บทที่ 171: ขี้เถ้า (2)

 

 

 

‘…อย่างที่ฉันคิด’

เอคิดูทีเดินอยู่ข้างๆ ฮันซูแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาขณะที่มองสีหน้าของคนอื่นๆ

ความกลัวคือบางอย่างที่ผู้นำต้องสร้างขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ปริมาณของมันในตอนนี้มันมากเกินไป

ในเมื่อทุกครั้งที่ฮันซูเดินผ่าน ผู้คนจะสะดุ้ง

‘อืม พวกเขาก็เห็นภาพแบบนั้น…’

เอคิดูส่ายศีรษะ

เธอเห็นมาหลายอย่างในระหว่างที่เดินทางในอีกโลกมา 8 ปี

แต่เธอไม่เคยแม้แต่จะได้กินเกี่ยวกับสกิลที่สามารถลบชีวิตของคนนับพันในเสี้ยววินาทีได้ด้วยพลังของคนเพียงคนเดียว

‘ปฏิกิริยาแบบนั้นในตอนที่พวกเราต้องรวมกลุ่มกันให้ดีในวันข้างหน้า…’

มันอาจจะต่างออกไปถ้ามันยังมีความสบายอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังในไม่ช้า ความรู้สึกแบบนี้สามารถจะระเบิดออกได้ตลอดเวลาที่มันเกิดประกายไฟขึ้น

“คุณจะทำยังไงต่อ? แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?”

ฮันซูผงกศีรษะกับคำถามที่มีความนัยบางอย่างซ่อนอยู่

ถ้าผู้คนหวาดกลัวเขาจะกลายเป็นปัญหา งั้นเขาก็ต้องอธิบาย

นั่นไม่ใช่สกิลที่เขาสามารถใช้ได้ตามที่เขาต้องการ และเขาต้องใช้อัททิลลานในการใช้มัน

แต่ฮันซูไม่ได้อธิบาย

เพราะตอนนี้เขาต้องการความหวาดกลัว

อืม เขาต้องการพลังที่ทำให้กระทั่งมิตรของเขาหวาดกลัวเ

ผู้นำที่ใจดีและมีเมตตาไม่จำเป็นในตอนนี้

ทุกคนต้องการใครบางคนที่มีพลังที่สามารถมอบความแน่ใจให้พวกเขาได้

และอย่างที่เขาคาด สีหน้าหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้คน แต่สีหน้าโล่งอกก็ปรากฏอยู่เช่นกัน

ความโล่งอกที่ไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับใครบางคนที่มีพลังแบบนั้น

ในตอนนั้นเอง

แคร่ก

หยกผนึกในมือของฮันซูได้ส่งเสียงออกมาและแตกลง

‘พังแล้วงั้นเหรอ’

มันมีเหตุผล

ในขณะที่ปิดผนึกมานามหาศาลของอัททิลลาน มันก็ยังปิดผนึกมานาของคนนับพันไปพร้อมๆ กันด้วย

แม้ว่ามันจะเป็นหยกผนึก มันก็ไม่อาจรองรับทั้งหมดนั่นได้

วูบบบบ

“หืม? มานา?”

ทุกคนแสดงสีหน้ายินดีออกมาเมื่อพวกเขารับรู้ได้ถึงมานาที่กลับมายังร่างกายของพวกเขา

ความเร็วในการฟื้นตัวของพวกเขาเพิ่มขึ้น และพลังได้ไหลไปยังกล้ามเนื้อของพวกเขาที่อ่อนล้าจากการต่อสู้และเติมเต็มพวกมันด้วยพลังงาน

ผู้คนที่รู้สึกว่างเปล่าเพราะมานาที่คอยค้ำจุนร่างของพวกเขาอยู่พลันแสดงสีหน้ายินดีออกมา

แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็แสดงสีหน้าเป็นกังวล

มานากลับมา และพวกเขาก็เต็มไปด้วยพลัง

และการที่ตอนนี้พวกเขาต้องสู้แล้วได้เข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นไปอีก

พวกเขาพังการควบคุมของคลีเมนไทล์และฆ่าดาคิดัส

ถ้าเผ่าพันธุ์ชั้นสูงรู้เรื่องนี้ พวกมันย่อมไม่มีทางอยู่นิ่งๆ

“คุณจะทำยังไงต่อ?”

