหยิบปะการังต้นเล็กให้หลงหวางเอ๋อและชูชูด้วย

ปะการังราชันย์กับปะการังต้นเล็ก ถือว่าเป็นสมบัติสวรรค์คนละชนิดกัน ดังนั้นหลงหวางเอ๋อจึงสามารถดูดซับพวกมันได้ทั้งคู่ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ของหญิงสาวขึ้นได้ 6-7 ปีเลยทีเดียว!

ส่วนชูชูนั้น………

“หวางเอ๋อ ถ้าดูดซับเสร็จแล้ว เธอช่วยสอนวรยุทธ์ให้คุณน้าด้วยแก่นวรยุทธ์ของตระกูลหลงหน่อยนะ”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับแววตาที่เย็นเยียบ “ในเมื่อเธอแยกตัวจากตระกูลหลงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจปฏิกิริยาของหลงโม่หรันอีก ในโลกใบนี้ มีแค่คนที่แข็งแกร่งพอเท่านั้นจึงจะสามารถดูแลตัวเองได้”

“น้าว่ามันไม่ใช่เรื่องดีนะ ถ้าหลงโม่หรันรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็………”

ชูชูเอ่ยตอบอย่างหวาดๆ

“ต่อให้คุณน้าไม่ฝึกวรยุทธ์ หลงโม่หรันก็ไม่มีทางปล่อยคุณไปหรอกครับ จริงไหม?”

เย่เฟิงหัวเราะพร้อมกับโบกมือ “สบายใจเถอะครับ คุณมีหวางเอ๋อและผมอยู่แล้ว ต่อให้ต้องเจอกับหลงโม่หรัน ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะสู้กับมันไม่ได้”

ชายหนุ่มพูดออกมาแบบนั้นเพราะเขาและหลงหวางเอ๋อคือผู้ฝึกเซียน ด้วยระดับวรยุทธ์ในตอนนี้ ถ้าพวกเขาพร้อมใจใช้ทักษะเซียนประสานกัน มันย่อมสามารถสังหารหลงโม่หรันได้แน่!

คำพูดเหล่านั้นพอช่วยให้ชูชูรู้สึกสบายใจขึ้นได้บ้าง

หญิงสาวคิดตามสิ่งที่เย่เฟิงพูด ไม่ว่าเธอจะฝึกวรยุทธ์หรือไม่ หลงโม่หรันก็ไม่มีทางปล่อยเธอไปอยู่ดี แต่อย่างน้อยถ้าได้ฝึกวรยุทธ์ เธอก็พอจะช่วยเหลือทุกคนได้บ้างในบางโอกาส……

…………………….

แปลโดย Solar Spark