บทที่ 16 ซานเฉี่ยวเจ้าสำราญแห่งตระกูลหลิน

ไม่นานหลังจากเย่เฟิงเข้าไปในร้าน เขาก็ได้พบกับอู๋เอพ่อของอู๋บี

อู๋เอดูเหมือนชายวัยกลางคนท่าทางฉลาดเฉลียวพร้อมด้วยดวงตาทั้งคู่ที่คล้ายจิ้งจอกฉายแววขูดเลือดขูดเนื้อแบบพ่อค้า เขาสวมเสื้อเชิตแขนสั้นธรรมดาและกางเกงขายาวสีเทา เมื่อมองจากรูปลักษณ์แล้ว เขามีส่วนคล้ายกับอู๋บีอยู่ถึง 7-8 จุดที่เห็นได้ชัดเจน

หากให้พูดจามจริง เย่เฟิงค่อนข้างชื่นชมครอบครัวนี้อยู่พอสมควร ที่พวกเขาสามารถยกระดับตัวเองจนมีชื่อเสียงโดยใช้เวลาเพียงสองรุ่นเท่านั้น

“เธอบอกว่ากำลังมองหาของโบราณดีๆงั้นหรือ?”

อู๋เอแปลกใจเล็กน้อยเช่นเดียวกับอู๋บีเมื่อทราบถึงความต้องการของเย่เฟิง เมื่อเย่เฟิงก้าวเข้ามาในร้าน

“ใช่ครับ”

เย่เฟิงพยักหน้าแล้วเริ่มเดินสำรวจดูรอบๆร้าน เขาพบว่าล็อบบี้ของร้านไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งที่นี่มีเครื่องรายครามต่างๆวางเรียงรายไว้มากมาย แต่ละชิ้นล้วนเป็นเครื่องประดับที่มีมูลค่า

ขณะที่เย่เฟิงเดินไปเข้าไปในส่วนของล็อบบี้ เขาเริ่มตรวจสอบอุณหภูมิของแหวนดาบมังกรโบราณ เพราะตั้งแต่ที่ได้เจอกับสาวสวยใบหน้ารูปไข่ เขาพบว่าแหวนวงนี้มีความสามารถในการตรวจสอบสิ่งที่เป็นสมบัติสวรรค์

เมื่อแหวนดาบมังกรโบราณตรวจพบหลิงฉี มันจะปลดปล่อยความร้อนออกมา เหมือนกับตอนที่พบหญ้าใบทองทั้งสามต้นก่อนหน้านี้

“ทำไมเธอถึงอยากซื้อของโบราณคุณภาพดีขึ้นมาละ?”

อู๋เอถามอย่างตรงไปตรงมา การที่เด็กมัธยมปลายต้องการซื้อวัตถุโบราณแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ใช่แค่นั้น เขารู้ว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนรวยอะไร แต่ออกจะจนเสียด้วยซ้ำไป เพราะเย่เฟิงชอบยืมเงินอู๋บีบ่อยๆเวลาโดดคาบเรียนไปร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่

“เอาเถอะ ไม่ว่ายังไงก็เข้ามาดูก่อนสิ”

เย่เฟิงย่อมไม่มีทางบอกแน่นอนว่าเขากำลังมองหาวัตถุที่อุดมไปด้วยหลิงฉี เขายิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ความจริงผมอยากซื้อของบางอย่างที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกาย ทำให้มีสุขภาพดี และช่วยยืดอายุขัยน่ะครับ”

คำพูดของเขาไม่ได้โกหก ยิ่งไปกว่านั้น ที่ร้านยังมีหยกโบราณคุณภาพสูงอยู่หลายชิ้น ที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมดวงชะตาเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายและยืดอายุขัย ด้วยเหตุนี้อู๋เอจึงไม่ได้สงสัยในสิ่งที่เขากล่าวมากนัก

