บทที่ 163 กระบี่ของหลงโม่หรัน

ในทันทีทันใด เย่เฟิงผลักหนานฟางและกระโดดลงจากหน้าผาทันทีที่โอบร่างหลงหวางเอ๋อไว้แน่นแล้ว ซึ่งภายในเสี้ยววินาที ร่างทั้งสามก็ร่วงจากยอดหน้าผาลงสู่คลื่นทะเลด้านหน้า

“กรงเล็บมังกร!”

ถึงแม้ว่าเย่เฟิงจะลอยอยู่กลางอากาศ แต่เขาก็คว้าร่างหนานฟางเอาไว้ได้ และช่วยลดความเร็วในการตกลงมา จากนั้น ชายหนุ่มปลดปล่อยเจินชี่ออกมา ก่อร่างขึ้นเป็นชั้นรองรับลดแรงกระแทกที่ผิวทะเลอย่างรวดเร็ว

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ทั้งสามหล่นลงไปในคลื่นทะเลพร้อมๆกัน เย่เฟิงยังคงกอดร่างของหลงหวางเอ๋อไว้ ทำให้หญิงสาวไม่ได้กระเด็ดออกไปจากคลื่นทะเล ส่วนหนานฟางก็ถูกกรงเล็บมังกรของเย่เฟิงคว้าไว้เช่นกัน

ในเวลานี้ เจินชี่ของเย่เฟิงระเบิดออก ทำให้ชายหนุ่มสามารถว่ายน้ำไปยังฝั่งทะเลอีกแห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับอิทธิพลจากคลื่นทะเลเลยแม้แต่น้อย

ด้วยวรยุทธ์ระดับ 10 ปี ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงนั้นสูงกว่าหลงหวางเอ๋อมาก พายุยังคงเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าหลงหวางเอ๋อจะมีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี แต่หญิงสาวนั้นไม่อาจต้านทานแรงคลื่นได้นัก แน่นอนว่าหนานฟางที่เป็นคนธรรมดานั้นไม่อาจต้านทานได้เลย

“ทักษะเต่ามังกรกลั้นใจ!”

เย่เฟิงรู้สึกว่าแรงดันในน้ำนั้นมากเกินไป เขาจึงรีบใช้ทักษะเซียนเพิ่มความคล่องแคล่วแก่ร่างกายเมื่ออยู่ในน้ำ ผลก็คือส่วนหลังของเขาพองออก ซึ่งดึงดูดความสนใจของหลงหวางเอ๋อและทำให้หญิงสาวคิดถึงตอนที่เธอยังอยู่ในทะเลสาบกับชายหนุ่มที่เขาฉางไป่………

ในชั่วพริบตา ทั้งสามคนก็อยู่ห่างจากยอดหน้าผาและยังคงออกห่างออกไปอีกเรื่อยๆ

คลื่นทะเลยังคงปั่นป่วนมากขึ้นอีก ขณะที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำอย่างสมบูรณ์ ฟ้าแลบและเสียงฟ้าร้องดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ พายุเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าจู่โจมชายฝั่ง ซึ่งแม้เย่เฟิงที่อยู่ในน้ำ ก็รับรู้ถึงแรงกระแทกของน้ำที่แทบจะต้านทานไม่ไหว

เมื่อพิจารณาจากระดับวรยุทธ์ของเขาแล้ว การต้านทานกับภัยธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง เคราะห์ดีที่ไม่พวกเขาอยู่ไม่ห่างจากฝั่งทะเลแล้ว ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชีวิตรอดไปได้

หลังจากว่ายน้ำมาเป็นระยะทางช่วงหนึ่ง ในที่สุดทั้งสามคนก็มาถึงฝั่งของเกาะอีกเกาะหนึ่ง เกาะแห่งนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้านประมง แม้เย่เฟิงจะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน แต่เมื่อมองจากพืชพันธุ์ที่เขียวชอุ่ม ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกล และไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่

ขณะยังคงโอบร่างที่เปียกโชกของหลงหวางเอ๋อไว้แน่นในอ้อมแขน เย่เฟิงพลันเอ่ยขึ้นมา “เข้าไปข้างในเถอะ จะได้จุดไฟแล้วพักเสียหน่อย”

ชายหนุ่มไม่กลัวว่าจะถูกเจอโดยหลงโม่หรัน เพราะหลักฐานได้ถูกเผาไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาแค่หยุดพักเพียงชั่วครู่แล้วจากนั้นค่อยเดินทางต่อ จึงไม่มีอะไรต้องน่าหนักใจ

“อือ”

ถึงแม้หลงหวางเอ๋อจะมีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี แต่ด้วยความเย็นของน้ำทะเลก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้าน เรือนผมอันยาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำและแนบกับร่างบาง ทำให้เธอดูน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น

หนานฟางหันมองหลงหวางเอ๋อเพียงชั่วครู่ จากนั้นจึงรีบหันไปมองทางอื่น เขารู้ดีว่าเวลานี้ การไม่มองผู้หญิงของพี่เย่ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด…….

