บทที่ 159 เพลิงสีแดง จงลุกไหม้!

ฝ่ามือทลายฟ้าถือว่าเป็นหนึ่งในสามกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลหลง เพราะกระบวนท่านี้มีทวงท่าที่งดงามและน่าอัศจรรย์ มันมีประสิทธิภาพมากพอจะต่อกรกับศัตรูหลายคนในเวลาเดียวกัน

หากผู้ที่ใช้กระบวนท่านี้คือหลงโม่หรันแล้วล่ะก็ เพียงแค่ทวงท่าเดียวก็มากพอจะจัดการหลัวเฟิงและลูกสมุนอีกสามคนได้แล้ว แน่นอนว่าหลงหวางเอ๋อไม่ได้มีความสามารถถึงขั้นนั้น

ถึงแม้เธอจะถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ แต่หญิงสาวยังคงไม่บรรลุฝ่ามือทลายฟ้าถึงขั้นสอง นอกจากนี้ เธอยังอายุน้อย และมีระดับวรยุทธ์เพียงแค่ 10 ปี หากหลัวเฟิงและอีกสามคนจู่โจมเข้ามาพร้อมกัน เธอคงไม่อาจต้านทานได้

หลัวเฟิงนั้นมีระดับวรยุทธ์ถึง 25 ปี ทั้งยังบรรลุเพลงหมัดเผ่าฉุยขั้นสองแล้ว พรสวรรค์ของเขานั้นสูงยิ่ง แม้จะมีอายุราวๆ 27-28 ปี แต่สถานะของเขาในโลกยุทธภพถือว่าอยู่ในจุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเดียวกัน

ส่วนลูกสมุนอีก 3 คนนั้น พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์สูงส่งเหมือนหลัวเฟิง ทั้งยังมีทรัพยากรที่ช่วยบ่มเพาะวรยุทธ์เพียงน้อยนิด แม้จะมีอายุราว 27-28 ปี เช่นเดียวกัน แต่วรยุทธ์ของพวกเขามีระดับแค่ 10 ปี ทั้งยังมีทักษะวรยุทธ์เพียงทักษะพื้นๆ ความแข็งแกร่งของทั้งสามนั้นด้อยกว่าหลงหวางเอ๋อมาก

แต่หากพวกเขาร่วมมือกัน มันก็มากพอจะจับเป็นหลงหวางเอ๋อ

แน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น

ขณะที่เขาเข้าสู่สภาพล่องหัน ชายหนุ่มเห็นหลงหวางเอ๋อพุ่งเข้าไปหาทั้ง 4 คน พร้อมกับแสดงกระบวนท่าฝ่ามือทลายฟ้าออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจ ในช่วงจังหวะนี้ เย่เฟิงลอบเข้าไปด้านหลังหลัวเฟิงพร้อมกับควบแน่นเจินชี่อย่างมหาศาล กระบี่สีทองพลันปรากฏออกมา มันพุ่งทะลวงเข้าใส่อกของหลัวเฟิงทันที!

สังหารในกระบี่เดียว!

ฉึก!

เลือดสดๆพลันสาดกระจาย แต่เย่เฟิงก็ต้องตื่นตกใจ ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนั้น หลัวเฟิงกลับเบี่ยงร่างหลบการโจมตีไปได้ กระบี่จึงแทงเข้าใส่หัวไหล่ของเขาแทน

“ใครมันกล้าลอบโจมตีฉัน!”

หลัวเฟิงแผดเสียง จากนั้นจึงรีบหันตัวปล่อยหมัดทั้งคู่เพื่อจู่โจมกลับไป!

รูปลักษณ์ของชายคนนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับหนานฟางมาก แต่ใบหน้าของเขากลับดูหยิ่งทะนง การลอบจู่โจมของเย่เฟิงทำให้เขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

เพลงหมัดเผ่าฉุย!

“หมัดเทพทวารา” สามคำนี้ไม่ได้ใสบริสุทธ์ดังชื่อ โดยพื้นฐานของเพลงหมัดเผ่าฉุย เย่เฟิงรับรู้ได้อย่างดีว่าหากเขาโดนกำปั้นนี้เข้าไป ต้องถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสแน่

เป็นไปตามคาด การที่สามารถบรรลุทักษะวรยุทธ์ในระดับสองได้นั้น หลัวเฟิงถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างน่าทึ่ง ปฏิกิริยาตอบสนองของเขายังสูงยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป แม้แต่จุยหุนที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 30 ปี ยังไม่อาจสัมผัสถึงการลอบจู่โจมของเย่เฟิง แต่หลัวเฟิงคนนี้กลับเบี่ยงตัวหลบวิถีกระบี่ไปได้

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฟิงต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามแบบนี้!

‘หลัวเฟิงคนนี้ คงจัดการไม่ง่ายซะแล้ว’

ใจของชายหนุ่มร้องเตือนถึงความอันตราย เขารีบถอยหลังกลับไปสองสามก้าว

“แกคิดจะหนีหรือไง?”