ทุกคนตื่นขึ้นจากคำถามของเอคิดูและเริ่มรวมตัวกันรอบฮันซู

อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพียงเพราะความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อดาคิดัส

เป้าหมายของพวกเขา สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงเป็นการเอาชีวิตรอด และพวกเขาแค่ตัดสินใจว่าฝั่งนี้มีโอกาสสูงกว่า

‘และ… หมอนี่มีกุญแจ’

บุคคลที่ลากดาคิดัสที่เป็นราวกับพระเจ้าลงมาที่พื้นดินและกระทั่งฆ่าเขา

มันไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยัน แต่พวกเขาก็ยังคงเชื่อเช่นนั้น

ในเมื่อฮันซูคงไม่ทำเรื่องทั้งหมดนี่โดยไม่มีแผนอะไร

ฮันซูยกบางอย่างที่อยู่แถวๆ เอวของเขาขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าชองผู้คน

“นั่นมัน…”

ทุกคนขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่มองไปยังของชิ้นนั้น

มงกุฎสีฟ้าที่ดูมีขนาดเหมาะสมกับศีรษะของมนุษย์

มันดูธรรมดา ทว่าพวกเขาไม่อาจรับรู้ถึงมันได้แม้ว่ามันจะถูกแขวนไว้ที่ข้างเอวของฮันซู

แต่เมื่อมานากลับมาและมันได้กลับมาส่องประกายเช่นเดิม ทุกคนก็ตระหนักถึงตัวตนของมงกุฎนั้นได้

มันคือมงกุฎสีฟ้าที่ดาคิดัสสวมอยู่

ไม่ว่ามันจะสร้างขึ้นจากอะไร มงกุฎยักษ์ที่มีขนาดพอๆ กับฮูล่าฮูปได้หดลงมาจนวางบนศีรษะมนุษย์ได้

แต่ผู้คนส่ายศีรษะเมื่อพวกเขามองไปยังมงกุฎสีฟ้าที่ส่องประกายเจิดจ้า

“เราไม่อาจชนะได้ด้วยแค่มัน”

คาร์ฮาลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลังจากเดินเข้าไปใกล้ฮันซู

ป้อมปราการดาวเทียม อัททิลลาน

พลังของมันคือเป็นสิ่งอันเป็นที่สุดจริงๆ

มันสามารถที่จะปกป้องพวกเขานับหมื่นคนให้ปลอดภัยได้จริงๆ

อย่างน้อยก็จากสัตว์อสูรและมนุษย์

แต่การสู้กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอย่างอารูคอนนั้นเป็นไปไม่ได้

ในเมื่อพวกนั้นมีของแบบนี้นับสิบ

ฮันซูผงกศีรษะให้กับคำพูดของคาร์ฮาล

ในเมื่อพวกเขาไม่มีโอกาสชนะหากปะทะกันตรงๆ

ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีพวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่มีป้อมปราการดาวเทียมอันทรงพลังมากมายแค่ไหน มันก็เหมือนกับการเอาไข่ไปกระแทกหิน

ป้อมปราการดาวเทียมหนึ่งป้อมสามารถลบหมู่บ้านได้นับสิบ

แต่เขาก็ไม่อาจที่จะใช้หยกผนึกไปจัดการพวกนั้นลงทีล่ะตัวได้

ในเมื่อเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจะรู้ตัวและเริ่มระแวง

เหตุผลที่เขาโจมตีดาคิดัสเป็นเพราะเขาต้องการป้อมปราการดาวเทียมป้อมหนึ่งในการเริ่มเรื่องทั้งหมดนี่ ความจริงแล้ว การทำให้ป้อมปราการดาวเทียมทั้งหมดหมดพลังลงและสู้แบบซึ่งๆ หน้าจึงจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

เหตุผลที่ความตายของดาคิดัสและป้อมปราการดาวเทียมถูกขโมยยังไม่ถูกเปิดเผยเป็นเพราะว่าป้อมปราการดาวเทียมเพียงป้อมเดียวของดาคิดัสได้ควบคุมพื้นที่ของมนุษย์อันกว้างใหญ่นี้

การลาดตระเวนรอบหนึ่งใช้เวลานับเดือน การขาดการติดต่อไปไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดขนาดนั้น

พวกมันอาจจะมีช่องทางติดต่อฉุกเฉินเผื่อเอาไว้ว่าพวกมันถูกมนุษย์โจมตี แต่เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นนัก

แต่พื้นที่อื่นๆ มันต่างออกไป

ป้อมปราการดาวเทียมที่ถูกกำหนดไว้ในพื้นที่ที่ศัตรูอาจจะปรากฏตัวขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นป้อมไหนที่ถูกทำลาย พวกมันจะรู้ตัวในทันที

ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องกวาดล้างพวกมันในทีเดียว

และเขารู้ว่าต้องทำอย่างไร

ในเมื่อเขามาจากอนาคต

‘แต่ฉันพูดมันออกไปไม่ได้’

ถ้ามันไม่มีข้อมูลอะไรเลย งั้นเขาก็ไม่อาจที่จะมอบความมั่นใจให้กับคนเหล่านี้ได้

แต่ในการโน้มน้าวผู้คน เขาจำเป็นต้องดึงข้อมูลจากอนาคตมา

สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แต่มันก็ยังมีวิธีอยู่

ทันทีที่ฮันซูสวมมงกุฎนั้นลงบนศีรษะ

กิ้งงงง

ป้อมปราการดาวเทียมก็ได้เข้าสู่กระบวนการรับรองผู้ครอบครองคนใหม่

มันไม่ได้ยากขนาดนั้น

ในเมื่อมันไม่ได้มีระบบป้องกันหรืออะไรแบบนั้น

ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่อารูคอนขโมยมาจากนักปราชญ์ เพื่อที่จะใช้มันเพื่อตนเอง พวกมันต้องจัดการระบบป้องกันทั้งหมด

พวกมันอาจจะไม่ได้ใส่ใจนักตอนที่พวกมันพังระบบเหล่านั้นทิ้ง

ในเมื่อพวกมันคงไม่เคยคาดคิดว่ามันจะถูกมนุษย์ยึดครองไป

“ขึ้นไป คนที่เหลือจัดการคลังแสงและรวบรวมรูนกับอาร์ติแฟค ฉันจะไปกับคนอีกจำนวนหนึ่งที่จะส่งต่อข้อความมาทีหลัง”

ผู้คนผงกศีรษะเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดที่บอกว่าไม่ใช่พวกเขาทุกคนที่ต้องไป

ในเมื่อคำพูดเหล่านั้นมันน่าฟังมากสำหรับพวกเขาที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างมาก

ในเมื่อมานาของพวกเขากลับมา พวกเขาก็ยังต้องการเวลาในการฟื้นฟูพละกำลังของพวกเขา

และไม่ช้า แสงสว่างที่ลงมาจากป้อมปราการดาวเทียมก็ได้เริ่มดึงร่างของผู้คนขึ้นไป

 

 

 

“โว้ว”

ผู้คนเริ่มที่จะอุทานออกมาขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปยังห้องควบคุมเป็นครั้งแรก

แสงสีฟ้าที่พวกเขามักจะเห็นจากหนังไซไฟในอดีตได้ปรากฏขึ้นรอบพวกเขา

แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก

ขณะที่พวกเขากำลังชื่นชมภาพนั้นอยู่

ฮันวูได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากอัททิลลานอย่างกระหายหลังจากที่เขาขึ้นมา

เริ่มจากข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ที่สุดจนถึงบางอย่างที่ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นรู้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

‘…ง่ายขนาดนั้น?’

คาร์ฮาลหัวเราะออกมาแห้งขณะที่เขาเห็นข้อมูลปรากฏขึ้นบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง

มันดูเหมือนว่าจะมีระบบป้องกันอยู่ แต่จากโค้ดที่ฮันซูใส่เข้าไป ระบบป้องกันเหล่านั้นก็พลันหายไป

‘เขาไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเชี่ยวชาญเรื่องแบบนั้น… มันเหมือนกับว่าเขารู้รหัสผ่าน’

ขณะที่คาร์ฮาลมองไปยังฮันซูอย่างสงสัย

ฮันซู ราวกับว่าเขาอ่านความคิดของคาร์ฮาลได้ ได้เอ่ยตอบขึ้น

“อย่าประหลาดใจนัก มันคือสิ่งที่ฉันได้ยินมาจากดาคิดัส”

“โอ้…”

ทุกคนผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ในเมื่อคำถามองพวกเขาได้รับคำตอบจนถึงระดับหนึ่ง

‘เจ้านั่นไม่ได้ตายอย่างสงบสินะ’

เอคิดูเดาะลิ้น

เธอสงสัยว่าฮันซูเอาอีกฝ่ายไปที่ไหนในตอนสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ข้อมูลบางอย่างมา

ในตอนนั้นเอง

ติ้งง

แผนที่ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอที่พวกเขากำลังมองอยู่