“ถ้างั้นเข้าไปดูห้องข้างในเถอะ ข้างนอกนี้เป็นของที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของลูกฉัน ฉันก็ไม่อยากหลอกลวงเธอ”

เมื่อพูดเช่นนั้น อู๋เอนำทางเย่เฟิงเข้าไปในห้องด้านใน

ร้านขายวัตถุโบราณจะถูกแบ่งเป็นสองห้อง ห้องแรกเป็นล็อบบี้ที่มีแต่เครื่องประดับเสียส่วนมาก แต่มูลค่าของมันไม่ได้สูงมากนักเหมือนรูปลักษณ์ที่เห็นภายนอก หากมีลูกค้าที่ไม่รู้ถึงมูลค่าของสิ่งของเผลอทำแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจะได้ไม่ต้องสูญเสียมากนัก

ภายในห้องโถง สิ่งของส่วนใหญ่ล้วนมีราคาแพงสูงลิ่ว แม้วัตถุโบราณบางชิ้นจะมีรูปร่างไม่น่าดึงดูด แต่ชัดเจนว่าพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นของล้ำค่าอย่างไม่น่าสงสัย

อู๋บีที่เดินตามเย่เฟิงมากระซิบบอก “เฮ้ผึ้งน้อย…….นายอยากจะซื้ออะไรกันแน่เนี่ย?”

อาจกล่าวได้ว่าที่ผ่านมา เย่เฟิงไม่เคยมีเงินมากมายอยู่ในมือเลย หรือต่อให้เขาได้เงินมาเยอะจากธุรกิจผิดกฏหมาย มันก็ดูเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนำมาซื้อพวกวัตถุโบราณเหล่านี้ หากเป็นเย่เฟิงตามปกติแล้ว เขาคงเอาเงินที่มีไปทิ้งกับการเล่นเกมส์ออนไลน์เสียมากกว่า

“ตามจริง ฉันไม่ได้จะซื้อให้ตัวเองหรอก ฉันจะซื้อให้ปู่ของฉันน่ะ”

เมื่อเห็นอู๋บียังคงซักไซ้ไม่เลิก เย่เฟิงจึงใช้ปู่ของเขามาเป็นข้ออ้างเสียเลย

และดูเหมือนมันจะเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้น อู๋บีไม่ได้ถามอะไรอีก เขากลับมาขายของให้เย่เฟิงต่อ “ถ้านายจะซื้อของให้กับปู่ หยกโบราณน่าจะดูเข้าท่า มันช่วยเสริมดวงชะตาให้คนแก่แบบปู่ของนายมีสุขภาพดี”

เย่เฟิงยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้า เขาเห็นว่าสภาพแวดล้อมภายในห้องค่อนข้างจะอึมครึมทั้งที่ห้องนี้ออกจะกว้างขวาง ไม่นานเขาก็ถูกดึงดูดจากประกายแสงแพรวพราวของวัตถุโบราณมากมาย

ร้านขายวัตถุโบราณอู๋ชี นับเป็นร้านที่มีชื่อเสียงในเมืองเหยียนจิง ที่นี่มีโบราณวัตถุคุณภาพเยี่ยมมากมาย จึงทำให้ชื่อเสียงของร้านนี้เป็นที่โจษจันไปทั่ว เย่เฟิงกวาดตามองอย่างผิวเผินไปรอบๆ และพบกับสิ่งของต่างๆที่ชัดเจนว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมานานอย่างมาก พวกมันมีทั้งขายในราคา หนึ่งพัน หนึ่งแสน หรือมากกว่านั้น

แน่นอนว่าร้านขายวัตถุโบราณเล็กๆนี้คงเทียบไม่ได้กับห้างสรรพสินค้าโบราณวัตถุขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้าเหล่านั้น สิ่งที่ขายมักจะเป็นของขนาดใหญ่และมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านขึ้นไป

“ลูกอู๋ แนะนำพวกของโบราณให้เพื่อนทีสิ”