มุมปากของเย่เฟิงพลันโค้งขึ้น เขากู่ร้องคำรามพร้อมกับปล่อยหมัดคู่กลางอากาศ กำปั้นนั้นเลือนรางโดยไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้!

แม้เป็นเช่นนั้น เย่เฟิงอาศัยทักษะสัมผัสวิญญาณเพื่อรับรู้ถึงกำปั้นอันทรงพลังคู่นั้นกำลังพุ่งตรงมายังเขาอย่างรวดเร็ว แม้ในสถานการณ์เฉียดตายแบบนี้ หลัวเฟิงกลับควบคุมพลังชี่ภายในได้อย่างเชี่ยวชาญ!

หากเย่เฟิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 10 ปีทั่วไป สองกำปั้นนี้คงพอจะสังหารชายหนุ่มได้ในพริบตา โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้ฝึกวรยุทธ์ธรรมดา

“กรงเล็บมังกร!”

ชายหนุ่มตะโกนก้อง ทันใดนั้น มือทั้งคู่ก็พลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นกรงเล็บพร้อมกับเจินชี่ที่ปะทุออกมาจากร่างและส่งออกไปปะทะกับกำปั้นคู่นั้น

“ปัง!” เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง การปะทะกันของของพลันชี่ภายในและเจินชี่ ก่อให้เกิดคลื่นอากาศที่มองไม่เห็นกระจายออกอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง ขณะที่อีกด้านหนึ่งในเวลานี้ หนานฟางที่ยืนอยู่ไม่ไกลถูกแรงอากาศผลักถอยไปไกลจนเกือบตกหน้าผา

วืด! วืด!

กำปั้นอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่เย่เฟิงอย่างรวดเร็วอีกครั้งราวกับมันจะเขมือบชายหนุ่มเข้าไปทั้งตัว หลัวเฟิงนั้นมีระดับวรยุทธ์สูงถึง 25 ปี ชัดเจนว่ามันมากกว่าเย่เฟิง

ฝ่ามือแปดทิศ!

เมื่อเห็นสองกำปั้นที่พุ่งเข้ามา เย่เฟิงไม่กล้าประมาท เขากวัดแกว่งฝ่ามือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

ปัง! ปัง!

ในชั่วพริบตา พลังในกำปั้นทั้งสองของหลัวเฟิงพลันสลายไปจากฝ่ามือของเย่เฟิง

ชายหนุ่มยืนหยัดอย่างมั่นคง คลื่นอัดอากาศอย่างรุนแรงทำได้เพียงแค่ให้ผมของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นขณะที่สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังหลัวเฟิงที่อยู่ข้างหน้า

เย่เฟิงไม่รู้ว่าหลัวเฟิงสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกจากร่างได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าทำแบบนั้น หนานฟางที่ยืนอยู่ปลายหน้าผาคงได้จบชีวิตลงแน่นอน

แม้ไม่ได้กล่าวออกมา แต่ความจริงนั้น เย่เฟิงชื่นชมหนานฟางอยู่ในใจ

ในโลกใบนี้ ทุกๆคนล้วนปรารถนาพลังที่ใช้ปกป้องคนรอบตัวและคนที่พวกเขารัก และเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น คนส่วนใหญ่จึงก่อตั้งกองกำลังของตนเองขึ้นมา เพราะการอยู่ตัวคนเดียวไม่อาจทำอะไรได้มากนัก

แล้วหากต้องการก่อตั้งกองกำลังขึ้นมา สิ่งใดถือว่าสำคัญที่สุด?

แน่นอนว่าคือผู้มีพรสวรรค์!

“พี่โม่”

หนานฟางตะโกนออกมาคำหนึ่งขณะที่ยืนอยู่ปลายหน้าผา เสื้อคลุมของเขาปลิวไปกับสายลมเนื่องจากคลื่นอัดอากาศอันรุนแรง บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยเม็ดทรายและก้อนกรวดจนทำให้หนานฟางแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่เขามั่นใจว่าในช่วงเวลาวิกฤต เย่เฟิงคือคนที่ช่วยเขาแน่นอน

ช่างน่าตกใจที่ในเวลานี้ เย่เฟิงกลับแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลัวเฟิง ชายคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงไหนกัน?

แม้หนานฟางจะรู้ว่าเย่เฟิงและโม่จิ่วเกอคือคนๆเดียวกัน เขาก็ย่อมไม่เอ่ยชื่อจริงขึ้นมาในสถานการณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเรียกเย่เฟิงว่า “พี่โม่”แทน

“วันนี้ ฉันจะช่วยนายล้างแค้นเอง”

ถึงแม้เย่เฟิงจะไม่รู้และไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตระหว่างหนานฟางกับหลัวเฟิง แต่เมื่อเห็นหลัวเฟิงไล่ล่าสังหารหนานฟาง เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทั้งสองคนเป็นศัตรูกัน

เย่เฟิงสะบัดกระบี่ในมือพร้อมกับคลื่นทะเลที่ปะทะเข้ากับหน้าผาด้านหลังจนเกิดเสียงดังสนั่น!