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลงหวางเอ๋อแล้ว สภาพของหนานฟางก็ดูไม่ได้ดีว่าหญิงสาวมากนัก มันมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ที่คิ้วของชายหนุ่ม ทำให้สภาพของเขาดูย่ำแย่เช่นเดียวกัน

การจู่โจมของพายุทำให้อุณหภูมิของแทบทะเลจีนตะวันออกลดต่ำลงอย่างฉับพลัน ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับอุณหภูมิปกติในเดือนมิถุนายน

ทั้งสามหาที่ร่มเงา จากนั้นเย่เฟิงจึงใช้เพลิงสีแดงจุดกองไฟขึ้นมา ไอร้อนจากกองเพลิงทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นขึ้นมากทีเดียว

ถึงอย่างนั้น หลงหวางเอ๋อรวมทั้งหนานฟางต่างรู้สึกประหลาดใจ ทั้งหมดนั้นมาจากความสงสัยที่เย่เฟิงสามารถสร้างบอลไฟขึ้นมาได้อย่างไร? แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป และเข้าใจว่าเย่เฟิงคงจะบอกออกมาเอง เมื่อถึงเวลาอันสมควร

เมื่ออุณหภูมิในตัวเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว หนานฟางหยิบตำราวรยุทธ์ทั้งสองเล็มออกมาข้างในเสื้อที่เขาใส่ไว้ก่อนกระโดดลงมา จากนั้นจึงเริ่มศึกษาตามคำแนะนำของเย่เฟิง

………..

ที่บนยอดหน้าผา ฉีเสี่ยวหยูและหลงโม่หรันตลอดจนคนของพวกเขารีบวิ่งไปที่นั่น แต่ก็ต้องเห็นเย่เฟิงและอีกสองคนกระโดดลงจากหน้าผาต่อหน้าต่อตา

“ค้นหาให้ทั่ว!”

ฉีเสี่ยวหยูตะโกนเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เคราสีขาวของเขากระพือไปตามสายลมหนาว

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

“Slow down.”

เมื่อเห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมา แหวนตาที่ทองของหลี่เฟิงก็ส่องสว่างขึ้นราวกับสายฟ้าจากเมฆดำ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเราหน่วย NSA จากจัดการพวกมันทั้งสามคนเอง พวกคุณคิดจะสร้างปัญหารึไง? หากขัดขืนพวกเราจะทำการจับกุมทันที!”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหัวหน้า สมาชิกหน่วย NSA สี่คนรีบเตรียมตัวกระโดดลงไปในทะเลเพื่อค้นหาเย่เฟิงและอีกสองคนที่เหลือ

“หึ หลี่เฟิง คิดว่าหมัดเทพหนานเต่าคนนี้จะกลัวแกรึไง?”

ฉีเสี่ยวหยูเค้นเสียงเย็น ขณะยังคงไม่เคลื่อนไหวอันใด ชายชราโบกมือขึ้นมาและทันใดนั้น ศิษย์สำนักหมัดเทพทวารานับสิบที่ยืนอยู่ข้างหลังก็กระจายตัวออกไปเพื่อค้นหาร่องรอยของเย่เฟิงรวมและอีกสองคนที่เหลือ

“คุณกล้าขัดขืนงั้นหรือ?”

หลี่เฟิงยิ้มอย่างเย้ยยัน “ทั้งสามทีม หยุดพวกมันไว้!”

เมื่อออกคำสั่งดังนั้น หน่วย NSA ที่เหลือยกปืนในมือขึ้นเล็งจากนั้นจึงเหนี่ยวไกปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา!

มันไม่ใช่กระสุนรังสีสีน้ำเงินตามปกติ แต่มันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่แบบพิเศษที่กระจายออกคล้ายกับตาข่ายปลาที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และครอบเหล่าศิษย์สำนักออกไว้ด้านใน

ตาข่ายพวกนี้เป็นอุปกรณ์พิเศษที่หน่วย NSA มักใช้ในการจับกุมเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ก่ออาชญากรรม ความเหนี่ยวของมันนั้น แม้แต่อาวุธสวรรค์ระดับทั่วไปก็ไม่สามารถตัดขาดได้

“แก!”

ฉีเสี่ยวหยูไม่คิดว่าหลี่เฟิงจะตัดสินใจทำเช่นนี้ สายตาของชายชราจ้องเขม็งไปยังหัวหน้าหน่วย NSA การที่ต้องเผชิญหน้ากันแบบนี้ เขาไม่กล้าต่อต้านพวกมันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ทักษะของเขายังไม่สามารถจะจัดการทำลายตาข่าวพวกนั้นได้

แต่ทันใดนั้น

ฉัวะ!