ในเวลานั้น อู๋เอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนฝาผนัง “พ่อต้องไปรับของจากลูกค้าคนสำคัญ โอ้ สวัสดีครับ”

ใบหน้าของอู๋เอประดับด้วยร้อยยิ้มพึงพอใจที่ปั้นขึ้น เพื่อทำให้ผู้ที่แวะเวียนเข้ามาในร้านต่างรู้สึกว่าตนเองเป็นคำสำคัญคนหนึ่ง

“ไปเถอะพ่อ ผมจัดการเองได้”

อู๋บีลากตัวเย่เฟิงไปเดินสำรวจโดยไม่สนใจอู๋เอที่รีบออกไปข้างนอกห้อง เขาเริ่มแนะนำสิ่งของแต่ละชิ้นที่วางอยู่ในห้องโถง เมื่อเย่เฟิงจ้องนัยน์ตาของอู๋บีก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ หมอนี่โตไปต้องมีนิสัยพ่อค้าแบบพ่อของเขาแน่นอน

เย่เฟิงฟังการแนะนำของอู๋บีพลางเพ่งความสนใจไปยังแหวนดาบมังกรโบราณ แต่มันไม่มีการตอบสนองใดๆเกินขึ้นเลย หลังจากนั้น พวกเขาได้เข้าไปถึงส่วนกลางของห้อง ที่นี่มีหยกหยินหยางขาวรูปมัจฉาผิวละเอียดที่ดูค่อนข้างพิเศษอยู่อันหนึ่งซึ่งถูกจัดวางไว้

“ผึ้งน้อย เจ้านี่มันดูแปลกมากๆเลยนะ อันที่จริง มันเพิ่งถูกส่งมาที่นี่ไม่กี่วันก่อนนี้เอง”

ขณะจ้องมองของชิ้นนี้ อารมณ์ของอู๋บีก็เปลี่ยนไปทันที เขาหยิบขึ้นมาแล้วเริ่มอธิบายเกี่ยวกับมัน “เจ้านี่มีประวัติยาวนานมากกว่า 1000 ปี ยิ่งกว่านั้น มันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่ไม่สามารถระบุได้และเป็นชิ้นงานที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง นอกจากนี้มันยังถูกฝังลึกในดินมากกว่า 1000 ปีแล้ว ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดูมีสถาพสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยตำหนิ………”

“เจ้านี่ราคาเท่าไหร่?”

เย่เฟิงพูดแทรกคำอธิบายของอู๋บีที่ดูไร้สาระและเหมือนจะยืดยาวไม่จบสิ้น

“ราคาไม่ใช่ปัญหา”

อู๋บียิ้มกว้างแล้วพูดต่อ “สิ่งสำคัญคือในทุกวันนี้ มันกลายเป็นสิ่งของที่คนสูงอายุชื่นชอบซื้อหามาสวมใส่และยังดูเหมาะสมกับพวกเขาด้วย ดังนั้นถ้านายจะซื้อไปให้ปู่ ก็ดี หรือถ้าหากจะซื้อฝากใครสักคนหนึ่ง ก็ซื้อมันไปได้เลย”

“แล้วมันราคาเท่าไหร่ละ?”

เย่เฟิงถามย้ำอีกครั้ง

“เอาละๆ พ่อฉันเคยบอกว่าราคาของมันอยู่ที่ประมาณ 150,000 แต่ถ้านายจะซื้อจริงๆ เห็นแก่ที่เป็นเพื่อนกัน ฉันจะขายให้นายในราคาถูก……”

อู๋บีพูดด้วยท่าทางค่อนข้างลำบากใจ

เขานึกถึงเวลาที่ผ่านมา เมื่อไหร่ที่แนะนำของแพงๆให้กับเย่เฟิง เขามักได้รับคำตอบจากเย่เฟิงว่ามีเงินไม่พอ เพราะตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ อู๋บีรู้ถึงฐานะของเย่เฟิงเป็นอย่างดีว่าเขาค่อนข้างขัดสนเงินทอง ส่วนหมู่บ้านอันหรู่หราที่เขาอาศัยอยู่ เป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น

“แพงขนาดนั้นเลยหรือ? มันดูมีรอยตำหนิเยอะอยู่นะ”

เย่เฟิงแปลกใจเมื่อเห็นมัน เขาไม่คิดว่าของที่ดูมีตำหนิขนาดนี้จะขายในราคาถึง 150,000 มันจะดูขูดเลือดขูดเนื้อเกินไปหรือเปล่า?

แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะซื้อหยกขาวนี่ ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงลองถามราคาเพื่อประเมิณมูลค่าวัตถุโบราณเหล่านี้เท่านั้น แหวนดาบมังกรโบราณเองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับหยกขาว และเขาเองก็ไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของหลิงฉีภายในของสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย เขาจึงเลิกสนใจมัน

เมื่อเห็นท่าทางของเย่เฟิงที่แสดงออกมา อู๋บีก็รู้สึกช่วยไม่ได้ เพราะเขารู้อยู่ว่ามันคงต้องลงเอยแบบนี้

ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรอีก ทันใดนั้น อู๋บีและเย่เฟิงก็ได้ยินเสียงหัวเราะดูหมิ่นจากภายนอกห้อง “ห่วยจริงๆ นี่ของราคาแพงแล้วงั้นหรือ? ของที่ดีย่อมมีราคาสูงอยู่แล้ว เถ้าแก่ ถ้ามีอะไรที่มันดีกว่านี้ก็แนะนำมา ตราบเท่าที่มันเป็นของคุณภาพดี เงินย่อมไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว!”

ใครกันที่ดูหยิ่งยโสขนาดนี้?

ทั้งอู๋บีและเย่เฟิง หันหน้าไปมองคนที่กำลังพูดคุยกับอู๋เอ คนๆนั้นสวมเสื้อผ้าที่ออกแบบมาอย่างดี แว่นกันแดดแบรนเนม และที่ข้อมือซ้ายของเขา สวมนาฬิกาข้อมือ Patek Philippe รุ่น 5002 โดยทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงฐานะของเขา

เพราะเพียงแค่นาฬิกาข้อมือเรือนนั้นก็มีราคามากกว่าสิบล้านหยวนจีนแล้ว

“ฮ่า ฮ่า แน่นอนครับ ในเมืองเหยียนจิงแห่งนี้จะมีใครไม่รู้จักซานเฉี่ยวเจ้าสำราญแห่งตระกูลหลินอีก”

(note: ซานเฉี่ยวคือบุตรชายคนที่สาม)

ถัดจากชายหนุ่ม ก็พบอู๋เอยืนอยู่ในท่าทางประจบประแจงแบบพ่อค้า เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเพื่อนเก่าของซานเฉี่ยวแนะนำร้านของผมให้ ดังนั้นผมจะทำให้คุณผิดหวังได้อย่างไร?”

“นั้นมันแน่อยู่แล้ว

ผู้ที่ถูกเรียกว่าซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินพยักหน้าและยิ้มอย่างรื่นรมณ์ “เอาละ คุณรีบเอาของที่ดีที่สุดออกมาเสียที ผมยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่”

“ไม่มีปัญหาคุณซานเฉี่ยว อันแรก คุณลองดูหยกหยินหยางขาวรูปมัจฉานี่สิ มันเพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากซากปรกหักพังโบราณของราชวงศ์ซาง ย้อนไปเมื่อราวๆ ห้าพันปีก่อนในยุคประวัติศาสตร์…….”

อู๋เอยิ้ม ดวงตาของเขาหดแคบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวขณะนำทางซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินไปยังบริเวณที่เย่เฟิงกับอู๋บียืนอยู่

………………..

แปลโดย : Mediate

ปรับสำนวน : Solar Spark