แผนที่ที่แสดงให้เห็นหมู่บ้านอีกร้อยแห่งอย่างชัดเจนพร้อมด้วยข้อมูลมหาศาล

มันไม่ใช่แค่ในเขตแดนของอารูคอน แต่กระทั่งหมู่บ้านในเขตของอีกสองเผ่าพันธุ์ด้วย

‘… เวรเอ้ย นี่มันเป็นฟาร์มจริงๆ เลยไม่ใช่รึไง’

คาร์ฮาลแสดงสีหน้าขมขื่นออกมาขณะที่เขามองไปยังเส้นสีแดงที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน

มันไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่ตำแหน่งของหมู่บ้านที่ถูกเขียนเอาไว้บนแผนที่นี้

แผนที่ที่กระทั่งบอกถึงกำลังรบของแต่ล่ะหมู่บ้านนับว่าเป็นอาวุธอันล้ำค่าในสงคราม

จนถึงจุดที่ฮันซูยึดป้อมปราการดาวเทียมเพราะเรื่องนี้

และมันจะมีแผนที่แค่แผนที่เดียวในป้อมปราการยักษ์นี่หรือ?

ฮันซูผ่านข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไปและพลันเปิดไฟล์หนึ่งขึ้น

เอกสารที่ถูกเขียนไว้เป็นสีดำ ไม่เหมือนกับอันอื่นๆ ที่ถูกเขียนไว้ด้วยสีฟ้า

“นี่ไง”

“หืมม?”

คาร์ฮาลและเอคิดู ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮันซูได้ยินคำพูดนั้นและเพ่งมองไปยังหน้าจอ

ฮันซูไม่ได้สนใจนัก

ในเมื่อเขารู้ว่ามันคืออะไรในระดับหนึ่ง

มรดกของนักปราชญ์ที่เพื่อนของเขาค้นพบที่ปลายทางของถนนสีเขียว

<หยกทำลายล้าง>

ไอเทมที่อยู่คนล่ะมิติกับไอเทมที่กลายเป็นฝุ่นในมือของเขา หยกผนึก

อาวุธสุดท้ายที่นักปราชญ์สร้างขึ้นและทิ้งเอาไว้เพราะพวกเขาถูกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงซุ่มโจมตีก่อนที่พวกเขาจะกระทั่งใช้มัน

ฮันซูเอ่ยต่อ

“ถ้าเราใช้มัน งั้นมานาทั้งหมดในเขตสีเหลืองก็จะถูกผนึก”

“… มานาทั้งหมด?”

ฮันซูผงกศีรษะ

มันจะผนึกมานาทั้งหมดในเขต

ป้อมปราการดาวเทียมที่ลอยอยู่บนฟ้าจะร่วงลงมา และโล่สีฟ้าที่ป้องกันร่างกายของพวกมันจะถูกปลดออก

บางอย่างที่เพื่อนของเขาได้ใช้ขึ้นในสถานการณ์อันตรายและใช้มันจัดการเผ่าพันธุ์หนึ่งทั้งเผ่าพันธุ์ในอดีต

‘นี่คือสาเหตุที่พวกแกถูกลดจำนวนเป็นสามเผ่าพันธุ์จากสี่’

เผ่าพันธุ์ที่สี่ ที่ถูกผนึกมานาและมีป้อมปราการดาวเทียมอันไร้พลังได้ถูกบดขยี้โดยสามเผ่าพันธุ์ที่เหลือ อารูคอน อาคาลาเชีย และรีบูลูง

นี่คือสาเหตุที่ทำให้ภารกิจในครั้งนี้สำคัญมาก

ถ้าเขาสามารถใช้งานมันได้อย่างเหมาะสม มานาในเขตนี้ก็จะถูกผนึก

แต่เอคิดูขมวดคิ้วขณะที่เธออ่านข้อมูล

“… มันไม่บอกตำแหน่งให้กับเรา มันอยู่ที่ไหนกัน?”

เอคิดูเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กๆ

มันก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้

ฮันซูได้เปลี่ยนป้อมปราการดาวเทียมให้ไร้พลังจากหยกผนึกแค่ชิ้นเดียว

แต่ไอเทมที่สามารถผนึกป้อมปราการดาวเทียมทุกป้อมที่ศัตรูมีได้ในเสี้ยวพริบตา

ความเสียหายที่พวกเธอจะได้รับย่อมมาก แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายที่ศัตรูของพวกเธอจะได้รับ สิ่งที่พวกเธอจะต้องเผชิญก็นับเป็นเรื่องเล็กไป

‘เราอาจจะชนะจริงๆ ก็ได้’