“หืมม นั่นน่ะหรือที่แกใช้ลอบจู่โจมฉันก่อนหน้านี้?”

รอยยิ้มอย่างหยิ่งยโสปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลัวเฟิง ถึงแม้จะมีเลือดไหลออกมาที่หัวไหล่ แต่เขาไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย คงต้องยอมรับว่าหลัวเฟิงคนนี้ถือว่าเป็นพวกบ้าเลือดคนหนึ่ง

“หึ แกอย่ารู้เลย”

เย่เฟิงเค้นเสียง จากนั้นจึงมองไปยังหลงหวางเอ๋อที่อยู่ห่างออกไป

เพราะการลอบจู่โจมตีของเย่เฟิงก่อนหน้านี้ ทำให้สมุนของหลัวเฟิงตื่นตกใจและหยุดการต่อสู้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะล้อมหลงหวางเอ๋อไว้ตรงกลาง แต่ก็ยังไม่ได้ลงมืออะไรกับหญิงสาว ขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลงหวางเอ๋อรู้สึกตกใจเช่นกันกับการจู่โจมเมื่อครู่ สายตาของเธอจับจ้องการต่อสู้ของทั้งสองคนจนตาแทบไม่กระพริบ

ชื่อของทั้งสองคนนั้นไม่ได้ต่างกันมาก และพรสวรรค์ของพวกเขาก็น่าสะพรึงกลัวในระดับเดียวกัน แต่ชัดเจนว่าเย่เฟิงนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า เพราะแม้จะมีระดับวรยุทธ์เพียง 10 ปี แต่กลับต่อกรกับหลัวเฟิงได้อย่างสูสี

กระแสของความภาคภูมิใจพลันผุดขึ้นมาในใจของหลงหวางเอ๋อ เธอคิดว่าผู้ชายของเธอต้องแข็งแกร่งกว่าหลัวเฟิงคนนั้นแน่นอน!

โลกยุทธภพในปัจจุบันนี้ มีผู้คนเพียงหยิบมือที่สามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกจากร่างได้ และหลัวเฟิงคือหนึ่งในนั้น ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้มีพรสวรรค์

แต่เย่เฟิงก็สามารถทำได้เช่นกัน

“ไอ้หนู แกเก่งดีนี่”

หลัวเฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ในเมื่อแกวอนหาที่ตาย ฉันก็จะทำได้แกได้ตายสมปรารถนา!”

หลัวเฟิงสะบัดกำปั้นในอากาศ ทันใดนั้น พลังชี่ภายในของเขาเดือดพล่านและเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปแบบของเพลงหมัด

เพลงหมัดเผ่าฉุย หมัดแรกคือกำปั้นซ้าย หมัดที่สองคือกำปั้นขวา และทั้งสองกำปั้นรุนแรงพอจะจัดการศัตรูทั่วไป แต่หากหลัวเฟิงใส่ ‘แก่นแห่งกำปั้น’ระดับสามลงไป อำนาจทะลุทะลวงของมันจะสูงขึ้นจนน่าตกใจ และมากพอจะสังหารกระทิงคลั่งในการโจมตีครั้งเดียว นอกจากนั้น ความเร็วของมันยังสูงยิ่ง!

“พี่หลัวเฟิงเอาจริงแล้ว!”

“หึ เจ้าหนูนั่นช่างโชคดีจริง ที่มีโอกาสได้ลิ้มรสเพลงหมัดขั้นสูงของพี่หลัวเฟิงก่อนตาย”

“พี่หลัวเฟิง รีบทุบมันให้กลายเป็นเนื้อบดไปเลย!”

ลูกสมุนทั้งสามของหลัวเฟิงต่างพากันเย้ยยันเย่เฟิง ขณะล้อมหลงหวางเอ๋อเอาไว้

“พี่โม่ระวัง รีบหนีเร็ว!”

เมื่อหนานฟางรับรู้ได้ถึงท่าทีของหลัวเฟิง สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที เขารีบตะโกนออกไปเสียงดัง

“ระวังนะ!”

หลงหวางเอ๋อตะโกนเตือนเย่เฟิงออกไปเช่นกัน ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างขณะจับจ้องไปยังท่าทางของหลัวเฟิง

เวลานี้ ผู้คนที่นี่มีเพียงเย่เฟิงที่ยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้

“เพลิงสีแดง จงลุกไหม้!”

ทันใดนั้นชายหนุ่มพลันพลิกฝ่ามือพร้อมกับมีลูกไฟปรากฏขึ้นมา อาศัยช่วงเวลาที่หลัวเฟิงตื่นตกใจกับสิ่งที่เห็น เขาจัดการยิงบอลไฟเข้าใส่ทันที

ตูม!

หลัวเฟิงไม่มีเวลาพอจะตอบสนองได้ทัน ทั่วร่างของเขาลุกเป็นไฟไปในทันที!

…………………

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: อารมณ์เหมือนกำลังดวลดาบแล้วพี่เย่ก็ชักปืนขึ้นมายิง -*-