ในสายลมหนาว ประกายแสงพลันสว่างวาบขึ้นมา

แสงนั่นพุ่งมาจากด้านหลังของฉีเสี่ยวหยู มันได้ตัดตาข่ายชนิดพิเศษของหน่วยNSA ออกเป็นชิ้นๆในพริบตาเดียว

หลงโม่หรันเคลื่อนไหวแล้ว ในที่สุดกระบี่ที่ห้อยไว้ที่เอวก็ถูกชักออกมา

“นี่เป็นเรื่องของโลกยุทธภพ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนข้างนอก”

ร่างของหลงโม่หรันพลันเคลื่อนมาหยุดด้านข้างของฉีเสี่ยวหยู เขาเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น พร้อมกับชูกระบี่ขึ้นชี้ไปยังชายแว่นสีทอง

ถึงอย่างนั้น ก่อนที่หลี่เฟิงจะทันตอบสนองอันใด หลงโม่หรันก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง ทักษะชั้นเลิศพร้อมกด้วยความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แม้แต่ปืนของหน่วย NSA ก็ไม่อาจเล็งการเคลื่อนไหวของเขาได้ทัน

หนามน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลี่เฟิงในทันที

เคร้ง!

แว่นตาสีทองแตกละเอียด ขณะที่ร่างของหลงโม่หรันลอยห่างออกไป ทิ้งไว้เพียงฉากหลังที่ดูน่าเกรงขาม

“หลงจื่อ หลงชิง แยกย้ายไปหาตัวพวกมัน ผู้อาวุโสฉี ข้าหวังว่าหากท่านค้นหาใครคนใดคนหนึ่งเจอ ท่านจะแจ้งให้ข้าทราบโดยเร็ว ชายสวมหน้ากากคนนั้น คือศัตรูส่วนตัวของข้า!”

หลงโม่หรันเอ่ยขึ้ยมาอย่างมีน้ำโห

ฉีเสี่ยวหยูได้ยินดังนั้นก็พลันลอบหัวเราะในใจ เพราะเขาเข้าใจแล้วว่าหลงโม่หรันมีจุดยืนอย่างไร หลงโม่หรันช่างเป็นชายที่โชคร้ายอย่างแท้จริง เมื่อ 20 ปีก่อน ภรรยาของเขาถูกพรากหัวใจไป มาถึงตอนนี้ลูกสาวของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นคือทั้งสองกรณีนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่โดยตรง

หากฉีเสี่ยวหยูเป็นหลงโม่หรันเอง การที่ลูกสาวแสนสวยได้มีความสัมพันธ์กับชายสวมหน้ากากที่มีพรสวรรค์อันแสนน่าทึ่ง เขาคงยิ้มกว้างไปถึงใบหูแล้ว เขาย่อมไม่มีทางทำแบบเดียวกันกับที่หลงโม่หรันทำแน่นอน

แต่โดยธรรมชาติ ทักษะของหลงโม่หรันนั้นสูงส่งถึงระดับขัดประสงค์ของสวรรค์ จึงดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนใจลูกนกพึ่งหัดบินตัวใดอีก

“สบายใจได้ หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะรีบแจ้งไปหาทันที”

ฉีเสี่ยวหยูเค้นเสียงเบาๆ จากนั้นจึงหันตัวจากไป ในเมื่อหลงโม่หรันช่วยจัดการเรื่องนี้ เขาย่อมตอบแทนคืนไปเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร ฉีเสี่ยวหยูก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสในโลกยุทธภพ เขาไม่มีทางมองข้ามเรื่องบุญคุณไปแน่

เมื่อเห็นฉีเสี่ยวหยูตลอดจนหลงโม่หรันนำคนของตัวเองจากไป สีหน้ามืดมนก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เฟิง เขาไม่ลืมแน่ว่าแว่นตาสุดรักถูกหั่นเป็นชิ้นๆด้วยฝีมือของหลงโม่หรัน

หลงโม่หรันหัวหน้าตระกูลหลง เปรียบเหมือนดังหนามแหลม……เขาคิดว่าวันหนึ่ง เขาจะต้องจับผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดมาแล้วจัดการพวกมันทั้งหมดในทีเดียว!

“ทั้งหมดเคลื่อนที่ไปหน้าหมู่บ้านประมง! เราจะพักอยู่ที่นั้น และห้ามสังหารผู้ใดก่อนได้รับอนุญาติ!”

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วย NSA แน่นอนว่าหลี่เฟิงย่อมไม่ลืมหน้าที่ของเขา ดังนั้นจึงออกคำสั่งแก่หน่วยต่อไป แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ และตั้งมั่นว่าจะต้องแก้แค้นหลงโม่หรันให้ได้สักวัน

……………………….

แปลโดย Solar Spark