มันไม่ใช่ว่าพวกเธอจะชนะจากแค่เพราะการป้อมปราการดาวเทียมถูกผนึก

มันก็แค่โอกาสที่พวกเธอจะชนะจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

แต่กับการที่ส่วนที่สำคัญที่สุด ตำแหน่ง ได้หายไป

‘มันเขียนข้อมูลที่เหลือทั้งหมดลงไป แต่ทำไม…’

ฮันซูเอ่ยขึ้นอย่างง่ายๆ

มันไม่ได้อยู่ในมือของเจ้าพวกนั้น

มันไม่ใช่สิ่งที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงมี

มันคือบางอย่างที่เจ้าพวกนั้นกำลังมองหาอย่างบ้าคลั่ง

“งั้นที่ไหน…”

“ปลายทางของถนนสีเขียว”

“…อะไรนะ?”

ฮันซูเอ่ยตอบอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามของเอคิดู

“ปลายทางของถนนสีเขียว ใจกลางสนามรบที่คลีเมนไทล์สร้างขึ้น”

สีหน้าของเอคิดแข็งค้างไปเมื่อได้ยินคำพูดของฮันซู

ถนนสีเขียว

จากข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ สถานที่แห่งนั้นคือนรกที่แท้จริง

แม้ว่ามันจะถูกเขียนว่าเป็นทางหนีเพียงทางเดียวของมนุษย์ มันก็เต็มไปด้วยลูกน้องของคลีเมนไทล์ที่คอยควบคุมถนนสีเขียวอยู่

และลูกน้องของคลีเมนไทล์ก็ไม่ใช่พวกกระจอก

ผู้คนที่ถูกเลือกจากนักล่าและการ์ดที่แข็งแกร่งที่สุด

พวกเธาสามารถที่จะเอาชนะคาริมได้ด้วยการลอบจู่โจมตอนที่พวกเธอไม่มีมานา แต่ถ้ามันมีมานา งั้นพวกเธอก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างมาก

ความสามารถของคาริมมากมายขนาดนั้น

แต่กองกำลังของคลีเมนไทล์ มันมีคนในระดับของคาริมอีกเป็นตัน

และมันไม่ใช่แค่นั้น

‘ถ้าเรามีสิ่งนั้น… เราอาจจะทำอะไรได้บ้าง’

เอคิดูขมวดคิ้วขณะที่เธอตรวจสอบแผนที่

ถนนสีเขียวทั้งถนนถูกลาดตระเวนโดยป้อมปราการดาวเทียมสามป้อม

หลบซ่อนจากสายตาของนักผจญภัยทั่วไป

‘นี่มันแย่แล้ว’

มันมีป้อมปราการดาวเทียมเพียงสามป้อมที่คอยจัดการหมู่บ้านนับร้อย

แต่ในทางกลับกัน

ทั้งถนนสีเขียวมีป้อมปราการดาวเทียมสามป้อมจากสามเผ่าพันธุ์คอยตรวจตราอยู่

ไม่ว่าถนนสีเขียวที่ตัดผ่านป่าใหญ่จะโหดเหี้ยมแค่ไหน การที่พวกเขาฆ่าดาคิดัสก็จะทำให้พวกเขาถูกจับในทันที

การใช้หยกผนึกเช่นก่อนหน้านี้มันอันตราย แต่การนำป้อมปราการดาวเทียมของพวกเธอไปปะทะกับพวกนั้นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

ในเมื่อพวกเขาจะจมทันทีจากการที่ป้อมปราการดาวเทียมสามป้อมร่วมมือกันยิง

‘… เราต้องใช้หยกผนึกเพื่อที่จะจมป้อมปราการดาวเทียม แต่เราต้องจมป้อมปราการดาวเทียมพวกนั้นเพื่อที่จะใช้หยกผนึก?’

มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยเพียงแค่จำนวน

พวกเขาจะถูกฆ่าล้างโดยป้อมปราการดาวเทียม

“… เจ้าคลีเมนไทล์นั่น ไม่เลวเลยนะเนี่ย เธอไปครอบครองไอ้ของแบบนั้นได้ยังไง…”

เท่าที่เธอได้ยินมา มันคือบางอย่างที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อเผ่าพันธุ์ชั้นสูง

หากไม่มีมัน พันธมิตรคงไม่ถูกสร้างขึ้น

ในเมื่อพวกเธอไม่ได้เท่าเทียมกับพวกมันในสายตาของพวกมัน

ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของเอคิดู

‘คลีเมนไทล์โชคดีจริงๆ’

 

 


TL: โชคก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง