บทที่ 164 คุกคามและหยิ่งยโส

ในเวลานี้ เย่เฟิงและทั้งสองคนได้ออกจากเกาะและกลับเข้าชายฝั่งทะเลของแผ่นดินใหญ่แล้ว

ระยะทางที่นี่ไม่ได้ห่างไกลมากนักจากหมู่บ้านชาวประมง เย่เฟิงได้สร้างเขตอำพรางหลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งขึ้นมาและพักอยู่ที่นั่น พวกเขาสามารถมองเห็นผู้ฝึกยุทธ์มากมายกระจายตัวอยู่ทั่วแถบนี้ แล้วคนพวกนั้นก็กำลังค้นหาบางสิ่งตามแนวชายหาด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกนั้นกำลังค้นหาพวกเขาทั้งสามคนนั่นเอง

โชคดีที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในเขตอำพราง ซึ่งแม้แต่อุปกรณ์ที่ทักสมัยของหน่วย NSA ก็ไม่อาจตรวจจับร่องรอยอะไรได้

“ทั้งสองคนอยู่ที่นี่ไปก่อน ฉันจะไปดูปะการังราชันย์ที่อยู่ใกล้ๆนี่สักหน่อย”

เย่เฟิงเอ่ยขึ้นมา

“อืม”

หนานฟางพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง

“ฉันจะไปกับนายด้วย”

เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มจะไปคนเดียว หลงหวางเอ๋อรู้สึกไม่สบายใจ และกล่าวออกมาด้วยความกังวล

เดิมที เย่เฟิงไม่ได้ตั้งใจจะนำหญิงสาวไปด้วยเพราะกลัวจะเกิดอันตรายขึ้น แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อคิดได้ว่าหลงหวางเอ๋อค่อนข้างคุ้นเคยกับคนของโลกยุทธภพ ถ้าพวกเขาไปเจอกับผู้ฝึกยุทธ์คนใดเข้า การพาหญิงสาวไปด้วยคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

“งั้นก็ได้ หนานฟาง นายอยู่ที่นี่และศึกษาตำราวรยุทธ์ของสำนักเซียนเร้นลับไปก่อนก็แล้วกัน”

เย่เฟิงเอ่ยออกมา

นอกเหนือไปจากสิ่งที่ต้องทำและข่าวคราวเรื่องปะการังราชันย์ เขาต้องคิดหาวิธีสังหารหลัวเฟิง ศิษย์สำนักหมัดเทพทวาราด้วย ไม่เช่นนั้นหากปล่อยมันไว้ ก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต

ทักษะเซียน – ล่องหน!

เย่เฟิงปลดปล่อยเจินชี่ออกมาครอบคลุมตัวเขาและหลงหวางเอ๋อเอาไว้

ทักษะล่องหนนั้น ไม่สามารถอำพรางได้อย่างสมบูรณ์เทียบเท่ากับเขตอำพราง มันมีความเป็นไปได้ที่จะถูกตรวจจับโดยคนของหน่วย NSA หรือผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์สูงๆ ฉะนั้นเย่เฟิงจึงต้องใช้ความระมัดระวังตลอดเวลา

ทั้งสองคนพุ่งออกจากตำแหน่งที่ซ่อนตัวและรีบมุ่งไปยังที่ซึ่งปะการังราชันย์กำลังเติบโตอยู่ ด้วยความเร็วสูงสุด

“ปะการังราชันย์อยู่ที่ใดสักที่หนึ่งในแถบนี้ที่ก้นทะเล มันถูกพบเมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน และมันจะเติบโตเต็มที่ในคืนนี้ เพราะงั้นผู้ฝึกยุทธ์มากมายจึงมารวมตัวกันที่นี่”

ขณะกำลังวิ่งไปกับเย่เฟิง หลงหวางเอ๋ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นออกมา

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าตอบ เขาต้องเอาปะการังราชันย์มาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม และคืนนี้คือฤกษ์ดี เพราะหากผ่านคืนนี้ไปแล้ว เขาจะไม่มีโอกาสที่สองอีก

ทั้งสองคนวิ่งตามแนวชายหาดไปเรื่อยๆ แต่ในเวลานี้ กระแสคลื่นยังคงเข้ากระทบชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ละอองน้ำทะเลกระเด็นเข้าใส่พวกเขา ส่งผลให้รู้สึกหนาวไปถึงกระดูก

ลมพายุก็ยังคงรุนแรงและน่ากลัวมากขึ้น ขณะที่มีฟ้าแลบเป็นระยะทำให้ท้องฟ้าสว่างจ้า นอกจากนี้ ยังมีเม็ดฝนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเริ่มตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองไปทั่วทั้งแถบบริเวณนี้ มันดูเหมือนคล้ายคลึงกับวันสิ้นโลกอย่างใดอย่างนั้น

เสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ทำให้เย่เฟิงรู้ว่าพายุลูกนี้คงไม่หายไปในเร็วๆนี้แน่

เขาถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมให้แก่หลงหวางเอ๋อ ขณะยังคงวิ่งต่อไป ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะสามารถใช้เจินชี่สร้างม่านพลังขึ้นมากันฝนได้ แต่นั้นก็ถือเป็นการสิ้นเปลืองเจินชี่โดยใช่เหตุ เข้าต้องประหยัดพลังไว้สำหรับเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น

ปะการังราชันย์อยู่ไม่ไกลแล้ว

จุดที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ ห่างจากหมู่บ้านชาวประมงเพียงแค่ 3 กิโลเมตร ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่ดูแข็งแกร่ง คนเหล่านั้นทั้ง 7 คนนั่งนิ่งอยู่บนชายหาดขณะหลับตา ถึงแม้สายฝนจะโหมกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง แต่ท่าทางของพวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบใดจากมันเลยแม้แต่น้อย

“มาถึงสักที แต่ปะการังราชันย์อยู่ห่างจากที่นี่ น่าจะประมาณ 2 กิโลเมตรใต้ทะเล”

หลงหวางเอ๋อกระซิบบอกขณะยืนอิงอยู่กับเย่เฟิง “คนพวกนั้นเป็นพวกที่ ตระกูลถัง,ตระกูลหลง,สำนักหมัดเทพทวารา ส่งมาคุ้มกันปะการังราชันย์ ทุกๆคนมีระดับวรยุทธ์อย่างน้อยไม่ต่ำว่า 50 ปี …….”

เย่เฟิงจ้องมองไปที่คนทั้งเจ็ด และพบว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชายชรา

“พวกเขาแค่คุ้มกันชายหาดเท่านั้นหรอ?”

เย่เฟิงมองพวกเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีอยู่ในใจ หากเป็นเช่นนี้ โอกาสที่เขาจะคว้าปะการังราชันย์มาได้ก็มีสูงขึ้นมาก!

แค่ทักษะเต่ามังกรกลั้นใจของเขาก็ทำให้สามารถใต้น้ำได้เป็นระยะเวลานานแล้ว ส่วนผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ไม่ว่าจะมีระดับวรยุทธ์เท่าไหร่ พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถจับตาดูในทะเลได้ทุกๆเสี้ยววินาที

“อืม”

หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าและเอ่ยขึ้นมา “งั้นกลับกันเถอะ ปะการังราชันย์ถูกจับตาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกติดตั้งใกล้ๆไว้ตลอดเวลา พวกเราเอามันมาไม่ได้หรอก”

ในกรณีแบบนี้ หลงหวางเอ๋อไม่คิดว่าเย่เฟิงจะสามารถคว้าปะการังราชันย์มาได้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะหญิงสาวไม่รู้ว่าตัวตนของเขานั้นคือผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน

“อืม”

เย่เฟิงพยักหน้าตอบ ปะการังราชันย์ยังไม่โตเต็มที่ มันคงจะดีกว่าถ้าเวลานี้เขามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชาวประมงก่อนเพื่อจัดการลอบสังหารหลัวเฟิงให้เสร็จสิ้น

อาศัยความได้เปรียบจากการที่ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บเพื่อสังหาร นี่คือหลักการเอาตัวรอดที่สำคัญในโลกเทวะ

ทั้งสองคนในสภาพซ่อนเร้นเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบไปยังหมู่บ้าน เย่เฟิงวิ่งไปอย่างรวดเร็วขณะใช้ทักษะอำพรางไว้ด้วย เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเขากับหลงหวางเอ๋อให้ต่างไปจากเดิม

ในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆแห่งนี้ จากระยะไกล เย่เฟิงสามารถมองเห็นหมู่บ้านเล็กๆที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนจากหน่วย NSA ภายใต้การนำของสมาชิกหัวรุนแรง หลี่เฟิง พวกเขาเดินลาดตระเวณไปรอบๆหมู่บ้านด้วยท่าทีที่ดูหยิ่งยโส

ในหมู่บ้านแห่งนี้ ดูเหมือนว่าผู้อาศัยเดิมจะย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมหาศาลที่มารวมตัวกันที่นี่จากทั่วสารทิศ

แต่เมื่อเห็นทีมของหลี่เฟิงที่มีท่าทีคุกคามและหยิ่งยโส ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

“พวกเราจะเข้าไปข้างในตรงๆโดยไม่ใช่ทักษะล่องหน ไม่อย่างนั้นอาจมีคนตรวจพบพวกเราได้และพวกเราจะถูกจับตัว”

เย่เฟิงกระซิบบอกหญิงสาว

“หะ? แล้วมันไม่…….”

หลงหวางเอ๋อตื่นตกใจกับการตัดสินใจของชายหนุ่ม แล้วแบบนี้มันไม่อันตรายหรอ?

“ไม่มีใครจดจำพวกเราได้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง พ่อของเธอกับคนของสำนักหมัดเทพทวาราก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย”

เย่เฟิงอธิบายแก่หลงหวางเอ๋อ

ด้วยทักษะอำพราง รูปลักษณ์ของพวกเขาทั้งคู่กลายเป็นคนอีกคนอย่างสมบูรณ์ หากเทียบกับตอนก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากับหลี่เฟิงแล้ว สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมก็คือพวกเขาเป็นผู้ชายและผู้หญิงที่สวมหน้ากาก

ในโลกยุทธภพนี้ การที่ผู้คนสวมหน้ากากถือเป็นเรื่องธรรมดา เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณและพบอย่างรวดเร็วว่าในหมู่บ้านนี้ก็มีผู้ที่สวมหน้ากากไว้อยู่มากมาย พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้อีก

ทั้งคู่ตั้งใจจะเข้าไปข้างในเพื่อหาตัวหลัวเฟิง เมื่อสังหารเสร็จแล้วก็จะรีบหนีไปอย่างไร้ร่องร่อย!

ในขณะที่สายฝนยังคงโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง มีคนสองคนเดินจับมือกันมุ่งหน้าเข้าไปในหมู่บ้าน

ขณะที่เกิดฟ้าแลบขึ้นมา เย่เฟิงมองเห็นว่าแว่นตาสีทองของหลี่เฟิงถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่

“แก ถอดหน้ากากออก!”

หลี่เฟิงร้องตะโกนออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า น้ำเสียงของเขาดูคุกคามและอันตรายราวกับแมงป่อง

“ขอโทษด้วย แต่ผมถอดหน้ากากออกไม่ได้”

เด็กหนุ่มคนนั้นรีบตอบกลับเสียงสั่น น้ำเสียงของเขาเหมือนเด็กที่เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อายุราวๆ 17-18 ปี

“เขามาจากวังไท่จี๋”

หลงหวางเอ๋อกระซิบบอกข้างหูเย่เฟิง และอธิบายด้วยเสียงเบา “กำลังหลักของวังไท่จี๋ไม่ได้มาที่นี่ด้วย เพราะงั้นถึงแม้จะมีคนจากวังไท่จี๋อยู่ที่นี่ พวกเขาก็เพียงแค่มาสอดแนมเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจมาแย่งชิงปะการังราชันย์………”

เย่เฟิงพยักหน้าตอบ และคิดว่าวังไท่จี๋ที่เป็นหนึ่งในสามอิทธิพลใหญ่ในโลกยุทธภพ แต่กลับไม่เข้าร่วมการแย่งชิงปะการังราชันย์ แต่หมายความว่ามีบางสิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องนี้งั้นหรือ?

“โอ้ แกกล้าขัดขืนด้วยงั้นรึ เจ้าหน้าที่ จับกุมมัน!”

เมื่อหลี่เฟิงได้ยินเด็กหนุ่มปฏิเสธที่จะถอดหน้ากากออก เขาก็โบกมือออกคำสั่งทันที

ปิง! ปิง! ปิง!

กลุ่มทหารของหน่วย NSA ยกปืนขึ้นยิงใส่เด็กหนุ่มคนนั้นทันที แต่คราวนี้ไม่ใช่ปืนรังสีสีน้ำเงิน พวกเขาใช้ปืนที่มีกระสุนยับยั้งพลังชี่ภายในแทน

เด็กหนุ่มสวมหน้ากากพยายามจะหลบหลีก แต่ทันทีที่โดยกระสุนเข้าไปสามนัด ชั่วพริบตา วรยุทธ์ของเขาก็เป็นอัมพาตทันที!

หลังจากนั้น สมาชิกหน่วย NSA สองคนก็ก้าวเข้ามา พวกเขาตั้งใจจะถอดหน้ากากของเด็กหนุ่มที่ไร้กำลังออก

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนั้น ผู้ฝึกยุทธ์แต่ละคนที่ยืนอยู่โดยรอบก็ทำเป็นตาบอด ในสายตาของพวกเขา การทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินหนีไปเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะการต้องเผชิญหน้ากับปืนที่ทำให้วรยุทธ์กลายเป็นอัมพาตถือเป็นเรื่องเสียเปรียบอย่างยิ่ง

ในเวลานี้ เย่เฟิงพลันรู้สึกว่ามือเล็กๆของหลงหวางเอ๋อจับแขนเขาแน่นขึ้น ขณะที่พวกเขากำลังเดินคู่ขนานไปเงียบๆด้วยกัน

……………………..

แปลโดย Solar Spark

ติดตามเพจได้ที่ :www.facebook.com/gsidme